โรคทางเดินหายใจ

ระบบทางเดินหายใจ มีส่วนสำคัญในการทำงานตามปกติของร่างกาย ดังนั้น คุณจึงควรเรียนรู้วิธีการรักษาสุขภาพของระบบทางเดินหายใจของคุณให้แข็งแรง ห่างไกลจากความเจ็บป่วย เรียนรู้เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ รวมถึง โรคทางเดินหายใจ ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

โรคทางเดินหายใจ

เช็กอาการ ไวรัส RSV อันตรายอย่างไร ใครบ้างที่ควรระวัง

ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) เป็นไวรัสที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจที่พบได้บ่อยชนิดหนึ่ง และสามารถแพร่กระจายได้อย่างง่ายดายผ่านการไอหรือจาม โดยปกติแล้ว อาการ RSV มักจะไม่รุนแรงและมีอาการคล้ายกับไข้หวัด เช่น น้ำมูกไหล ไอ จาม แต่บางกลุ่มอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบได้เช่นกัน  เช็ก อาการ RSV อาการในทารก RSV เป็นไวรัสที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก โดยเด็กส่วนใหญ่ติด RSV อย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนอายุ 2 ปี โดยเฉพาะในเด็กที่อยู่ในศูนย์ดูแลเด็ก หรืออาจติดจากพี่น้องที่ไปโรงเรียนหรืออยู่ในศูนย์ดูแลเด็ก อาการ RSV ในเด็กทารก มีดังนี้ การหายใจเปลี่ยนแปลงไป หายใจไม่สะดวก หงุดหงิดง่าย งอแง เคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมลดลง อาการ RSV ที่รุนแรงในเด็กทารก มีดังนี้ ไอ งอแงบ่อย อ่อนเพลียอย่างรุนแรง กินนมน้อยลง หรือไม่ยอมกินนม หายใจถี่ หายใจสั้น หายใจลำบากจนกล้ามเนื้อหน้าอกและผิวหนังยุบตัวขณะหายใจ อาการในผู้ใหญ่ อาการมักคล้ายหวัดทั่วไป โดยส่วนใหญ่เป็นอาการไม่รุนแรงและหายได้เอง อาการที่พบได้ทั่วไป ได้แก่ ไอแห้ง ๆ คัดจมูก น้ำมูกไหล มีไข้ต่ำ ปวดหัว เจ็บคอ อ่อนเพลีย อาการในผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุมักจะมีความเสี่ยงจากการติดเชื้อ […]

หมวดหมู่ โรคทางเดินหายใจ เพิ่มเติม

สำรวจ โรคทางเดินหายใจ

ปัญหาระบบทางเดินหายใจแบบอื่น

อาการไอเรื้อรัง ไอไม่หายของคุณ..อาจเป็นเพราะ 8 สาเหตุนี้

อาการไออาจน่ารำคาญ แต่ก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพ อาการไอเกิดขึ้นเพราะร่างกายพยายามขับสิ่งแปลกปลอม เช่น เสมะหะ เชื้อโรค ออกจากทางเดินหายใจ แต่หากมี อาการไอเรื้อรัง ก็อาจสร้างความรำคาญแก่เราได้ มาดูกันดีกว่าว่า สาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการ ไอเรื้อรัง มีอะไรกันบ้าง 8 สาเหตุที่อาจทำให้เกิด อาการไอเรื้อรัง ความเครียด ความเครียด โดยเฉพาะความเครียดสะสม หรือความเครียดเรื้อรัง สามารถทำให้อาการไอของคุณหายช้าลงได้ ดังนั้น เวลาป่วยหรือไอ คุณไม่ควรทำงานหักโหมจนเครียด และควรนอนหลับพักผ่อนให้มาก ๆ อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้อาการแย่ลง และให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ดื่มน้ำไม่เพียงพอ หากคุณป่วยและไอ ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ โดยเฉพาะน้ำอุ่น เพื่อให้ร่างกายและทางเดินหายใจชุ่มชื้นขึ้น ช่วยให้น้ำมูกและเสมหะในทางเดินหายใจหนืดข้นน้อยลงจนขับออกจากร่างกายได้ รวมไปถึงงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะจะทำให้ร่างกายขาดน้ำมากกว่าเดิม ทางเดินหายใจระคายเคืองจน ไอเรื้อรัง อาการไอส่วนใหญ่เป็นผลมาจากโรคติดเชื้อไวรัส เช่น ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ ไข้หวัด ซึ่งไวรัสจะทำให้ทางเดินหายใจบวมและระคายเคืองง่ายกว่าปกติ คุณจึงสามารถไอต่อเนื่องได้อีกหลายสัปดาห์ จนถึงขั้นไอเรื้อรัง แม้ว่าอาการอื่น ๆ ของโรคจะหายแล้วก็ตาม ปัญหาสุขภาพ ไอเรื้อรัง อาจเกิดได้จากโรคต่าง ๆ เช่น โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคกรดไหลย้อน โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (obstructive sleep apnea) โรคซิสติกไฟโบรซิส (Cystic  Fibrosis) โรคหลอดลมโป่งพอง […]


ปัญหาระบบทางเดินหายใจแบบอื่น

ไอเป็นเลือด (Coughing blood)

ไอเป็นเลือด (Haemoptysis หรือ Coughing blood) หมายถึงอาการที่ไอแล้วมีเลือดไหลออกมาจากปอด อาการไอเป็นเลือดนี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะที่อันตราย ไม่ว่าจะเป็น การติดเชื้อ โรคมะเร็ง หรือปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดภายในปอด คำจำกัดความไอเป็นเลือด คืออะไร ไอเป็นเลือด (Haemoptysis หรือ Coughing up blood) หมายถึงอาการที่ไอแล้วมีเลือดไหลออกมาจากปอด อาการไอเป็นเลือดนี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะที่อันตราย ไม่ว่าจะเป็น การติดเชื้อ โรคมะเร็ง ปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดภายในปอด ที่ทำให้มีเลือดออกภายในปอดแล้วทำให้ไอออกมาเป็นเลือด ในบางครั้งอาจมีเสมหะปะปนมาด้วย ประเภทของอาการไอเป็นเลือด อาจแบ่งได้ตามปริมาณของเลือดที่ไอออกมาภายใน 24 ชั่วโมง ดังต่อไปนี้ อาการไอเป็นเลือด ที่อันตรายถึงแก่ชีวิต แพทย์อาจจะมีเกณฑ์ที่ต่างกันในการแยกอาการไอเป็นเลือดในระดับนี้ แต่โดยปกติจะมีช่วงตั้งแต่การไอเป็นเลือดในปริมาณ 100-600 มล. อาการไอเป็นเลือด ที่ไม่อันตรายถึงแก่ชีวิต หรือเรียกอีกอย่างว่าอาการไอเป็นเลือดในระดับปานกลาง โดยมีปริมาณเลือดในช่วงระหว่าง 20-200 มล. อาการไอเป็นเลือด ในระดับเบา สำหรับผู้ที่มีอาการไอเป็นเลือดในปริมาณที่น้อยกว่า 20 มล. ไอเป็นเลือดพบบ่อยแค่ไหน อาการไอเป็นเลือด พบได้ทั่วไปในทุกวัย และมักส่งผลต่อผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ป้องกันได้โดยการลดความเสี่ยง โปรดปรึกษาแพทย์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อาการอาการของภาวะไอเป็นเลือด อาการที่เห็นได้ชัดของ อาการไอเป็นเลือด คือการไอที่มีเลือดปะปนออกมา เนื่องจากมีเลือดอยู่ในปอดหรือระบบทางเดินหายใจ เลือดนี้อาจจะมีลักษณะเป็นฟอง เนื่องจากได้ผสมกับอากาศและเสมหะที่อยู่ภายในปอด สีของเลือดนั้นอาจมีตั้งแต่สีแดงสด ไปจนถึงสีน้ำขาว […]


ปัญหาระบบทางเดินหายใจแบบอื่น

ไอ (cough)

ไอ เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อเซลล์บริเวณทางเดินหายใจเกิดการระคายเคือง ซึ่งจะกระตุ้นปอดให้ดันอากาศออกมาภายใต้ความดันสูง สามารถเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรัง คำจำกัดความ ไอคืออะไร ไอ (cough) เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อเซลล์บริเวณทางเดินหายใจเกิดการระคายเคือง ซึ่งจะกระตุ้นปอดให้ดันอากาศออกมาภายใต้ความดันสูง อาการไอสามารถเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรัง อาการไอพบบ่อยเพียงใด อาการไอเป็นปฏิกิริยาตอบสนองฉับพลันตามธรรมชาติเพื่อช่วยปกป้องปอด และช่วยกำจัดสิ่งระคายเคืองออกจากทางเดินหายใจ เช่น ควันและน้ำมูก ทั้งยังป้องกันการติดเชื้อในทางเดินหายใจด้วย อาการไอเป็นเวลานานทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงปรารถนาและอาจเป็นอันตรายหากไม่ได้รับการตรวจ โดยสามารถส่งผลต่อผู้ป่วยได้ทุกวัย แต่สามารถจัดการได้โดยลดความเสี่ยง โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อาการ อาการไอเป็นอย่างไร อาการไอมักเป็นอาการหนึ่งของภาวะอื่นๆ สามารถเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันหรือเรื้อรัง ไม่ว่าคุณจะมีอาการไอแบบใด อาการทั่วไปของการไอที่เห็นชัด ได้แก่ มีไข้ รู้สึกหนาวสั่น ปวดตามร่างกาย เจ็บคอ คลื่นไส้หรืออาเจียน ปวดศีรษะ มีเหงื่อออกตอนกลางคืน น้ำมูกไหล มีเสมหะในลำคอ อาจมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการบางประการที่ไม่ได้กล่าวถึงข้างต้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการ โปรดปรึกษาแพทย์ ควรไปพบหมอเมื่อใด อาการไอส่วนใหญ่ที่เกิดจากหวัดหรือไข้หวัดใหญ่จะหายไปเองอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี ควรปรึกษาแพทย์หากมีอาการดังต่อไปนี้ รู้สึกเวียนศีรษะหลังมีอาการไอ ไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอก ไอต่อเนื่องตลอดทั้งคืน มีไข้ อาการไอไม่ดีขึ้นหลังจาก 7 วัน มีอาการหอบหรือหายใจลำบาก หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใดๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีข้อคำถามใดๆ โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ สาเหตุ สาเหตุของการไอ เมื่อมีสารระคายเคืองในปอด ปฏิกิริยาตามธรรมชาติของร่างกายคือ การไอเพื่อกำจัดสารระคายเคืองออกไป สาเหตุที่ทำให้ปอดระคายเคือง ได้แก่ ไวรัส ไวรัสที่ทำให้เกิดอาการหวัดหรือไข้เป็นสาเหตุที่พบได้มากที่สุด ของการไอ ภูมิแพ้และหอบหืด ปอดจะพยายามกำจัดสิ่งที่ทำให้ร่างกายเกิดการระคายเคืองออกไปโดยการไอ สารระคายเคือง เช่น อากาศเย็น บุหรี่ ควัน หรือน้ำหอมรุนแรงจะกระตุ้นให้เกิดการไอ สาเหตุอื่นๆ เช่น ปอดติดเชื้อ ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ภาวะอารมณ์หดหู่หรือซึมเศร้า และผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางประเภท ปัจจัยเสี่ยง ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอาการไอ สิ่งระคายเคืองในสิ่งแวดล้อมจะทำให้อาการไอแย่ลง ตัวอย่างเช่น ผู้ที่เป็นภูมิแพ้อาจรักษาอาการไอโดยใช้ยารักษาภูมิแพ้ หากมีอาการไอจากการสูบบุหรี่ อาจมีอาการดีขึ้นหากหยุดสูบบุหรี่หรืออาจมีอาการแย่ลงหากยังคงสุบบุหรี่ต่อไป  หากเป็นโรคปอดเรื้อรัง เช่น หอบหืดหรือหลอดลมอักเสบเรื้อรัง อาจมีอาการไอเรื้อรังรุนแรงขึ้นหากไปในสถานที่บางแห่งหรือทำกิจกรรมบางประการที่มีปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการไอ ยาบางประเภทสามารถทำให้เกิดการไอ […]


ปัญหาระบบทางเดินหายใจแบบอื่น

ภาวะระบายลมหายใจเกิน (Hyperventilation)

ภาวะระบายลมหายใจเกิน เกิดขึ้นเมื่อคุณเริ่มหายใจเร็วมาก โดยหายใจออกมากกว่าหายใจเข้า ก่อให้เกิดภาวะคาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว คำจำกัดความภาวะระบายลมหายใจเกิน คือ ภาวะระบายลมหายใจเกิน (Hyperventilation) หรือ โรคหายใจเกิน เกิดขึ้น เมื่อคุณเริ่มหายใจเร็วมาก การหายใจที่ดีต่อสุขภาพคือภาวะสมดุลระหว่างการสูดออกซิเจนเข้า และระบายคาร์บอนไดออกไซด์ออก ภาวะสมดุลนี้สูญเสียไป เมื่อคุณระบายลมหายใจเกิน โดยการหายใจออกมากกว่าหายใจเข้า ก่อให้เกิดภาวะคาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกายที่ลดต่ำ ก่อให้เกิดการตีบตันของหลอดเลือดที่ลำเลียงเลือดไปยังสมอง การลดลงของเลือดที่ไปเลี้ยงสมองนี้ส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น เวียนศีรษะ และมีอาการปวดเสียวที่นิ้วมือ ภาวะระบายลมหายใจเกินที่รุนแรงสามารถก่อให้เกิดอาการหมดสติได้ ภาวะระบายลมหายใจเกิน พบได้บ่อยเพียงใด โดยปกติแล้ว ภาวะระบายลมหายใจเกินจะค่อนข้างพบได้น้อย โดยอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวเมื่อมีอาการตื่นตระหนกต่อความกลัว อาการตึงเครียด หรือความกลัว นอกจากนี้ โรคหายใจเกิน ยังอาจเป็นผลมาจากสภาวะทางอารมณ์ เช่น อาการซึมเศร้า ความกังวล ความโกรธ หากเกิดขึ้นบ่อย ๆ ก็อาจจะเรียกว่า กลุ่มอาการหอบจากอารมณ์ (Hyperventilation Syndrome) อาการอาการของ ภาวะระบายลมหายใจเกิน โรคหายใจเกิน อาจทำให้เกิดอาการรุนแรงได้ และอาจมีอาการได้นาน 20-30 นาที คุณควรเข้ารับการรักษาในทันทีหากเกิดอาการดังต่อไปนี้ หายใจถี่และหายใจลึก อาการปวด อาการไข้ มีเลือดออก รู้สึกกังวล ประหม่า หรือตึงเครียด หาวบ่อย หัวใจเต้นแรงและเร็ว มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว เวียนศีรษะ หรือรู้สึกหมุน มีอาการชาหรือปวดที่มือ เท้า หรือรอบปาก มีอาการตึง แน่น มีแรงกด รู้สึกกดเจ็บ หรือปวดที่หน้าอก อาการของภาวะระบายลมหายใจเกินแย่ลง […]


ปัญหาระบบทางเดินหายใจแบบอื่น

ซิสติกไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis)

คำจำกัดความซิสติกไฟโบรซิส คืออะไร ซิสติกไฟโบรซิส (Cystic  Fibrosis) เป็นอาการป่วยเรื้อรัง ที่ส่งผลต่อเซลล์ที่สร้างเหงื่อและเมือก เมือกเป็นของเหลวที่ลื่นและค่อนข้างเหนียว ที่ช่วยหล่อลื่นและป้องกันเยื่อเมือก เมือกที่เกิดจากโรคซิสติกไฟโบรซิสจะหนาและเหนียวผิดปกติ เมือกดังกล่าวจะไปอุดกั้นปอด และก่อให้เกิดภาวะปอดติดเชื้อเรื้อรัง นอกจากนี้ ซิสติกไฟโบรซิสยังส่งผลต่อตับอ่อน ซึ่งส่งผลให้เกิดความผิดปกติ ในการสร้างสารเคมีชนิดพิเศษที่เรียกว่าเอนไซม์ เพื่อใช้สำหรับการย่อยอาหาร หากไม่มีเอนไซม์แล้ว ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมสารอาหารจากอาหารได้ ซิสติกไฟโบรซิส พบได้บ่อยเพียงใด ซิสติกไฟโบรซิสเป็นโรคทางพันธุกรรม ที่พบได้ทั่วไปในแถบยุโรปตอนเหนือ ผู้ป่วยโรคซิสติกไฟโบรซิสมีช่วงชีวิตที่สั้น แต่ด้วยการรักษาสมัยใหม่ พบว่าผู้ป่วยโรคซิสติกไฟโบรซิสจำนวนมากขึ้น สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงวัยกลางคน หรือมากกว่า อาการอาการของโรค ซิสติกไฟโบรซิส เป็นอย่างไร สิ่งบ่งชี้และอาการของโรคซิสติกไฟโบรซิสมีหลากหลาย โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค อาจมีสิ่งบ่งชี้และอาการของโรคที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากคุณมีข้อกังวลเกี่ยวกับอาการใดอาการหนึ่ง ให้ปรึกษาแพทย์ ผู้ป่วยโรคซิสติกไฟโบรซิสมีระดับเกลือในเหงื่อที่สูงกว่าปกติ พ่อแม่สามารถรู้สึกถึงรสของเกลือได้เมื่อจูบลูกของตน อาการอื่นๆ ได้แก่ สิ่งบ่งชี้และอาการเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ผู้ป่วยโรคซิสติกไฟโบรซิสมีเมือกหนาและเหนียว ที่ก่อตัวขึ้นในทางเดินหายใจ การก่อตัวขึ้นของเมือก ทำให้แบคทีเรียเติบโต และทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น การติดเชื้อจะอุดกั้นทางเดินหายใจ และทำให้เกิดอาการไอเรื้อรัง ที่ก่อให้เกิดเสมหะ หรือเมือกหนาที่มีเลือดปนในบางครั้ง นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคซิสติกไฟโบรซิสยังมีโอกาสที่จะมีภาวะโพรงจมูกอักเสบชั่วคราว ปอดบวม และปอดติดเชื้อ ที่ไม่มีการตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะทั่วไป เมื่อโรคซิสติกไฟโบรซิสมีอาการแย่ลง คุณอาจมีภาวะที่รุนแรงขึ้น เช่น ภาวะโพรงเยื่อหุ้มปอดมีอากาศ (pneumothorax) หรือโรคหลอดลมพอง (bronchiectasis) สิ่งบ่งชี้และอาการเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร สำหรับโรคซิสติกไฟโบรซิส เมือกจะอุดกั้นหลอดหรือช่องในตับอ่อน (อวัยวะภายในช่องท้อง) การอุดกั้นดังกล่าวนี้ป้องกันไม่ให้เอนไซม์ไปยังลำไส้ได้ ผลก็คือ […]


โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด

สัญญาณโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หนึ่งในโรคปอดเรื้อรังที่รุนแรงถึงชีวิต

โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) คือ หนึ่งในโรคปอดเรื้อรังที่ร้ายแรงที่สุด ที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการหายใจ และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต พยาธิสรีรวิทยา (Pathophysiology) ของโรค หรือการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เริ่มจากการสร้างความเสียหายให้กับหลอดลมและถุงลมในปอด แล้วพัฒนาไปเป็นอาการไอพร้อมเสมหะ จนกลายมาเป็นหายใจติดขัดในที่สุด มาทำความรู้จักกับ อาการและ สัญญาณโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง กันได้ในบทความนี้ ต้นตอของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง สภาวะของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง 2 สภาวะ คือ โรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง (chronic bronchitis) และถุงลมโป่งพอง (Emphysema) ซึ่งส่งผลกระทบต่อปอดคนละส่วนกัน นำไปสู่อาการหายใจติดขัดได้ทั้งสิ้น เพื่อให้เข้าใจพยาธิสรีรวิทยาของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง สิ่งที่สำคัญ คือ การรู้จักกับโครงสร้างของปอด โรคถุงลมโป่งพองเกิดขึ้นกับถุงลมในปอด (alveoli) และเส้นใยที่สร้างผนังของถุงลมเสียหาย ทำให้ยืดหยุ่นได้น้อยลงและไม่สามารถทำงานได้ เมื่อคุณหายใจออก หากหลอดลมฝอยอักเสบ (bronchitis) ก็จะผลิตเสมหะขึ้นมามากขึ้น หากอาการนี้ไม่ยอมหายไป อาจพัฒนากลายเป็นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง นอกจากนี้คุณยังสามารถเป็นโรคหลอดลมอักเสบแบบเฉียบพลัน แต่อาการนี้จะไม่นับว่าเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง สาเหตุหลักของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง คือ การสูบบุหรี่ การหายใจเอาควันบุหรี่ และสารเคมีที่อันตรายเข้าไป สามารถทำให้หลอดลมและถุงลมบาดเจ็บได้ แล้วจึงกลายเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง การสัมผัสกับควันบุหรี่มือสอง สารเคมี หรือแม้แต่น้ำมันสำหรับทำอาหารในอาคารที่ระบายอากาศได้ไม่ดี ก็อาจนำไปสู่โรคปอดได้เช่นกัน ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลง อาการของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่รุนแรงมักจะไม่ปรากฏ จนกระทั่งเข้าสู่ระยะสุดท้ายของโรค หากคุณพบว่าตัวเองหายใจไม่อิ่มหลังจากการออกกำลังกายแบบเบาๆ หรือหายใจลำบากหลังจากทำกิจกรรมทั่วไป เช่น เดินขึ้นบันได […]


โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด

เทคนิคการรับมือ อาการหายใจลำบาก หนึ่งในอาการของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง

โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) คืออาการผิดปกติของปอด ที่ทำให้ผู้ป่วยหายใจลำบาก เหนื่อยหอบ และต้องพยายามเพื่อให้จะหายใจได้ดี หากคุณเป็นโรคนี้ บางครั้งอาจพบปัญหาหายใจขณะเดินหรือออกกำลังกายได้ลำบากมาก แค่นั่งหรือพักผ่อนเฉย ๆ ก็ทำให้คุณหายใจหอบได้ อาการหายใจลำบาก นั้นขึ้นอยู่กับความเสียหายของปอด และการที่ปอดทำงานผิดปกติ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง คืออะไร โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง คือ กลุ่มอาการจากความผิดปกติของปอด โรคถุงลมโป่งพอง (Emphysema) และโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง (chronic bronchitis) คือสองอาการหลักในหมวดหมู่นี้ ผู้ป่วยจำนวนมากนั้นมีทั้งสองอาการนี้พร้อม ๆ กัน ดังนั้น จึงเรียกโดยรวมว่า โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคนี้เป็นโรคที่มีการพัฒนา หมายถึง อาการของโรคจะแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป อีกทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังก็ไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาเป็นดังเดิมได้ แม้แต่การรักษาก็ยังไม่สามารถรักษาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังให้หายขาด หรือหยุดโรคนี้ได้ แต่คุณสามารถชะลอการพัฒนาของโรคและพยายามป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับปอดของคุณได้ อาการของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังในระยะแรก มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาการเหนื่อยล้าทั่วไปหรือแค่ร่างกาย “อยู่ในสภาพไม่พร้อม” จนกระทั่งความผิดปกตินั้นพัฒนาขึ้น และสามารถตรวจจับสังเกตเห็นอาการได้มากขึ้น อาการทั่วไปของ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง  หายใจหอบ แน่นหน้าอกและเจ็บหน้าอก ไอ มึนงง มีเสมหะในปอดที่มักจะออกมาเมื่อคุณไอ รู้สึกเหนื่อยล้าบ่อย ติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจบ่อย ไอมีเสมหะ น้ำหนักลดโดยไม่ได้ตั้งใจ หายใจมีเสียงหวีด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังทำร้ายปอดของคุณอย่างไร ถุงลมโป่งพองและหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ต่างโจมตีปอดในทางที่แตกต่างกัน ถุงลมโป่งพองนั้นทำลายผนังที่อยู่ในถุงลมในปอด เมื่อถุงลมใหญ่เกินไป ก็จะทำให้ผนังมีรอยแตกร้าว ส่งผลกระทบกับกระบวนการในการแลกเปลี่ยนแก๊ส การนำพาออกซิเจนไปสู่เนื้อเยื่อในร่างกาย และการกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อถุงลมเสียหายและลดลง ปอดจึงไม่สามารถเก็บและเคลื่อนย้ายอากาศได้มากเท่าที่เคยทำได้ พอปอดทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร ก็ส่งผลกระทบให้คุณไม่สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ คุณจึงพบว่า ตัวเองหายใจหอบและเหนื่อยเร็วขึ้น นอกจากนี้ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ยังอาจทำให้หลอดลมอักเสบและระคายเคือง […]


ปัญหาระบบทางเดินหายใจแบบอื่น

ปอดแฟบ (Atelectasis)

ปอดแฟบ คือ อาการที่ปอดหรือกลีบปอดบางส่วนยุบ อาจเป็นอาการแทรกซ้อนของโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ การสูดหายใจเอาวัตถุแปลกปลอมเข้าไป เนื้องอกที่ปอด มีน้ำในปอด ระบบทางเดินหายใจอ่อนแอ และการบาดเจ็บที่หน้าอก คำจำกัดความปอดแฟบ คืออะไร อาการปอดแฟบ (Atelectasis) หรืออาการที่ปอดหรือกลีบปอดบางส่วนยุบ เกิดขึ้นเมื่อถุงลม (Alveoli) ภายในปอดนั้นแฟบลง อาการปอดแฟบ ยังอาจเป็นอาการแทรกซ้อนของโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ทั้งโรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis) การสูดหายใจเอาวัตถุแปลกปลอมเข้าไป เนื้องอกที่ปอด มีน้ำในปอด ระบบทางเดินหายใจอ่อนแอ และการบาดเจ็บที่หน้าอก ปอดแฟบ พบได้บ่อยได้แค่ไหน อาการปอดแฟบ สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ป่วยทุกช่วงอายุ เป็นภาวะแทรกซ้อนจากการหายใจหลังจากการผ่าตัดที่พบได้ทั่วไป สามารถจัดการได้ด้วยการลดปัจจัยเสี่ยง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดปรึกษากับแพทย์ อาการอาการของปอดแฟบ อาการปอดแฟบ ไม่มีสัญญาณหรืออาการที่ชัดเจน หากคุณมีสัญญาณและอาการเกิดขึ้น อาจมีดังนี้ หายใจลำบาก หายใจเร็วและตื้น ไอ อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใด ๆ โปรดปรึกษากับแพทย์ ควรไปพบหมอเมื่อไร อาการปอดแฟบ มักจะเกิดขึ้นในตอนที่คุณอยู่ในโรงพยาบาลอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ควรรับการรักษาพยาบาลในทันที หากคุณมีปัญหาการหายใจ หรือโรคอื่น ๆ นอกจาก อาการปอดแฟบ คุณจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และการรักษาโดยทันที แล้วเมื่อคุณเริ่มมีอาการหายใจลำบาก ควรดรับการรักษาฉุกเฉินในทันที สาเหตุสาเหตุของ อาการปอดแฟบ อาการปอดแฟบ เป็นผลมาจากการอุดตันของทางเดินหายใจ หรือจากความดันจากด้านนอกของปอด (แบบไม่มีการอุดตัน) […]


ปัญหาระบบทางเดินหายใจแบบอื่น

ไซนัสอักเสบเรื้อรัง (Chronic Sinusitis)

โรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง หมายถึงอาการติดเชื้อและอักเสบของไซนัสติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 12 สัปดาห์ขึ้นไป จนทำให้ไซนัสอุดตัน และเกิดการสะสมของน้ำมูกภายในโพรงจมูก คำจำกัดความไซนัสอักเสบเรื้อรัง คืออะไร โรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง (Chronic Sinusitis) หมายถึงอาการติดเชื้อและอักเสบของไซนัสติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 12 สัปดาห์ขึ้นไป เรียกอีกชื่อก็คือโพรงอากาศข้างจมูกอักเสบเรื้อรัง (Chronic Rhinosinusitis) ไซนัสที่อักเสบและบวมขึ้นนี้อาจกลายมาเป็น ริดสีดวงจมูก ที่ปิดกั้นโพรงจมูก ทำให้เกิดการสะสมของน้ำมูก และทำให้หายใจไม่ออกได้ ไซนัสอักเสบเรื้อรัง พบได้บ่อยได้แค่ไหน โรคไซนัสอักเสบเรื้อรังสามารถเกิดได้กับผู้ป่วยทุกช่วงอายุ จัดการได้โดยการลดปัจจัยความเสี่ยง โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อาการอาการของ โรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง จะต้องมีอย่างน้อยสองจากสี่สัญญาณ และอาการหลักของโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง เพื่อยืนยันการติดเชื้อที่จมูกสำหรับการวินิจฉัยโรค ซึ่งมีดังนี้ มีน้ำมูกที่ข้นและเปลี่ยนสีไหลออกมาจากจมูก หรือระบายไหลลงไปในด้านหลังคอ เรียกว่าอาการเสมหะไหลลงคอ (postnasal drip) จมูกอุดตันหรือคัดจมูก ทำให้หายใจผ่านจมูกได้ลำบาก มีอาการปวด กดเจ็บ และบวมบริเวณดวงตา แก้ม จมูก หรือหน้าผาก ดมกลิ่นและรับรสได้น้อยลงในผู้ใหญ่ หรือมีอาการไอในเด็ก อาการอื่น ๆ อาจจะมีดังนี้คือ ปวดหู ปวดกรามบน ปวดฟัน มีอาการไอที่หนักขึ้นในตอนกลางคืน เจ็บคอ มีกลิ่นปาก เหนื่อยล้าหรือหงุดหงิด คลื่นไส้ โรคไซนัสอักเสบเรื้อรังและไซนัสอักเสบเฉียบพลัน มีสัญญาณและอาการที่คล้ายกัน แต่ไซนัสอักเสบเฉียบพลันเป็นการติดเชื้อที่ไซนัสชั่วคราว และมักเกี่ยวข้องกับโรคหวัด สัญญาณและอาการของโรคไซนัสอักเสบเรื้อรังจะอยู่นานกว่า และมักทำให้อ่อนล้ามากกว่า ไข้ไม่ใช่สัญญาณทั่วไปของโรคโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง แต่คุณอาจจะมีไข้ได้ หากคุณเป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใด ๆ โปรดปรึกษาหมอของคุณ ควรไปพบหมอเมื่อไร คุณควรไปหาแพทย์หากมีอาการดังต่อไปนี้ หากมีอาการของ ไซนัสอักเสบเรื้อรัง หลายครั้งแล้ว แต่รักษาไม่หายเสียที คุณมีอาการไซนัสอักเสบนานกว่าเจ็ดวัน อาการของคุณไม่ดีขึ้นหลังจากที่คุณไปหาแพทย์ คุณควรไปหาแพทย์ทันที หากมีอาการดังต่อไปนี้ […]


โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด

โภชนาการสำหรับผู้ป่วยปอดอุดกั้นเรื้อรัง ข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติที่ควรรู้

เมื่อต้องมีชีวิตอยู่กับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โภชนาการที่ดีจึงมีบทบาทสำคัญในการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับปอดของคุณในอนาคต มีอาหารหลายประเภท ที่ก่อให้เกิดอาการท้องอืด หรือแก๊สในกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจมีผลต่อความสามารถในการหายใจของคุณ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังสามารถจำกัดความสามารถในการทำงานอย่างเหมาะสมของปอด จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปรับเปลี่ยนอาหาร เพื่อให้การหายใจของคุณเป็นไปอย่างเหมาะสม บทความต่อไปนี้ของ Hello คุณหมอ เป็นข้อควรปฏิบัติ และข้อห้ามที่คุณควรรู้ เกี่ยวกับ โภชนาการสำหรับผู้ป่วยปอดอุดกั้นเรื้อรัง ข้อควรปฏิบัติเกี่ยวกับ โภชนาการสำหรับผู้ป่วยปอดอุดกั้นเรื้อรัง อาหารให้พลังงานและสารอาหารแก่คุณเพื่อดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน หนึ่งในกิจกรรมเหล่านี้คือการหายใจ เมื่อคุณเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง คุณต้องการพลังงานในการหายใจมากกว่าคนที่ไม่เป็นโรคนี้ กล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจของคุณ อาจต้องการแคลอรี่ในปริมาณที่มากกว่า 10 เท่าของคนทั่วไป ดังนั้น นี่คือสิ่งที่คุณควรปฏิบัติเมื่อมีภาวะโภชนาการสำหรับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เพิ่มโปรตีนในมื้ออาหารของคุณให้มากขึ้น โปรตีนมีความจำเป็นในการป้องกันร่างกายของคุณจากการติดเชื้อ โดยการสร้างสารภูมิต้านทานให้มากขึ้น เมื่อคุณรับประทานโปรตีนไม่เพียงพอ ปอดของคุณอาจไม่สามารถต้านทานการติดเชื้อได้ ซึ่งแหล่งโปรตีนที่ดีที่สุด คือ เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ สัตว์ปีก ถั่ว และผลิตภัณฑ์จากนม ควบคุมน้ำหนักร่างกาย  คุณควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ เกี่ยวกับน้ำหนักร่างกาย และปริมาณแคลอรี่ที่เหมาะสมสำหรับคุณ เมื่อคุณมีน้ำหนักเกิน ปอดของคุณต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อให้ได้รับออกซิเจนในปริมาณที่ร่างกายของคุณต้องการ ดังนั้นการวางแผนเกี่ยวกับอาหารที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยให้คุณมีน้ำหนักที่เหมาะสมได้ ดื่มน้ำในปริมาณมาก คุณควรดื่มน้ำอย่างน้อย 6 ถึง 8 แก้วต่อวัน ยิ่งดื่มน้ำมากขึ้น […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน