อย่างที่ทราบกันดีว่า ตอนนี้ โควิด-19 กำลังระบาดไปทั่วทั้งโลก จนกลายเป็นสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังจับตามอง เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของเชื้อที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นยังมีผู้ตกเป็น เหยื่อโควิด-19 แล้วหลายราย
ในประเทศไทยนั้น ได้มีประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข โดยให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรค โควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่ออันตราย
เหยื่อโควิด-19 รายแรกในไทยที่เสียชีวิต
นอกจากนั้น ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าว โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศเกี่ยวกับสถานการณ์ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2563 เวลา 8.00 น. ว่า มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 35 ปี ซึ่งถือเป็น เหยื่อโควิด-19 รายแรกแรกในไทยที่เสียชีวิต ผู้ป่วยรายนี้เริ่มป่วยด้วยการเป็นไข้เลือดออก ต่อมามีการติดเชื้อโควิด-19 ร่วมด้วย จากนั้นจึงถูกส่งตัวจาก รพ.เอกชน มารักษาตัวต่อที่สถาบันบำราศนราดูร ทำการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่ดีที่สุด ตรวจไม่พบเชื้อ โควิด-19 ตั้งแต่ 16 กุมภาพันธ์ 2563
หลังจากรักษาเป็นระยะเวลา 1 เดือน ด้วยสภาพปอดที่เสื่อมแต่เดิม หัวใจ และอวัยวะภายในทำงานหนัก ทำให้อวัยวะภายในล้มเหลว (Multiorgan failure) จึงทำให้เสียชีวิตในที่สุด ทั้งนี้จากการตรวจไม่พบเชื้อแล้ว ดังนั้นสาเหตุของการเสียชีวิตจะเกี่ยวกับโควิด-19 หรือไม่ ทางคณะกรรมการวิชาการ (ภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ) จะนำเข้าสู่การพิจารณาต่อไป
จากรายงาน ณ เวลา 21.00 น. มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสะสม 3,519 ราย มีผู้ป่วยรายใหม่ 267 ราย ทั้งยังพบผู้ติดเชื้อในไทย 43 ราย โดยรุนแรง 1 เสียชีวิต 1 ราย และหายป่วยแล้วทั้งสิ้น 31 ราย
สถานการณ์ผู้ป่วยติด เชื้อโควิด-19 หรือ เชื้อไวรัสโคโรนา ทั่วโลก
สำหรับ สถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อทั่วโลก ณ ตอนนี้มีประเทศที่มีรายงานการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั้งหมด 66 ประเทศด้วยกัน โดยจำนวนรวมของผู้ติดเชื้อทุกประเทศอยู่ที่ 90,888 ราย เสียชีวิตแล้ว 3,116 ราย และได้รับการรักษาจนหายแล้ว 48,002 ราย
โดยประเทศจีน (รวมมาเก๊า ฮ่องกง ไต้หวัน) ยังคงมีอัตราผู้ติดเชื้อมากที่สุดเป็นอันดับ 1 โดยมีผู้ติดเชื้อจำนวน 80,151 ราย ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 125 รายส่วนผู้เสียชีวิตนั้นมีจำนวน 2,944 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตรายใหม่ถึง 32 รายด้วยกัน ส่วนประเทศเกาหลีใต้นั้น พบผู้ติดเชื้อรวมทั้งหมด 4,812 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 477 ราย ส่วนอัตราผู้เสียชีวิตนั้นมีทั้งหมด 34 ราย ซึ่งเป็นรายใหม่ถึง 6 รายด้วยกัน
นอกจากนั้นแล้ว ประเทศที่ถูกจับตามองอย่าง ประเทศอิตาลี และประเทศอิหร่านนั้น จำนวนผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้เสียชีวิต ยังคงที่ โดยประเทศอิตาลี มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 2,036 ราย และเสียชีวิตแล้วทั้งหมด 52 ราย ส่วยประเทศอิหร่านนั้น มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 1,501 ราย เสียชีวิตแล้ว 66 ราย
ดังนั้น หากผู้ใดมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล หายใจเหนื่อย ภายใน 14 วัน หลังกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยควรแจ้งรายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาการป่วย วันที่เริ่มมีอาการวันที่เดินทางกลับมาถึงประเทศไทย เพื่อแพทย์จะได้วินิจฉัยได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัย หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด