โภชนาการเพื่อสุขภาพ

"You are what you eat" อาหารที่คุณรับประทาน มีความสำคัญอย่างมาก ต่อสุขภาพร่างกายของคุณ แต่น่าเสียดายที่ยังคงมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ โภชนาการเพื่อสุขภาพ อยู่มากมาย ดังนั้น การแยกแยะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

เรื่องเด่นประจำหมวด

โภชนาการเพื่อสุขภาพ

สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม

สมุนไพรลดน้ำหนัก เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก เพราะสารสกัดในสมุนไพรบางชนิดอาจช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันที่สะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เพื่อความปลอดภัยควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคทุกครั้ง [embed-health-tool-bmi] สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม ขมิ้นชัน สรรพคุณ สารเคอร์คูมิน (Curcumin) ในขมิ้นชัน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล มีสรรพคุณช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ระบบการเผาผลาญภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สมุนไพรขมิ้นชันจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก ผลข้างเคียง หากรับประทานขมิ้นชันในปริมาณสูงติดต่อกัน อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้และอาเจียน  ขิง สรรพคุณ สารซิงเจอโรน (Zingerone) ในขิง เป็นสารประกอบที่มีรสชาติเผ็ดร้อน ดังนั้นจึงมีความสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมได้ อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบเผาผลาญภายในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้สามารถควบคุมปริมาณในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม ผลข้างเคียง ขิงเป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป อาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารได้  แนะนำรับประทานไม่เกินวันละ 4 กรัม และในสตรีมีครรภ์ไม่เกินวันละ 1 กรัม  ส้มแขก สรรพคุณ หลายคนมักรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากส้มแขก เนื่องจากส้มแขกมีกรดมีกรดไฮดรอกซีซิตริก (Hydroxycitric Acid: HCA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการเผาผลาญไขมันภายในร่างกาย และยังมีสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ทำให้รู้สึกหิวน้อยลง  ผลข้างเคียง เวียนศีรษะ ปากแห้ง ปวดศีรษะ ปวดท้อง ท้องเสีย  เม็ดแมงลัก […]

หมวดหมู่ โภชนาการเพื่อสุขภาพ เพิ่มเติม

สำรวจ โภชนาการเพื่อสุขภาพ

ข้อมูลโภชนาการ

อัลมอนด์ กับประโยชน์อัศจรรย์ที่ทำให้ถูกยกเป็น ราชินีแห่งถั่ว

เมื่อพูดถึงถั่ว อัลมอนด์ ถือเป็น “ราชินี” แห่งถั่ว ซูเปอร์ฟู้ดชนิดนี้อุดมไปด้วยวิตามินอีและแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี เซลีเนียม ทองแดง และไนอะซิน (niacin) เนื่องจากอัลมอนด์มีสารอาหารมากมายเช่นนี้ จึงทำให้มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ อัลมอนด์ มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง อาหารบำรุงสมองอันยอดเยี่ยม อัลมอนด์มีแหล่งสารอาหารที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมอง มีการพิสูจน์แล้วว่า การรับประทานอัลมอนด์สัมพันธ์กับระดับสติปัญญาที่สูง ผู้คนเชื่อกันมานานแล้วว่า อัลมอนด์เป็นอาหารที่สำคัญต่อเด็ก ถั่วชนิดนี้ยังมีสารไรโบฟลาวิน (riboflavin) และแอลคาร์นิทีน (L-carnitine) ที่เพิ่มการทำงานของสมอง และสร้างการเชื่อมต่อของเส้นประสาทใหม่ๆ เพิ่มขึ้น (new neural pathway) ในขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอัลไซเมอร์ นักวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า อัลมอนด์มีประโยชน์ต่อการทำงานของระบบประสาท และสุขภาพโดยรวมอย่างแท้จริง ควบคุมคอเลสเตอรอลให้อยู่ในระดับปกติ การรับประทานอัลมอนด์เป็นประจำ จะช่วยเพิ่มระดับของคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) และลดระดับของคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ความสมดุลนี้สำคัญต่อสุขภาพของแต่ละบุคคล ป้องกันสุขภาพของกระดูก เนื่องจากอัลมอนด์มีฟอสฟอรัสมาก ทำให้ผู้ที่รับประทานอัลมอนด์มีสุขภาพดี รวมถึงฟันและกระดูกที่แข็งแรง อัลมอนด์ยังช่วยป้องกันไม่ให้ผู้สูงอายุเป็นโรคกระดูกพรุนอีกด้วย เพื่อหัวใจที่แข็งแรง ควรรับประทานอัลมอนด์ให้มากขึ้นเป็นประจำ เพราะจะทำให้หัวใจแข็งแรง ถั่วชนิดนี้มีระดับโปรตีน โพแทสเซียม และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง ทั้งสามอย่างสำคัญต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะหัวใจ นอกจากนี้ อัลมอนด์ยังเป็นแหล่งรวมของแมกนีเซียมและวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ส่วนประกอบทั้งสองจะช่วยป้องกันเราจากความเสี่ยงที่จะเกิดหัวใจวาย หรือโรคเกี่ยวกับหัวใจชนิดอื่น สารทั้งสองชนิดยังลดผลของซีรีแอคทีฟโปรตีน (C-reactive protein) […]


การควบคุมอาหารและการลดน้ำหนัก

อยากผอม ลดความอ้วน ควรปรับพฤติกรรมตนเองอย่างไรดี

อยากผอม ลดความอ้วน ลองมาหลายวิธีแล้วก็ไม่ได้ผล อาจเป็นเพราะการเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ และทำให้เป็นนิสัยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยปกติ มักต้องใช้เวลาอย่างน้อย 21 วัน เพื่อให้ติดเป็นนิสัย และคนส่วนใหญ่มักจะล้มเลิกก่อน ดังนั้น แทนการสร้างนิสัยใหม่อาจลองหันมาปรับเปลี่ยน ลด ละ เลิก พฤติกรรมบางอย่างที่อาจช่วยให้การควบคุมน้ำหนักได้ผลดียิ่งขึ้น [embed-health-tool-bmi] อยากผอม ลดความอ้วน ลองเปลี่ยนตัวเองใหม่ น้ำหนักส่วนเกินหรือความอ้วนอาจเกิดจากพฤติกรรมเดิม ๆ ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น หากอยากผอม อาจลองปรับเปลี่ยนนิสัยบางอย่างของตนเอง ได้แก่ เลิกรับประทานขนมขบเคี้ยว ขนมขบเคี้ยวอุดมไปด้วยแป้งและน้ำตาล เมื่อร่างกายได้รับมากเกินไปจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ออกมาเพิ่มขึ้น โดยอินซูลินจะรักษามวลไขมันไว้ ทำให้ร่างกายไม่เผาผลาญไขมันเวลาที่ระดับฮอร์โมนอินซูลินเพิ่มสูง ดังนั้น เมื่อบริโภคน้ำตาลและแป้งจากขนมจึงเพิ่มโอกาสให้น้ำหนักขึ้นเพราะร่างกายไม่นำไขมันไปใช้นั่นเอง ไม่ควรรีบรับประทานอาหาร โดยปกติ สมองของมนุษย์จะรับรู้ว่า ‘อิ่ม’ นั้นใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีหลังจากรับประทานอาหาร ดังนั้น หากรับประทานข้าวเร็ว หรือเพียง 5 นาทีก็หมดจานแล้ว มักทำให้รู้สึกว่ายังไม่อิ่ม และต้องการรับประทานอาหารเพิ่ม จึงทำให้ร่างกายได้รับอาหารส่วนเกินและจนเกิดภาวะอ้วนขึ้น หากลองฝึกตัวเองให้ค่อย ๆ รับประทานอาหาร เคี้ยวช้าลง อาจช่วยควบคุมน้ำหนักได้ ไม่นอนดึก นอกเหนือจากการนอนดึกจะทำให้ฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติแล้ว ยังส่งผลให้ง่วงในตอนกลางวัน […]


ข้อมูลโภชนาการ

ดาร์กช็อกโกแลต กับประโยชน์ล้นเหลือด้านสุขภาพ ที่คุณอาจนึกไม่ถึง

ดาร์กช็อกโกแลต (Dark Chocolate) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากผลของต้นโกโก้ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งใน ซูเปอร์ฟู้ด (Superfood) ชนิดหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยสารอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประโยชน์กับร่างกายมากมาย วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจของดาร์กช็อกโกแลตมาฝากกันค่ะ มาดูกันเถอะว่า ประโยชน์อันแสนยอดเยี่ยมของดาร์กช็อกโกแลตนั้น มีอะไรบ้าง ดาร์กช็อกโกแลต อาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย ดาร์กช็อกโกแลตที่ได้มาตรฐาน ควรจะต้องมีปริมาณของโกโก้สูง เพราะโกโก้นั้นอุดมไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุที่สามารถละลายน้ำได้ โดยดาร์กช็อกโกแลที่มีโกโก้ร้อยละ 70- 85 ปริมาณ 100 กรัม นั้นประกอบไปด้วย ใยอาหาร 11 กรัม ธาตุเหล็ก ร้อยละ 67 ของปริมาณที่ควรได้รับในแต่ละวัน แมกนีเซียม ร้อยละ 58 ของปริมาณที่ควรได้รับในแต่ละวัน ทองแดง ร้อยละ 89 ของปริมาณที่ควรได้รับในแต่ละวัน แมงกานีส ร้อยละ 98 ของปริมาณที่ควรได้รับในแต่ละวัน โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี และซิลีเนียม ในปริมาณมาก ยิ่งไปกว่านั้น ดาร์กช็อกโกแลตยังมีไขมันชนิดดีอีกด้วย ซึ่งปริมาณของไขมันส่วนใหญ่ในช็อกโกแลต คือไขมันอิ่มตัวและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ที่เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน นอกจากนี้ในดาร์กช็อกโกแลต ยังมีสารกระตุ้นในปริมาณเล็กน้อย เช่น คาเฟอีน (Caffeine) […]


ข้อมูลโภชนาการ

ปัญหาหัวใจ หลอดเลือด สุขภาพทางเพศ ถั่วดำ ช่วยได้ทั้งนั้น

ถั่วดำ คือ อาหารโภชนาการที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แถมยังนำมาประกอบอาหารได้หลายเมนู เช่น ข้าวเหนียวถั่วดำ แกงบวดถั่วดำ ข้าวต้มมัดใส่ถั่วดำ หรือซาลาเปาถั่วดำ อย่างไรก็ตาม เมนูที่กล่าวมาทั้งหมดดูจะจัดอยู่ในหมวดของหวาน หากใครกำลังคุมน้ำตาลในเลือดอยู่ควรระวังนะคะ และไม่ควรกินน้ำตาลมากเกินไป เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพได้ คุณค่าทางโภชนาการของ ถั่วดำ ถั่วดำอุดมไปด้วยใยอาหารและโปรตีนที่มีประโยชน์ มีวิตามินและแร่ธาตุสูง ประกอบไปด้วย วิตามินเอ ธาตุเหล็ก แมงกานีส และแคลเซียม เต็มไปด้วยฟลาโวนอยด์ (flavonoids) โดยเฉพาะแอนโทไซยานิน (anthocyanin) ที่เป็นสารต้านอนูมูลอิสระ นอกจากนั้นถั่วดำยังมีไขมันกรดโอเมก้า-3 ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่ดี ถั่วดำยังมีกรดโฟลิคทำให้เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเด็กๆ และคนที่กำลังจะเป็นคุณแม่ ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ ถั่วดำมีโมลิบดีนัม (molybdenum) สารประกอบซึ่งหายาก ที่มีประโยชน์มากต่อร่างกายในปริมาณที่สูงอีกด้วย ประโยชน์ต่อสุขภาพของถั่วดำ สุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด สิ่งสำคัญที่ในถั่วดำ ที่ทำให้ควรนำมาประกอบอาหารก็คือ ใยอาหารหรือไฟเบอร์ ถั่วดำมีใยอาหารที่ละลายน้ำได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดได้ และเมื่อเรามีปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดต่ำ ก็จะลดโอกาสการเกิดผนังหลอดเลือดตีบตัน ที่จะทำให้เกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดสมองตีบตันได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นกรดไขมันโอเมก้า-3ในถั่วดำ ยังช่วยต่อสู้กับผลด้านลบของกรดไขมันโอเมก้า-6 เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ลดระดับความดันโลหิต และลดภาวะเครียดที่เกิดจากออกซิเดชันในระบบหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย การป้องกันมะเร็ง เปลือกหุ้มเมล็ดสีดำของถั่วดำนั้น มีฟลาโวนอยด์อยู่ 8 ชนิด ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่า สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งบางชนิดได้ หนึ่งในชนิดของฟลาโวนอยด์ก็คือ แอนโทไซยานิน สารต้านอนูมูลอิสระที่ช่วยชะลอการเติบโตของเซลล์อันตราย เพิ่มความเร็วในการตายของเซลล์มะเร็ง ระบบทางเดินอาหาร ด้วยปริมาณของโปรตีนและใยอาหารสูง ถั่วดำสามารถช่วยในการจัดการปัญหาการขับถ่ายได้ […]


ข้อมูลโภชนาการ

กะหล่ำปลี กินแล้วผิวสวยใส หน้าไม่เหี่ยว

กะหล่ำปลี เป็นผักชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย มีแคลอรี่ต่ำเหมาะสมหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ทั้งยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อาจช่วยในเรื่องของผิว ริ้วรอยก่อนวันอันควร ปรับปรุงการทำงานของสมอง การย่อยอาหาร นอกจากนี้ ยังถูกนำมาใช้เป็นยา เช่น รักษาอาการปวดท้อง กรดในกระเพาะส่วนเกิน แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ รวมถึงใช้รักษาโรคหอบหืดและแพ้ท้อง ป้องกันโรคกระดูกพรุน สำหรับผู้หญิงที่ให้นมบุตรบางครั้งก็อาจใช้ใบกะหล่ำปลีและสารสกัดจากใบกะหล่ำปลีกับเต้านม เพื่อบรรเทาอาการบวมและปวดด้วย [embed-health-tool-bmi] คุณค่าโภชนาการของกะหล่ำปลี ในกะหล่ำปี 100 กรัม มีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้ พลังงาน 22 กิโลแคลอรี่ โปรตีน 1.4 กรัม คาร์โบไฮเดรต 3.3 กรัม ไขมัน 0.1 กรัม ไฟเบอร์ 2.8 กรัม วิตามินซี 33.3 มิลลิกรัม ประโยชน์ของกะหล่ำปลี กะหล่ำปลี อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้ การขาดวิตามินซี การขาดวิตามินซีนำไปสู่การเกิดโรคลักปิดลักเปิด (Scurvy) อาการที่เหงือกเป็นรูพรุน และมีเลือดออกพร้อมกับมุมปากแตก นอกจากนี้ ระบบภูมิคุ้มกันก็ยังอ่อนแอลงอีกด้วย ทำให้มีโอกาสในการติดเชื้อและเป็นหวัด […]


การควบคุมอาหารและการลดน้ำหนัก

มะนาว ช่วยลดน้ำหนัก ได้จริงไหม

การลดน้ำหนักต้องใช้ความพยายามอย่างมาก มีความเชื่อผิดๆ เรื่องวิธีการไดเอ็ทต่างๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือการกินอาหารบางประเภท หรือการดื่มน้ำที่จะช่วยทำให้ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ผลไม้ชนิดหนึ่งที่มักนิยมใช้เป็นเทคนิคในการลดความอ้วนคือ มะนาว มีหลายวิธีมากที่บอกว่าการกิน มะนาว ช่วยลดน้ำหนัก ได้ เช่น ดื่มน้ำมะนาวอุ่นๆ น้ำผึ้งมะนาว ใส่มะนาวลงไปในสลัด ฝานมะนาวบางๆ เอาไปใส่ในขวดน้ำเป็นน้ำหมักผลไม้ (infused water) และวิธีอื่นๆ แล้วเรื่องไหนบ้าง ที่เป็นความเชื่อผิดๆ ของการดื่มน้ำมะนาวและการลดน้ำหนัก Hello คุณหมอ จะพาไปไขข้อสงสัยกันค่ะ [embed-health-tool-bmi] น้ำมะนาว ดีกว่าน้ำประเภทอื่น เอลิซ่า รัมซี นักโภชนาการ โฆษกของสถาบัน Academy of Nutritions and Dietetics เคยกล่าวไว้ว่า มะนาวสร้างความรู้สึกในเรื่องการลดน้ำหนัก เพราะว่าน้ำมะนาวดูเป็นน้ำที่ทำให้สุขภาพดี เมื่อเทียบกับน้ำประเภทอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องจริง เนื่องจากไม่ต้องสงสัยเลยว่าการดื่มน้ำมะนาวดีกว่าการดื่มชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม และเมื่อได้ดื่มเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า ร่างกายของคุณก็จะรู้สึกดีกว่า และจากการที่หยุดบริโภคคาเฟอีน ก็จะทำให้ร่างกายของคุณมีเวลาในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย มันเป็นเรื่องจริงด้วยที่ว่ามะนาวช่วยปรับปรุงระบบการเผาผลาญ ทำให้ร่างกายของคุณเผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น และลดการสะสมไขมัน ซึ่งก็เลยมีส่วนช่วยในกระบวนการลดน้ำหนักได้ ดังนั้น ถ้าคุณต้องการที่จะลดปริมาณคาเฟอีน แต่เกลียดการกินน้ำเปล่า ลองฝานมะนาวบางๆ และใส่ไปในน้ำเปล่า […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ระวังให้ดี ขาดวิตามินซี โรคโลหิตจาง จะถามหา

วิตามิน ซี เป็นวิตามินชนิดละลายในน้ำได้  เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถผลิตได้เอง แหล่งวิตามินซีส่วนใหญ่ได้มาจากอาหารทั่วไปและอาหารเสริมเท่านั้น วิตามิน ซี มีประโยชน์ที่สำคัญหลายอย่างต่อร่างกาย หนึ่งในนั้นคือ ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก ซึ่งธาตุเหล็กเป็นหนึ่งในแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยในการผลิตฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเซลล์เม็ดเลือดแดงที่มีออกซิเจน ประสิทธิภาพอีกอย่างของวิตามิน ซี คือช่วยผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง ดังนั้น ภาวะ ขาดวิตามินซี สามารถก่อให้เกิด โรคโลหิตจาง หรือโรคเซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำ (low red blood cell count) วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาไปดูว่ากาารขาดวิตามินซี…สามารถส่งผลอย่างไรต่อร่างกายได้บ้าง สาเหตุของโรคโลหิตจางจากการ ขาดวิตามินซี มีหลายสาเหตุของการเกิดโรคโลหิตจาง โรคโลหิตจางเนื่องจากขาดวิตามินซีจะเกิดขึ้น เมื่อร่างกายได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอ การบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี และธาตุเหล็ก กระเพาะอาหารของคุณ จะสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดได้ดีขึ้น นำไปสู่การเพิ่มระดับการดูดซึมธาตุเหล็ก การดูดซึมธาตุเหล็กไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ใหญ่จะดูดซึมธาตุเหล็กอยู่ระหว่างร้อยละ 10 และ ร้อยละ 15 ของธาตุเหล็กในอาหาร การดูดซึมธาตุเหล็กในรูปฮีมจากเนื้อ จะดูดซึมได้ดีกว่าธาตุเหล็กในรูปอื่นที่ดูดซึมได้จากพืช แต่การบริโภคสารอาหารประเภทอื่นที่มีลักษณะคล้ายกับวิตามินซี สามารถส่งผลกระทบต่อการดูดซึมธาตุเหล็กในรูปอื่น ผู้ที่ดูดซึมโปรตีนส่วนใหญ่จากผลิตภัณฑ์พืช และผู้ที่ถูกพิจารณาว่าอยู่ในภาวะขาดแคลนวิตามินซี จะพบความเสี่ยงอย่างมากในการเกิดโรคโลหิตจาง ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ การขาดสารอาหาร โรคมะเร็ง ประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุเหล็กหายไป เป็นสาเหตุสำคัญในการขาดแคลนภาวะวิตามินซี ที่ก่อให้เกิดโรคโลหิตจาง […]


ข้อมูลโภชนาการ

สมุนไพรสำหรับโรคโลหิตจาง มีอะไรบ้างและเป็นประโยชน์อย่างไร

โรคโลหิตจาง (anemia) เป็นโรคที่พบได้บ่อยมากในเพศหญิง และมีโอกาสในการเกิดอาการต่างๆ เช่น ความเหนื่อยล้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการปวดหัว ผิวหนังซีด และสูญเสียความทรงจำ ผู้หญิงทุกคนจึงควรตระหนักถึงโรคโลหิตจางและอาการของมันอย่างจริงจัง เพื่อรับมือกับอาการของโรคโลหิตจาง วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลเกี่ยวกับ การใช้ สมุนไพรสำหรับโรคโลหิตจาง มาฝากกกันค่ะ โรคโลหิตจาง คืออะไร โรคโลหิตจาง เป็นอาการที่เลือดไม่สามารถผลิตฮีโมโกลบินหรือเซลล์เม็ดเลือดแดงได้อย่างเพียงพอ ฮีโมโกลบินเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์เม็ดเลือดแดง ที่มีหน้าที่ในการขนส่งออกซิเจน ดังนั้น หากคุณมีภาวะโลหิตจาง เซลล์และอวัยวะต่างๆในร่างกายของเราจะไม่สามารถรับออกซิเจนได้เพียงพอ จะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย ผิวหนังซีด และหายใจไม่ออก โรคโลหิตจางมีหลากหลายประเภท ได้แก่ โรคทางกรรมพันธุ์ เช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย (thalassemia) โรคโลหิตจางเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (sickle cell) โรคโลหิตจางชนิดร้ายแรง (pernicious anemia) การดูดซึมผิดปกติ เช่น โรคโลหิตจางจากการขาดกรดโฟลิก (megaloblastic anemia) การขาดสารอาหาร เช่น ภาวะขาดวิตามิน ภาวะขาดธาตุเหล็ก สมุนไพรสำหรับโรคโลหิตจาง ผักกาดส้ม ผักกาดส้ม เป็นสมุนไพรที่มีความสามารถอันยอดเยี่ยมในการเพิ่มระดับฮีโมโกลบินได้อย่างรวดเร็ว ผักกาดส้ม (Yellow Dock) จึงเป็นสมุนไพรที่ได้รับการแนะนำอย่างมากในการรักษาโรคโลหิตจาง ผักกาดส้มช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกักเก็บธาตุเหล็กของตับ จึงกลายเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคโลหิตจาง โดยทั่วไป สมุนไพรชนิดนี้จะไม่มีผลข้างเคียงใดๆจึงเป็นสมุนไพรที่ปลอดภัยมากๆ นอกจากนี้ผักกาดส้ม ยังอุดมไปด้วยธาตุเหล็กจำนวนมาก คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของได้ […]


โภชนาการพิเศษ

หอบหืดกับอาหาร โภชนาการสำหรับคนเป็นโรคหอบหืด

การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ และ หอบหืดกับอาหาร ก็มีบทบาทสำคัญสำหรับคนที่เป็นโรคหอบหืดเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การรับประทานอาหารเฉพาะสำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืด อาจมีผลต่อการช่วยควบคุมโรคหอบหืด ช่วยบรรเทาอาการอักเสบของหลอดลม และช่วยลดจำนวนครั้งในการเกิดอาการหอบหืดกำเริบได้ โรคหอบหืดและโรคอ้วน หนึ่งในปัจจัยเสี่ยงหลักของการเกิดโรคหอบหืด คือ โรคอ้วน โรคหอบหืดในคนอ้วน อาจมีอาการรุนแรงมากกว่า และรักษาได้ยากกว่าโรคหอบหืดทั่วไป การบริโภคอาหารที่เหมาะสมและมีน้ำหนักตัวในเกณฑ์ที่ดี จะสามารถควบคุมอาการนี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น อาหารที่ดีต่อสุขภาพมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม เช่นเดียวกับแผนการรักษาโรคหอบหืดของคุณ ยิ่งไปกว่านั้นอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมีโอกาสอย่างมากที่จะทำให้เป็นโรคอ้วน ซึ่งเชื่อกันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคหอบหืดรุนแรง การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีด้วยการกินอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก หมอหลายๆคนสงสัยว่า มีอาหารบางชนิดสามารถส่งผลกระทบต่ออาการหอบหืด ตัวอย่างเช่น บางคนเชื่อว่าการบริโภคอาหารบางชนิดส่งผลดีต่อโรคหอบหืดของคุณ เนื่องมาจากประสิทธิภาพของมันในการส่งเสริมการทำงานของปอด แต่ก็มีบางคนที่เชื่อว่าควรหลีกเลี่ยง หากคุณมีอาการแพ้อาหารเหล่านั้น เพราะอาการแพ้อาหารอาจไปกระตุ้นการเกิดโรคหอบหืด หอบหืดกับอาหาร อะไรควรกิน…อะไรไม่ควรกิน แม้ว่าจะยังไม่มีอาหารที่แนะนำ สำหรับผู้ที่เป็นโรคหอบหืด แต่ยังมีอาหารและสารอาหารที่ช่วยสนับสนุนประสิทธิภาพการทำงานของปอด มีหลักฐานปรากฎถึงอัตราการกำเริบของหอบหืดที่ลดลง ในผู้ที่บริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี และวิตามินซี กรดไขมันโอเมก้า 3 ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ธาตุซิลีเนียม และธาตุแมกนีเซียม สารทั้งหลายเหล่านี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่สามารถป้องกันเซลล์จากความเสียหาย งานวิจัยชิ้นหนึ่งได้เปิดเผยว่า วัยรุ่นที่บริโภคอาหารที่ไม่มีประโยชน์ มีโอกาสมากขึ้นในการเกิดอาการหอบหืด นอกจากนี้ความเสี่ยงของประสิทธิภาพการทำงานปอดย่ำแย่ลง มีโอกาสพบสูงในคนที่ไม่ได้รับประทานผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินอี วิตามินซี และกรดไขมันโอเมก้า 3 อย่างเพียงพอ งานวิจัยอีกชิ้นได้เปิดเผยว่า เด็กที่ทานอาหารที่ประกอบไปด้วยถั่วและผลไม้ อย่างเช่น มะเขือเทศหรือแอปเปิ้ล มีโอกาสในการเกิดอาการหอบหืดน้อยลง อาหารที่ควรรับประทาน อาหารที่มีวิตามินดีสูง […]


โภชนาการพิเศษ

วิตามินดีกับเบาหวาน เกี่ยวข้องกันอย่างไร ส่งผลอะไรต่อโรคนี้ได้บ้าง

วิตามินดี หรือที่รู้จักกันแพร่หลายว่า “วิตามินจากแสงอาทิตย์“ มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพกระดูก คอเลสเตอรอล และความดันโลหิตของคุณ นอกจากนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบผลกระทบสำคัญที่ วิตามินดี ส่งผลต่ออินซูลินและกลูโคส และสามารถเชื่อมโยงถึงโรคต่อมไร้ท่อหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ความเชื่อมโยงกันระหว่าง วิตามินดีกับเบาหวาน เป็นอย่างไร ทาง Hello คุณหมอ มีข้อมูลมาฝากกันในบทความนี้ วิตามินดี คืออะไร วิตามินดี (Vitamin D) เป็นวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน โดยที่คุณสามารถดูดซึมได้จากอาหารหรือผลิตขึ้นจากร่างกายของคุณ หากคุณได้รับแสงแดด เมื่อผิวหนังของคุณสัมผัสกับแสงอัลตร้าไวโอเลต บี ร่างกายจะเปลี่ยนคอเลสเตอรอลไปเป็นวิตามินดี นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า ตัวรับโปรตีนวิตามินดี ถูกอัดแน่นอยู่ในเซลล์และเนื้อเยื่อทั้งหมด การดูดซับวิตามินดีมากเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพ แต่การขาดวิตามินดี สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมาย เหมือนที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ถึงความเชื่อมโยงระหว่างวิตามินดี และโรคเบาหวานประเภทที่ 2 สิ่งนี้อธิบายได้ว่าทำไมจำนวนตัวเลขของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ในประเทศแถบยุโรปมีมากกว่าประเภทอื่น เนื่องจากภาวะขาดวิตามินดี ที่เป็นผลมาจากหลาย ๆ ปัจจัย และหนึ่งในนั้นคือการไม่ได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ จะหาวิตามินดีได้จากที่ไหน คุณสามารถกระตุ้นร่างกายคุณให้ผลิตวิตามินดีมากกว่านี้ได้ โดยการปล่อยให้ร่างกายสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลา 15-20 นาทีต่อวัน อย่างไรก็ตาม การสัมผัสกับแสงแดดไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากต่อการผลิตวิตามินดีของร่างกายสำหรับบางคน ดังนั้น บางคนอาจเลือกบริโภคอาหารเสริมวิตามินดีแทน การบริโภคอาหาร ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่เป็นประโยชน์ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน