backup og meta

กลากเกลื้อน อาการ สาเหตุ วิธีรักษาและวิธีป้องกัน

กลากเกลื้อน อาการ สาเหตุ วิธีรักษาและวิธีป้องกัน

กลากเกลื้อน เป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าโรคกลากเกลื้อนคือโรคเดียวกัน แต่แท้จริงแล้ว กลากและเกลื้อนคือโรคผิวหนังต่างชนิดกัน อย่างไรก็ตาม โรคผิวหนังทั้ง 2 ชนิดนี้เกิดจากเชื้อรา ซึ่งเจริญเติบโตได้ดีในบริเวณที่อบอุ่นและอับชื้น เช่น บริเวณที่มีเหงื่อสะสม จึงควรรักษาความสะอาดร่างกายอยู่เสมอ โดยทั่วไปอาการของกลากเกลื้อนจะดีขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์หลังใช้ยารักษา แต่หากรักษานานแล้วอาการไม่ดีขึ้นหรือการติดเชื้อกระจายเป็นวงกว้าง ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการรักษาอาการโดยเร็วที่สุด

[embed-health-tool-bmi]

กลากเกลื้อน เกิดจากอะไร

โรคกลาก (Ringworm) เป็นโรคผิวหนังจากเชื้อรากลุ่มเดอร์มาโตไฟต์ (Dermatophytes) สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย รวมไปถึงบริเวณหนังศีรษะ ซอกเล็บมือและเล็บเท้า โดยปกติแล้วเชื้อราชนิดนี้จะอาศัยอยู่บนเนื้อเยื่อเส้นผม เล็บ และผิวหนังชั้นนอกที่ตายแล้ว แต่หากเจริญเติบโตมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการคันได้ โรคกลากสามารถเกิดขึ้นได้ในคนทุกวัย แต่พบได้บ่อยในเด็ก

โรคเกลื้อน (Pityriasis versicolor หรือ Tinea versicolor) เป็นโรคผิวหนังจากการติดเชื้อรามาลาสซีเซียเฟอร์เฟอร์ (Malassezia furfur) มักพบในบริเวณที่มีต่อมไขมัน เช่น คอ ลำตัว ต้นแขน และหลัง โดยทั่วไปโรคเกลื้อนจะไม่ก่อให้เกิดอาการคัน ยกเว้นในช่วงที่มีเหงื่อมาก และสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกหากยังมีเชื้อบนผิวหนัง โรคนี้พบได้ในคนทุกวัย แต่พบได้บ่อยในวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว

ความแตกต่างของ กลากเกลื้อน

กลากเกลื้อน เป็นโรคผิวหนัง 2 ชนิดที่เกิดจากการติดเชื้อรา และมีสาเหตุการเกิดโรคที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นโรคเดียวกัน แท้จริงแล้ว กลากและเกลื้อนเป็นโรคผิวหนังคนละชนิดกัน โดยทั้ง 2 โรค แตกต่างกัน ดังนี้

โรคกลาก

  • โรคกลากสามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัสเชื้อหรือสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง
  • โรคกลากจะมีลักษณะเป็นผื่นสีแดง รูปวงแหวนหรือวงกลมที่มีขอบเขตชัดเจน และบริเวณขอบจะมีสีเข้มกว่าผิวหนังด้านใน ขอบจะชัดขึ้นตามขนาด และบางครั้งอาจเกิดเป็นขุยหรือสะเก็ดโดยรอบ

โรคเกลื้อน

  • โรคเกลื้อนเป็นโรคที่ไม่ติดต่อไปยังบุคคลอื่น
  • โรคเกลื้อนจะมีลักษณะเป็นรอยด่างรูปวงกลมเล็ก ๆ กระจายรอบบริเวณผิวหนังที่ติดเชื้อ อาจมีสีเข้มหรือซีดกว่าผิวปกติ บางครั้งอาจมีขุยหรือสะเก็ดของผิวหลุดลอก

สาเหตุที่ทำให้เกิดกลากเกลื้อน

กลากเกลื้อนเกิดจากมีปัจจัยมากระตุ้นให้เชื้อราที่อาศัยอยู่บนผิวหนังอยู่แล้วเจริญเติบโตผิดปกติจนส่งผลให้ผิวหนังติดเชื้อ ปัจจัยกระตุ้นที่พบบ่อย อาจมีดังนี้

  • ผิวมัน โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงบ่อย
  • เหงื่อออกมาก เนื่องจากอากาศร้อน ออกกำลังกาย เป็นต้น
  • ระดับฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันต่ำ

วิธีรักษา กลากเกลื้อน

การรักษาโรคกลากเกลื้อน จะแตกต่างไปตามระดับความรุนแรงของอาการ รวมถึงขนาด ตำแหน่ง และความหนาของบริเวณที่ติดเชื้อด้วย สำหรับการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง สามารถรักษาได้ด้วยยาต้านเชื้อรารูปแบบของ ครีม โลชั่น หรือยาสระผม ที่มีขายตามร้านทั่วไป วิธีใช้โดยทั่วไป คือ ทายาบาง ๆ บริเวณที่ติดเชื้อ วันละ 1-2 ครั้ง อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือใช้ยาตามคำแนะนำบนผลิตภัณฑ์หรือคำแนะนำของเภสัชกร

ยาที่นิยมใช้รักษากลากเกลื้อน มีดังนี้

ยาชนิดใช้ภายนอก

  • ยาโคลไตรมาโซล (Clotrimazole) เป็นยารักษาโรคผิวหนัง มีส่วนช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา หลีกเลี่ยงการใช้ยาบริเวณดวงตา จมูก ปาก และช่องคลอด และควรใช้ยาคำแนะนำของคุณหมอหรือเภสัชกร เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อราซ้ำ
  • ยาไมโคนาโซล (Miconazole) เป็นยารักษาการติดเชื้อราที่ผิวหนังและช่องคลอด ช่วยหยุดการเจริญเติบโตของยีสต์ (เชื้อรา) ที่ทำให้เป็นกลาก เกลื้อน การติดเชื้อราในร่มผ้า เป็นต้น

ยาชนิดรับประทาน

คุณหมอหรือเภสัชกรอาจแนะนำให้รับประทานยาหากผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อรุนแรง และรักษาด้วยการทายาตามปกติแล้วไม่ได้ผล ยารักษากลากเกลื้อนชนิดรับประทาน อาจมีดังนี้

  • ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) เป็นยาที่นิยมใช้ต้านเชื้อราบนผิวหนัง สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง ให้รับประทานยาในปริมาณ 200 มิลลิกรัม/วัน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ หากอาการไม่รุนแรงมาก อาจให้รับประทานยาในปริมาณ 400 มิลลิกรัม เพียงวันเดียว จำนวน 2 ครั้ง ห่างกัน 1 สัปดาห์
  • ยาอิทราโคนาโซล (itraconazole) ให้รับประทานในปริมาณ 200 มิลลิกรัม/วัน เป็นเวลา 1 สัปดาห์

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดกลากเกลื้อน

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดกลากเกลื้อน อาจทำได้ดังนี้

  • สวมเสื้อผ้าที่แห้งและสะอาดอยู่เสมอ
  • เลือกเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น หรือรัดแน่นจนเกินไป
  • หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าในที่สาธารณะ หรือที่ที่มีน้ำขัง เช่น ห้องน้ำสาธารณะ สวนสาธารณะ
  • ไม่สวมใส่ชุดชั้นในชุดเดิมซ้ำเกิน 1 วัน
  • อาบน้ำทันทีหลังเล่นกีฬาที่ต้องสัมผัสกับผู้อื่นหรือหลังว่ายน้ำในสระสาธารณะ
  • หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าหรือใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่เป็นกลาก หรือเป็นโรคผิวหนังอื่น ๆ
  • ควรล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และเช็ดมือให้แห้งหลังสัมผัสสัตว์เลี้ยง หรือสัมผัสพื้นผิวที่คนสัมผัสเยอะ ๆ
  • ดูแลเล็บมือและเล็บเท้าให้สั้นและสะอาดอยู่เสมอ

 

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Tinea Versicolor. https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/tinea-versicolor-cause-symptoms-treatments. Accessed May 10, 2022

What You Should Know About Ringworm. https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/what-you-should-know-about-ringworm. Accessed May 10, 2022

Tinea versicolor. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/tinea-versicolor/symptoms-causes/syc-20378385. Accessed May 10, 2022

Ringworm of the body. https://medlineplus.gov/ency/article/000877.htm. Accessed May 10, 2022

Ringworm. https://familydoctor.org/condition/ringworm/. Accessed May 10, 2022

มารู้จักเกลื้อนกันเถอะ!!!. https://pharmacy.mahidol.ac.th/dic/knowledge_full.php?id=7. Accessed May 10, 2022

 

เวอร์ชันปัจจุบัน

31/05/2022

เขียนโดย ศุภานิช สุริโย

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอัญชิสา กาญจโนมัย

อัปเดตโดย: Duangkamon Junnet


บทความที่เกี่ยวข้อง

กลาก เกลื้อน ต่างกันอย่างไร

กลากเกลื้อนเกิดจากอะไร


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงอัญชิสา กาญจโนมัย

โรคผิวหนัง · พรเกษมคลินิก


เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 31/05/2022

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา