สุขภาพระบบทางเดินอาหาร

ระบบย่อยอาหาร คือหนึ่งในระบบที่สำคัญที่สุดของร่างกาย เนื่องจากร่างกายของเราจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นอาหาร เพื่อการทำงานที่เป็นปกติของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ สุขภาพระบบทางเดินอาหาร ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพระบบทางเดินอาหาร

อาการไส้ติ่ง เริ่มต้นจะเป็นอย่างไร อาการไส้ติ่งอักเสบ เกิดจากอะไร

อาการไส้ติ่ง ที่บ่งบอกว่า ร่างกายอาจกำลังเกิดอาการไส้ติ่งอักเสบ หรืออาจร้ายแรงได้ถึงอาการไส้ติ่งแตก ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ ถ้าไม่สังเกตร่างกายให้ดีและพบคุณหมอเสียแต่เนิ่น ๆ [embed-health-tool-bmi] สาเหตุของโรคไส้ติ่งอักเสบ  ไส้ติ่งสามารถเกิดภาวะการอักเสบได้จากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะไส้ติ่งเกิดภาวะการอักเสบจากการอุดตันภายใน เช่น  เศษอุจจาระขนาดเล็กที่ทำให้ไส้ติ่งเกิดการติดเชื้อและบวมขึ้น เมื่ออุจจาระ ของเสีย สิ่งแปลกปลอม หรือก้อนเนื้อมะเร็ง ได้อุดตันในไส้ติ่งจะทำให้เกิดแบคทีเรียสะสม อาจเกิดอาการเลือดคั่ง จนกระจายไปที่ผนังไส้ติด ทำให้เกิดภาวะการอักเสบ อาจเกิดจากการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน ที่ส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย รวมถึงต่อมน้ำเหลืองในไส้ติ่งเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง จนขยายตัวขึ้นไปปิดกั้นไส้ติ่ง ทำให้เกิดอาการไส้ติ่งอักเสบได้ บางกรณีเกิดได้จากการรับประทานเนื้อสัตว์ไม่สุก เช่น เนื้อวัวหรือเนื้อควายดิบ ทำให้เกิดความเสี่ยงของโรคพยาธิตัวตืดวัวควาย จากการกินตัวอ่อนพยาธิหรือเม็ดสาคู เมื่อตัวอ่อนเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยในลำไส้ ลำตัวจะเป็นปล้อง ๆ แล้วปล้องสุกจะหลุดออกมากับอุจจาระ ปล้องสุกที่หลุดออกมาอาจเข้าไปในไส้ติ่ง ทำให้ไส้ติ่งอักเสบได้ อาการไส้ติ่ง เริ่มต้นเป็นอย่างไร อาการไส้ติ่ง พบได้กับทุกเพศทุกวัย ผู้ป่วยจะรู้สึกถึงความผิดปกติก็ต่อเมื่อเกิดโรคไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis) แล้ว ทำให้ร่างกายค่อย ๆ แสดงอาการเมื่อไส้ติ่งเริ่มอุดตัน เช่น  เกิดอาการปวดท้องอย่างเฉียบพลันที่บริเวณรอบสะดือ  ระยะต่อมา เมื่อไส้ติ่งเริ่มบวมจะลุกลามไปปวดท้องบริเวณชายโครงด้านขวา หรือปวดที่ท้องด้านล่างขวา เนื่องจากการอักเสบที่ลุกลามมากขึ้น จะรู้สึกเจ็บบริเวณที่ไส้ติ่งมากขึ้น ขณะลุกเดิน เคลื่อนไหวร่างกาย หรือแม้กระทั่งไอและจาม มีไข้ จุกแน่นท้อง  คลื่นไส้ […]

สำรวจ สุขภาพระบบทางเดินอาหาร

โรคกระเพาะอาหารอักเสบ

กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง (Chronic gastritis)

คำจำกัดความกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรังคืออะไร กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง (Chronic gastritis) เป็นภาวะหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเยื่อบุกระเพาะอาหารเกิดการอักเสบ   ผู้ที่เป็นโรคนี้อาจไม่มีอาการเจ็บปวด หรืออาจมีอาการปวดท้องตื้อที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่พบได้มากที่สุด คือ กระเพาะอักเสบเรื้อรังจากเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter pylori bacteria) โรคกระเพาะอักเสบเรื้อรังมักมีอาการดีขึ้นจากการรักษา แต่อาจต้องมีการเฝ้าระวังที่ต่อเนื่อง แบคทีเรีย การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป การใช้ยาบางชนิด ความเครียดเรื้อรัง หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันอื่นๆ สามารถทำให้กระเพาะอาหารอักเสบได้ เมื่ออักเสบ เยื่อบุกระเพาะอาหารจะเปลี่ยนแปลงและสูญเสียเซลล์ป้องกันบางเซลล์ นอกจากนี้ ยังทำให้กระเพาะอาหารของคุณรู้สึกอิ่ม หลังจากรับประทานอาหารเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง เป็นอาการที่เกิดขึ้นติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนเนื้อเยื่อที่เจริญแล้ว (metaplasia) นั่นคือ การเปลี่ยนแปลงชนิดของเซลล์จากชนิดหนึ่งไปเป็นอีกชนิดหนึ่งเพื่อให้เข้าสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป หรือเกิดการเจริญผิดปกติของเซลล์ที่ยังไม่ลุกลาม (dysplasia) ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงก่อนเป็นมะเร็งในเซลล์ ฉะนั้น หากปล่อยไว้ไม่รักษา จึงสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้ กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรังพบได้บ่อยแค่ไหน ประชากรโลกประมาณน้อยละ 50 มีการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร ดังนั้น กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรังจึงพบได้บ่อยมาก การติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร พบได้บ่อยมากในทวีปเอเชียและในประเทศที่กำลังพัฒนา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดปรึกษาแพทย์ อาการอาการกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง อาการทั่วไปของกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง ได้แก่ ปวดท้องส่วนบน อาหารไม่ย่อย ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน เรอ ไม่อยากอาหาร น้ำหนักลดแบบไม่ทราบสาเหตุ ควรไปพบหมอเมื่อใด หากคุณมีอาการใดๆ ที่กล่าวมาข้างต้น หรือมีข้อสงสัยใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ เนื่องจากร่างกายของแต่ละคนแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดจึงควรพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อหาแนวทางในการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ สาเหตุสาเหตุของกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรังมีหลายประเภท และอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้ ประเภท […]


อาการแสบร้อนกลางอก

แสบร้อนกลางอก สาเหตุ วิธีรักษาและป้องกัน

แสบร้อนกลางอก เป็นภาวะที่กรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารไปยังหลอดอาหาร และเคลื่อนตัวไปยังลำคอซึ่งทำให้เกิดการระคายเคืองของเนื้อเยื่อ ท้องอืด ท้องเฟ้อ และรู้สึกไม่สบายตัว ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตหรือความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร ดังนั้น หากสังเกตพบอาการแสบร้อนกลางอกควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการรักษาอย่างรวดเร็ว [embed-health-tool-bmi] คำจำกัดความ แสบร้อนกลางอก คืออะไร อาการแสบร้อนกลางอก (Acid reflux) เป็นภาวะที่กรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารไปยังหลอดอาหาร (ท่อที่เชื่อมต่อคอและกระเพาะอาหาร) และเคลื่อนตัวไปยังลำคอซึ่งทำให้เกิดการระคายเคืองของเนื้อเยื่อ กระเพาะอาหารมีกรดเข้มข้นที่เรียกว่ากรดไฮโดรคลอริก (hydrochloric acid) ที่ช่วยในการย่อยอาหารที่มีประสิทธิภาพและป้องกันจุลชีพที่ไม่พึงประสงค์ เช่น แบคทีเรีย ที่ช่วงต้นของกระเพาะอาหารจะมีลิ้นที่ให้อาหารเข้าไปในกระเพาะอาหารแต่ไม่ย้อนกลับไปยังหลอดอาหาร เมื่อลิ้นดังกล่าวไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ สิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับไปยังหลอดอาหาร ซึ่งทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก อาการแสบร้อนกลางอกสามารถจัดการได้โดยลดความเสี่ยง โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อาการ แสบร้อนกลางอกมีอาการอย่างไร อาการทั่วไปของอาการแสบร้อนกลางอกอาจได้แก่ เรอ คลื่นไส้หลังรับประทานอาหาร ท้องขึ้นหรือท้องเฟ้อ มีอาการปวดและแน่นที่ช่องท้องส่วนบน อาจมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการบางประการที่ไม่ได้กล่าวถึงข้างต้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการ โปรดปรึกษาแพทย์ ควรไปพบหมอเมื่อใด หากมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใดๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีข้อคำถามใดๆ โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ สาเหตุ สาเหตุของอาการแสบร้อนกลางอก อาการแสบร้อนกลางอกอาจเกิดขึ้นเป็นระยะในบางช่วงของชีวิต พบได้ในคนทุกวัย โดยในบางครั้งไม่ทราบสาเหตุ ตามปกติแล้ว ปัจจัยเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์เป็นสาเหตุของภาวะดังกล่าว แต่ยังสามารถเกิดจากสาเหตุที่มักไม่สามารถป้องกันได้ สาเหตุประการหนึ่งคือความผิดปกติของกระเพาะอาหาร ที่เรียกว่าไส้เลื่อนกระบังลม (hiatal hernia) เป็นความผิดปกติทางกายภาพ ซึ่งรูในกระบังลมทำให้กระเพาะอาหารส่วนบนเข้าไปยังช่องว่างที่หน้าอกได้ ซึ่งในบางครั้งทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อน (gastroesophageal reflux disease: GERD) ปัจจัยเสี่ยงของอาการแสบร้อนกลางอก มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่สามารถทำให้เกิดอาการดังกล่าวนี้ ซึ่งได้แก่ ไลฟ์สไตล์ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือการสูบบุหรี่ […]


โรคตับ

ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง ภาวะอันตราย กับอาการที่ควรสังเกต

ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง เป็นการอักเสบ (อาการบวม) ของตับอ่อน ซึ่งทำหน้าที่สร้างสารที่เรียกว่าน้ำย่อยของตับอ่อน ที่ประกอบด้วยเอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหาร ฮอร์โมนอินซูลิน และฮอร์โมนกลูคากอน [embed-health-tool-bmi] คำจำกัดความ ตับอ่อนอักเสบเรื้อรังคืออะไร ตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis) เป็นการอักเสบ (อาการบวม) ของตับอ่อน ตับอ่อนเป็นต่อมชนิดหนึ่งในช่องท้อง ซึ่งล้อมรอบโดยกระเพาะอาหาร ลำไส้ และอวัยวะอื่นๆ โดยตับอ่อนทำหน้าที่สร้างสารที่เรียกว่าน้ำย่อยของตับอ่อน ที่ประกอบด้วยเอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหาร ฮอร์โมนอินซูลิน และฮอร์โมนกลูคากอน ตับอ่อนอักเสบเกิดขึ้นเมื่อเอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหารเหล่านี้เริ่มทำลายตับอ่อน โดยตับอักเสบมีสองประเภท ได้แก่ ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (Acute pancreatitis) ที่เกิดขึ้นอย่างกะหันหัน ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง (Chronic pancreatitis) เกิดขึ้นเป็นเวลานาน การทำลายตับอ่อนอย่างต่อเนื่องอาจทำให้เกิดตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง และไม่สามารถสังเคราะห์เอนไซม์ต่างๆ ได้ ทำให้ร่างกายไม่สามารถย่อยและดูดซึมไขมันในอาหาร นอกจากนี้ ยังทำให้การสร้างอินซูลินยังลดลงอีกด้วย ตับอ่อนอักเสบเรื้อรังไม่สามารถหายขาดหรือมีอาการดีขึ้นได้ อาจมีอาการแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไปและทำให้เกิดความเสียหายถาวร ตับอ่อนอักเสบเรื้อรังพบได้บ่อยเพียงใด ตับอ่อนอักเสบเรื้อรังพบได้ไม่บ่อย ความชุกของโรคนี้ คือ 50/100,000 คน โดยผู้ที่มีอายุระหว่าง 30 และ 40 ปี มีอัตราสูงขึ้นในการเป็นตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง และผู้ชายได้รับผลกระทบมากกว่าผู้หญิง ตับอ่อนอักเสบไม่สามารถรักษาได้ อาการ อาการของตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง ผู้ป่วยที่เป็นตับอ่อนอักเสบเรื้อรังอาจมีอาการดังต่อไปนี้ ปวดที่หลังส่วนกลาง ส่วนบน และช่องท้อง มีอาการปวดเล็กน้อยและปวดเรื้อรัง โดยอาการปวดแต่ละครั้งมักเกิดขึ้นฉับพลัน น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อุจจาระมีขนาดใหญ่ […]


ปัญหาสุขภาพช่องท้องแบบอื่น

ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (Acute Pancreatitis)

ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน เป็นอาการอักเสบของตับอ่อนที่มักเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ตับอ่อนทำหน้าที่สร้างน้ำย่อยของตับอ่อน ที่ประกอบด้วยเอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหาร และฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระดับกลูโคสในร่างกาย หากเกิดปัญหาตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันอาจส่งผลกระทบ [embed-health-tool-bmi] คำจำกัดความ ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันคืออะไร ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (Acute pancreatitis) เป็นอาการอักเสบของตับอ่อนที่มักเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ตับอ่อนทำหน้าที่สร้างน้ำย่อยของตับอ่อน ที่ประกอบด้วยเอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหาร และฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระดับกลูโคสในร่างกาย ซึ่งตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เนื่องจากอาการแทรกซ้อนหลายประการ และผู้ป่วยประมาณร้อยละ 20 มีอาการขั้นรุนแรง ซึ่งอาจเกิดอาการช็อกและเสียชีวิตได้ ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันพบได้บ่อยเพียงใด ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันค่อนข้างพบได้ทั่วไปคนทุกวัย และมักพบในผู้ชายได้มากกว่าในผู้หญิงเล็กน้อย โรคนี้สามารถจัดการได้โดยลดความเสี่ยง โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อาการ อาการของตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน อาการแรกที่ปรากฏคือ อาการปวดท้องที่อาจเรื้อรังเป็นเวลาหลายวัน และมักมีอาการรุนแรง อาการปวดท้องส่วนบนที่ลุกลามไปยังบริเวณหลัง อาจมีอาการรุนแรงขึ้นจากการรับประทาน โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง นอกจากนี้ ยังอาจมีอาการท้องบวมและกดเจ็บได้ อาการอื่นๆ ที่พบได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ และชีพจรเต้นเร็ว อาจมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการบางประการที่ไม่ได้กล่าวถึงข้างต้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการ โปรดปรึกษาแพทย์ ควรไปพบหมอเมื่อใด หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใดๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีคำถาม โปรดปรึกษาแพทย์ อย่างไรก็ตาม ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์ เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ สาเหตุ สาเหตุของตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน สาเหตุของตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ได้แก่ สาเหตุที่พบได้มากที่สุดเกิดจากนิ่วในถุงน้ำดี และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลข้างเคียงจากการใช้ยาตามที่แพทย์สั่งบางชนิด การเข้ารับการผ่าตัดช่องท้อง ผู้ที่มีระดับแคลเซียมในเลือดสูง อาการผิดปกติในลำไส้และตับอ่อน อาการติดเชื้อที่พบได้น้อย เช่น คางทูม […]


โรคตับ

ตับอ่อนอักเสบ อาการ สาเหตุ วิธีวินิจฉัยและวิธีรักษา

ตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis) เป็นภาวะที่ตับอ่อนซึ่งทำหน้าที่หลั่งเอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหารไปยังลำไส้เล็ก ปล่อยฮอร์โมนอินซูลิน และกลูคากอนเพื่อควบคุมการย่อยน้ำตาล (กลูโคส) เกิดการบวมและอักเสบ จนส่งผลต่อการหลั่งเอนไซม์และฮอร์โมนดังกล่าว หากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจส่งผลเสียร้ายแรงต่อร่างกายได้ [embed-health-tool-bmi] ตับอ่อนอักเสบ คืออะไร ตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis) เป็นภาวะที่ตับอ่อนบวมและอักเสบ โดยตับอ่อนเป็นต่อมลักษณะยาวแบน ตั้งอยู่ด้านหลังกระเพาะอาหารในช่องท้องส่วนบน ทำหน้าที่หลั่งเอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหารไปยังลำไส้เล็ก และปล่อยฮอร์โมนอินซูลินและกลูคากอนเพื่อควบคุมการย่อยน้ำตาลกลูโคส ภาวะนี้พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย ตับอ่อนอักเสบมี 2 ชนิด ได้แก่ ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (Acute pancreatitis) เป็นการอักเสบที่เกิดขึ้นกะทันหัน อาจเริ่มจากอาการปวดเล็กน้อยไปจนถึงปวดรุนแรง และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและทันท่วงที โรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันก็อาจหายขาดได้ ส่วนในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ตับอ่อนเฉียบพลันอาจทำให้เกิดเลือดออกในตับอ่อน เนื้อเยื่อเสียหายรุนแรง การติดเชื้อ และเกิดถุงน้ำ ทั้งยังอาจทำลายอวัยวะสำคัญอื่นๆ เช่น หัวใจ ปอด ไต 2. ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง (Chronic pancreatitis) เป็นการอักเสบของตับอ่อนที่เกิดขึ้นเป็นเวลานาน มักเกิดขึ้นหลังจากตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน มักมีสาเหตุจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก จนทำให้ตับอ่อนเสียหาย อาจใช้เวลาหลายปีกว่าอาการจะปรากฏ และอาจทำให้เกิดอาการตับอ่อนอักเสบรุนแรงเฉียบพลันในเวลาต่อมา อาการตับอ่อนอักเสบ อาการตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ได้แก่ อาการปวดบริเวณช่องท้องส่วนบนที่ลุกลามไปยังหลัง และมีอาการแย่ลงหลังจากการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง ท้องบวมและกดเจ็บ คลื่นไส้และอาเจียน มีไข้ […]


ท้องผูก

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาการท้องผูก ที่คุณควรรู้ไว้

อาการท้องผูกเป็นภาวะที่มีการขับถ่ายน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ทุกคนต่างเคยมีอาการท้องผูกกันบ้าง หรือบางคนอาจจะท้องผูกจนเป็นปกติ แต่ยังมี ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาการท้องผูก บางอย่าง ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบหรือเข้าใจผิด  ดังนั้น Hello คุณหมอ จึงมีบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกัน เพื่อช่วยไขข้อข้องใจ ให้คำแนะนำแก่คนทั่วไป และแก้ปัญหาเกี่ยวกับอาการท้องผูกเบื้องต้นได้ดียิ่งขึ้น ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาการท้องผูก ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาการท้องผูก ที่คุณอาจจะยังมีความเข้าใจผิดกันอยู่บ้าง โดยข้อเท็จจริงต่างๆ มีดังนี้ เราไม่จำเป็นต้องขับถ่ายทุกวัน แต่ควรต้องขับถ่ายไม่ให้น้อยกว่า 3 ครั้ง/สัปดาห์ ไม่อย่างนั้นจะถือเป็นอาการท้องผูก มีคนจำนวนมากที่เชื่อว่า หากอุจจาระตกค้างอยู่ในร่างกายเป็นเวลานานเกินไป จะทำให้เกิดสารพิษต่างๆ สิ่งนี้เป็นเพียงสิ่งที่เล่าต่อกันมา ยังไม่มีการศึกษาหรือการทดลอง ที่สนับสนุนการกล่าวอ้างนี้ ดังนั้นการล้างลำไส้ การใช้ยาถ่ายหรือยาระบาย ไม่อาจป้องกันโรคมะเร็ง และโรคอื่นๆที่เกิดจากอาการท้องผูกได้ ภาวะทางอารมณ์ สามารถทำให้เกิดอาการท้องผูกได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในภาวะซึมเศร้า หรือมีความเครียดสูง ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการท้องผูก สำหรับการเกิดอาการท้องผูก ยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้อย่างแน่ชัด แต่ก็มีหลายปัจจัยด้วยกัน ที่ทำให้เกิดอาการท้องผูก ซึ่งปัจจัยต่างๆ มีดังนี้ ทานไฟเบอร์ในปริมาณที่ยังไม่เพียงพอ มีการเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน การใช้ชีวิต หรือเปลี่ยนพฤติกรรมทานอาหารเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ลดปริมาณอาหารที่มีแป้งสูง และเพิ่มอาหารที่มีกากใย เช่น ผักและผลไม้ เพื่อช่วยให้การขับถ่ายให้คล่องมากขึ้น ไม่มีการกระตุ้นให้รู้สึกอยากถ่ายอุจจาระ หรือภาวะเร่งรีบ กังวลใจ ผลข้างเคียงของยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวด ยาต้านอาการซึมเศร้า และยาที่ใช้รักษาความดันโลหิตสูง การดื่มน้ำในปริมาณที่ไม่เพียงพอ เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกาย ในการช่วยขับถ่ายของเสียให้สะดวกยิ่งขึ้น ท้องผูกขนาดไหน ถึงควรไปพบแพทย์ ผู้ที่กังวลว่า […]


โรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ

ไวรัสลงกระเพาะและลำไส้ (Viral Gastroenteritis)

คำจำกัดความไวรัสลงกระเพาะและลำไส้ คืออะไร ไวรัสลงกระเพาะและลำไส้ หรือไวรัสลงกระเพาะ (Viral Gastroenteritis) หรือที่เรียกว่า ไข้หว้ดลงกระเพาะ (stomach flu) เป็นการติดเชื้อในลำไส้ทำให้เกิดอาการถ่ายเหลว ปวดท้องอย่างรุนแรง คลื่นไส้หรืออาเจียน และในบางครั้งอาจมีไข้ร่วมด้วย ซึ่งอาจเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับทารก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เพราะอาจถึงแก่ชีวิตได้ ไวรัสลงกระเพาะและลำไส้ พบได้บ่อยได้แค่ไหน โรคไวรัสลงกระเพาะสามารถพบได้บ่อยมาก อย่างไรก็ดี โรคนี้สามารถจัดการได้ด้วยการลดปัจจัยเสี่ยง โปรดปรึกษากับแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อาการอาการ อาการทั่วไปของโรคไข้หวัดลงกระเพาะ ได้แก่ ถ่ายเหลว ซึ่งมักไม่มีเลือดปน การถ่ายที่มีเลือดปนมักเกิดจากการติดเชื้อชนิดอื่นที่รุนแรงกว่า ปวดท้องรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการทั้งสองอย่าง ปวดกล้ามเนื้อและปวดศีรษะในบางครั้ง มีไข้ต่ำ สำหรับผู้ป่วยบางราย อาจมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการนอกเหนือจากที่ระบุไว้ข้างต้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการต่าง ๆ โปรดปรึกษาแพทย์ ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด ควรเข้าพบคุณหมอ หากมีอาการดังต่อไปนี้ ไม่สามาถหยุดถ่ายเป็นเวลา 24 ชั่วโมง อาเจียนติดต่อกันมากกว่า 2 วัน หรืออาเจียนเป็นเลือด มีภาวะขาดน้ำ คือเหงื่อออกมากกว่าปกติ ปากแห้ง ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม ปัสสาวะน้อยหรือปัสสาวะไม่ออก รวมทั้งอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ หรือมึนศีรษะอย่างรุนแรง มีเลือดปนในอุจจาระ มีไข้สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส สำหรับผู้ใหญ่ และ 39 องศาเซลเซียส สำหรับทารกและเด็ก หากคุณมีสัญญาณหรืออาการที่ระบุข้างต้น หรือมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดควรปรึกษาแพทย์ เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ สาเหตุสาเหตุของ ไวรัสลงกระเพาะและลำไส้ สาเหตุที่พบได้มากที่สุดของโรคไวรัสลงกระเพาะและลำไส้ คือ การสัมผัสกับผู้ติดเชื้อหรือการบริโภคอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อน […]


ปัญหาสุขภาพช่องท้องแบบอื่น

ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ (colon polyp)

ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ เป็นการจับตัวเป็นกลุ่มเซลล์ขนาดเล็กของเซลล์บริเวณเยื่อลำไส้ใหญ่ ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ส่วนใหญ่มักไม่เป็นอันตราย แต่ในบางครั้ง สามารถกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ คำจำกัดความ ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่คืออะไร ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ (Colon polyp) เป็นการจับตัวเป็นกลุ่มเซลล์ขนาดเล็กของเซลล์บริเวณเยื่อลำไส้ใหญ่ ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ส่วนใหญ่มักไม่เป็นอันตราย แต่ในบางครั้ง สามารถกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ซึ่งมักเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตเมื่อตรวจพบในระยะท้ายๆ สาเหตุของการเกิดติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่โดยส่วนใหญ่ยังไม่ทราบชัดเจน ดังนั้น การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ เนื่องจากติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ที่ตรวจพบในระยะเริ่มแรกมักผ่าตัดออกได้ทั้งหมดอย่างปลอดภัย การตรวจคัดกรองติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่เป็นประจำจึงถือเป็นการป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ดีที่สุด ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่พบบ่อยเพียงใด ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่สามารถส่งผลได้ต่อคนทุกวัย แต่สามารถจัดการได้โดยลดความเสี่ยง โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อาการ อาการของติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ก่อให้เกิดอาการดังนี้ มีเลือดออกทางทวารหนัก อาการนี้เป็นสิ่งบ่งชี้ของทั้งติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือภาวะอื่นๆ ได้ เช่น ริดสีดวงทวาร และแผลขนาดเล็กที่ทวารหนัก สีอุจจาระเปลี่ยน เนื่อจากมีเลือดปน โดยอาจสังเกตเห็นเป็นรอยสีแดงหรือดำในอุจจาระ อย่างไรก็ตาม สีอุจจาระที่เปลี่ยนไปอาจเกิดจากการกินอาหาร ยา หรืออาหารเสริมบางชนิดได้อีกด้วย การขับถ่ายเปลี่ยนแปลง อาการท้องผูกหรือท้องร่วงเป็นเวลานานกว่าหนึ่งสัปดาห์อาจทำให้เกิดติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ขนาดใหญ่ได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีโรคอื่นๆ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนนิสัยการขับถ่ายได้เช่นกัน อาการปวด คลื่นไส้ หรืออาเจียน ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ขนาดใหญ่สามารถอุดตันลำไส้เป็นบางส่วน ทำให้เกิดอาการปวดตะคริวที่หน้าท้อง คลื่นไส้ และอาเจียนได้ ภาวะเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็ก ภาวะเลือดออกจากติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้ทีละน้อยโดยไม่มีเลือดที่สังเกตเห็นได้ในอุจจาระ ภาวะเลือดออกเรื้อรังทำให้ร่างกายขาดธาตุเหล็กซึ่งช่วยให้เซลล์เม็ดเลือดแดงลำเลียงออกซิเจนไปยังร่างกาย เมื่อขาดธาตุเหล็ก ก็ทำให้เกิดภาวะเลือดจางซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อยและหายใจลำบาก อาจมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการบางประการที่ไม่ได้กล่าวถึงข้างต้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการ โปรดปรึกษาแพทย์ ควรไปพบหมอเมื่อใด คุณควรปรึกษาแพทย์หากมีอาการใดๆ ดังต่อไปนี้ ปวดท้อง มีเลือดปนในอุจจาระ การขับถ่ายเปลี่ยนไปเป็นเวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์ หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใด ๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีข้อคำถามใดๆ โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ สาเหตุ สาเหตุของติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ สาเหตุของการเกิดติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ไม่เป็นที่ทราบชัดเจน แต่อาจเกิดจากการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อผิดปกติ โดยปกติ ร่างกายจะสร้างเซลล์ที่แข็งแรงขึ้นใหม่เป็นระยะเพื่อทดแทนเซลล์เก่าที่เสียหายหรือไม่จำเป็นอีกต่อไป […]


ปัญหาสุขภาพช่องท้องแบบอื่น

โรคตับ (Liver disease)

โรคตับ สามารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม หรือเกิดจากปัจจัยหลายประการที่ทำร้ายตับ เช่น ไวรัสชนิดต่างๆ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โรคอ้วนยังสัมพันธ์กับความเสียหายของตับ คำจำกัดความ โรคตับคืออะไร ตับเป็นอวัยวะ มีขนาดเท่าลูกฟุตบอลโดยประมาณ อยู่บริเวณใต้กระดูกซี่โครงทางด้านขวาของช่องท้อง ตับมีความสำคัญในการย่อยอาหารและการกำจัดสารพิษจากร่างกาย โรคตับ (Liver Disease) สามารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม หรือเกิดจากปัจจัยหลายประการที่ทำร้ายตับ เช่น ไวรัสชนิดต่างๆ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โรคอ้วนยังสัมพันธ์กับความเสียหายของตับ เมื่อเวลาผ่านไป ความเสียหายที่เกิดที่ตับทำให้เกิดภาวะตับแข็งซึ่งสามารถทำให้เกิดภาวะตับล้มเหลวซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิต โรคตับพบบ่อยเพียงใด โรคตับพบได้ค่อนข้างบ่อย โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อาการ อาการของโรคตับ อาการทั่วไปของโรคตับ ได้แก่ ผิวหนังและตาเป็นสีเหลือง หรือดีซ่าน (jaundice) มีอาการปวดและบวมในช่องท้อง มีอาการบวมที่ขาและข้อเท้า มีอาการคันที่ผิวหนัง ปัสสาวะมีสีเข้ม อุจจาระมีสีจาง หรืออุจจาระมีเลือดปนหรือมีสีคล้ำ มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง คลื่นไส้หรืออาเจียน เบื่ออาหาร เกิดแผลฟกช้ำได้ง่าย อาจมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการต่างๆ โปรดปรึกษาแพทย์ ควรไปพบหมอเมื่อใด หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใดๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีคำถาม โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ สาเหตุ สาเหตุของโรคตับ โรคตับมีสาเหตุหลายประการ การติดเชื้อ ปรสิตและไวรัสสามารถทำให้ตับติดเชื้อ นำไปสู่การอักเสบซึ่งจะลดประสิทธิภาพการทำงานของตับ ไวรัสที่ทำให้ตับเสียหายสามารถแพร่กระจายผ่านทางเลือดหรือน้ำอสุจิ ปนเปื้อนในอาหารหรือน้ำ หรืออาจติดต่อผ่านการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อ ประเภทของตับติดเชื้อที่พบได้มากที่สุด คือไวรัสตับอักเสบ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบเอ ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน อาการผิดปกติที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้าโจมตีและทำลายอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย หรือที่เรียกว่า “โรคภูมิต้านตนเอง” สามารถส่งผลกระทบต่อตับได้ ตัวอย่างของโรคตับประเภทภูมิต้านตนเอง ได้แก่ โรคตับอักเสบภูมิต้านตนเอง โรคตับแข็งทางเดินน้ำดีปฐมภูมิ ท่อน้ำดีอักเสบแข็งปฐมภูมิ พันธุกรรม ยีนผิดปกติที่ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ ไม่ว่าจะจากคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนสามารถทำให้สารหลายชนิดก่อตัวขึ้นในตับซึ่งส่งผลให้ตับเสียหาย โรคตับทางพันธุกรรม ได้แก่ ภาวะธาตุเหล็กเกิน ภาวะอ็อกซาเลตสูงในปัสสาวะและอ็อกซาโลซิส โรควิลสัน (Wilson’s disease) มะเร็งและการก่อตัวของเซลล์อื่นๆ ตัวอย่าง ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี เนื้องอกที่ตับชนิดอะดีโนมา สาเหตุอื่นๆ สาเหตุอื่นๆ ของโรคตับที่พบได้ทั่วไป ได้แก่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลานาน การสะสมของไขมันในตับ […]


โรคตับ

เนื้องอกตับ อาการ สาเหตุ และการรักษา

เนื้องอกตับ เป็นก้อนเนื้อในตับที่ไม่ใช่มะเร็งและไม่เป็นอันตราย ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่อาจเกิดจากพันธุกรรม ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด หรือความซับซ้อนของเส้นเลือดในตับ เนื้องอกตับมักไม่มีอาการที่ชัดเจน ดังนั้ จึงควรหมั่นสังเกตและดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ หากพบความผิดปกติเกิดขึ้นควรเข้าพบคุณหมอ เพื่อเข้ารับการตรวจและวินิจฉัยอาการ [embed-health-tool-bmi] คำจำกัดความ เนื้องอกตับ คืออะไร เนื้องอกตับชนิดฮีแมงจิโอมา (Liver Hemangioma) เป็นก้อนเนื้อในตับที่ไม่ใช่มะเร็ง และไม่เป็นอันตราย โดยเนื้องอกตับอาจเกิดจากความซับซ้อนของเส้นเลือดในตับ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่มักตรวจพบเนื้องอกที่ตับระหว่างการตรวจร่างกายหรือการรักษาโรคอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีเนื้องอกที่ตับมักไม่ค่อยมีสัญญาณบ่งชี้หรืออาการที่ชัดเจน และไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา แม้ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า เนื้องอกในตับที่ไม่ได้รับการรักษาจะสามารถก่อให้เกิดมะเร็งตับได้ แต่การตรวจพบเนื้องอกในตับก็อาจทำให้เกิดความกังวลใจได้ ดังนั้น จึงควรหมั่นสังเกตตัวเองและดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ หากมีข้อสงสัยใด ๆ ควรปรึกษาคุณหมอ เนื้องอกตับพบบ่อยเพียงใด เนื้องอกที่ตับเป็นเนื้องอกในบริเวณตับที่ไม่เป็นอันตรายที่พบได้มากที่สุด โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อาการ อาการของเนื้องอกตับ ในผู้ป่วยส่วนใหญ่ เนื้องอกตับไม่มีสัญญาณบ่งชี้หรืออาการใด ๆ แต่อาจมีสัญญาณบ่งชี้และอาการบางอย่างที่สัมพันธ์กับการเกิดเนื้องอกที่ตับ ดังนี้ มีอาการปวดที่ช่องท้องด้านขวาบน รู้สึกอิ่มแม้รับประทานอาหารเพียงเล็กน้อย คลื่นไส้ อาเจียน อย่างไรก็ดี อาการเหล่านี้ไม่ชัดเจนและอาจเกิดจากโรคอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังอาจมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้นปรากฏได้อีกด้วย ดังนั้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการต่าง ๆ โปรดปรึกษาคุณหมอ ควรไปหาคุณหมอเมื่อไหร่ หากมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใด ๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีคำถาม โปรดปรึกษาคุณหมอ เนื่องจากร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของตัวเอง สาเหตุ สาเหตุของเนื้องอกตับ ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดเกี่ยวกับการที่เส้นเลือดเกาะตัวกันและทำให้เกิดเนื้องอกที่ตับ อย่างไรก็ตาม คุณหมอคาดว่าอาจเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม