ปลาทูน่า เป็นหนึ่งในปลายอดนิยมที่นิยมนำมารับประทานกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะมาในรูปแบบของปลาดิบในเมนูซาชิมิ หรือรูปแบบสุกอย่างปลาทูน่ากระป๋อง บางคนอาจจะเกิดความสงสัยว่า ปลาทูน่า กินดิบหรือกินสุก แบบไหนจะดีกว่ากัน มาหาคำตอบด้วยกันกับ Hello คุณหมอ
ประโยชน์ที่ได้จากการกินปลาทูน่า
โดยปกติในร้านอาหารส่วนใหญ่ มักจะเสิร์ฟปลาทูน่ามาในรูปแบบของปลาดิบ หรือกึ่งสุกกึ่งดิบ ยิ่งโดยเฉพาะกับในร้านอาหารญี่ปุ่น ที่ซาชิมิหรือซูชิที่มีปลาทูน่าดิบเป็นส่วนประกอบนั้น แทบจะเป็นเมนูที่ขาดไม่ได้ ปลาทูน่านั้นเป็นปลาที่มีสารอาหารที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายอย่างมาก ทั้งยังเป็นปลาที่มีไขมันต่ำ โปรตีนสูง และมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อหัวใจและสมอง และยังช่วยต้านการอักเสบอีกด้วย
นอกจากนี้ ในเนื้อปลาทูน่านั้นยังอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก โพแทสเซียม วิตามินบี ทั้งยังเป็นแหล่งสำคัญของธาตุซีลีเนียม (selenium) แร่ธาตุรองที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ การรับประทานปลาทูน่า จึงมีส่วนช่วยในการเพิ่มสมรรถภาพการทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ และโรคเรื้อรังต่างๆ
ไขขอข้องใจ: ปลาทูน่า ควร กินดิบหรือกินสุก
หลายคนเชื่อว่าการกินปลาทูน่าดิบนั้น เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการกินทูน่า เนื่องจากเนื้อปลาทูน่าดิบที่ไม่ผ่านความร้อน จะให้สัมผัส รสชาติ และคุณประโยชน์ของปลาทูน่าได้อย่างเต็มเปี่ยม ทั้งยังเชื่อว่าการปรุงทูน่าให้สุก จะทำลายรสชาติ และคุณค่าทางสารอาหารที่มีประโยชน์ของทูน่าไป
แต่ในความจริงแล้ว ไม่เป็นเช่นกัน ปลาทูน่าไม่ว่าจะแบบดิบหรือแบบสุก ต่างก็ให้คุณค่าทางสารอาหาร ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน แร่ธาตุ และกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณที่เท่าๆ กัน ความร้อนแทบจะไม่ได้ทำลายคุณค่าทางสารอาหารของปลาทูน่า เหมือนกันที่เราเชื่อกัน
สิ่งที่แตกต่างระหว่างการกินปลาทูน่าดิบและกินสุกมีแค่สัมผัสและรสชาติของเนื้อปลา เพราะเนื้อปลาทูน่า เมื่อทำให้สุกนั้น เนื้อปลาก็จะกลายเป็นสีขาว และมีสัมผัสที่แข็งขึ้น แต่ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับทางด้านของสารอาหาร ดังนั้น การกินปลาทูน่าไม่ว่าจะกินดิบหรือกินสุก ต่างก็ให้ประโยชน์พอๆ กันนั่นเอง
ความเสี่ยงจากการกินปลาทูน่าดิบ
ปลาทูน่าดิบนั้นแม้ว่าจะมีรสชาติที่อร่อย และมีคุณค่าทางสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากมาย แต่ก็อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน เนื่องจากในปลาทูน่าดิบนั้นอาจจะมีพยาธิ เช่น Opisthorchiidae และ Anisakadie แฝงอยู่ในเนื้อปลาดิบ พยาธิเหล่านี้อาจนำไปสู่โรคต่างๆ เช่น อาหารเป็นพิษ การติดเชื้อในลำไส้ ท้องเสีย อาเจียน เป็นไข้ และอาการอื่นๆ หากรับประทานเข้าไป
มีงานวิจัยหนึ่งพบว่า จากการสุ่มตัวอย่างของเนื้อปลาทูน่าจากญี่ปุ่น กว่า 64% ของเนื้อปลาทูน่านั้นจะมีพยาธิที่ชื่อว่า Kudoa hexapunctata ที่สามารถทำให้เกิดอาการท้องเสียและอาหารเป็นพิษได้ และปลาทูน่าที่ได้จากชายฝั่งของเกาะแห่งหนึ่ง สามารถพบพยาธิได้มากกว่า 89% พยาธิเหล่านี้จะไปเกาะอาศัยอยู่ในกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้เกิดอาการถ่ายเป็นเลือด ปวดท้อง และอาเจียน
ผู้ที่ตั้งครรภ์และให้นมลูก เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ที่รับการรักษาโรคมะเร็ง จึงควรหลีกเลี่ยงการกินปลาทูน่าดิบ เพราะคนกลุ่มนี้อาจจะมีความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพจากเชื้อปรสิตเหล่านี้ได้มากกว่าคนทั่วไป
ความเสี่ยงที่ปลาทูน่าจะมีพยาธินั้นมักจะขึ้นอยู่กับจุดที่จับปลาได้ และการจัดการกับปลาหลังจากนั้น เนื้อปลาทูน่าดิบ หากจัดการได้อย่างถูกต้อง เช่น การแช่แข็งปลาอย่างถูกสุขลักษณะ หรือการใช้ความร้อนทำให้สุก ก็สามารถกำจัดพยาธิที่อยู่ในเนื้อปลา และทำให้ปลาปลอดภัยสำหรับการรับประทานได้
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmr]