สุขภาพระบบทางเดินอาหาร

ระบบย่อยอาหาร คือหนึ่งในระบบที่สำคัญที่สุดของร่างกาย เนื่องจากร่างกายของเราจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นอาหาร เพื่อการทำงานที่เป็นปกติของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ สุขภาพระบบทางเดินอาหาร ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพระบบทางเดินอาหาร

ลําไส้อักเสบ อาการ สาเหตุและวิธีรักษา

โรคลำไส้อักเสบ เป็นโรคที่พบได้บ่อย เพราะภาวะติดเชื้อในลำไส้จนนำสู่โรคลำไส้อักเสบ อาจเกิดได้จากพฤติกรรม การใช้ชีวิตประจำวัน ที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อขึ้นมา สาเหตุจากการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร [embed-health-tool-bmi] ลําไส้อักเสบจากการติดเชื้อทางเดินอาหาร  ลําไส้อักเสบ เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อของอวัยวะในระบบทางเดินอาหาร เช่น เชื้อแบคทีเรีย : พิษของแบคทีเรียมี 2 แบบ 1.พิษของแบคทีเรียที่ไม่มีการทำลายผิวของลำไส้ (Non-invasive) และ 2.พิษของแบคทีเรียที่ทำลายผิวของลำไส้ (Non-invasive)  เชื้อไวรัส : การติดเชื้อไวรัส (Viral gastroenteritis) เป็นสาเหตุสำคัญของการท้องเสียที่พบบ่อยในเด็กเล็ก แต่ก็พบอาการป่วยได้ในผู้ใหญ่เช่นกัน ได้แก่ โรต้าไวรัส (Rota Virus) และโนโรไวรัส (Noro Virus) ลำไส้อักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ อาการลำไส้อักเสบชนิดนี้ มักจะเป็นลำไส้อักเสบเฉียบพลัน เกิดได้จากการกินสารมีพิษ อาหารย่อยยากจำนวนมาก เช่น สารพิษจากปลาทะเล สารโลหะหนัก หรือเห็ดพิษบางชนิด  ลำไส้อักเสบ อาการ เกิดอาการท้องเสีย ถ่ายมากกว่า 10 ลิตรต่อวัน อาจเกิดได้จากพิษของแบคทีเรีย ต้องระวังภาวะช็อคจากการสูญเสียน้ำ  ปวดท้อง มีไข้สูง อุจจาระมีมูกเลือดหรือมีกลิ่นเหม็น ร่วมกับอาการท้องเสีย ซึ่งเกิดจากการทำลายผิวของลำไส้โดยแบคทีเรีย ปวดตามตัว ปวดท้อง คลื่นไส้ […]

สำรวจ สุขภาพระบบทางเดินอาหาร

โรคกรดไหลย้อน

คาเฟอีน สารที่มีในชาและกาแฟ ต้นเหตุการกำเริบของกรดไหลย้อน

กาแฟ เครื่องดื่มง่ายๆ ยามเช้าที่หลายๆ คนเลือกดื่ม ไม่ว่าจะดื่มคู่กับขนมปัง ปาท่องโก๋ ก็เข้ากันแบบสุด ๆ แต่สำหรับผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อน การดื่มกาแฟหรือชา ที่มีคาเฟอีนนั้นอาจไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะคาเฟอีนในเครื่องดื่มเหล่านั้น อาจมีส่วนทำให้อาการกรดไหลย้อนกำเริบขึ้นมาได้ วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ คาเฟอีน ส่งผลต่อกรดไหลย้อน อย่างไรมาฝากกันค่ะ [embed-health-tool-bmr] อาหารส่งผลต่ออาการกรดไหลย้อนได้อย่างไร สำหรับบางคนอาการแสบร้อนกลางทรวงอก ซึ่งเป็นหนึ่งในอาการของโรคกรดไหลย้อนนั้น ส่วนหนึ่งอาจมีสาเหตุมาจากอาหาร สารบางอย่างในอาหารนั้นอาจไปทำให้ หลอดอาหารหรือกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารนั้นมีอาการระคายเคือง จนทำให้เกิดการไหลย้อนของอาหารในกระเพาะอาหาร ซึ่งทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อน ซึ่งอาหารต่างๆ เหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ ช็อกโกแลต ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว กระเทียม หัวหอม อาหารรสจัด อาหารมัน คาเฟอีน ส่งผลต่อกรดไหลย้อน อย่างไร คาเฟอีน (Caffeine) เป็นหนึ่งในส่วนประกอบหลักของชาและกาแฟ ซึ่งคาเฟอีนนั้นเป็นสารที่มีส่วนทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางทรวงอก ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดอาการกรดไหลย้อน แม้จะยังไม่มีงานวิจัยที่ชัดเจนสำหรับผลของคาเฟอีนที่ส่งผลต่ออาการกรดไหลย้อน แต่ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพพบว่าคาเฟอีนมีส่วนทำให้อาการกรดไหลย้อนนั้นรุนแรงขึ้นได้ แต่ก็ยังไม่มีคำแนะนำว่าควรเลิกดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสำหรับผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อน ชาและกาแฟกับอาการกรดไหลย้อน คาเฟอีน ที่อยู่ในกาแฟแต่ละชนิดนั้นมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีในการคั่ว ซึ่งการคั่วที่ใช้ระยะเวลานานกว่า จะมีปริมาณคาเฟอีนที่น้อยกว่ากาแฟที่ใช้ระยะเวลาในการคั่วน้อย ซึ่งกาแฟดำเป็นกาแฟที่มีคาเฟอีนมากที่สุดซึ่งมีปริมาณคาเฟอีนมากถึง 95-165 มิลลิกรัมต่อกาแฟ 8 ออนซ์ หากใครที่ดื่มกาแฟแล้วอาการกรดไหลย้อนกำเริบ […]


โรคกรดไหลย้อน

ขมิ้น สมุนไพรใกล้ตัว ใช้ บรรเทาอาการกรดไหลย้อน ได้หรือไม่

ขมิ้น สมุนไพรพื้นบ้าน ที่หลายๆ คนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ขมิ้นนอกจากจะใช้ในครัวเรือนเพื่อการประกอบอาหารแล้ว หลายๆ บ้านยังใช้ขมิ้นสำหรับการบรรเทาอาการต่างๆ เช่น เป็นส่วนประกอบในลูกประคบสำหรับการนวดคลายปวด วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจของ ขมิ้น บรรเทาอาการกรดไหลย้อน มาฝากกันค่ะ ประโยชน์ของ ขมิ้น บรรเทาอาการกรดไหลย้อน ขมิ้น เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการใช่รักษาอาการต่างๆ มานาน ขมิ้นถูกใช้รักษาอาการต่างๆ เช่น ปวดข้อ รวมไปถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหารและระบบทางเดินอาหาร ถึงแม้จะมีหลักฐานมากมายว่าขมิ้นมีส่วนช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้ แต่ยังมีงานวิจัยที่เชื่อถือได้อยู่น้อยมาก นอกจากหัวของขมิ้นที่มีการใช้อย่างแพร่หลายแล้ว ลำต้นของขมิ้นเมื่อนำมาตากแห้ง บดเป็นผง ซึ่งผงที่ได้จากการบดลำต้นนั้นสามารถนำมารับประทาน หรือใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารได้ แต่ว่าบางครั้งเมื่อเราใช้ขมิ้นมาประกอบอาหาร หรือชงเป็นชาดื่ม อาจจะไม่เพียงพอสำหรับใช้ในการบรรเทาอาการกรดไหลย้อน ดังนั้นวิธีการที่จะทำให้ร่างกายได้รับขมิ้นเพียงพอที่จะส่งผลต่อการบรรเทาอาการกรดไหลย้อนคือ การรับประทานในรูปแบบของสารสกัด ซึ่งจะทำให้ได้รับสารที่ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้เพียงพอ นอกจากนี้หากต้องการให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารเคอร์คูมิน (Curcumin) ที่มีอยู่ในขมิ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรรับประทานอาหารที่มีสารพิเพอรีน (piperine) ซึ่งเป็นสารที่พบมากในพริกไทยดำ เพราะสารตัวนี้จะช่วยทำให้ร่างกายดูดซึมสารเคอร์คูมินได้มากขึ้น งานวิจัยเกี่ยวกับ ขมิ้น บรรเทากรดไหลย้อน แม้จะมีงานวิจัยมากมายศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติทางยาของขมิ้น แต่ยังไม่มีงานวิจัยชิ้นใดที่ศึกษาเฉพาะเรื่องของ ขมิ้น บรรเทากรดไหลย้อน โดยรวมแล้วอาจจะยังมีหลักฐานรับรองสำหรับข้อมูลของขมิ้นในการบรรเทากรดไหลย้อนไม่เพียงพอ อาจจะยังต้องการงานวิจัยที่ศึกษาเฉพาะเรื่องนี้โดยเฉพาะเพิ่มเติม เพื่อให้มีผลการทดลองที่แน่ชัด จากการศึกษาในปี 2007 พบว่า โรคกรดไหลย้อนนั้นมีสาเหตุมาจากการอักเสบของร่างกาย […]


ปัญหาสุขภาพช่องท้องแบบอื่น

เปิดตำรา ให้คำแนะนำผู้ป่วยสำหรับ หัตถกรรมไส้ติ่งอักเสบ

หากใครทราบว่าตนเองมีอาการป่วยเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเร็วที่สุด เพราะถ้าหากปล่อยไว้ไม่ทำการรักษาอาจร้ายแรงจนทำให้ไส้ติ่งแตกและนำมาซึ่งการเสียชีวิตได้ วันนี้ Hello คุณหมอ จะมาเปิดตำราให้คำแนะนำผู้ป่วยสำหรับ หัตถกรรมไส้ติ่งอักเสบ กันค่ะ เพื่อให้ผู้ป่วยมีความรู้เบื้องต้นในตัวโรคและการรักษา การวินิจฉัยผู้ป่วยโรคไส้ติ่งอักเสบ ไส้ติ่งในคนทั่วไปมีขนาดประมาณ 0.5 ซม. x 5 ซม. หรือขนาดอาจแตกต่างกันไป  เมื่อมีอะไรก็ตามมาอุดด้านในไส้ติ่ง จะทําให้เกิดการอักเสบขึ้นได้ ส่วนใหญ่ ก็จะเป็นก้อนอุจจาระที่แข็งก้อนเล็กๆ โรคไส้ติ่งอักเสบ เป็นโรคที่ต้องรักษาอย่างเร่งด่วน พบได้บ่อยทั้งในผู้ใหญ่ และเด็กโดยมีอาการดังนี้ ปวดท้อง : โดยเริ่มแรกอาจจะปวดรอบๆ สะดือ ลักษณะปวดตื้อๆ  ต่อมาย้ายมาปวดมากขึ้นที่ท้องน้อยด้านขวา อาการอื่นๆ ที่อาจตรวจพบร่วมด้วย  :  คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หรือบางรายอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย ไข้ : ในระยะเริ่มแรกอาจจะไม่มีไข้ ต่อมาเมื่อมีการอักเสบนานขึ้นก็อาจมีไข้ได้  วิธีการวินิจฉัยโดยแพทย์ การตรวจร่างกาย โดยกดที่ท้องน้อยด้านขวาแล้วมีอาการเจ็บมากขึ้น เมื่อแพทย์ปล่อยมือขึ้นจากหน้าท้อง การตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ  ตรวจเลือด เพื่อดูจํานวนเม็ดเลือดขาว ซึ่งจะสูงขึ้นในรายที่มีการอักเสบ หรือ ติดเชื้อ ตรวจปัสสาวะ เพื่อ ตรวจหาสภาวะผิดปกติของทางเดินปัสสาวะ ซึ่งมีอาการคล้ายไส้ติ่งอักเสบ เช่น นิ่วในท่อไตกรวยไตอักเสบ  การเอ็กซเรย์ การทําอัลตราซาวน์ (Ultrasound) เพื่อตรวจหาความผิดปกติในช่องท้อง สามารถพบขนาดไส้ติ่งที่ผิดปกติ หรือมีภาวะการอักเสบได้ การทําเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ […]


ปัญหาสุขภาพช่องท้องแบบอื่น

ข้อควรรู้...ก่อนเข้ารับหัตถการของ ผู้ป่วยไส้เลื่อน

หากพูดถึงโรคไส้เลื่อน หลายคนคงคิดว่ามักจะเกิดขึ้นในผู้ชายเพียงเท่านั้น แต่ความจริงแล้วมันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ถ้าเกิดเป็นโรคไส้เลื่อนแล้ว วิธีการรักษาที่ดีที่สุดก็คือ การผ่าตัด แต่ก่อนจะเข้ารับการผ่าตัดนั้น ผู้ป่วยไส้เลื่อน ควรจะต้องรู้ข้อมูลต่างๆ เพื่อจะได้เข้าใจถึงวิธีการรักษาและการดูแลตนเอง ซึ่งทาง Hello คุณหมอ มีเรื่องนี้มาฝากกัน [embed-health-tool-bmr] 1) ข้อมูลที่ควรรู้ของ ผู้ป่วยไส้เลื่อน ไส้เลื่อน หมายถึง ภาวะที่มีลำไส้บางส่วนหรืออวัยวะในช่องท้องหรือไขมันในช่องท้องไหลเลื่อนมาที่ผนังหน้าท้องเห็นเป็นก้อนบวม หรือคลำพบก้อนตรงบริเวณใดบริเวณหนึ่งของช่องท้อง ขาหนีบ ถุงอัณฑะ ซึ่งมีอยู่หลายชนิด อาจเป็นความผิดปกติมาแต่กำเนิด หรืออาจเกิดขึ้นภายหลังได้ เป็นภาวะที่สามารถพบได้ในคนทุกวัย สาเหตุ เกิดจากผนังหน้าท้องบางแห่งมีความอ่อนแอผิดปกติและเกิดการหย่อนหรือฉีกขาด ซึ่งอาจจะเป็นมาแต่กำเนิด ทำให้อวัยวะหรือไขมันที่อยู่ข้างใต้ผนังหน้าท้องนั้น ไหลเลื่อนทะลักเข้าไปในบริเวณที่อ่อนแอนั้น ทำให้เป็นก้อนตุงมักมีอาการแสดง เฉพาะเวลามีแรงดันในช่องท้องสูง เช่น เวลาไอ จาม ร้องไห้ เบ่งถ่าย ยกของหนัก ซึ่งไส้เลื่อนมีหลายชนิด จะมีอาการภาวะแทรกซ้อน และการรักษาแตกต่างกันไป ขึ้นกับตำแหน่งที่เป็นไส้เลื่อนที่พบบ่อยได้แก่ บริเวณสะดือ อาจจะมีอาการตั้งแต่แรกเกิด หรืออาจจะเกิดภายหลังเมื่อโตแล้วทำให้เป็นสะดือจุ่นหรือไส้เลื่อนที่สะดือ เกิดเมื่อเด็กร้องไห้จะเห็นสะดือโป่งพอง โดยมักจะไม่มีเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง และจะหายได้เอง ก่อนอายุได้ 2 ปี บริเวณขาหนีบ เป็นไส้เลื่อนที่พบได้บ่อยในเด็กโตและผู้ใหญ่ โดยมากพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงหลายเท่า ถึงแม้ว่ากล้ามเนื้อหน้าท้องบริเวณขาหนีบจะอ่อนแอมาตั้งแต่เกิด แต่อาการของไส้เลื่อนมักจะปรากฏเมื่อย่างเข้าวัยหนุ่มสาวหรือวัยกลางคน หรือเมื่อเป็นโรคที่ทำให้เกิดแรงดันในช่องท้อง […]


แผลในกระเพาะอาหาร

กระเพาะทะลุ ระวัง! ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป อาจเป็นอันตราย

กระเพาะทะลุ ปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นเนื่องจากกรดในกระเพาะอาหารเข้าทำลายเยื่อบุช่องท้อง ส่งผลให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร อาเจียนเป็นเลือด และอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้น หากสังเกตพบอาการผิดปกติ ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อทำการรักษาในทันที [embed-health-tool-bmi] กระเพาะทะลุ คืออะไร กระเพาะทะลุ เกิดขึ้นเมื่อกรดในกระเพาะอาหารสัมผัสกับเยื่อบุช่องท้อง ส่งผลให้กระเพาะเกิดการอักเสบ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง บางรายอาจมีเลือดออกภายในกระเพาะ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก เป็นเวลานาน ก็ส่งผลให้เกิดแผลในกระเพาะได้เช่นกัน หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงทีอาจนำมาซึ่งการเสียชีวิตได้ สาเหตุของกระเพาะทะลุ กระเพาะทะลุนั้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์อย่างเดียว แต่ยังเกิดจากหลาย ๆ สาเหตุ ประกอบกันไป โดยจำแนกอย่างง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ ความเครียด สูบบุหรี่ การรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ด การใช้ยาเสพติด การติดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไร หรือเรียกสั้นๆว่าเอชไพโลไร (Helicobacter pylori ; H. pylori ) การใช้ยา เช่น ยาแก้ปวดแอสไพริน (Aspirin) ยาสเตียรอยด์ และจากการใช้ยาเคมี สัญญาณเตือนของกระเพาะทะลุ หากรู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรงหรือรู้สึกไม่สบายท้องและเจ็บหน้าอกมาก สันนิษฐานได้เลยว่าอาจมีความเสี่ยงที่จะมีอาการกระเพาะทะลุ อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ว่ามีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดกระเพาะทะลุหรือไม่ โดยมีอาการดังต่อไปนี้ รู้สึกว่าท้องตนเองป่อง หรือมีอาการบวมผิดปกติ ไม่มีความรู้สึกอยากอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อาเจียนเป็นเลือด […]


ท้องผูก

เปลี่ยนที่ เปลี่ยนชีวิตประจำวัน เดินทาง . . . แล้วเกิดอาการท้องผูก ถ่ายไม่ออกหลายวัน อันตรายกว่าที่คิด

คุณเคยรู้สึกอึดอัดและไม่มั่นใจกับตัวเองในเช้าวันใหม่บ้างหรือไม่ จะลุก จะเดิน จะนั่ง จะทำอะไรก็หงุดหงิด อึดอัดไปเสียหมด บางทีความไม่สบายกายไม่สบายใจเหล่านั้น อาจมีสาเหตุมาจากอาการ “ท้องผูก” เจ้าปัญหาที่คุณกำลังมองข้ามอยู่ก็ได้นะ รู้จักกับอาการ “ท้องผูก” อาการท้องผูก เป็นอาการทางสุขภาพโดยปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศและทุกวัย คุณสามารถที่จะจับสังเกตความผิดปกติด้วยตัวเองได้ โดยเฉพาะถ้าหากคุณไม่มีการขับถ่ายเลย 3 วันขึ้นไป มีความรู้สึกว่าขับถ่ายได้ลำบาก และยากขึ้นในแต่ละครั้ง ต้องออกแรงในการเบ่ง ต้องใช้ตัวช่วยหลายวิธีในการ ขับถ่าย และเมื่ออุจจาระออกมา กลับพบว่า อุจจาระออกมาน้อย มีลักษณะแห้ง และแข็ง หลังจากขับถ่ายแล้วก็ยังคงรู้สึกอึดอัดอยู่เช่นเดิมเหมือนกับว่าเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้ ขับถ่าย เสียอย่างนั้น หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ สามารถสันนิษฐานแต่เนิ่น ๆ ได้เลยว่า คุณอาจกำลังมีอาการท้องผูก เพราะอะไรเราจึงเกิดอาการท้องผูก หลายคนอาจเข้าใจเพียงว่า อาการท้องผูกนั้นเกิดจากพฤติกรรมในการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้ว สาเหตุอาการท้องผูกมีได้หลากหลาย และส่วนมากมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของเราแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน ช่วงระหว่างการเดินทาง การท่องเที่ยว เกิดการเปลี่ยนแปลงการกิน การนอน ทำให้การทำงานของร่างกายผิดจากปกติ ลำไส้อาจทำงานลดลง อาการท้องผูกจากสาเหตุนี้ พบได้บ่อยมาก แต่หลายคนอาจไม่ตระหนักมากนัก พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ที่ไม่เหมาะสม การรับประทานอาหารประเภทผัก ผลไม้ ธัญพืช ทานกากใยอาหารน้อยไป ดื่มน้ำไม่เพียงพอ พฤติกรรมชีวิตคนยุคใหม่ เคลื่อนไหวร่างกายน้อย […]


ปัญหาสุขภาพช่องท้องแบบอื่น

ท้องอืด อ่อนเพลีย สิวขึ้น มีผื่นคัน อาการเหล่านี้อาจเกิดจาก ภาวะลำไส้รั่ว

ในบางครั้งอาการเจ็บป่วยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ท้องอืด อ่อนเพลีย สิวขึ้น มีผื่นคัน ไปจนถึงระบบหายใจติดขัด อาจเกิดจาก ภาวะลำไส้รั่ว ก็เป็นได้ และผู้ที่มีปัญหาภาวะลำไส้รั่วจะมีลักษณะอาการอย่างไรบ้างนั้น วันนี้ Hello คุณหมอ พามาหาคำตอบค่ะ ทำความรู้จัก ภาวะลำไส้รั่ว (Leaky Gut Syndrome) ภาวะลำไส้รั่ว (Leaky Gut Syndrome) ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงลำไส้ทะลุแต่อย่างใดนะคะ แต่ภาวะลำไส้รั่วเกิดจากการที่ลำไส้ทำงานผิดพลาด  เสียความสามารถในการควบคุมการผ่านเข้าออกของสารพิษ ทำให้เชื้อแบคทีเรียและสารพิษผ่านเข้าสู่กระแสเลือด เมื่อร่างกายได้รับสิ่งแปลกปลอม ร่างกายจะเกิดการต่อต้าน ด้วยการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานหนักขึ้นเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่แปลกปลอมเหล่านี้ ส่งผลเสียให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย ท้องอืด ท้องเฟ้อ รวมถึงปัญหาด้านผิวหนัง เช่น สิวอักเสบเรื้อรัง ผิวหนังอักเสบ ผื่น คัน เป็นต้น สาเหตุอาการเจ็บป่วยซ้ำๆ ที่อาจเกิดจากภาวะลำไส้รั่ว สาเหตุที่ทำให้คุณเป็นสิวเรื้อรัง นอนพักผ่อนเท่าไรก็ยังไม่หายเพลีย ไหนจะผดผื่นคันขึ้นไม่หาย หายใจติดขัด บางทีอาจมาจาก ภาวะลำไส้รั่ว ซึ่งเกิดจากการที่คุณมีพฤติกรรมในการรับประทานอาหารแบบเดิมๆซ้ำๆ จนเศษอาหารหลุดผ่านผนังลำไส้ที่รั่วเข้าสู่กระแสเลือด ร่างกายจึงต้องสร้างภูมิส่งผลให้ร่างกายเกิดการแพ้ขึ้น โดยอาการแพ้นี่แหละกระตุ้นให้เกิดอาการเจ็บป่วยต่างๆ โดยในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดภาวะลำไส้รั่ว แต่อาจเกิดได้จากปัจจัยหลายๆ ด้าน ดังต่อไปนี้ ภาวะความเครียดสะสม พฤติกรรมการรับประทานอาหารเดิมๆ ซ้ำๆ การรับประทานยาบางชนิดที่ไม่สมดุลกับร่างกาย การพักผ่อนไม่เพียงพอ บริโภคน้ำตาลมากจนเกินไป ขาดวิตามิน เช่น […]


ปัญหาสุขภาพช่องท้องแบบอื่น

ทำความรู้จักกับ อาการลำไส้ขี้เกียจ ที่คุณรู้แล้ว ต้องรีบรักษา

อาการลำไส้ขี้เกียจ ส่งผลให้ระบบขับถ่ายคุณนั้นไม่เป็นไปตามเวลา ท้องไส้ปั่นป่วน ในบางครั้งก็มีอาการท้องผูก และท้องเสียร่วมด้วย จนต้องพึ่งยาระบายเป็นตัวช่วยเสริม แถมยังเสียเวลาไปกับการวิ่งเข้า วิ่งออก จากห้องน้ำแทบทั้งวัน มารู้ถึงการรักษาสุขภาพลำไส้ ในบทความนี้ที่ Hello คุณหมอ ได้มานำฝากกัน อาการลำไส้ขี้เกียจ มีสาเหตุมาจากอะไร ? อาการลำไส้ขี้เกียจ (Colonic inertia) เกิดมากจากความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร หรือมีสิ่งรบกวนบางอย่างเข้าไปทำให้ลำไส้เกิดการอุดตัน อาจมีสาเหตุมาจากการใช้ยาลดกรด หรือยาระบายบ่อยครั้ง ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของนมมากเกินไป และการดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ส่งผลให้ผู้ป่วยบางรายมีอาการท้องผูก ท้องอืด และท้องเสียได้ อาการแบบไหนที่บ่งบอกว่าลำไส้ของคุณกำลังมีปัญหา อาการจะรุนแรงมาก หรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของแต่ละบุคคล โปรดปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเมื่อเกิดอาการดังต่อไปนี้ เริ่มรู้สึกถึงการขับถ่ายที่ผิดปกติ เช่น ท้องผูก ท้องร่วง เป็นระยะเวลานานหลายวัน อาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระมีการปะปนของเลือด วิธีรักษาอาการลำไส้ขี้เกียจ ให้กลับมาปกติดังเดิม ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยลดปริมาณอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมัน หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของนม รับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง และดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวันอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ก่อนเกิดอาการรุนแรง เพราะหากคุณปล่อยไว้จนถึงขั้นเรื้อรัง อาจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดลำไส้ได้เลยทีเดียว ยา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจแนะนำการใช้ยาระบายเพื่อรักษาอาการท้องผูกในเบื้องต้น และคอยติดตามอาการของคุณอย่างใกล้ชิด เพราะยาระบาย อาจไปทำความเสียหายให้แก่ระบบประสาท และกล้ามเนื้อของลำไส้ส่วนล่างจนถึงลำไส้ใหญ่ ฝึกการขับถ่ายด้วยเครื่องไบโอฟีดแบค (Biofeedback) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ขับถ่ายเป็นเวลา และขับถ่ายออกได้ง่ายขึ้น โดยการวัดแรงดันการบีบตัว และการคลายตัวของกล้ามเนื้อลำไส้ที่จะแสดงออกมาบนหน้าจอเครื่อง เรียกง่ายๆ ว่า การวัดแรงเบ่งอุจจาระ การผ่าตัด กรณีนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรังเท่านั้น […]


ท้องผูก

นวดหน้าท้อง บรรเทาอาการท้องผูก เห็นผลจริงหรือ

อาการท้องผูกเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย อาจเกิดจากรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์น้อย การกลั้นอุจจาระบ่อย ๆ การดื่มน้ำน้อย ทั้งนี้ การ นวดหน้าท้อง ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เกี่ยวข้อง อาจช่วยบรรเทาและป้องกันการเกิดอาการท้องผูกได้ในอนาคต ทำไมการ นวดหน้าท้อง จึงบรรเทาอาการท้องผูกได้ การนวด นอกจากจะช่วยคลายความปวดเมื่อยได้แล้ว ยังอาจช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ด้วย โดยการนวดหน้าท้องจะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ช่วยให้อุจจาระเคลื่อนตัวได้ดีขึ้น และช่วยขับลม โดยอาจขับออกมาในรูปแบบของการผายลม หรือบางรายทำให้ขับของเสียออกมาได้ภายในไม่กี่วัน มีรายงานตีพิมพ์ในวารสารการออกกำลังกายปี 2011 ของการทดลองคลินิกแห่งหนึ่งที่ใช้การนวดเพื่อรักษาอาการท้องผูกเรื้อรัง ผลการศึกษาพบว่าการนวดสามารถช่วยคลายการหดตัวของกล้ามเนื้อในช่องทางเดินอาหารทำให้ระบบย่อยอาหาร และการทำงานของลำไส้มีประสิทธิภาพ รวมถึงขับถ่ายได้คล่อง และเป็นเวลามากขึ้นอีกด้วย นวดหน้าท้อง อย่างไร ทำให้ขับถ่ายได้ไวขึ้น วิธีการนวดหน้าท้องสามารถทำได้โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัด หรือเริ่มฝึกการนวดหน้าท้องด้วยตัวของคุณเอง เพื่อให้ง่ายต่อการนวดอาจใช้น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันหอมระเหย ทาบริเวณนั้นก่อนเริ่มขั้นตอนเหล่านี้ การนวดหน้าท้องบรรเทาอาการท้องผูก เริ่มจากนอนหงาย และนำมือทั้ง 2 ข้าง กดเบาๆ บริเวณหน้าท้อง นวดเป็นวงกลมช้าๆ ตามเข็มนาฬิกา โดยเริ่มจากด้านล่างขวาของหน้าท้อง ด้วยแรงกดเบาๆ จากนั้นใช้มือขวาเปลี่ยนไปกดบริเวณกึ่งกลางกระดูกซี่โครงด้านซ้ายเบาๆ และค่อยๆ ผ่อนแรงกดออก การนวดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของลำไส้ใหญ่ นั่ง หรือนอนราบ งอเข่าเพื่อให้หน้าท้องของคุณง่ายต่อการนวด ใช้ปลายนิ้วกดบริเวณหน้าท้องขวาล่างอย่างเบาๆ ให้นวดเป็นรูปเกือกม้า หรือตัวยู จากนั้นนวดขึ้นมาอย่างช้าๆ ถึงบริเวณใต้กระดูกซี่โครงวนไปยังกึ่งกลางหน้าท้อง สลับเปลี่ยนนวดข้างซ้ายโดยใช้วิธีเดียวกัน แต่ละจุดที่นวดคุณสามารถเน้นโดยใช้การเพิ่มแรงกดจากเบาไปจนระดับกลาง […]


สุขภาพระบบทางเดินอาหาร

ปวดท้องข้างซ้าย บ่อย ๆ เกิดจากอะไร เป็นสัญญาณโรคร้ายหรือไม่

ปวดท้องข้างซ้าย เป็นอาการที่พบได้บ่อย สามารถแบ่งได้เป็น อาการปวดท้องข้างซ้ายส่วนบน และอาการปวดท้องข้างซ้ายส่วนล่าง อาการนี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น กรดไหลย้อน ลำไส้แปรปรวน และในบางกรณี ก็อาจเกิดจากปัญหาสุขภาพที่รุนแรง เช่น ตับอ่อนอักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ หากมีอาการปวดท้องข้างซ้าย จึงควรรีบไปพบคุณหมอ เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม [embed-health-tool-bmi] อาการ ปวดท้องข้างซ้าย เกิดจากอะไรได้บ้าง การปวดท้องที่บริเวณด้านซ้ายหรือชายโครงทางด้านซ้าย เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุปัจจัย และมีความอันตรายที่มากน้อยแตกต่างกันไป ดังนี้  โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ (Diverticulitis)  อาการปวดท้องของคุณ อาจมีสาเหตุมาจากโรคถุงผนังลำไส้อักเสบ (Diverticulitis) ซึ่งเป็นอาการที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบบริเวณกระเปาะในลำไส้ใหญ่ เมื่อมีอาการของโรคนี้ ก็จะมีอาการปวดท้องบริเวณข้างซ้าย มีไข้ วิงเวียนศีรษะ อาเจียน และมีอาการกดเจ็บที่ช่องท้อง อาหารไม่ย่อย ในช่วงที่กำลังรับประทานอาหาร หรือหลังรับประทานอาหารเข้าไปแล้ว หลายคนอาจเกิดอาการจุกเสียด แน่นท้อง และปวดท้องขึ้นมา โดยอาจมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการกิน เพราะชอบกินอาหารที่ย่อยยาก จึงส่งผลให้มีอาการปวดท้อง กรดไหลย้อน วิงเวียนศีรษะ เรอหรือตด โรคไส้เลื่อน อาการไส้เลื่อน เกิดจากการที่ลำไส้มีการเคลื่อนตัวผ่านหนังช่องท้องไปยังบริเวณต่าง ๆ เช่น บริเวณขาหนีบ กระบังลม เชิงกราน หรือสะดือ ซึ่งในระยะยาว จะส่งผลให้เกิดอาการปวดท้อง มีก้อนบวมนูนออกมาในบางจุดที่ลำไส้เคลื่อนตัวไปถึง และหากมีอาการปวดท้องเนื่องจากอาการไส้เลื่อน ควรไปพบคุณหมอ โรคนิ่วในไต หากคุณเป็นโรคนิ่วในไต ก้อนนิ่วอาจทำให้คุณมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม