การดูแลก่อนคลอด

การดูแลก่อนคลอด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่งการดูแลคุณภาพการนอนหลับสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยคุณแม่และทารกในครรภ์มีสุขภาพที่แข็งแรง และหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่อาจทำให้เกิดปัญหาได้ เรียนรู้เทคนิคดี ๆ เกี่ยวกับ การดูแลก่อนคลอด ที่ Hello คุณหมอนำมาฝาก ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

การดูแลก่อนคลอด

นับอายุครรภ์ อย่างไร วิธีคำนวณอายุครรภ์ ที่ถูกต้อง

การนับอายุครรภ์และวิธีคำนวณอายุครรภ์ เป็นสิ่งที่มักเข้าใจกันผิด สับสนว่าจะคำนวณอายุครรภ์จากวันที่มีเพศสัมพันธ์หรือไม่ และต้องนับอายุครรภ์อย่างไรให้แม่นยำ เพื่อประโยชน์ของแม่ตั้งครรภ์และลูกในท้อง [embed-health-tool-pregnancy-weight-gain] นับอายุครรภ์ มีประโยชน์อย่างไร อายุครรภ์ตั้งแต่วันแรกของการตั้งครรภ์จวบจนถึงวันคลอดเป็นสิ่งที่แม่ควรใส่ใจ การคำนวณอายุครรภ์อย่างแม่นยำ มีข้อดีที่เป็นประโยชน์ต่อตัวแม่และทารกในครรภ์ ดังนี้ การนับอายุครรภ์ ช่วยให้ทราบขนาดของลูกในท้องแต่ละไตรมาส ตลอดจนพัฒนาการของทารกในครรภ์และความสมบูรณ์ของทารก แม่จะได้ดูแลทารกอย่างเหมาะสม การนับอายุครรภ์ ช่วยให้แพทย์วางแผนการตรวจครรภ์ แม่จะทราบถึงข้อควรระวังในแต่ละไตรมาส โดยเฉพาะภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ ที่แตกต่างกันไปในแต่ละไตรมาส การนับอายุครรภ์ ช่วยให้แพทย์คาดการณ์วันกำหนดคลอดได้ วันแรกที่เริ่ม นับอายุครรภ์ คือวันไหน การนับอายุครรภ์ เพื่อให้ทราบว่า ตั้งครรภ์มาแล้วกี่สัปดาห์หรือกี่เดือน อาจเข้าใจได้ว่า นับอายุครรภ์ตั้งแต่วันที่มีเพศสัมพันธ์หรือวันที่ปฏิสนธิ แต่จริง ๆ แล้ว แพทย์จะยึดเอาวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งล่าสุดมาคำนวณอายุครรภ์ การจดวันที่มีประจำเดือนทุก ๆ เดือนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แพทย์นำประจำเดือนครั้งสุดท้าย มาคำนวณอายุครรภ์ได้อย่างถูกต้อง  ทั้งนี้ หากสงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์ ให้ใช้อุปกรณ์ตรวจครรภ์หรือชุดตรวจครรภ์ตรวจการตั้งครรภ์ เมื่อทราบว่า กำลังตั้งครรภ์ควรรีบฝากครรภ์ก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์  วิธีคำนวณอายุครรภ์ นับเป็นเดือนหรือเป็นสัปดาห์ อายุครรภ์ปกติจะอยู่ประมาณ 280 วัน หรือ 40 สัปดาห์ โดยแพทย์จะนับอายุครรภ์เป็นสัปดาห์ และแยกอายุครรภ์ตามไตรมาส ประกอบด้วย ตั้งครรภ์ไตรมาสแรก สัปดาห์ที่ 1-14 ตั้งครรภ์ไตรมาสสอง สัปดาห์ที่ […]

สำรวจ การดูแลก่อนคลอด

การดูแลก่อนคลอด

ลูกแฝด จะรู้ได้อย่างไรว่ามีทารกอยู่ในครรภ์มากกว่าหนึ่งคน

ลูกแฝด หมายถึง การตั้งท้องของหญิงที่มีจำนวนทารกในครรภ์มากกว่า 1 คน อาจจะหมายความได้ถึง แฝดสอง แฝดสาม หรือแฝดสี่ หรือมากกว่านั้น ซึ่งวิธีการเดียวที่สามารถบอกได้แน่ชัดที่สุดว่าตั้งครรภ์ลูกแฝดหรือไม่ก็คือ การอัลตร้าซาวด์ อย่างไรก็ตาม สามารถสังเกตจากสัญญาณหรืออาการบางอย่างซึ่งสะท้อนแนวโน้มว่าคุณแม่กำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด [embed-health-tool-due-date] สัญญาณและอาการที่อาจหมายถึงการตั้งครรภ์ลูกแฝด 1. ระดับฮอร์โมนเอชซีจี (hCG) สูงขึ้น ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ลูกแฝดอาจจะมีระดับฮอร์โมนเอชซีจี (hCG; human chorionic gonadotropin) หรือฮอร์โมนการตั้งครรภ์สูงขึ้นกว่าในครรภ์เดี่ยว อย่างไรก็ตาม ระดับฮอร์โมนเอชซีจีที่เพิ่มขึ้นก็ยังไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่ากำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้ระดับฮอร์โมนเอชซีจีสูงขึ้น เนื่องจากระดับฮอร์โมนเอชซีจีในผู้หญิงสามารถขึ้นลงได้แตกต่างกันมาก เช่น ในช่วง 5 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ระดับฮอร์โมนเอชซีจีปกติจะอยู่ระหว่าง 18 mIU/ ml ถึง 7,340 mIU/ml จึงทำให้ค่อนข้างระบุได้ยากว่า การที่ระดับฮอร์โมนสูงขึ้นมีสาเหตุมาจากการตั้งครรภ์ลูกแฝดหรือไม่ การทดสอบฮอร์โมนเอชซีจี สามารถทำได้โดยการตรวจเลือด ซึ่งฮอร์โมนเอชซีจีจะตรวจพบในเลือดหรือในปัสสาวะในช่วงประมาณสัปดาห์ที่ 4 ของการตั้งครรภ์ โดยปกติแล้ว ฮอร์โมนเอชซีจีจะเพิ่มขึ้นทุก ๆ 2-3 วัน แต่จะเพิ่มขึ้นมากที่สุดในช่วงสัปดาห์ที่ 8-11 ของการตั้งครรภ์ สรุปได้ว่าระดับฮอร์โมน hCGใ นครรภ์แฝดอาจจะสูงกว่าในครรภ์เดี่ยวได้ เนื่องจากมีจำนวนรกที่ใช้สร้างฮอร์โมน […]


การดูแลก่อนคลอด

แม่ตั้งครรภ์สามารถใช้ ยาฟีนิลเอฟรีน ได้หรือไม่?

ยาฟีนิลเอฟรีน (Phenylephrine) เป็นยาหดหลอดเลือดที่ใช้เพื่อช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และหายใจไม่ออก นอกจากนี้ ยังอาจช่วยเป็นยาเหน็บรักษาโรคริดสีดวงทวาร หรือใช้เพื่อขยายรูม่านตา อย่างไรก็ตาม คุณแม่ตั้งครรภ์ควรระมัดระวังการใช้ยาฟีนิลเอฟรีนเนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ ทำให้ทารกได้รับออกซิเจนลดลง และอาจเพิ่มความเสี่ยงของการแท้งบุตรได้ [embed-health-tool-pregnancy-weight-gain] ยาฟีนิลเอฟรีนคืออะไร ยาฟีนิลเอฟรี มีคุณสมบัติเป็นยาบรรเทาอาการคัดจมูก น้ำมูกมาก และหายใจไม่ออก ช่วยเพิ่มความดันโลหิตในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตต่ำ ลดอาการบวมของหลอดเลือดภายในโพรงจมูก เป็นยาเหน็บรักษาโรคริดสีดวงทวาร เป็นยาใช้ขยายรูม่านตา และอื่น ๆ อีกมากมาย ยาฟีนิลเอฟรีนถูกนำมาใช้ในหลายรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น ยาเม็ด หรือยาน้ำสำหรับรับประทาน ยาหยอดหรือสเปรย์ทางจมูก ยาหยอดตา ยาเหน็บทวาร ยาฉีด ความปลอดภัยของยาฟีนิลเอฟรีนต่อแม่ตั้งครรภ์ อย่างที่รู้กันว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรใช้ยาเองโดยไม่ผ่านการปรึกษาคุณหมอก่อน เนื่องจากยาหลาย ๆ ชนิดอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายของคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ ยาฟีนิสเอฟรีน ก็เป็นอีกหนึ่งยาที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรระวังเป็นอย่างมาก เนื่องากเป็นยาที่ออกฤทธิ์หดหลอดเลือด  หากคุณแม่ตั้งครรภ์รับประทานยานี้โดยไม่ระวัง ยานี้อาจผลต่อหลอดเลือดในมดลูก และเป็นอุปสรรคต่อการไหลเวียนของเลือดไปยังทารกในครรภ์ ทำให้ทารกในครรภ์ ได้รับปริมาณออกซิเจนที่น้อยลง ส่งผลให้หัวใจของเด็กในครรภ์เต้นช้า และอาจเกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ในทารกตามมาด้วย แม้จะยังไม่มีการศึกษาวิจัยที่ชี้ชัดว่า ยาฟีนิลเอฟรีนมีผลทำให้แม่ตั้งครรภ์แท้งบุตร หรือเกิดความผิดปกติในมดลูก แต่การใช้ยาฟีนิลเอฟรีน ก็ยังมีความเสี่ยง ที่จะเกิดผลข้างเคียงต่างๆ หลายประการอยู่ดี เช่น  วิงเวียนศีรษะ ความเครียด หรือเกิดความวิตกกังวลระหว่างตั้งครรภ์ นอนหลับยาก […]


การดูแลก่อนคลอด

ผู้หญิงท้อง กินยาพาราเซตามอล ทำให้ลูกเสี่ยงเป็นออทิสติกจริงหรือ?

มีความเชื่อว่า ผู้หญิงท้อง กินยาพาราเซตามอล อาจทำให้ทารกที่คลอดออกมาเสี่ยงเป็นออทิสติก หรือโรคสมาธิสั้น (ADHD) แต่จริง ๆ แล้ว ยังไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่แสดงถึงความเชื่อมโยงว่าหากผู้หญิงท้อง กินยาพาราเซตามอล แล้วจะทำให้เสี่ยงเป็นออทิสติก [embed-health-tool-due-date] ผู้หญิงท้อง กินยาพาราเซตามอล ลูกเสี่ยงออทิสติกจริงหรือ ผู้เชี่ยวชาญได้ประเมิน การใช้พาราเซตามอลในผู้หญิงตั้งครรภ์ มากกว่า 2,000 ราย แล้วจากนั้น ก็ได้ดำเนินการทดสอบพัฒนาการ และพฤติกรรมต่างๆ ในเด็กที่อายุตั้งแต่ 1-5 ปี พวกเขาคาดว่าการใช้ยาพาราเซตามอลในขณะตั้งครรภ์ มีความเกี่ยวข้องกับอาการไฮเปอร์และการกระทำตามแรงกระตุ้นโดยไม่ยับยั้งชั่งใจในช่วงวัย 5 ปี และอาการออทิสติกในเด็กผู้ชาย อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่มีความสัมพันธ์ที่เห็นได้ชัดเจน ระหว่างผู้หญิงท้อง กินพาราเซตามอลกับเงื่อนไขในการวินิจฉัยโรคสมาธิสั้น (ADHD) หรืออาการออทิสติกในเด็กทุกคน และยังไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับพัฒนาการหรือสติปัญญา ที่สำคัญกว่านั้น งานวิจัยยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า การใช้ยาพาราเซตามอลขณะตั้งครรภ์นั้น ส่งผลให้เกิดอาการเหล่านี้ สาเหตุของโรคทั้งสองนั้น ยังคงไม่สามารถอธิบายได้ และอาจรวมไปถึงการถ่ายทอดทางพันธุกรรมหลายอย่าง ภาวะสุขภาพ และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ยกตัวอย่างเช่น งานวิจัยนั้นไม่ได้พิจารณาว่า ผู้หญิงคนนั้นสูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์ และทำให้ทารกได้รับควันบุหรี่มือสองหรือไม่ การสูบบุหรี่นั้นมีความสัมพันธ์กับทั้งสองโรคนี้ แต่ในงานวิจัยชิ้นนี้ ความสัมพันธ์นี้ไม่ได้รับการพิสูจน์ ฉะนั้น จึงฟังดูเหมือนการตั้งข้อสังเกตที่ผิดพลาดมากกว่า ดังนั้นมุมมองในตอนนี้ก็คือ การใช้ยาพาราเซตามอลเป็นครั้งคราวเท่าที่จำเป็น และใช้ในขนาดยาที่แนะนำขณะตั้งครรภ์นั้น […]


การดูแลก่อนคลอด

ท้องลูกแฝด กับการทำน้ำหนักตัวของคุณแม่ในระหว่างตั้งครรภ์

ท้องลูกแฝด เป็นภาวะการตั้งครรภ์ที่มีทารกอยู่ในท้องมากกว่าหนึ่งคนขึ้นไป ซึ่งมีรายละเอียดและข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ลูกแฝดที่ต้องศึกษามากกว่าการท้องปกติ เนื่องจากภาวะการเปลี่ยนแปลงทั้งของฮอร์โมนต่างๆ เพิ่มขึ้นกว่าปกติด้วย ดังนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่คุณแม่ควรต้องศึกษาข้อมูลเอาไว้เพื่อการดูแลตัวเองและทารกฝาแฝดที่อยู่ในครรภ์ให้มีสุขภาพแข็งแรงและปลอดภัย โดยเฉพาะเรื่องของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ทำไมน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นถึงมีความสำคัญ การกินอาการที่เหมาะสมและมีน้ำหนักขึ้นตามเกณฑ์นั้น ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของการตั้งครรภ์ แต่จะยิ่งมีความสำคัญเป็นพิเศษเมื่อท้องลูกแฝด เนื่องจากมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะคลอดก่อนกำหนด หรือเด็กแรกเกิดมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ จึงเป็นข้อควรระวังของว่าที่คุณแม่ฝาแฝดมือใหม่ทุกคน น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจะมีความสำคัญเป็นพิเศษ ในช่วงสัปดาห์ที่ 20 ถึง 24 ของการตั้งครรภ์ ถ้าคุณแม่ที่ท้องลูกแฝด มีน้ำหนักขึ้นประมาณ 10 กิโลกรัมภายในสัปดาห์ที่ 24 ของการตั้งครรภ์ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนดลงได้ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นแต่เนิ่นๆ นั้น มีความสำคัญต่อพัฒนาการของทารกแฝดด้วย เพราะนั่นหมายถึงว่าการลำเลียงสารอาหารไปให้ลูกแฝดนั้นดีขึ้น คุณแม่ท้องลูกแฝดควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน หญิงท้องลูกแฝดควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับความสูง รูปร่าง และน้ำหนักตัวก่อนตั้งครรภ์ของคุณแม่ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ตั้งครรภ์ลูกแฝดควรจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 10 ถึง 20 กิโลกรัม ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์แฝดสาม ควรมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 22 ถึง 27 กิโลกรัม แต่ถ้าเป็นแฝดสี่ หรือแฝดห้า นั้นยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่า ควรจะมีน้ำหนักเพิ่มเท่าใด ฉะนั้น คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ลูกแฝดจึงควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตามสถานพยาบาลต่างๆ  ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็วขนาดไหน ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ลูกแฝด ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นแค่ 2 ถึง 3 กิโลกรัมในช่วงไตรมาสแรก และสัปดาห์ละประมาณครึ่งกิโลกรัม […]


การดูแลก่อนคลอด

คุณแม่ตั้งครรภ์ กับเคล็ดลับเติมความสวยสดใสง่าย ๆ

คุณแม่ตั้งครรภ์ อาจจะมี อาการคนท้อง หลายอย่าง ที่ทำให้รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ท้องอืด หรือไม่สบายเนื้อตัว เคล็ดลับความสวยสำหรับ คุณแม่ตั้งครรภ์ บรอนเซอร์เพิ่มความสวย เบี่ยงเบนความสนใจไปจากดวงตาโทรม ๆ ของคุณแม่ ตั้งครรภ์ ด้วยการใช้บรอนเซอร์ ที่ช่วยปรับเฉดสีผิวจากที่ดูซีด ให้ผุดผ่องสดใสขึ้นมาในทันที คุณแม่ควรเลือกใช้แปรงหัวใหญ่และอ่อนนุ่มในการทาบรอนเซอร์ โดยทาที่ส่วนบนของแก้ม หน้าผาก และคางเล็กน้อย แล้วตบเบา ๆ ลงบนจมูก อย่าลืมเคาะบรอนเซอร์ส่วนเกิน บนแปรงออกก่อนเล็กน้อย ก่อนที่จะทา เพราะสิ่งที่คุณต้องการก็คือ ใช้มันเพื่อเพิ่มเมคอัพของคุณให้ดูดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อกลบทับเมคอัพสวย ๆ ของคุณไปซะหมด เทคนิคทำให้ตาโต ไม่ว่าคุณจะรู้สึกเหนื่อยมากแค่ไหนจากการตั้งครรภ์ ดวงตาของว่าที่คุณแม่ก็มีความเปล่งประกายอยู่แล้วตามธรรมชาติ คุณแม่แค่จำเป็นต้องเพิ่มการแต่งหน้าง่าย ๆ เล็กน้อย ใช้ดินสอเขียนขอบตาเหนือบริเวณขนตาบนเล็กน้อย เพื่อเน้นเค้าโครงของตา คุณไม่จำเป็นต้องเขียนให้เป๊ะมาก และลองเลือกใช้อันที่มีกากเพชรเสริม การเขียนขอบตาจะช่วยเป็นโครงให้ดวงตา โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องปัดมาสคาร่าเลยก็ได้ อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรตรวจคุณดูก่อนว่า มีอาการแพ้หรือไม่ เพราะผิวของคุณแม่อาจจะอ่อนไหวมากขึ้นในขณะ ตั้งครรภ์ เติมสีสันให้เรียวปาก ไม่มีอะไรที่จะเติมความสดใสให้สาว ๆ ได้ดีไปกว่าลิปสติกสีสด ว่าที่คุณแม่ควรเลือกสูตรที่ติดทนนานตลอดวัน จะได้ไม่ต้องมาคอยเติมปาก การเลือกลิปสติกสีที่ใช่ จะทำให้หน้าของคุณดูสดใสขึ้นได้ในทันที ควรเลือกสีที่เข้ากับโทนสีผิวธรรมชาติของคุณ ซึ่งมักจะเป็นสีที่เข้มกว่าสีปากของคุณ 1 หรือ 2 เฉดสี อย่ากังวลที่จะเลือกสีแดง แม้จะเป็นตอนกลางวันก็ตาม […]


การดูแลก่อนคลอด

ตั้งครรภ์ลูกแฝด คุณแม่ควรดูแลตัวเองอย่างไรให้แข็งแรงปลอดภัยทุกคน

ตั้งครรภ์ลูกแฝด คือการที่คุณแม่มีทารกอยู่ในท้องมากกว่าหนึ่งคน ซึ่งทำให้วิธีการดูแลครรภ์และดูแลตนเองนั้นอาจแตกต่างจากคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ลูกคนเดียวอยู่บ้าง รวมถึงอาจต้องเพิ่มความระมัดระวังเกี่ยวกับสุขภาพเป็นพิเศษ ทั้งด้วยน้ำหนักตัวที่มากกว่าการตั้งครรภ์โดยทั่วไป  การเลือกรับประทานอาหารที่ต้องครบถ้วนและหลากหลาย อย่างไรก็ตาม มีเคล็ดลับดี ๆ อยู่มากมายที่จะสามารถช่วยให้คุณแม่รับมือการตั้งครรภ์ลูกแฝดได้อย่างสบายใจมากขึ้น  [embed-health-tool-pregnancy-weight-gain] การดูแลสุขภาพคุณแม่ ตั้งครรภ์ลูกแฝด สิ่งสำคัญที่สุดของการตั้งครรภ์ลูกแฝดคือการดูแลสุขภาพกายให้แข็งแรงและปลอดภัย รวมทั้งการมีสุขภาพจิตที่ดีปลอดโปร่ง มีความกังวลน้อยที่สุด ซึ่งสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ ได้แก่ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเพียงพอ คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ทุกคนควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในทุกมื้อ และดูแลให้มีความหลากหลาย ได้รับสารอาหารต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายครบถ้วน เนื่องจากความต้องการสารอาหารจะเปลี่ยนไปตามแต่ละไตรมาสทั้งนี้ ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อขอรับคำแนะนำเรื่องโภชนาการระหว่างตั้งครรภ์  รับมือกับอาการปวดเมื่อยเนื้อตัว เมื่อตั้งครรภ์ลูกแฝด มดลูกจะขยายตัวขึ้นเป็นสองเท่า รวมถึงท้องจะใหญ่ขึ้นตามการเจริญเตบโตของทารกด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดหน่วงท้องน้อยที่มากขึ้น ซึ่งอาการดังกล่าวอาจเริ่มรู้สึกได้ตั้งสัปดาห์ที่ 25 ของการตั้งครรภ์ รวมทั้งอาการเป็นตะคริว หรือตกขาว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการปฏิบัติตัว ตรวจสุขภาพเป็นประจำและไปพบคุณหมอตามนัดทุกครั้ง ตั้งครรภ์ลูกแฝดมักจะทำให้มีความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะสุขภาพเพิ่มขึ้น คุณหมออาจนัดตรวจถี่และละเอียดกว่าการตั้งครรภ์โดยทั่วไป ทั้งเพื่อตรวจดูว่าเป็นแฝดสอง แฝดสาม หรือมากกว่าแฝดสี่คนขึ้นไป โดยเฉพาะหลังสัปดาห์ที่ 30 ของการตั้งครรภ์ คุณหมอก็อาจนัดไปตรวจอัลตร้าซาวด์สัปดาห์ละครั้ง เพื่อตรวจดูน้ำคร่ำว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม และตรวจสอบทารกว่ามีอัตราการเจริญเติบโตเป็นปกติ หากพบภาวะเสี่ยงใด ๆ จะได้รักษาหรือป้องกันได้ทัน หาแรงสนับสนุนได้ใกล้ตัว งานศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal Pediatiric พบว่าคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ลูกแฝดนั้น มักมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการซึมเศร้าหลังคลอดมากกว่าคุณแม่ลูกคนเดียวถึง 43 เปอร์เซ็นต์  นอกจากนี้คุณแม่หลายคนที่มีลูกแฝด […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

คุณกำลังกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ใช่หรือไม่?

หยุดกังวลได้แล้ว มาเข้าชุมชนสนทนาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และว่าที่คุณแม่คนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!


advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม