ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ หรือปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ก็ล้วนอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ทั้งสิ้น Hello คุณหมอ จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์ รวมไปถึงการรักษาและป้องกัน เพื่อการดูแลสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

ท้อง 5 สัปดาห์ มีเลือดออกเหมือนประจําเดือน อันตรายไหม

เลือดออกจากช่องคลอดหรือประจำเดือน เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน แต่ถ้า ท้อง 5 สัปดาห์ มีเลือดออกเหมือนประจำเดือน อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพได้ ดังนั้น จึงควรรู้จักสังเกตอาการผิดปกติ และเข้ารับการตรวจกับคุณหมอโดยเร็ว [embed-health-tool-ovulation] ท้อง 5 สัปดาห์ มีเลือดออกเหมือนประจําเดือน อันตรายไหม อาการเลือดออกจากช่องคลอดในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ มักเกิดจากการที่เอ็มบริโอหรือไข่ที่ปฏิสนธิแล้วฝังตัวในโพรงมดลูก ทำให้มีเลือดออกจากช่องคลอดเล็กน้อย คล้ายกับประจำเดือน หรือที่เรียกกันว่า เลือดล้างหน้าเด็ก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ไม่เป็นอันตราย และเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนของการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม อาการเลือดออกเหมือนประจำเดือนในช่วงขณะตั้งครรภ์ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้ ดังนั้น หากพบอาการเลือดออกจากช่องคลอดขณะตั้งครรภ์ ควรเข้ารับการตรวจกับคุณหมอเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดโดยเร็ว ท้อง 5 สัปดาห์ มีเลือดออกเหมือนประจําเดือน เกิดจากอะไร อาการเลือดออกจากช่องคลอดในช่วงตั้งครรภ์ อาจเกิดจากสาเหตุ ดังต่อไปนี้ เลือดล้างหน้าเด็ก หรือ เอ็มบริโอฝังตัวในโพรงมดลูก ทำให้มีเลือดออกจากช่องคลอดเล็กน้อยคล้ายกับประจำเดือน  การแท้งบุตร การตั้งครรภ์นอกมดลูก เกิดขึ้นเมื่อตัวอ่อนฝังตัวในบริเวณอื่นนอกเหนือจากโพรงมดลูก เช่น ท่อนำไข่ รังไข่ ช่องท้อง ทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถพัฒนาเป็นทารกได้ตามปกติ มักส่งผลให้มีอาการปวดท้อง และมีเลือดออกทางช่องคลอดในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ ครรภ์ไข่ปลาอุก (Molar pregnancy /Hydatidiform mole) […]

สำรวจ ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

ติดเชื้อ แบคทีเรียในช่องคลอด ส่งผลยังไงกับคุณแม่ตั้งครรภ์

การติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดในคุณแม่ตั้งครรภ์ อาจเกิดขึ้นจากความไม่สมดุลของเชื้อแบคทีเรียปกติที่มีอยู่ภายในช่องคลอด โดยอาจสังเกตได้จากอาการตกขาวสีเทาหรือสีขาว อวัยวะมีกลิ่น ซึ่งอาจพบได้ในหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 10-30 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ก่อนตั้งครรภ์จึงควรตรวจสุขภาพก่อนเพื่อคัดกรองความเสี่ยงในการเกิดโรค และอาจช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ [embed-health-tool-due-date] อาการของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดในคุณแม่ตั้งครรภ์ หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด อาจจะมีอาการเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้ ในบางกรณี ผู้ป่วยจะเห็นตกขาวสีเทาหรือออกขาว ๆ และมีกลิ่นคาวปลา นี่ถือเป็นอาการที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง จำเป็นต้องมีการตรวจภายใน พร้อมกันนี้ คุณหมอจะตรวจตกขาวโดยใช้สไลด์สด หรือการตรวจสไลด์ด้วยกล้องจุลทรรศน์ การตรวจค่าพีเอช (แบคทีเรียในช่องคลอดมักจะทำให้เกิดค่าพีเอชที่ 4.5 หรือมากกว่านั้น) การตรวจสไลด์ด้วยโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (KOH slide) หรือการตรวจสไลด์ด้วยกล้องจุลทรรศน์เช่นกัน รวมถึงการทดสอบด้วยด่าง (whiff test) หรือการหาสารผสมที่ทำให้เกิดกลิ่นคาวปลา การติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดส่งผลอย่างไรต่อการตั้งครรภ์ ในรายงานหลายรายงาน นักวิจัยได้พบความเชื่อมโยงที่สำคัญ ระหว่างแบคทีเรียในช่องคลอดกับการคลอดก่อนกำหนด ยิ่งไปกว่านั้น ได้มีการศึกษาอื่นๆเพื่อระบุยืนยันข้อมูลก่อนหน้านี้ และนำข้อมูลต่าง ๆ มาปะติดปะต่อกัน เพื่อพิสูจน์ถึงโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การแท้ง ทารกแรกเกิดมีน้ำหนักน้อย และถุงน้ำคร่ำแตกก่อนเจ็บครรภ์คลอด ทำไมจึงควรตรวจหาการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด อ้างอิงจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ และมีอาการของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด ควรได้รับการตรวจคัดกรองและรักษา ศูนย์ดังกล่าวยังแนะนำให้ผู้หญิงที่เคยคลอดบุตรก่อนกำหนด ควรตรวจหาแบคทีเรียในช่องคลอด อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ไม่มีอาการหรือสัญญาณใด ๆ […]


ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

คนท้อง ความดันต่ำ เป็นอันตรายหรือไม่

คนท้อง ความดันต่ำ เป็นภาวะที่มักจะเกิดขึ้นในช่วง 6 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เนื่องจากร่างกายต้องใช้เลือดไปหล่อเลี้ยงทารกในครรภ์เพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณเลือดในร่างกายของแม่ลดลง และความดันลดต่ำลง โดยทั่วไปแล้วมักไม่เป็นอันตราย แต่ก็อาจเป็นอาการของภาวะอื่น ๆ เช่น โลหิตจางขณะตั้งครรภ์ ครรภ์เป็นพิษ ดังนั้น จึงควรเข้ารับการตรวจกับแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด [embed-health-tool-pregnancy-weight-gain] จะรู้ได้อย่างไรว่าคนท้อง ความดันต่ำ วิธีตรวจสอบที่ดีที่สุดคือ การตรวจด้วยเครื่องวัดความดันโลหิต โดยระดับความดันโลหิตสำหรับคนปกติและสุขภาพดี จะอยู่ที่ 120 ต่อ 80 (120/80 มม.ปรอท) หากค่าระดับความดันโลหิต ได้เท่ากับหรือต่ำกว่า 90/60 มม.ปรอท ก็หมายความว่า กำลังมีความดันโลหิตต่ำ สาเหตุของคนท้อง ความดันต่ำ ความดันต่ำสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 1 หรือ 2 มักจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายเริ่มปล่อยฮอร์โมนโปรเจสเตอร์โรน (progesterone) ออกมาเพื่อผ่อนคลายและขยายผนังหลอดเลือด ทำให้ทารกในครรภ์สามารถได้รับสารอาหารและออกซิเจนจากเลือดได้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาความดันต่ำอาจมีสาเหตุมาจากสภาวะต่าง ๆ เช่น โลหิตจางขณะตั้งครรภ์ โรคภูมิแพ้ ครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia) ดังนั้น คุณแม่จึงควรเข้ารับการตรวจครรภ์กับคุณหมอเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าการตั้งครรภ์เป็นไปได้ด้วยดี และไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายใด ๆ คนท้อง ความดันต่ำ อันตรายหรือไม่ โดยทั่วไปแล้ว อาการระดับความดันโลหิตต่ำนั้น ไม่ถูกจัดว่าอันตราย เพราะยิ่งระดับความดันต่ำมากเท่าไหร่ […]


ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

เซ็กส์ขณะตั้งท้อง ปลอดภัยหรือควรงดเว้น

เซ็กส์ หรือ เพศสัมพันธ์ เป็นเรื่องใหญ่ของคนเรา และก็ไม่ใช่เพียงเพื่อการสืบพันธุ์เท่านั้น แต่เป็นการแสดงออกทางกายที่ลึกซึ้งระหว่างคู่รักด้วย แล้วสำหรับคู่รักที่กำลังจะมีทายาทด้วยกันล่ะ? ความจริงแล้ว เซ็กส์ขณะตั้งท้อง จะเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์รึเปล่า Hello คุณหมอ ได้เตรียมคำตอบไว้ให้ทุกคนแล้วในบทความนี้ เวลาถึงจุดสุดยอดลูกจะได้รับอันตรายไหม คุณแม่หลายคนอาจรู้ว่า เราสามารถมี เซ็กส์ตอนท้อง ได้ แต่หากกังวลว่าการเกร็งของกล้ามเนื้อและมดลูก ขณะที่คุณแม่ถึงจุดยอด จะทำให้เกิดอันตรายต่อลูกในท้องได้หรือเปล่า ขณะนี้ข้อมูลทางการแพทย์ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า การถึงจุดสุดยอดของคุณแม่ ไม่มีอันตรายต่อลูกในท้องแต่อย่างใด เซ็กส์ตอนท้อง จะกระตุ้นให้เจ็บครรภ์คลอดได้หรือเปล่า มีหลักฐานทางการแพทย์ว่า การที่อวัยวะเพศของคุณพ่อไปกระแทกกับปากมดลูก รวมทั้งการหลั่งน้ำอสุจิขณะมีเซ็กส์ สามารถกระตุ้นให้ปากมดลูกสร้างสารเคมีตัวหนึ่งที่ชื่อว่า พรอสตราแกลนดิน (Prostaglandins) เจ้าสารที่ว่านี้สามารถทำให้ปากมดลูกนุ่มขึ้น และกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัวได้ แต่ถึงอย่างนั้น สารที่สร้างขึ้นมานี้ก็ไม่ได้มากพอ จนทำให้คุณแม่เจ็บท้องคลอด แต่อาจจะเกิดขึ้นได้ในกรณีที่คุณแม่ใกล้คลอด เซ็กส์ขณะตั้งท้อง จะให้ความรู้สึกเหมือนตอนไม่ท้องหรือไม่ เวลามีการตั้งท้องจะมีเลือดมาเลี้ยงที่อวัยวะต่าง ๆ มากขึ้นกว่าปกติ ทำให้มีการบวมเกิดขึ้นในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าบวม ขาบวม รวมไปถึงบริเวณช่องคลอดด้วย เพียงแต่อาจสังเกตยากหน่อย และการที่ช่องคลอดมีเลือดมาเลี้ยงมาก จะทำให้คุณแม่มีความรู้สึกทางเพศเร็วและมากขึ้นขณะมีเซ็กส์ รวมไปถึงบริเวณเต้านม จะมีความรู้สึกไวต่อการสัมผัสของคุณพ่อ  นอกจากนี้ยังจะรู้สึกว่า ช่องคลอดมีการหล่อลื่นดีกว่าตอนไม่ตั้งครรภ์เสียอีก เนื่องจากคนท้องจะมีการตกขาวมากกว่าคนปกติ เรียกว่าการมี เซ็กส์ขณะตั้งท้องอาจจะทำให้รู้สึกดีกว่าตอนปกติเสียอีก ถุงยางจำเป็นไหม หากความสัมพันธ์ของคุณพ่อกับคุณแม่ เป็นแบบคู่เดียวที่ไม่การนอกลู่นอกทางแล้วล่ะก็ ถุงยางอนามัยก็ไม่มีความจำเป็น แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น […]


ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

ขิง ช่วยลดอาการแพ้ท้องได้จริงหรือ

ขิง เป็นเครื่องเทศที่ใช้ในการปรุงอาหารและใช้ทำยา มักนำมาใช้ในการรักษาปัญหากระเพาะอาหารประเภทต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงอาการเมารถ อาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาการเบื่ออาหาร นอกจากนั้น น้ำมันที่ทำจากขิงบางครั้งถูกนำไปใช้กับผิวหนังเพื่อบรรเทาอาการปวด ป้องกันแมลงกัดต่อย นอกจากนั้น ไดแอริลเฮปทานอยด์ (Diarylheptanoids) ซึ่งเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งในขิง ยังใช้เป็นส่วนผสมในยาระบาย ยาลดกรด และยาลดกรดได้อีกด้วย ต้านอาการคลื่นไส้ด้วยขิง ขิง เป็นสมุนไพรสารพัดประโยชน์ เพราะทุกส่วนของขิงหนึ่งต้น สามารถช่วยแก้อาการป่วยได้แตกต่างกัน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ขิงมีประโยชน์ตั้งแต่ต้นยันราก นอกจากนี้ ขิงยังมีรสชาติหวานเผ็ดร้อน ซึ่งเป็นรสชาติที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการความอบอุ่นอีกด้วย  โดยส่วนของขิงที่เรานำมาใช้กัน ทั้งในการประกอบอาหาร และในฐานะของสมุนไพรรักษาโรค ก็คือส่วนที่เรียกว่า เหง้า หรือรากของขิงนั่นเอง และหนึ่งในสรรพคุณสำคัญของขิง คือ แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน เนื่องจากขิงมีสารสำคัญที่ชื่อว่า ไดแอริลเฮปทานอยด์ (Diarylheptanoids) ซึ่งเป็นสารชีวเคมี ที่มีงานวิจัยพิสูจน์แล้วว่า ช่วยต้านอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างได้ผล ขิงกับผู้หญิงตั้งครรภ์ จากฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีพบว่า เหง้าขิงช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียนจากอาการแพ้ท้องในหญิงตั้งครรภ์ช่วง 3 เดือนแรกได้จริง โดยจากการศึกษาของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก จำนวน 27 […]


ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

ลูกน้อย เสียชีวิตในครรภ์ จะก้าวผ่านเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร

การสูญเสียลูกจากการ เสียชีวิตในครรภ์ หรือ ที่เรียกในทางการแพทย์ว่า ตายคลอด (Still Birth) หรือ การเสียทารกก่อนการคลอด (โดยทารกในครรภ์ มีอายุตั้งแต่ 20 สัปดาห์ขึ้นไป) เป็นเรื่องที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสสำหรับพ่อแม่ ผู้หญิงหลายคนที่ลูกเสียชีวิตก่อนการคลอด ยังรู้สึกถึงลูกที่ดิ้นอยู่ในท้อง หรือแม้แต่ได้ยินเสียงลูกร้องไห้ การรับมือกับความสูญเสียเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สร้างความทรงจำกับทารก การสร้างความทรงจำกับลูก เป็นวิธีการที่ดีในการแสดงออกซึ่งความเศร้าโศก หากเจ็บท้อง และคลอดลูกออกมาเอง มีโอกาสที่จะได้เห็นหน้าลูกและอุ้มลูก อาจตั้งชื่อให้ลูก ถ่ายภาพเอาไว้ และเก็บบางสิ่งบางอย่างของลูกเอาไว้ (ปอยผม หรือรอยมือ รอยเท้า) นี่ไม่เพียงช่วยให้ได้เห็นลูก ในแบบที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ใช่แค่ทารกในครรภ์ แต่ยังช่วยให้สามารถทำใจ กับความสูญเสียของตัวเองได้ดีขึ้น ทำการชันสูตรศพทารกที่ เสียชีวิตในครรภ์ เป็นเรื่องปกติที่จะอยากรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับลูก การชันสูตรศพจะช่วยให้ทราบได้ อย่างไรก็ตาม อย่าหวังมากเกินไป เนื่องจากบางครั้งมักจะไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่การชันสูตรศพ ก็ยังอาจจะให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ ต่อการตั้งครรภ์ในครั้งต่อไปได้ กล่าวลา ถึงแม้ลูกจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากใช้เวลาอยู่กับลูก อ่านนิทานก่อนนอน หรือร้องเพลงให้ลูกฟัง หรืออะไรก็ตาม สามารถใช้เวลาอยู่กับลูกได้เท่าที่ต้องการ แต่ในท้ายที่สุด ก็ต้องกล่าวลาลูกอยู่ดี การร้องไห้เป็นเรื่องปกติ ไม่ผิดที่จะร้องไห้กับความเศร้าโศกเสียใจ หากเคร่งศาสนา อาจจะจัดงานศพให้กับลูกให้ครอบครัวช่วยจัดการพิธีการให้ ไม่จำเป็นต้องไปงานศพก็ได้ หากไม่สามารถแบกรับความเศร้าโศกได้ […]


ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

โรคหลอดเลือดสมองขณะตั้งครรภ์ สาเหตุ และวิธีการป้องกัน

โรคหลอดเลือดสมองระหว่างตั้งครรภ์ เป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ ซึ่งอาจเกิดจากภาวะครรภ์เป็นพิษ ลิ่มเลือด หรือภาวะความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุและวิธีการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง อาจช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองขณะตั้งครรภ์ได้ [embed-health-tool-pregnancy-weight-gain] สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองขณะตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์นั้นไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดความเครียดต่อสมอง แต่ยังส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อร่างกายอย่างใหญ่หลวง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกาย และฮอร์โมนภายในร่างกาย ปัญหาสุขภาพบางอย่างที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง หรือสโตรก มีดังต่อไปนี้ ความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์ ผู้หญิงบางคนที่มีภาวะความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์ อาจนำไปสู่การเกิดสโตรกได้ ภาวะความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์นี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสโตรกในหญิงตั้งครรภ์ กว่า 12% ในสหรัฐอเมริกา ครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia) ครรภ์เป็นพิษเป็นภาวะความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์ที่มีระดับรุนแรงกว่า ภาวะครรภ์เป็นพิษสามารถทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น ปวดหัว อาการบวมที่มือและหน้า การคลอดก่อนกำหนด และทำให้ทารกแรกคลอดมีน้ำหนักตัวน้อยเกินไปได้ ผู้ที่มีภาวะครรภ์เป็นพิษมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดภาวะความดันโลหิตสูง โรคไต โรคหัวใจ และโรคสโตรก โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ผู้หญิงบางคนอาจจะมีปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดสูงระหว่างตั้งครรภ์ หรือที่เรียกว่าโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ โรคนี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะความดันโลหิตสูงขนาดตั้งครรภ์ ซึ่งจะนำไปสู่โรคหัวใจและสโตรกได้ในภายหลัง ลิ่มเลือด การตั้งครรภ์ทำให้มีโอกาสเป็นลิ่มเลือดมากยิ่งขึ้น และนำไปสู่การเกิดสโตรกได้ ความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดเพิ่มขึ้นนั้นเนื่องมาจากการที่ร่างกายมีขนาดตัวเพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้ปริมาณของเลือดที่ไหลเวียนไปยังขาลดลง เมื่อเลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ดี ก็จะทำให้เกิดลิ่มเลือดได้มากขึ้น นอกจากนี้ นอกจากนี้ร่างกายของหญิงตั้งครรภ์จะสร้างสารที่ช่วยให้เลือดแข็งตัวมากกว่าเดิม เพื่อไม่ให้ตกเลือดระหว่างคลอด ทำให้ความเสี่ยงในการเป็นสโตรกก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน วิธีการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองขณะตั้งครรภ์ วิธีการป้องกันการเกิดสโตรกได้ดีที่สุด ก็คือการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงทั้งตลอดช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพ โดยมีวิธีดีๆ ดังต่อไปนี้ เลิกสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ก่อนหรือระหว่างการตั้งครรภ์จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดสโตรกและปัญหาต่อสุขภาพต่างๆ มากมาย ฉะนั้นจึงควรเลิกบุหรี่เสีย […]


ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด อาการ สาเหตุ และการรักษา

ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด คือ ภาวะที่รกแยกตัวออกก่อนกำหนดการคลอด เป็นภาวะแทรกซ้อนรุนแรงของการตั้งครรภ์ โดยรกนั้นจะมีพัฒนาการในระหว่างตั้งครรภ์ เพื่อเลี้ยงดูทารกที่กำลังเติบโตระหว่างลอกตัว ภาวะรกลอกออกจากผนังด้านในมดลูกก่อนถึงกำหนดคลอด สามารถแบ่งได้ 3 ระดับ เรียงจากไม่ร้ายแรงไปจนถึงร้ายแรงมาก คำจำกัดความภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด คืออะไร ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด (Placental Abruption) คือ ภาวะที่รกแยกตัวออกก่อนกำหนดการคลอด เป็นภาวะแทรกซ้อนรุนแรงของการตั้งครรภ์ โดยรกนั้นจะมีพัฒนาการในระหว่างตั้งครรภ์ เพื่อเลี้ยงดูทารกที่กำลังเติบโตระหว่างลอกตัว ภาวะรกลอกออกจากผนังด้านในมดลูกก่อนถึงกำหนดคลอด สามารถแบ่งได้ 3 ระดับ เรียงจากไม่ร้ายแรงไปจนถึงร้ายแรงมาก รกที่แยกตัวออกจากผนังมดลูกไม่สามารถกลับไปเกาะติดใหม่ได้ จึงเป็นการจำกัดปริมาณออกซิเจนและสารอาหารให้กับทารก และมักทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์มีเลือดออกมาก โดยภาวะแทรกซ้อนรุนแรงเหล่านี้อาจนำไปสู่การผ่าท้องทำคลอดก่อนกำหนด ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดนี้มักเกิดขึ้นแบบกะทันหัน และต้องเข้ารับการรักษาทันที อาการอาการภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด มีอันตรายร้ายแรงมาก หญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงมากในช่วงไตรมาสที่ 3 แต่สามารถเกิดได้หลังสัปดาห์ที่ 20 มีผู้ตั้งครรภ์เพียงแค่ 1% เท่านั้นที่จะเกิดภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด โดยภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดอาจมีอาการต่าง ๆ ดังนี้ ปวดหลัง อาจรู้สึกอ่อนเพลีย มีเหงื่อออก หัวใจเต้นเร็ว หรือเป็นลม เจ็บครรภ์ มีเลือดออกทางช่องคลอด อาจเกิดภาวะน้ำเดินรวมถึงมีเลือดปกออกมา ท้องแข็งหรือมดลูกบีบตัว โดยมักบีบเป็นจังหวะ อาจเกิดภาวะน้ำเดินรวมถึงมีเลือดปกออกมา ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยกว่าปกติหรืออาจไม่ดิ้น ปริมาณน้ำคร่ำน้อยกว่าปกติ ทารกอยู่ในภาวะเครียด จากการตรวจหัวใจทารกในครรภ์ ความดันโลหิตต่ำ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด (ระดับ 1 2 หรือ 3) อาการอาจแตกต่างดังนี้ ระดับ 1 เลือดออกเล็กน้อยจากช่องคลอด มดลูกหดรัดตัวไม่รุนแรง […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

คุณกำลังกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ใช่หรือไม่?

หยุดกังวลได้แล้ว มาเข้าชุมชนสนทนาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และว่าที่คุณแม่คนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน