ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ หรือปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ก็ล้วนอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ทั้งสิ้น Hello คุณหมอ จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์ รวมไปถึงการรักษาและป้องกัน เพื่อการดูแลสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

ท้อง 5 สัปดาห์ มีเลือดออกเหมือนประจําเดือน อันตรายไหม

เลือดออกจากช่องคลอดหรือประจำเดือน เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน แต่ถ้า ท้อง 5 สัปดาห์ มีเลือดออกเหมือนประจำเดือน อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพได้ ดังนั้น จึงควรรู้จักสังเกตอาการผิดปกติ และเข้ารับการตรวจกับคุณหมอโดยเร็ว [embed-health-tool-ovulation] ท้อง 5 สัปดาห์ มีเลือดออกเหมือนประจําเดือน อันตรายไหม อาการเลือดออกจากช่องคลอดในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ มักเกิดจากการที่เอ็มบริโอหรือไข่ที่ปฏิสนธิแล้วฝังตัวในโพรงมดลูก ทำให้มีเลือดออกจากช่องคลอดเล็กน้อย คล้ายกับประจำเดือน หรือที่เรียกกันว่า เลือดล้างหน้าเด็ก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ไม่เป็นอันตราย และเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนของการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม อาการเลือดออกเหมือนประจำเดือนในช่วงขณะตั้งครรภ์ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้ ดังนั้น หากพบอาการเลือดออกจากช่องคลอดขณะตั้งครรภ์ ควรเข้ารับการตรวจกับคุณหมอเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดโดยเร็ว ท้อง 5 สัปดาห์ มีเลือดออกเหมือนประจําเดือน เกิดจากอะไร อาการเลือดออกจากช่องคลอดในช่วงตั้งครรภ์ อาจเกิดจากสาเหตุ ดังต่อไปนี้ เลือดล้างหน้าเด็ก หรือ เอ็มบริโอฝังตัวในโพรงมดลูก ทำให้มีเลือดออกจากช่องคลอดเล็กน้อยคล้ายกับประจำเดือน  การแท้งบุตร การตั้งครรภ์นอกมดลูก เกิดขึ้นเมื่อตัวอ่อนฝังตัวในบริเวณอื่นนอกเหนือจากโพรงมดลูก เช่น ท่อนำไข่ รังไข่ ช่องท้อง ทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถพัฒนาเป็นทารกได้ตามปกติ มักส่งผลให้มีอาการปวดท้อง และมีเลือดออกทางช่องคลอดในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ ครรภ์ไข่ปลาอุก (Molar pregnancy /Hydatidiform mole) […]

สำรวจ ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

โรคท็อกโซพลาสโมซิส ส่งผลอย่างไรต่อการตั้งครรภ์

โรคท็อกโซพลาสโมซิส เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อปรสิตท็อกโซพลาสมา กอนดีไอ (Toxoplasma gondii) ซึ่งสามารถพบได้ในเนื้อสัตว์ นมที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ และอึของแมว โรคท็อกโซพลาสโมซิสอาจไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใหญ่ที่สุขภาพดี แต่หากแม่ตั้งครรภ์เป็นโรคท็อกโซพลาสโมซิส เชื้อปรสิตอาจถ่ายทอดไปสู่ทารกในครรภ์และอาจส่งผลให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์ได้ ดังนั้น คุณแม่ตั้งครรภ์จึงควรระมัดระวังไม่รับประทานอาหารที่ยังไม่ปรุงสุก ล้างมือทำความสะอาดเป็นประจำ รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการทำความสะอาดกระบะทรายของแมวด้วยตัวเอง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ [embed-health-tool-due-date] โรคท็อกโซพลาสโมซิส คืออะไร โรคท็อกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) เป็นการติดเชื้อปรสิตที่มีชื่อว่า ท็อกโซพลาสมา กอนดีไอ ซึ่งสามารถพบได้ในนมแพะที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ เนื้อสัตว์ เช่น นก หนู หมู และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับสัตว์ตระกูลแมว เชื้อปรสิตจะอยู่ภายในอึของแมว และดินที่อาจจะมีอึแมวฝังอยู่ เชื้อท็อกโซพลาสมา กอนดีไอ สามารถติดต่อสู่สัตว์เลือดอุ่นและนกส่วนใหญ่ แต่เชื้อปรสิตประเภทนี้ จะสืบพันธุ์แค่ภายในตัวของสัตว์ตระกูลแมวเท่านั้น จึงทำให้สามารถพบเชื้อปรสิตได้ภายในอึของแมว และหากไปสัมผัสกับอึแมวนี้ อาจทำให้ติดเชื้อได้โดยไม่รู้ตัว ตามปกติแล้ว ท็อกโซพลาสโมซิส อาจจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายอะไรมาก หากเกิดขึ้นกับผู้ที่มีสุขภาพดี และมีภูมิคุ้มกันตามปกติ แต่โรคนี้อาจส่งผลให้เกิดอันตรายได้ หากเกิดกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะเชื้อปรสิตเหล่านี้ อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อรก และทารกในครรภ์   สัญญาณและอาการของ โรคท็อกโซพลาสโมซิส อาจจะสังเกตได้ค่อนข้างยาก หากคุณเป็นคนที่มีสุขภาพดี และมีภูมิคุ้มกันที่ปกติ โดยปกติแล้ว โรคท็อกโซพลาสโมซิสมักจะทำให้เกิดอาการป่วยเพียงเล็กน้อย ในบางครั้งอาจจะมีอาการต่อมบวม […]


ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

คนท้องเลือดกำเดาไหล อันตรายหรือไม่

เลือดกำเดาไหล เป็นเรื่องที่เกิดเส้นเลือดฝอยภายในจมูกของเราแตก ทำให้มีเลือดไหลออกมา ในช่วงตั้งครรภ์ก็สามารถเกิดเลือดกำเดาไหลได้ วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาคุณแม่มือใหม่ไปดูว่า จริงๆ แล้ว เลือดกำเดาไหล ขณะตั้งครรภ์ นั้นอันตรายรึเปล่า แล้วคุณแม่ตั้งครรภ์ป้องกันได้ด้วยวิธีใดบ้าง คนท้องเลือดกำเดาไหล เกิดจากอะไร เลือดกำเดาไหล ขณะตั้งท้อง ถือเป็นอาการหนึ่งที่พบได้ตามปกติในช่วงตั้งครรภ์ เนื่องจากการตั้งครรภ์อาจทำให้หลอดเลือดภายในจมูกขยายตัวขึ้น และความดันโลหิตเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดแดงบริเวณจมูกที่มีความบอบบางแตกได้ง่าย จนเกิดเป็นอาการ เลือดกำเดาไหลออกมา แพทย์หลายท่านบอกว่าการที่มีเลือดกำเดาไหลออกมาเพียงเล็กน้อย เป็นครั้งคราว แล้วอีกสักพักก็หยุดไหลถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่อันตรายต่อหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ คุณแม่จะมีแนวโน้มที่เลือดกำเดาจะไหลเมื่อเป็นหวัด เป็นไซนัส ติดเชื้อ เป็นภูมิแพ้ หรือว่ามีเยื่อบุในจมูกแห้ง หากที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อมแห้งก็เป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เลือดกำเดาไหลได้ นอกจากนี้การบาดเจ็บ และเงื่อนไขทางการแพทย์บางอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด ก็อาจทำให้เกิดเลือดกำเดาไหลได้เช่นกัน คนท้องเลือดกำเดาไหล ควรทำอย่างไร เมื่อคุณแม่มีเลือดกำเดาไหลในช่วงที่ตั้งท้อง วิธีการเหล่านี้จะช่วยให้เลือดกำเดาหยุดไหลได้ นั่งหรือยืนให้หัวตั้งตรง เพราะการทำแบบนี้จะช่วยลดความดันในหลอดเลือดภายในจมูกและจะช่วยให้เลือดออกช้าลงได้ ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้บีบปีกจมูกเข้าหากัน บีบโดยไม่ปล่อยออกมาเป็นเวลา 10 นาที หากยังมีเลือดไหลอยู่ ให้เอนไปข้างหน้าเล็กน้อยและหายใจเข้าทางปากเพื่อให้เลือดไหลออกมาทางจมูกแทนที่จะไหลลงมาทางด้านหลังคอ อมน้ำแข็งหรือวางเจลประคบเย็น ที่ด้านหลังคอหรือหน้าผากเพื่อช่วยให้เลือดแข็งตัว หลังจากที่บีบจมูกผ่านไป 10 นาทีค่อยๆ ปล่อยมือที่บีบอยู่เบา ๆ เพื่อดูว่าเลือดหยุดไหลหรือไม่ […]


ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

อาหารเป็นพิษขณะตั้งครรภ์ คุณแม่ควรดูแลตัวเองอย่างไร

ในช่วงตั้งครรภ์ เป็นช่วงที่คุณแม่ต้องดูแลสุขภาพเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากอาการอ่อนเพลียจากการตั้งครรภ์แล้ว หาก อาหารเป็นพิษขณะตั้งครรภ์ อาจทำให้คุณแม่เกิดความวิตกกังวล และส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งตัวเองและทารกในครรภ์ได้ การดูแลเรื่องอาหารในช่วงตั้งครรภ์จึงเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแม่และทารกในครรภ์ [embed-health-tool-pregnancy-weight-gain] อาหารเป็นพิษขณะตั้งครรภ์ เกิดจากอะไร อาหารเป็นพิษขณะตั้งครรภ์ อาจเกิดขึ้นเมื่อรับประทานอาหารที่ไม่สะอาด มีการปนเปื้อนด้วยพยาธิ ปรสิต ไวรัส หรือสารเคมีบางชนิด โดยลิสเทอเรีย โมโนไซโตจิเนส (Listeria Monocytogenes) เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษในผู้หญิงตั้งครรภ์ที่พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งเชื้อโรคนี้อาจแฝงตัวอยู่ในเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ฮอทด็อก ลูกชิ้น เนื้อแช่แข็ง สัตว์ปีก อาหารทะเล  ผลิตภัณฑ์จากนมก็อาจมีเชื้อนี้ปะปนได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ เชื้อนี้ก็อาจเติบโตได้แม้ในอาหารที่เย็นในตู้เย็น นอกจากนี้ เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ก็ยังสามารถส่งต่อไปยังทารกในครรภ์ได้ และสามารถที่จะทำให้ลูกเกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้ เช่น อัมพาต ตาบอด โรคลมชัก จากข้อมูลขององค์กรอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) พบว่า สาเหตุที่ผู้หญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอาหารเป็นพิษ มากกว่าคนทั่วไปถึง 13 เท่า เนื่องจากในช่วงที่ตั้งครรภ์ระบบภูมิคุ้มกันของคุณแม่อาจอ่อนแอลง ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกาย ในระหว่างที่ตั้งครรภ์ พลังงานส่วนใหญ่ของร่างกายจะถูกใช้ไปกับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ด้วยเหตุนี้ผู้หญิงตั้งครรภ์จึงควรระมัดระวัง และรอบคอบในเรื่องของอาหารการกิน ความสะอาดของอาหาร และส่วนประกอบต่าง ๆ ของอาหาร เพราะอาหารเป็นพิษขณะตั้งครรภ์ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อตัวเองเท่านั้น […]


ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

fetal alcohol syndrome คืออะไร สาเหตุ อาการ และการรักษา

fetal alcohol syndrome คือ กลุ่มอาการของทารกที่ได้รับแอลกอฮอล์ในครรภ์ เป็นภาวะที่เกิดจากการที่แม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้ทารกมีพัฒนาการที่ผิดปกติ ทั้งปัญหาด้านพัฒนาการทางร่างกาย การเรียนรู้ และสติปัญหา และอาการอาจจะแย่ลงเมื่อเด็กโตขึ้น ภาวะนี้ไม่มีหนทางการรักษาที่แน่ชัด แต่สามารถป้องกันได้โดยการให้แม่ตั้งครรภ์หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างตั้งครรภ์ [embed-health-tool-”due-date”] คำจำกัดความ fetal alcohol syndrome คืออะไร fetal alcohol syndrome คือ กลุ่มอาการของทารกที่ได้รับแอลกอฮอล์ในครรภ์ เป็นความผิดปกติของทารกในครรภ์ที่เกิดจากการที่แม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้ทารกมีพัฒนาการทางด้านร่างกาย การเรียนรู้ และสติปัญญาที่ผิดปกติ เช่น มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ไต และกระดูก มีภาวะอยู่ไม่สุข IQ ต่ำ การได้รับแอลกอฮอล์ขณะอยู่ในครรภ์มารดา สามารถทำให้ทารกในครรภ์เกิดความผิดปกติได้ ยิ่งมารดาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หนักเท่าไหร่ ความรุนแรงของโรคก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ อาการของ fetal alcohol syndrome ก็มักจะรุนแรงขึ้นตามอายุอีกด้วย อาการ อาการของ fetal alcohol syndrome ข้อบกพร่องทางกายภาพ มีลักษณะที่บ่งบอกอาการจากทางใบหน้า ได้แก่ มีดวงตาที่เล็ก ริมฝีบนปากบาง มีลักษณะสั้น จมูกแบน ผิวระหว่างจมูกกับริมฝีปากเรียบแบน มีความผิดปกติของข้อต่อแขนขาและนิ้วมือ เจริญเติบโตช้า ทั้งก่อนและหลังคลอด มีปัญหาในเรื่องการมองเห็น หรือปัญหาการได้ยิน […]


ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

กรดไหลย้อนระหว่างตั้งครรภ์ บรรเทาอาการได้ด้วยวิธีใดบ้าง

กรดไหลย้อนระหว่างตั้งครรภ์ ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยปกติแล้ว หูรูดหลอดอาหารส่วนล่างจะปิดเพื่อป้องกันไม่ให้อาหารและกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนสู่หลอดอาหารได้ แต่ในช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะส่งผลให้หูรูดคลายตัวและปิดไม่สนิท อาหารและกรดในกระเพาะอาหารจึงไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหารได้ ส่งผลให้คุณแม่มีอาการแสบร้อนกลางอก ทั้งนี้ คุณแม่ตั้งครรภ์อาจหาวิธีบรรเทาอาการกรดไหลย้อนด้วยตนเอง วิธีบรรเทาอาการกรดไหลย้อนระหว่างตั้งครรภ์ กรดไหลย้อนระหว่างตั้งครรภ์เป็นภาวะปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่หากเกิดขึ้นมากกว่า 2 ครั้งต่อ 1 สัปดาห์ หรือรู้สึกทรมานมากกว่าปกติและส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำ อาจจำเป็นต้องปรึกษาคุณหมอ ในเบื้องต้นอาจลองปฏิบัติตามวิธีเหล่านี้เพื่อบรรเทาอาการ 1. ควบคุมมื้ออาหารประจำวัน คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรับประทานอาหารให้บ่อยขึ้น แต่ปรับปริมาณอาหารแต่ละมื้อให้น้อยลง วิธีนี้ยังเหมาะสมในการควบคุมน้ำหนักและคุมปริมาณอาหารในช่วงตั้งครรภ์ด้วย เพราะการรับประทานอาหารมากเกินไปจะไปกระตุ้นให้เกิดการหลั่งกรดที่มากขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะกรดไหลย้อนได้ง่ายขึ้น หญิงตั้งครรภ์หลายคนคิดว่าการเพิ่มน้ำหนักดีต่อลูกในครรภ์ แต่ความจริงแล้ว พฤติกรรมนี้กลับให้ผลลัพธ์ในทางตรงกันข้าม เพราะนอกจากจะส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากเกินควรแล้ว ยังเพิ่มแรงดันในกระเพาะอาหาร จนกระตุ้นให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้ด้วย ดังนั้น คุณแม่ตั้งครรภ์จึงควรแบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อเล็ก ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถย่อยอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เกิดกรดไหลย้อน นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็ช่วยป้องกันการเกิดกรดไหลย้อนได้ ทั้งยังช่วยสร้างวินัยในการกินที่ดีในระหว่างตั้งครรภ์ด้วย นอกจากการปรับพฤติกรรมการกินดังกล่าวแล้ว คุณแม่ตั้งครรภ์โดยเฉพาะในไตรมาสที่สามเป็นต้นไปที่มดลูกเริ่มมีขนาดใหญ่มากขึ้น กดเบียดกระเพาะอาหารมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการนอนภายหลังรับประทานอาหารอย่างน้อย 30นาที ร่วมกับการนอนที่ยกศีรษะสูงขึ้นเล็กน้อย ก็จะช่วยลดโอกาสการเกิดกรดไหลย้อนได้ 2. เคี้ยวหมากฝรั่งภายหลังรับประทานอาหารมื้อใหญ่ การเคี้ยวหมากฝรั่งมีประโยชน์ในการกำจัดกรดเกินในกระเพาะอาหาร หากรู้สึกแสบร้อนในอก ให้เคี้ยวหมากฝรั่งสักหนึ่งแท่ง และหากไม่อยากรับประทานน้ำตาลสังเคราะห์ ควรเลือกเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีน้ำตาลน้อย หรือหมากฝรั่งปราศจากน้ำตาลแทน 3. นวดบำบัด ผสมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะนาว ส้ม หรือขิงสัก 3-4 หยดต่อน้ำมันตัวพา (carrier oil) เช่น […]


ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

ปวดหน่วงท้องน้อยระหว่างตั้งครรภ์ สาเหตุ อาการ และการรักษา

ปวดหน่วงท้องน้อยระหว่างตั้งครรภ์ อาจเกิดขึ้นเนื่องจากการขยายตัวของของมดลูกตามขนาดตัวของทารกในครรภ์ ทำให้เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อบริเวณรอบมดลูกตึง และอาจเกิดอาการปวดหน่วงได้ในบริเวณท้องน้อย สามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้ยาแก้ปวด และการปรับเปลี่ยนอิริยาบท อย่างไรก็ตาม หากสังเกตพบความผิดปกติ ควรแจ้งคุณหมอในทันทีเพื่อสาเหตุที่แน่ชัดและทำการรักษาอย่างเร็วที่สุด [embed-health-tool-”due-date”] คำจำกัดความ ปวดหน่วงท้องน้อยระหว่างตั้งครรภ์ คืออะไร อาการปวดหน่วงท้องน้อยระหว่างตั้งครรภ์ คือ อาการเจ็บแปลบหรือเสียดแทงในท้องน้อยและบริเวณขาหนีบข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง อาการนี้พบบ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ และถือเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ปกติ ทั้งนี้อาการปวดหน่วงท้องน้อยในระหว่างตั้งครรภ์มักจะมีอาการเด่นชัดขึ้นเมื่ออายุครรภ์เข้าสู่ไตรมาสที่สอง เนื่องจากเอ็นที่ยึดมดลูกโดนยืดตึงขึ้นจากการขยายตัวของมดลูกที่โตขึ้นนั่นเอง ปวดหน่วงท้องน้อยระหว่างตั้งครรภ์ พบบ่อยแค่ไหน อาการปวดหน่วงท้องน้อยระหว่างตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดปรึกษาแพทย์ อาการ อาการของการปวดหน่วงท้องน้อยระหว่างตั้งครรภ์ การปวดหน่วงท้องน้อยระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์เกิดความกังวลและไม่สบายตัว อย่างไรก็ตาม ภาวะนี้สามารถพบได้ทั่วไปในคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยคุณแม่อาจมีอาการ เจ็บแปลบกล้ามเนื้อท้องกระตุกเฉียบพลัน ส่วนใหญ่มักเกิดกับท้องด้านขวา หรือทั้งสองด้าน และแต่ละครั้งคุณแม่อาจมีอาการเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น อาการปวดหน่วงท้องน้อยระหว่างตั้งครรภ์ อาจเกิดจากการออกกำลังกาย หรือการเคลื่อนไหวร่างกายเหล่านี้ จาม ไอ หัวเราะ กลิ้งบนเตียง ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว สำหรับผู้ป่วยบางราย อาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น หากมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษาแพทย์ ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด อาการปวดหน่วงท้องน้อยระหว่างตั้งครรภ์มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและหายได้เอง แต่หากมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ควรเข้าพบคุณหมอทันที อาการปวดรุนแรง มีอาการปวดต่อเนื่องนานหลายนาที มีไข้ ตัวเย็น รู้สึกเจ็บเมื่อปัสสาวะ เดินลำบาก มีมูกเลือดหรือเลือดออกรวมถึงน้ำใส ๆ ที่ไหลออกจากช่องคลอด อาการปวดหน่วงท้องน้อยระหว่างตั้งครรภ์มักเกิดจากหลากหลายสาเหตุ ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม โดยภาวะที่คุณแม่ควรระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด และโรคที่ไม่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ เช่น […]


ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

คนท้อง เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียง่าย เป็นเรื่องปกติหรือไม่

อาการ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียง่าย ในช่วงตั้งครรภ์ อาจเป็นอาการที่พบได้บ่อย โดยผู้หญิงบางคนอาจรู้สึกสูญเสียพลังงานจนร่างกายต้องการการพักผ่อน ในขณะที่ผู้หญิงบางคนอาจไม่ปากฏใด ๆ ให้เห็น ดังนั้น การรู้ถึงสาเหตุของการเกิดอาการเหนื่อยและอ่อนเพลียช่วงตั้งครรภ์ รวมถึงวิธีบรรเทาอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่อาจช่วยให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ดูแลตัวเองได้อย่างถูกวิธี [embed-health-tool-pregnancy-weight-gain] คนท้อง เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียง่าย เกิดจากอะไร อาการเหนื่อยและอ่อนเพลียช่วงตั้งครรภ์อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ซึ่งมีบทบาทสำคัญที่ทำให้รู้สึกเหนื่อย เนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะเพิ่มขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรก นอกจากนี้ ปริมาตรเลือดในร่างกาย (Blood Volume) ที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ยังอาจส่งผลให้ชีพจรเต้นเร็วขึ้น รวมถึงการที่ระดับธาตุเหล็กต่ำลงก็อาจทำให้เกิดอาการเหนื่อยและอ่อนเพลียช่วงตั้งครรภ์ได้ โดยผู้หญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จะมีอาการเหนื่อยและอ่อนเพลียช่วงตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสแรก และอาการจะค่อย ๆ บรรเทาลงในช่วงไตรมาสที่ 2 ดังนั้น หากเกิดอาการเหนื่อยและอ่อนเพลียในช่วงสัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ การนั่งพัก หรืองีบหลับซักพักก็อาจช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้ โดยปกติอาการเหนื่อยล้าจะเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 3 จากการที่มดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้นทำให้เริ่มมรีการกดเบียดกระบังลม ทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์หายใจได้ลำบากมากขึ้น วิธีบรรเทาอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียง่าย ตอนท้อง สำหรับคุณแม่ที่เพิ่งตั้งครรภ์เป็นครั้งแรกอาจต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับวิธีรับมืออาการเหนื่อยและอ่อนเพลียช่วงตั้งครรภ์เอาไว้ เผื่อในกรณีเข้าสู่ช่วงไตรมาสที่ 3 อีกครั้ง จะทำให้ง่ายต่อการดูแลตัวเองมากขึ้น โดยวิธีบรรเทาอาการเหนื่อยและอ่อนเพลียช่วงตั้งครรภ์ อาจทำได้ดังนี้ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น เนื้อสัตว์ ธัญพืช ผักและผลไม้ เนื่องจากอาหารที่ดีอาจช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง และอาจช่วยป้องกันอาการคลื่นไส้ด้วย […]


ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

ดื่มแอลกอฮอล์ขณะตั้งครรภ์ ส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์

ดื่มแอลกอฮอล์ขณะตั้งครรภ์ อาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ในด้านต่าง ๆ เช่น เสี่ยงต่อการแท้ง ทารกเสียชีวิตในครภ์ คลอดก่อนกำหนด เนื่องจาก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถส่งไปยังทารกในครรภ์ผ่านทางสายสะดือ ดังนั้น ช่วงตั้งครรภ์จึงเป็นช่วงที่ต้องงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณแม่และทารกในครรภ์ ดื่มแอลกอฮอล์ขณะตั้งครรภ์ ส่งผลอย่างไรบ้าง การดื่มแอลกอฮอล์ขณะตั้งครรภ์อาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ดังนี้ เสี่ยงต่อการแท้ง หากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่ตั้งท้องได้ 2-3 เดือนแรก อาจมีภาวะเสี่ยงที่จะแท้งบุตรตั้งแต่ก่อนสัปดาห์ที่ 20 ทารกเสียชีวิตในครรภ์ ในช่วงครึ่งหลังของการตั้งครรภ์ หากคุณแม่ยังดื่มแอลกอฮอล์อาจเกิดภาวะเสี่ยงที่ทารกจะเสียชีวิตในครรภ์ได้ คลอดก่อนกำหนด การดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้มีโอกาสคลอดก่อนกำหนด ซึ่งการคลอดก่อนกำหนดอาจมีปัญหาสุขภาพตามมามากมาย เช่น ปัญหาการหายใจ ปัญหาเรื่องความสมบูรณ์ของปอด ปัญหาสุขภาพ ทารกบางคนที่คุณแม่ดื่มแอลกอฮอล์ขณะตั้งครรภ์ เมื่อคลอดออกมาแล้วอาจพบปัญหาเกี่ยวกับหัวใจหรือไต นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นและการได้ยินอีกด้วย ภาวะกลุ่มอาการผิดปกติของทารกที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ขณะคุณแม่ตั้งครรภ์ (Fetal Alcohol Spectrum Disorder หรือ FASD) ใช้เรียกอาการต่าง ๆ ที่อาจเป็นผลกระทบที่เกิดจากคุณแม่ตั้งครรภ์ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบที่เกิดทั้งกับสมอง ร่างกาย หรือพฤติกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น การจดจำ สมาธิสั้น นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลทำให้น้ำหนักของทารกแรกเกิดน้อย สมองมีขนาดเล็กกว่าปกติ รูปหน้าผิดปกติ […]


ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

คนท้องเป็นหวัด อันตรายหรือไม่และควรรับมืออย่างไรดี

คนท้องเป็นหวัด คือหนึ่งในปัญหาพื้นฐานที่คุณแม่ตั้งครรภ์มักรู้สึกกังวลใจ จึงจำเป็นที่แม่ท้องต้องดูแลรักษาสุขภาพและระวังการติดเชื้อโรคต่างๆ มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเป็นไข้หวัดระหว่างการตั้งครรภ์ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ เนื่องจากอาการของไข้หวัดในหญิงตั้งครรภ์อาจมีความรุนแรงมากกว่าปกติ และอาจส่งผลกระทบให้เกิดความพิการของทารกได้ด้วย [embed-health-tool-due-date] คนท้องเป็นหวัด จะป้องกันอย่างไร อาการไข้หวัดนั้นสามารถติดต่อได้ระหว่างบุคคลหรือผ่านการสัมผัสของผู้ที่มีเชื้อหวัดอยู่ วิธีการหลีกเลี่ยงการติดไข้หวัด มีดังนี้ หลีกเลี่ยงการอยู่ในกลุ่มคนหมู่มากเนื่องจากเป็นช่องทางการติดไข้หวัดที่เร็วที่สุด ล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ อยู่ห่างจากผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัด ไม่ควรขยี้ตา จมูกหรือสัมผัสปากด้วยมือที่ไม่สะอาด เนื่องจากเชื้อไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ผ่านการสัมผัส การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติที่ได้ผล  นอกจากยาแล้ว คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถปฏิบัติตามวิธีดังต่อไปนี้ เพื่อบรรเทาอาการไข้หวัดเบื้องต้น ควรพักผ่อนเมื่อมีอาการไข้หวัด เนื่องจากอาการไข้หวัดอาจทำให้รู้สึกเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ หรือมีน้ำมูก ควรดื่มน้ำมากๆ เช่น น้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ อมลูกอมที่มีน้ำมะนาวหรือน้ำผึ้งเป็นส่วนผสมเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอและไอ อาจใช้เครื่องทำความชื้นในอากาศในห้องเพื่อลดอาการคัดจมูก ยาที่ใช้กับอาการไข้หวัด  โดยส่วนใหญ่ยาที่ใช้ได้อย่างปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์นั้นต้องปรึกษาแพทย์เป็นหลัก แต่ยาสามัญประจำบ้านที่ช่วยบรรเทาอาการหวัดสำหรับคนท้องเป็นหวัดโดยเฉพาะอาการไข้สูง สามารถรับประทาน พาราเซตามอลได้ ส่วนอาการคัดจมูก หรือ มีน้ำมูก ควรให้แพทย์แนะนำยาเฉพาะที่ หรืออาจใช้การล้างจมูกแทนได้ อย่างไรก็ตาม การใช้ยาประเภทใดก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง การฉีดยาสำหรับคนท้องเป็นหวัด โดยทั่วไปแล้ว คนท้องสามารถรับการฉีดยาเพื่อรักษาอาการไข้หวัดได้ ซึ่งวิธีนี้อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันอาการไข้หวัด โดยสามารถรับการฉีดได้เมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 20 ของการตั้งครรภ์ โดยปกติแล้ว ช่วงเวลาระบาดของไข้หวัดจะอยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคมไปถึงเดือนกรกฎาคม โดยสายพันธุ์จะเปลี่ยนไปทุกๆ ปี ดังนั้นจึงควรได้รับการจัดฉีดวัคซีนทุกปี การรับการฉีดวัคซีน สามารถป้องกันการเกิดไข้หวัดได้จนถึงหลังคลอด 6 เดือน หากไม่เคยได้รับวัคซีน แต่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แพทย์อาจให้รับประทานยาต้านเชื้อไวรัสในกรณีอยู่ร่วมกับผู้ที่มีเชื้อหวัด แต่ทั้งนี้การฉีดวัคซีนอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น […]


ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์

โรคไหลตาย ในทารก โอกาสเสี่ยงสูงหากแม่สูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์

โรคไหลตาย ในทารก  เป็นภาวะที่เด็กทารกอายุไม่เกิน 1 ขวบเสียชีวิตขณะนอนหลับ และถึงแม้จะยังไม่พบสาเหตุแน่ชัดแต่มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่อาจก่อให้เกิดโรคไหลตายในทารก โดยเฉพาะการสูบบุหรี่ของคุณแม่ขณะตั้งครรรภ์ แม้ไม่ได้ส่งผลให้ทารกเกิดปัญหาสุขภาพขณะตั้งครรภ์โดยตรง แต่อาจสร้างความเสียหายต่อระบบสมอง ส่งผลให้ทารกเสียชีวิตในเวลาต่อมาได้ โรคไหลตาย ในทารก คืออะไร โรคการเสียชีวิตเฉียบพลันในเด็กทารก (SIDS ย่อมาจาก Sudden infant death syndrome) หรือที่รู้จักกันในชื่อ โรคไหลตายในทารก หรือโรคไหลตายในเด็ก คือการที่ทารกเสียชีวิตโดยไม่คาดคิด หาสาเหตุไม่ได้ โดยทั่วไปมักเกิดขึ้นขณะทารกนอนหลับ และเกิดกับทารกอายุไม่ถึง 1 ปี แม้ว่าจะมีสุขภาพแข็งแรงดีก็ตาม สาเหตุโรคไหลตาย ในทารก ยังไม่มีรายงานทางการแพทย์ที่ระบุอย่างเป็นทางการถึงสาเหตุของโรคไหลตายในทารก แต่มีปัจจัยบางอย่างที่อาจเพิ่มความเสี่ยงให้ทารกเป็นโรคไหลตาย ได้แก่ ความพิการหรือความผิดปกติแต่กำเนิด ที่เรียกว่า Brain defects ทำให้สมองในส่วนที่ควบคุมการหายใจและการสะดุ้งตื่น (arousal) ทำงานผิดปกติ น้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าเกณฑ์ คลอดก่อนกำหนด หรือมีฝาแฝด ทำให้สมองไม่เติบโตหรือพัฒนาเท่าที่ควร เด็กจึงมีปัญหาในการควบคุมระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น การหายใจ อัตราการเต้นของหัวใจ สภาพแวดล้อมตอนนอน เช่น การให้เด็กนอนคว่ำหรือนอนตะแคงจนหายใจลำบาก ผ้าห่มปิดหน้าจนหายใจไม่ออก ทารกนอนเตียงเดียวกับพ่อแม่ พี่น้องหรือสัตว์เลี้ยง การสูบบุหรี่ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

คุณกำลังกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ใช่หรือไม่?

หยุดกังวลได้แล้ว มาเข้าชุมชนสนทนาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และว่าที่คุณแม่คนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน