การดูแลก่อนคลอด

การดูแลก่อนคลอด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่งการดูแลคุณภาพการนอนหลับสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยคุณแม่และทารกในครรภ์มีสุขภาพที่แข็งแรง และหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่อาจทำให้เกิดปัญหาได้ เรียนรู้เทคนิคดี ๆ เกี่ยวกับ การดูแลก่อนคลอด ที่ Hello คุณหมอนำมาฝาก ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

การดูแลก่อนคลอด

นับอายุครรภ์ อย่างไร วิธีคำนวณอายุครรภ์ ที่ถูกต้อง

การนับอายุครรภ์และวิธีคำนวณอายุครรภ์ เป็นสิ่งที่มักเข้าใจกันผิด สับสนว่าจะคำนวณอายุครรภ์จากวันที่มีเพศสัมพันธ์หรือไม่ และต้องนับอายุครรภ์อย่างไรให้แม่นยำ เพื่อประโยชน์ของแม่ตั้งครรภ์และลูกในท้อง [embed-health-tool-pregnancy-weight-gain] นับอายุครรภ์ มีประโยชน์อย่างไร อายุครรภ์ตั้งแต่วันแรกของการตั้งครรภ์จวบจนถึงวันคลอดเป็นสิ่งที่แม่ควรใส่ใจ การคำนวณอายุครรภ์อย่างแม่นยำ มีข้อดีที่เป็นประโยชน์ต่อตัวแม่และทารกในครรภ์ ดังนี้ การนับอายุครรภ์ ช่วยให้ทราบขนาดของลูกในท้องแต่ละไตรมาส ตลอดจนพัฒนาการของทารกในครรภ์และความสมบูรณ์ของทารก แม่จะได้ดูแลทารกอย่างเหมาะสม การนับอายุครรภ์ ช่วยให้แพทย์วางแผนการตรวจครรภ์ แม่จะทราบถึงข้อควรระวังในแต่ละไตรมาส โดยเฉพาะภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ ที่แตกต่างกันไปในแต่ละไตรมาส การนับอายุครรภ์ ช่วยให้แพทย์คาดการณ์วันกำหนดคลอดได้ วันแรกที่เริ่ม นับอายุครรภ์ คือวันไหน การนับอายุครรภ์ เพื่อให้ทราบว่า ตั้งครรภ์มาแล้วกี่สัปดาห์หรือกี่เดือน อาจเข้าใจได้ว่า นับอายุครรภ์ตั้งแต่วันที่มีเพศสัมพันธ์หรือวันที่ปฏิสนธิ แต่จริง ๆ แล้ว แพทย์จะยึดเอาวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งล่าสุดมาคำนวณอายุครรภ์ การจดวันที่มีประจำเดือนทุก ๆ เดือนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แพทย์นำประจำเดือนครั้งสุดท้าย มาคำนวณอายุครรภ์ได้อย่างถูกต้อง  ทั้งนี้ หากสงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์ ให้ใช้อุปกรณ์ตรวจครรภ์หรือชุดตรวจครรภ์ตรวจการตั้งครรภ์ เมื่อทราบว่า กำลังตั้งครรภ์ควรรีบฝากครรภ์ก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์  วิธีคำนวณอายุครรภ์ นับเป็นเดือนหรือเป็นสัปดาห์ อายุครรภ์ปกติจะอยู่ประมาณ 280 วัน หรือ 40 สัปดาห์ โดยแพทย์จะนับอายุครรภ์เป็นสัปดาห์ และแยกอายุครรภ์ตามไตรมาส ประกอบด้วย ตั้งครรภ์ไตรมาสแรก สัปดาห์ที่ 1-14 ตั้งครรภ์ไตรมาสสอง สัปดาห์ที่ […]

สำรวจ การดูแลก่อนคลอด

การดูแลก่อนคลอด

โฟลิค คืออะไร สำคัญอย่างไรสำหรับคนท้อง

โฟลิค หรือวิตามินบี 9 ช่วยเสริมสร้างกระบวนการผลิตเซลล์ใหม่ เป็นวิตามินที่สำคัญสำหรับ คนท้อง และการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติแต่กำเนิดที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทส่วนกลางคือการพัฒนาของสมองและไขสันหลังของทารก โดยควรเริ่มเสริมโฟลิคตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 3 เดือน นอกจากนี้ โฟลิคอาจช่วยป้องกันการแท้ง การคลอดก่อนกำหนด ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ รวมถึงช่วยในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดของหญิงที่ตั้งครรภ์ได้ [embed-health-tool-pregnancy-weight-gain] โฟลิค คืออะไร  โฟลิค คือ วิตามินบี 9 ที่สามารถพบได้ในผักใบเขียว เช่น หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำปลี กระเจี๊ยบเขียว รวมถึงในอาหารจำพวกแป้ง ขนมปัง พาสต้า พืชตระกูลถั่ว นอกจากนี้ ยังมีกรดโฟลิคที่เป็นอาหารเสริมมักใช้ร่วมกับวิตามินบีอื่น ๆ โฟลิคมีส่วนช่วยในกระบวนการเผาผลาญโปรตีน และยังจำเป็นต่อการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง นอกจากนี้ ยังมีประโยชน์ต่อผู้หญิงที่วางแผนในการตั้งครรภ์ และกำลังตั้งครรภ์ เพราะช่วยลดความเสี่ยงของทารกที่จะเกิดความบกพร่องของระบบประสาทส่วนกลางทั้งสมอง ไขสันหลัง และท่อระบบประสาทด้วย ประโยชน์ของ โฟลิค ต่อ คนท้อง ประโยชน์ของกรดโฟลิคสำหรับคนท้อง อาจมีดังต่อไปนี้ ป้องกันภาวะโรคโลหิตจาง  ป้องกันความผิดปกติของระบบท่อประสาทในทารก  ช่วยลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน  ช่วยให้เจริญอาหาร แก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์  […]


การดูแลก่อนคลอด

น้ำหนักตัวแม่ท้อง ที่เหมาะสม และข้อควรระวัง

น้ำหนักตัวแม่ท้อง ควรหนักเท่าไหร่ดี ถึงจะเรียกว่ามีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม เพราะโดยปกติแล้ว คนท้องจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ และการเปลี่ยนแปลงของร่างกายแม่เพื่อปรับให้เหมาะสมกับการตั้งครรภ์  แต่หากมีน้ำหนักตัวที่มากจนเกินไป อาจเสี่ยงเกิดโรคและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ  ทั้งต่อสุขภาพของแม่และทารกในครรภ์ได้ คุณแม่ตั้งครรภ์จึงควรประเมินน้ำหนักและพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เพื่อจะได้มีน้ำหนักตัวที่เหมาะสมต่อการตั้งครรภ์ และการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ [embed-health-tool-due-date] น้ำหนักตัวแม่ท้อง ควรเป็นอย่างไร น้ำหนักตัวแม่ท้องที่เหมาะสมสำหรับการเพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งน้ำหนักตัวเดิมก่อนการตั้งครรภ์ ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) สุขภาพของคุณแม่ และสุขภาพของทารกในครรภ์ ล้วนมีส่วนสำคัญต่อน้ำหนักตัวในช่วงตั้งครรภ์ทั้งสิ้น โดยน้ำหนักตัวของคุณแม่ตั้งครรภ์ ควรอยู่ในขอบข่ายตามที่ Institute of Medicine and National Research Council แนะนำไว้ ดังนี้ น้ำหนักตัวแม่ตั้งท้องลูกคนเดียว  น้ำหนักตัวก่อนตั้งครรภ์ น้ำหนักตัวขณะ ตั้งครรภ์ ที่ควรเพิ่มขึ้น น้ำหนักตัวต่ำกว่ามาตรฐาน (BMI ต่ำกว่า 18.5) น้ำหนักควรเพิ่มขึ้น 13-18 กิโลกรัม น้ำหนักตัวปกติ (BMI ตั้งแต่ 18.5-24.9) น้ำหนักควรเพิ่มขึ้น 11-16 กิโลกรัม น้ำหนักตัวมาก (BMI ตั้งแต่ 25-29.9) น้ำหนักควรเพิ่มขึ้น 7-11 กิโลกรัม โรคอ้วน (BMI ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป) น้ำหนักควรเพิ่มขึ้น 5-9 กิโลกรัม น้ำหนักตัวแม่ตั้งท้องลูกแฝด น้ำหนักตัวก่อนตั้งครรภ์ น้ำหนักตัวขณะ ตั้งครรภ์ […]


การดูแลก่อนคลอด

คนท้องกินปลา อะไร ถึงจะดีต่อคุณแม่และทารกในครรภ์

ปลา ถือเป็นอีกหนึ่งอาหารที่ดีต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ดีเอชเอ โปรตีน วิตามินดี แคลเซียม แต่ คนท้องกินปลา ได้มากแค่ไหน ปลาชนิดใดบ้างที่มีประโยชน์ และปลาชนิดใดบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นสิ่งที่เหล่าคุณแม่ควรต้องรู้ เพื่อจะได้เลือกกินปลาให้ถูกชนิด เพื่อสุขภาพของตัวเองและทารกในครรภ์ ทำไมคนท้องควรกินปลา ช่วงเวลาตั้งครรภ์ถือเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่จะต้องดูแลตัวเองมากเป็นพิเศษ เพื่อให้สุขภาพที่แข็งแรงของคุณแม่และทารกในครรภ์ ซึ่งเรื่องที่ควรให้ความใสใจเป็นอันดับต้น ๆ คือ อาหาร โดยหนึ่งในอาหารที่คุณแม่ควรกิน คือ ปลา ซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 และดีเอชเอ (DHA) ที่มีส่วนเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองและดวงตาของทารกในครรภ์ นอกจากนี้ ยังมีสารอาหารสำคัญอย่าง โปรตีน ที่ช่วยในการสร้างพลังงาน และเสริมความหนาแน่นของมวลกล้ามเนื้อ แคลเซียมและวิตามินดีทำหน้าที่ในการเสริมความแข็งแรงของกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุนในคุณแม่ตั้งครรภ์ ทั้งยังช่วยสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อของทารกในครรภ์อีกด้วย คนท้องกินปลาทะเลได้ไหม หากเป็นเมื่อก่อน การที่คนท้องกินปลาทะเลอาจเป็นเรื่องที่ควรระมัดระวัง เพราะอาจมีการปนเปื้อนของสารปรอท โดยเฉพาะในอาหารทะเลจำพวก ปลา กุ้ง หอย หรือปูที่มาจากทะเล ดังนั้น คุณแม่ตั้งครรภ์จึงมักถูกห้ามไม่ให้กินอาหารทะเล  อย่างไรก็ตาม องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (The Food and Drug Administration หรือ FDA) และสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา  (Environmental […]


การดูแลก่อนคลอด

อาหารคนท้อง ที่จำเป็นต่อสุขภาพคุณแม่และทารกในครรภ์

อาการคนท้อง และโภชนาการสำหรับคนท้อง มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ คนท้องควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และมีสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นกรดโฟลิก แคลเซียม ธาตุเหล็ก ไอโอดีน วิตามินดี และแร่ธาตุอื่น ๆ เพื่อช่วยให้เสริมสร้างให้ทารกมีพัฒนาการที่ดี และช่วยลดโอกาสในการเกิดปัญหาสุขภาพตั้งครรภ์ ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์หรือขณะคลอด [embed-health-tool-due-date] สารอาหารที่จำเป็นสำหรับคนท้อง สารอาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับจากอาหารต่าง ๆ  มีดังนี้ กรดโฟลิก  กรดโฟลิก (Folic acid) เป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นทั้งก่อนและขณะตั้งครรภ์ เนื่องจากเป็นสารที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเซลล์ในร่างกาย หญิงตั้งครรภ์ ควรได้รับกรดโฟลิกอย่างเพียงพอ เพื่อช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของภาวะบกพร่องที่ระบบประสาทและกระดูกสันหลัง หรือที่รู้จักกันในชื่อภาวะหลอดประสาทไม่ปิด (Neural tube defect หรือ NTDs) รวมถึงลดความเสี่ยงของโรคปากแหว่งเพดานโหว่ในทารกด้วย แคลเซียม ขณะตั้งครรภ์ ทารกในครรภ์จะใช้แคลเซียมในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตกระดูก ฟัน หัวใจ กล้ามเนื้อ และเส้นประสาท คนท้องจึงจำเป็นต้องได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ เพื่อไม่ให้ความหนาแน่นของมวลกระดูกสูญเสียไปขณะตั้งครรภ์ และป้องกันความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนหลังคลอดด้วย ธาตุเหล็ก ร่างกายจำเป็นต้องใช้ธาตุเหล็กในการสร้างฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของโปรตีนที่อยู่ในเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์สำคัญที่ทำหน้าที่ในการช่วยลำเลียงออกซิเจนจากปอดไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ขณะตั้งท้อง ร่างกายของคุณแม่จำเป็นต้องได้รับธาตุเหล็กมากกว่าก่อนตั้งท้องถึง 2 เท่า เพื่อให้มีธาตุเหล็กเพียงพอสำหรับทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปยังทารกในครรภ์ และเพื่อให้เพียงพอที่ทารกในครรภ์จะดึงเอาธาตุเหล็กไปใช้ในการสร้างเลือดของตนเองด้วย ไอโอดีน ไอโอดีนเป็นแร่ธาตุที่ร่างกายใช้เพื่อสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ จึงเป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการตั้งครรภ์ คุณแม่ควรจะได้รับไอโอดีนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายมีฮอร์โมนไทรอยด์ที่สมดุล และสามารถกักเก็บพลังงานจากอาหารที่รับประทานเข้าไปได้ นอกจากนั้น […]


การดูแลก่อนคลอด

วิธีดูแลสุขภาพที่ช่วยให้ ลูกในท้องแข็งแรง สุขภาพดี

การดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอถือเป็นสิ่งที่ทุกคนควรปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะการดูแลตัวเองให้ดี ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณแม่เอง แต่ยังส่งผลให้ ลูกในท้องแข็งแรง ด้วย แล้วคุณแม่ตั้งครรภ์ควรปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อให้ตัวเองและลูกในท้องมีสุขภาพดี บทความนี้ของ Hello คุณหมอ มีคำตอบให้คุณแล้ว เคล็ดลับที่ช่วยให้ ลูกในท้องแข็งแรง ฝากครรภ์ทันที และพบคุณหมอตามนัด เมื่อคุณแม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ แนะนำให้รีบไปฝากครรภ์ทันทีที่ทำได้ เพราะยิ่งคุณแม่ฝากครรภ์เร็ว คุณแม่ก็จะได้รับการดูแลและคำแนะนำในการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องเหมาะสมจากผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ได้รับประทานยาบำรุง และเวลามีนัดตรวจครรภ์ ก็อย่าลืมไปตามนัดของคุณหมอด้วย เพราะหากเกิดความผิดปกติอะไรขึ้น คุณหมอจะได้ตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ และหาวิธีแก้ไขได้อย่างทันท่วงที รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่เพียงแต่จะส่งผลดีต่อคุณแม่เท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ลูกในท้องแข็งแรงด้วย โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้คุณแม่ท้องรับประทานอาหารดังต่อไปนี้ รับประทานผักและผลไม้อย่างน้อย 5 ส่วนต่อวัน โดยจะเลือกรับประทานแบบสด แบบแช่แข็ง แบบกระป๋อง แบบแห้ง หรือในรูปแบบน้ำผักผลไม้ก็ได้ รับประทานโปรตีนทุกวัน โดยเลือกโปรตีนแบบไร้ไขมัน เช่น เนื้อปลา เนื้อสัตว์ไร้ไขมัน ไข่ พืชตระกูลถั่ว เลือกรับประทานคาร์โบไฮเดรต เช่น ขนมปัง เส้นพาสต้า ข้าว ที่เป็นธัญพืชเต็มเมล็ดไม่ผ่านการขัดสี หรือที่เรียกว่า โฮลเกรน (Whole Grains) เพราะมีวิตามินและแร่ธาตุ เช่น […]


การดูแลก่อนคลอด

ประโยชน์ของกีวี่ สำหรับคนท้อง มีอะไรบ้าง

กีวี่ เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินนานาชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินเค เพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายแข็งแรง ทั้งยังีมีโฟเลตซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาสมองของทารกในครรภ์ นอกจากนี้ กีวี่ยังเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำ ประโยชน์ของกีวี่ สำหรับคนท้อง ดังที่กล่าวมา จึงทำให้กีวี่เป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับให้คนท้องกินเป็นอาหารว่าง ประโยชน์ของกีวี่ สำหรับคนท้อง กีวี่ เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและวิตามินเค นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยโฟเลต (Folate) ที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาสมอง ความสามารถในการรับรู้ และกระบวนการพัฒนาของทารกในครรภ์ มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดภาวะหลอดประสาทไม่ปิด (Neural tube defects) ซึ่งเป็นความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดของระบบประสาทส่วนกลางและไขสันหลัง นอกจากนี้ การกิน กีวี่ ตอนท้องยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย ดังนี้ ช่วยในการย่อยอาหาร กีวี่เป็นผลไม้ที่มีปริมาณไฟเบอร์มาก ซึ่งมีส่วนช่วยในระบบการขับถ่าย ช่วยให้ขับถ่ายได้คล่อง ป้องกันอาการท้องผูก ท้องอืด และช่วยลดอาการปวดท้องได้ ช่วยจัดการระดับน้ำตาลในเลือด กีวี่เป็นผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic index หรือ GI) ต่ำ กีวี่ 100 กรัม จะมีน้ำตาลกลูโคส (Glucose) อยู่เพียง 5 กรัมเท่านั้น กีวี่จึงเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับคนท้องที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่บางคนอาจจะอ่อนแอลงและทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย การรับประทานกีวี่ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินซี […]


การดูแลก่อนคลอด

ผลไม้สำหรับคนท้อง ดีต่อคุณแม่ มีประโยชน์ต่อทารก

ผลไม้สำหรับคนท้อง เป็นหนึ่งในอาหารหลักช่วงระหว่างตั้งครรภ์ เพราะมีวิตามิน สารอาหาร และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อทั้งร่างกายคุณแม่และการเจริญเติบโตของทารก โดยผลไม้นั้นจะช่วยบำรุงสุขภาพของทั้งคู่ให้สมบูรณ์และแข็งแรง แต่ทั้งนี้ ในแต่ละวันต้องบริโภคผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรมากหรือน้อยเกินไป  ผลไม้สำหรับคนท้อง มีอะไรบ้าง โดยปกติแล้ว คนท้องสามารถรับประทานอาหารได้แทบทุกประเภท สำหรับผลไม้ที่เหมาะสมสำหรับคนท้อง ได้แก่ แอปริคอต ในผลแอปริคอตนั้นเต็มไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี ทั้งยังให้ธาตุอาหารจำเป็นอย่างแคลเซียม ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ซิลิคอน เบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) ซึ่งมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะธาตุเหล็กที่มีส่วนช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง และมีแคลเซียมที่ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ส้ม  ส้ม นอกจากจะเป็นผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูงแล้ว ยังให้คุณค่าทางสารอาหารเพื่อการบำรุงครรภ์อย่าง โฟเลต หรือวิตามินบีอีกด้วย ซึ่งโฟเลตจะช่วยลดความเสี่ยงของการบกพร่องที่ระบบประสาทหรือไขสันหลัง หรือภาวะความผิดปกติของท่อระบบประสาท (Neural tube defect หรือNTDs) ซึ่งเป็นภาวะความผิดปกติแต่กำเนิด นอกจากนั้น วิตามินซีในส้มก็ยังมีส่วนสำคัญในการต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการถูกทำลายของเซลล์ ทั้งยังช่วยให้หญิงตั้งครรภ์และทารกสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น มะม่วง มะม่วงเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูง นอกจากวิตามินซีที่มีประโยชน์แล้ว มะม่วงยังเป็นแหล่งของวิตามินเอที่สำคัญต่อร่างกายในปริมาณที่สูงด้วย  คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ควรจะต้องรับประทานอาหารที่ให้วิตามินเออย่างเพียงพอ เพราะถ้าทารกในครรภ์ได้รับวิตามินเอไม่เพียงพอ หรือมีภาวะขาดแคลนวิตามินเอ จะทำให้มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ท้องเสีย หรือเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ อย่างไรก็ตาม […]


การดูแลก่อนคลอด

พาลูกในครรภ์เที่ยว (Babymoon Trip) คืออะไร

พาลูกในครรภ์เที่ยว อาจมีความคล้ายคลึงกับการฮันนีมูน นั่นคือ การไปพักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อมก่อนคลอด โดยมีทารกในครรภ์ร่วมเดินทางไปด้วย แล้วเมื่อไหร่ที่จะสามารถพาลูกในครรภ์ไปเที่ยวได้ อาจเป็นคำถามที่คุณแม่หลายคนสงสัย ดังนั้น การศึกษาข้อมูลในการพาลูกในครรภ์เที่ย รวมถึงเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางจึงเป็นเรื่องที่คุณแม่ควรใส่ใจ เพื่อจะได้เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเดินทาง พาลูกในครรภ์เที่ยว คืออะไร พาลูกในครรภ์เที่ยว (Babymoon Trip) อาจมีความคล้ายคลึงกับฮันนีมูนทริป ตรงที่เป็นหยุดพักผ่อน อาจต่างกันตรงที่มีทารกในครรภ์ร่วมทริปไปด้วย เนื่องจาก หลังคลอดลูกคุณแม่อาจจะไม่มีเวลาเที่ยว เพราะต้องดูแลทารก ดังนั้น การพาลูกในครรภ์เที่ยวจึงเป็นช่วงเวลาที่เหล่าว่าที่คุณพ่อและคุณแม่มือใหม่อาจได้ใช้เวลาพักผ่อนก่อนเตรียมตัวในการคลอดลูก เมื่อไรที่ควรพาลูกในครรภ์เที่ยว การพาลูกในครรภ์เที่ยวนั้นไม่มีกฎระเบียบที่ชัดเจน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเวลาที่สะดวก  แม้จะอยู่ในช่วงไตรมาสที่ 3 ก็ยังสามารถไปเที่ยวได้ บางครั้งอาจจะเลือกเป็นทริปใกล้ ๆ เพื่อที่จะได้ประหยัดเวลาในการเดินทาง และจะได้ไม่รู้สึกเหนื่อยกับการเดินทางมากเกินไป แต่สิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์อาจจะต้องระวังในการพาลูกเที่ยวก็คืออาการแพ้ท้องที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้น หากเดินทางในช่วงที่ยังมีอาการแพ้ท้องอาจจะยิ่งทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์รู้สึกเหนื่อยและเดินทางลำบาก จึงอาจทำให้การพาลูกในครรภ์เที่ยวเพื่อผ่อนคลายกายเป็นการสร้างความเหนื่อล้าให้กับตัวเอง และอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ สิ่งที่ควรทำเมื่อพาลูกในครรภ์เที่ยว กิจกรรมในระหว่างที่พาลูกในครรภ์เที่ยวนั้นอาจขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล แต่อาจต้อระวังการทำกิจกรรมที่ผาดโผน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น กิจกรรมที่อาจทำได้ขณะที่พาลูกในครรภ์เที่ยวอาจมีดังนี้ เที่ยวพิพิธภัณฑ์หรือแกลลอรี่ สปา จองร้านอาหารบรรยากาศดี ๆ สำหรับมื้อค่ำ เที่ยวชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เที่ยวทะเล นอกจากการเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อพักผ่อนแล้ว ยังมีการเที่ยวอีกรูปแบบหนึ่งที่ชื่อว่า Staycation ซึ่งเป็นรูปแบบการเที่ยวที่อาจเที่ยวในพื้นที่ใกล้ ๆ บ้าน เช่าโรงแรมใกล้บ้าน เพื่อทำให้รู้สึกเหมือนไปเที่ยว แต่ไม่ต้องเดินทางออกต่างจังหวัด การเที่ยวแบบนี้อาจช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์รู้สึกผ่อนคลายได้เช่นกัน สิ่งสำคัญ […]


การดูแลก่อนคลอด

สารในครีมและเครื่องสำอาง ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง มีอะไรบ้าง

สารในครีมและเครื่องสำอาง เช่น ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) เรตินอยด์ (Retinoids) เป็นสารเคมีกลุ่มที่อาจพบเห็นได้บ่อย และอาจสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย แต่สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ อาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงสารเหล่านี้ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพ ทั้งต่อคุณแม่ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ ดังนั้น ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ควรปรึกษาคุณหมอและเภสัชกรทุกครั้งก่อนเลือกใช้ครีมหรือเครื่องสำอางใด ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยต่อสุขภาพ [embed-health-tool-due-date] สารในครีมและเครื่องสำอาง ที่ควรเลี่ยงช่วงตั้งครรภ์ ไฮโดรควิโนน ไฮโดรควิโนน เป็นสารที่ช่วยทำให้ผิวกระจ่างขึ้น และช่วยยับยั้งการทำงานของเม็ดสีผิวที่เกิดจากเกลื้อนและฝ้า ซึ่งถือเป็นปัญหาผิวหนังที่คุณแม่ตั้งครรภ์พบได้ค่อนข้างบ่อย แม้ในปัจจุบันจะยังไม่มีงานศึกษาวิจัยที่ยืนยันชัดเจนว่า ไฮโดรควิโนนส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์ หรือก่อให้เกิดความพิการแต่กำเนิด แต่ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ร่างกายสามารถดูดซึมไฮโดรควิโนนได้ค่อนข้างมาก หากเปรียบเทียบกับสารอื่น ๆ ฉะนั้น ไฮโดรควิโนนจึงเป็นสารในครีมและเครื่องสำอางที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง เรตินอยด์ เมื่อบริโภควิตามินเอ หรือทาวิตามินเอที่ผิวหนัง ร่างกายจะดูดซึมและเปลี่ยนวิตามินเอเป็นเรตินอล (Retinol) ซึ่งผลิตภัณฑ์หรือเครื่องสำอางที่ช่วยต้านริ้วรอยบางตัวจะใช้เรตินอลในรูปแบบที่เรียกว่า เรตินอยด์ ที่เป็นกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ เพราะเชื่อว่าสามารถช่วยลดเลือนและต่อต้านริ้วรอยได้ โดยปกติแล้วปริมาณเรตินอยด์ที่ใส่ลงในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้นจะค่อนข้างต่ำ แต่หากเป็นเรตินอยด์ในปริมาณสูงก็อาจทำให้เด็กที่คลอดออกมาเกิดความผิดปกติแต่กำเนิดได้ ตั้งแต่ทารกมีศรีษะเล็ก การพัฒนาของตาและหูที่ผิดปกติ เพดานโหว่ รวมถึงความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจด้วย เพื่อความปลอดภัย ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้คุณแม่ตั้งครรภ์งดใช้ครีมที่มีเรตินอยด์รวมทั้งหญิงที่วางแผนจะมีบุตรด้วย ฟอร์มาลดีไฮด์ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางบางชนิดอาจมีการใส่สารฟอร์มาลดีไฮด์ลงไป เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นสารกันบูดและยาฆ่าเชื้อโรค ซึ่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention หรือ CDC) […]


การดูแลก่อนคลอด

กินซูชิ ขณะตั้งครรภ์ ปลอดภัยหรือไม่

กินซูชิ ขณะตั้งครรภ์ อาจสร้างความกังวลใจให้คุณแม่เนื่องจากหน้าของซูชิมักทำมาจากปลาดิบ เช่น ซูชิหน้าปลาแซลมอน ซูชิหน้าปลาหมึก ซึ่งในปลาดิบต่าง ๆ เหล่านั้นอาจมีแบคทีเรียหรือเชื้อปรสิตบางชนิดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องระมัดระวังในการรับประทานซูชิ อาจเลือกรับประทานเฉพาะซูชิหน้าปลาที่ปรุงสุก หรือซูชิลโรลซึ่งเป็นผักแทน ปัญหาสุขภาพหากกินซูชิ ขณะตั้งครรภ์  ระหว่างการตั้งครรภ์อาหารที่คุณแม่รับประทานนั้นส่งผลต่อทารกในท้อง จึงควรเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุก มีประโยชน์ต่อพัฒนาการของทารก รวมทั้งเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของคุณแม่ด้วย ซูชิ (Sushi) เป็นอาหารญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่แล้วทำมาจากปลาดิบ ซึ่งการรับประทานปลาดิบที่ไม่ได้ผ่านกรรมวิธีอย่างถูกต้องนั้นอาจทำให้มีปรสิตปนอยู่ และเกิดการติดเชื้อในลำไส้ จนมีอาการต่าง ๆ เหล่านี้ ท้องร่วง อาเจียน ปวดท้องอย่างรุนแรง นอกจากปรสิตในปลาดิบแล้ว ในปลาดิบยังอาจมีเชื้อแบคทีเรียอื่น ๆ อย่างเช่น ลิสเทอเรีย (Listeria) ซึ่งเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษชนิดที่มีความรุนแรงต่อสุขภาพทั้งของคุณแม่และทารกอย่าง โรคลิสเทริโอซิส (Listeriosis) ได้ นอกจาก ซูชิหน้าปลาดิบแล้ว การทำซูชิยังนิยมนำกุ้งดิบ หอยดิบ หอยเชลล์ดิบ มาเป็นหน้าอีกด้วย ซึ่งเนื้อสัตว์ต่าง ๆ เหล่านี้อาจมีไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดอันตรายปนเปื้อนมาด้วย จนทำให้เกิดอาหารเป็นพิษได้ นอกจากนี้ ทารกอาจได้รับสารปรอท เชื้อแบคทีเรีย และปรสิตที่มาจากปลาดิบจนเป็นอันตรายได้ ในช่วงที่ตั้งครรภ์ ระบบภูมิคุ้มกันนั้นจะมีความอ่อนแอลง จึงทำให้ง่ายต่อการติดเชื้อต่างๆ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงเหล่านี้ ความเสี่ยงในการแท้งลูก ทารกเสียชีวิตในครรภ์ มดลูกอักเสบ คลอดก่อนกำหนด ไม่เพียงเท่านั้นแล้ว […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

คุณกำลังกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ใช่หรือไม่?

หยุดกังวลได้แล้ว มาเข้าชุมชนสนทนาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และว่าที่คุณแม่คนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!


advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม