สุขภาพเด็ก

สุขภาพเด็ก เป็นส่วนสำคัญในการเลี้ยงดูลูก พ่อแม่ควรให้ความสำคัญในการสังเกตความผิดปกติต่าง ๆ ตั้งแต่อาการทั่วไป จนถึงสัญญาณการติดเชื้อต่าง ๆ เรียนรู้เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับ สุขภาพเด็ก เพื่อการดูแลสุขภาพของลูกน้อย ให้เติบโตได้อย่างแข็งแรง ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพเด็ก

โปลิโอ เป็นแล้วรักษาไม่หาย แต่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน

โปลิโอ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไข้ไขสันหลังอักเสบ เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากไวรัสโปลิโอ (Poliovirus) ซึ่งเคยส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์ในอดีต โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก แม้ว่าในปัจจุบันโรคนี้จะลดลงอย่างมากเนื่องจากการพัฒนาวัคซีน แต่ความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคและการป้องกันยังคงมีความสำคัญ [embed-health-tool-vaccination-tool] โปลิโอ คืออะไร โรคโปลิโอเกิดจากเชื้อไวรัสในตระกูล Picornavirus โดยไวรัสนี้แบ่งเป็น 3 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ PV1, PV2 และ PV3 ซึ่งไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการบริโภคน้ำหรืออาหารที่ปนเปื้อน รวมถึงการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยตรง เมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย มันจะแพร่กระจายในลำไส้และระบบประสาทส่วนกลาง ทำลายเซลล์ประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรืออัมพาต การแพร่กระจายของโรค โรคโปลิโอแพร่กระจายได้ง่ายในพื้นที่ที่มีการสุขาภิบาลไม่ดี โดยเชื้อไวรัสจะถูกขับออกจากร่างกายผู้ติดเชื้อผ่านทางอุจจาระ แล้วปนเปื้อนในน้ำหรืออาหาร นอกจากนี้ การสัมผัสใกล้ชิด เช่น การสัมผัสมือหรือของใช้ส่วนตัวที่มีเชื้อไวรัสอยู่ ก็เป็นอีกเส้นทางที่โรคสามารถแพร่กระจายได้ กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงคือเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบถ้วน อาการของโรคโปลิโอ โรคโปลิโอมีลักษณะอาการหลากหลาย ตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงอัมพาตรุนแรง ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ (70-90%) ไม่มีอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อได้ อาการเบื้องต้น รวมถึงไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ และคลื่นไส้ อาการรุนแรง ได้แก่ อัมพาตของแขนขา หรือในบางกรณีเชื้อไวรัสอาจทำลายระบบประสาทที่ควบคุมการหายใจ ส่งผลให้เสียชีวิต สำหรับบางคนที่เคยติดเชื้อ อาจเกิดภาวะ กลุ่มอาการหลังโปลิโอ (Post-Polio Syndrome) ในระยะเวลาหลายปีหลังจากการติดเชื้อ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและปวดกล้ามเนื้อ การป้องกันด้วยวัคซีน ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคโปลิโอเฉพาะเจาะจง การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรับวัคซีน […]

หมวดหมู่ สุขภาพเด็ก เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพเด็ก

สุขภาพเด็ก

ดูแลสุขภาพฟันลูก ควรเริ่มต้นเมื่อไหร่ และทำอย่างไรดี

การ ดูแลสุขภาพฟัน ตั้งแต่ลูกอายุยังน้อย สามารถช่วยป้องกันไม่ให้ลูกมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากได้ในภายหลัง การเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการดูแลสุขภาพฟันของลูกที่ถูกต้อง จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรละเลย อย่างไรก็ตาม หากไม่แน่ใจว่าควรดูแลสุขภาพฟันลูกอย่างไร หรือหากพบความผิดปกติเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากของลูก ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อขอคำปรึกษา และเข้ารับการรักษาที่เหมาะสมอย่างทันท่วงที พ่อแม่ควรเริ่ม ดูแลสุขภาพฟัน ของลูกเมื่อใด การดูแลสุขอนามัยทางช่องปากที่ดี อาจต้องเริ่มตั้งแต่ก่อนที่ฟันซี่แรกของลูกจะขึ้น โดยปกติแล้ว ฟันของทารกในครรภ์จะเริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่ในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2 และตอนคลอด เด็กทารกแรกเกิดจะมีฟันอยู่แล้วประมาณ 20 ซี่ ฟันบางซี่อาจโผล่พ้นเหงือกให้เห็นได้บ้าง ในขณะที่บางซี่ก็ยังอยู่ใต้ขากรรไกร ยังไม่โผล่พ้นเหงือก วิธีดูแลสุขภาพฟันให้ลูกที่เหมาะสม อาจมีดังนี้ ทำความสะอาดเหงือกให้ลูก โดยใช้ผ้าเนื้อนุ่มชุบน้ำอุ่น จากนั้นเช็ดเหงือกเบา ๆ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก สิ่งแปลกปลอม หรือเชื้อแบคทีเรีย ที่อาจส่งผลให้มีปัญหาสุขภาพช่องปากได้ หากฟันของลูกขึ้นแล้ว สามารถทำความสะอาดฟันและเหงือกให้ลูกด้วยแปรงสีฟันขนอ่อนนุ่มสำหรับเด็ก หากฟันของลูกขึ้นหลายซี่แล้ว หลังแปรงฟันให้ลูก สามารถใช้ไหมขัดฟันได้ เพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อาจตกค้างอยู่ตามซอกฟัน เมื่อลูกอายุประมาณ 2 ขวบ ควรหัดให้ลูกบ้วนปากหลังแปรงฟัน เมื่อลูกอายุเกิน 3 ขวบ สามารถใช้ยาสีฟันได้ในปริมาณเท่าเมลํดถั่ว หากลูกอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ควรดูแลระหว่างแปรงฟันอย่างใกล้ชิด เพราะลูกอาจแปรงฟันไม่ทั่วถึงและไม่สะอาดพอ ปัญหาสุขภาพฟันเด็กที่พบได้บ่อย ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันของลูกที่พบได้บ่อย อาจมีดังนี้ ฟันผุ หากทำความสะอาดฟันและช่องปากไม่ถูกวิธี อาจทำให้มีแบคทีเรียสะสมอยู่ในช่องปาก แบคทีเรียเหล่านี้กินน้ำตาลจากอาหารและเครื่องดื่มเป็นอาหาร […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

เด็กเป็นหวัดบ่อยกว่าผู้ใหญ่ เกิดจากสาเหตุใด

ไข้หวัด เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่ติดได้จากการหายใจ ส่งผลต่อคนทุกวัย แต่จากผลของค่าสถิตินั้น พบว่า เด็กมีโอกาสที่จะติดเชื้อหวัด ได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตสัญญาณเตือนของโรคหวัดได้จากอาการ ปวดหัว ไข้สูง น้ำมูกไหล คัดจมูก และจาม หากพ่อแม่พบว่า เด็กเป็นหวัดบ่อย ควรเรียนรู้วิธีการป้องกัน และวิธีการจัดการกับโรคได้ดังต่อไปนี้ สาเหตุที่ทำให้ เด็กเป็นหวัดบ่อย คืออะไร ไข้หวัดเป็นการติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสหนึ่งชนิดหรือมากกว่า เชื้อไวรัสพวกนี้จะเข้าไปในจมูกและเพดานปากและมีอัตราการติดเชื้อสูงกว่าเชื้อโรคทุกประเภท เชื้อไวรัสเหล่านี้มักเข้าสู่ร่างกายทางปากหรือจมูกของทารกจากหลายแหล่ง ได้แก่ ทางอากาศ เมื่อมีคนไอ จาม หรือพูดคุย พวกเขาอาจจะแพร่เชื้อไวรัสสู่เด็กและทารกได้โดยตรง การสัมผัสเชื้อโดยตรง เช่น การกอด การจูบ เชื้อไวรัสสามารถแพร่ได้เมื่อมีการสัมผัสทารก การจูบที่หน้าหรือมือของทารก จะทำให้เด็กมีโอกาสติดเชื้อได้ เมื่อเอามือเข้าปากหรือขยี้ตา จากวัตถุที่ปนเปื้อน เชื้อไวรัสบางชนิดสามารถติดอยู่ที่วัตถุได้ตั้งแต่สองถึงสี่ชั่วโมง เด็กจะติดเชื้อจากไวรัสโดยการสัมผัสวัตถุต่างๆ เช่น ของเล่น อาการของโรคหวัดในเด็ก คัดจมูกหรือน้ำมูกไหล น้ำมูกข้นและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือเขียว มีไข้สูง (ประมาณ 37.80 องศาเซลเซียส) จาม ไอ เบื่ออาหาร ระคายเคืองและนอนไม่หลับ ระบบภูมิคุ้มกันของทารกต้องใช้เวลาในการต่อต้านโรคหวัด หากเด็กทารกติดหวัดโดยไม่มีอาการแทรกซ้อน ควรได้รับการรักษาภายใน 7 ถึง 10 […]


สุขภาพเด็ก

ตาขี้เกียจ โรคพบบ่อยในเด็ก กับสาเหตุและอาการที่ควรรู้

ตาขี้เกียจ (Amblyopia) เป็นโรคทางจักษุที่เกิดขึ้นเมื่อดวงตาลดการทำงานในการมองเห็นอย่างรุนแรง ในช่วงวัยทารกและวัยเด็ก แว่นตาหรือคอนเทคเลนส์อาจไม่สามารถแก้ไขอาการดังกล่าวได้ ในบางรายผู้ป่วยอาจได้รับผลกระทบทางสายตาเพียงข้างเดียว หรือการมองเห็นลดลงอาจเกิดขึ้นกับดวงตาทั้ง 2 ข้าง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ทำการรักษา อาการตาขี้เกียจอาจก่อให้เกิดอาการตาบอดได้ [embed-health-tool-vaccination-tool] สัญญาณโรค ตาขี้เกียจ เป็นอย่างไร โรคตาขี้เกียจเป็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในทารกและเด็กวัยเจริญเติบโต ซึ่งกำลังมีพัฒนาการด้านการมองเห็น โดยอาการของโรคยากที่จะสังเกตเห็น เด็กที่มีอาการของโรคตาขี้เกียจอาจไม่รู้สึกว่ามีปัญหาการมองเห็น เพราะเคยชินกับการใช้งานสายตาในข้างที่ดีกว่า โดยไม่รู้สึกถึงว่าสายตาอีกข้างที่อ่อนแอกว่านั้นเป็นปัญหา คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตเห็นปัญหา หากพบว่าเด็กหรี่ตาหรือเอียงคอ เพื่อทำให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้นอยู่บ่อยครั้ง หรือในเด็กหลายคนอาจมีปัญหาในการมองเห็นภาพสามมิติ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจลองทำการทดสอบง่าย ๆ ด้วยการปิดตาข้างหนึ่งและเปิดตาข้างหนึ่งของเด็กทีละข้าง และลองถามเด็กว่า ดวงตาแต่ละข้างสามารถมองเห็นได้ชัดเจนดีหรือไม่ เพื่อดูว่าเด็กไม่มีปัญหาเมื่อปิดตาข้างใดข้างหนึ่ง หากพบว่าเด็กรู้สึกมองเห็นได้ไม่สะดวกด้วยตาข้างใดข้างหนึ่ง นั่นหมายความว่า ดวงตาข้างที่ไม่ได้ปิดตานั้นมีอาการของโรคตาขี้เกียจ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นทดสอบอาการขั้นพื้นฐาน ไม่อาจทดแทนการตรวจสอบสายตาจากผู้เชี่ยวชาญได้ ในกรณีที่เด็กมีอาการ คุณพ่อคุณแม่ควรนัดหมายเพื่อเข้ารับการตรวจสายตาอย่างละเอียดจากผู้เชี่ยวชาญทันที สาเหตุของโรคตาขี้เกียจ โรคตาขี้เกียจอาจเกิดขึ้นเมื่อดวงตาข้างหนึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนกว่าดวงตาอีกข้างหนึ่ง ซึ่งสาเหตุอาจแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้  เกิดจากตาเหล่ (Strabismic Amblyopia) อาจพบได้บ่อยและเป็นสาเหตุหลักของโรคตาขี้เกียจ โดยดวงตาไม่สามารถทำงานสอดประสานกันได้ดี ทำให้มองเห็นภาพซ้อนและอาจทำให้สมองละเลยภาพจากดวงตาข้างมีปัญหา สายตาข้างใดข้างหนึ่งมีปัญหา (Refractive Amblyopia) บางครั้งดวงตาของผู้ที่มีอาการตาขี้เกียจนั้นก็ปกติดี แต่ในบางกรณี อาการตาขี้เกียจอาจเกิดจากการที่สายตามีความผิดปกติในดวงตาทั้ง 2 ข้าง สมองจะเลือกใช้ตาข้างที่มีความผิดปกติทางสายตาที่น้อยกว่า และละเลยภาพที่ไม่ชัดเจนจากสายตาอีกข้างหนึ่ง […]


ปัญหาระบบย่อยอาหารในเด็ก

อาการกรดไหลย้อนในเด็ก และการรักษาที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้

อาการกรดไหลย้อนในเด็ก เกิดจากหูรูดของหลอดอาหารส่วนปลายทำงานผิดปกติ ทำให้น้ำย่อยภายในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาทางหลอดอาหาร ส่งผลให้เด็กสะอึกหรืออาเจียนบ่อย ทั้งนี้ หากเกิดขึ้นในเด็กเล็ก อาการเหล่านี้มักหายไปได้เองหลังจากขวบปีแรก [embed-health-tool-bmi] สาเหตุ อาการกรดไหลย้อนในเด็ก สาเหตุ อาการกรดไหลย้อนในเด็ก เกิดจากระบบย่อยอาหารของเด็กเล็กยังทำงานได้ไม่เต็มที่ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลจนเกินไปนัก โดยปกติ อาการกรดไหลย้อนในเด็ก มักหายไปได้เองหลังจากขวบปีแรก สำหรับเด็กโต กรดไหลย้อนอาจเกิดขึ้นได้จากระบบกล้ามเนื้อปิดเปิดระหว่างกระเพาะและหลอดอาหารมีแรงดันมาจากด้านล่างของกล้ามเนื้อที่เปิดปิดบ่อยเกินไป ทำให้กรดในกระเพาะอาหารดันขึ้นมาในหลอดอาหาร ส่งผลให้ลูกอาเจียนหรือคลื่นไส้บ่อยครั้ง หากปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการใช้ชีวิต อาจช่วยป้องกันอาการดังกล่าวได้  อาการกรดไหลย้อนในเด็ก  อาการกรดไหลย้อนในเด็ก อาจสังเกตได้จากลักษณะต่าง ๆ ดังนี้ สำลักอาหาร หายใจเสียงดังฮืด อาเจียนบ่อย ไอเรื้อรัง เรอ มีกลิ่นปาก เบื่ออาหารหรือมีปัญหาการรับประทาน ร้องไห้ระหว่างมื้ออาหารหรือหลังรับประทานอาหาร แสบร้อนบริเวณทรวงอก มีแก๊ส รู้สึกแน่นในท้อง หรือปวดเสียดท้อง การวินิจฉัย อาการกรดไหลย้อนในเด็ก คุณหมออาจวินิจฉัย อาการกรดไหลย้อนในเด็ก ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้ ตรวจทางเดินอาหาร ด้วยการเอกซเรย์และให้เด็กรับประทานของเหลว ซึ่งของเหลวที่ลงไปในกระเพาะทำให้คุณหมออาจทราบกระบวนการกลืนอาหาร ทางเดินอาหารว่าติดขัดส่วนใดหรือไม่ ทดสอบความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร คุณหมออาจสอดท่อที่มีความยืดหยุ่นผ่านทางจมูกลงไปในกระเพาะอาหารจนถึงกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ส่องกล้อง คุณหมออาจตรวจดูหลอดอาหารโดยใช้กล้องขนาดเล็กส่องลงไป หรืออาจเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อในเยื่อบุหลอดอาหารเพื่อนำมาวิเคราะห์หาสาเหตุ การรักษากรดไหลย้อนในเด็ก คุณพ่อคุณแม่อาจให้ลูกรับประทานยาลดกรดในกระเพา เช่น ไซเมทิโคน (Simethicone) […]


ความผิดปกติทางพัฒนาการและพฤติกรรม

สีผสมอาหาร อาจส่งผลต่อสุขภาพของเด็กๆ

สีผสมอาหาร ทำให้อาหารมีสีสันสดใส โดยเฉพาะในขนมหวาน หรือในลูกชิ้นทอดที่เด็กๆ หลายคนชอบกิน อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยที่ชี้ว่าสีผสมอาหารอาจสัมพันธ์กับอาการของโรคสมาธิสั้นในเด็ก แล้วแบบนี้สีผสมอาหารจะส่งผลต่อสุขภาพของเด็กๆ หรือเปล่า สีผสมอาหารคืออะไร สีผสมอาหารประกอบด้วยสารเคมี ที่ใช้เพื่อเพิ่มสีสันให้อาหาร โดยสีผสมอาหารมักจะพบในอาหารแปรรูป เครื่องดื่ม และเครื่องปรุงรส ซึ่งผู้ผลิตมักจะใส่สีผสมอาหาร ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ เพื่อเพิ่มหรือลดสีของอาหาร เพื่อรักษาสีของอาหารให้คงอยู่ เพื่อให้อาหารมีสีที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ปัจจุบันถือว่ายังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะสรุปได้ว่า สารปรุงแต่งอาหาร เช่น สารกันบูด สารให้ความหวานแทนน้ำตาล และสีผสมอาหาร เป็นเหตุให้เกิดโรคสมาธิสั้น และเรื่องผลกระทบจากการกินสารปรุงแต่งอาหาร ยังคงเป็นที่กรณีโต้แย้ง สีผสมอาหาร อาจส่งผลต่อสุขภาพของเด็กๆ เนื่องจากมีงานวิจัยชี้ว่า สีผสมอาหารบางชนิดและสารกันบูด อาจทำให้เด็กแสดงพฤติกรรมของโรคสมาธิสั้นมากขึ้น ในขณะที่องค์กรอาหารและยาของสหรัฐฯ ชี้ว่างานวิจัยไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า มีความเชื่อมโยงระหว่างอาหารที่ใส่สีผสมอาหาร กับอาการซน และไม่อยู่นิ่งของเด็ก (Hyperactivity) นอกจากนี้มีงานวิจัยที่พบว่า การกำจัดสีผสมอาหารออกจากอาหาร รวมถึงสารกันบูดที่เรียกว่า โซเดียมเบนโซเอต (Sodium Benzoate) ผลการวิจัยพบว่าสามารถลดอาการซนและอยู่ไม่สุขของเด็กได้ มากไปกว่านั้นยังมีงานวิจัยที่พบว่า 73% ของเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นมีอาการลดลง เมื่อจำกัดการบริโภคสีผสมอาหารและสารกันบูด และยังมีงานวิจัยที่ให้ข้อมูลว่า สีผสมอาหารและโซเดียมเบนโซเอต ทำให้อาการซนและอยู่ไม่นิ่งของเด็กเพิ่มขึ้น ทั้งในเด็กที่อายุ 3 ปีและกลุ่มเด็กอายุ 8-9 ปี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างได้รับทั้งสีผสมอาหารและโซเดียมเบนโซเอตผสมกัน จึงยากที่จะระบุว่าอะไรเป็นสาเหตุของอาการซนและอยู่ไม่นิ่งของเด็ก สรุปแล้วสีผสมอาหารเป็นอันตรายหรือไม่ ทั้งนี้อาจสรุปได้ว่า งานวิจัยได้แนะนำว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างสีผสมอาหารกับอาการซน และอยู่ไม่นิ่งของเด็กอย่างมีนัยสำคัญ นอกเหนือจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ชี้ว่า […]


โรคผิวหนังในเด็ก

เด็กเป็นสะเก็ดเงิน การรักษาและวิธีดูแลที่ควรรู้

เด็กเป็นสะเก็ดเงิน หรือโรคสะเก็ดเงินในเด็ก เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันกระตุ้นให้ผิวหนังของเด็กเจริญเติบโตผิดปกติ จนอาจมีอาการ เช่น ผิวหนังหนาเป็นปื้นแดง มีรอยแผลบนใบหน้า และอาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้ เช่น ปัญหาสุขภาพหัวใจ ความดันโลหิตสูง ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรพาเด็กเข้าพบคุณหมอ เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง และควรดูแลเด็กที่เป็นสะเก็ดเงินอย่างถูกวิธีด้วย เพื่อช่วยให้รับมือกับโรคนี้ได้ดีขึ้น เด็กเป็นสะเก็ดเงิน เพราะอะไร โรคสะเก็ดเงินในเด็ก (Psoriasis) เป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่อาจเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องและกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังเจริญเติบโตไวกว่าปกติ จึงส่งผลให้ผิวหนังหนาตัวขึ้น และมีสะเก็ดผิวหนังสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก โรคนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผิวหนัง หนังศีรษะ และเล็บ เมื่อเด็กเป็นสะเก็ดเงินจะทำให้ผิวหนังบริเวณใบหน้า หนังศีรษะ ลำตัว แขนและขา หนาตัวเป็นปื้นแดงยาว ผิวบริเวณรอยพับอักเสบ โรคสะเก็ดเงินมีอยู่หลายชนิด แต่ชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในเด็ก คือ โรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นหนา (Plaque Psoriasis) ลักษณะเป็นผื่นแห้ง แดง ซึ่งอาจมีขุยหรือสะเก็ดสีเงินปกคลุมอยู่ด้วย พบมากบริเวณหัวเข่า ข้อศอก แผ่นหลัง และหนังศีรษะ บางครั้งอาจทำให้มีอาการคันหรือมีเลือดซึมจากผื่น อีกชนิด คือ โรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นขนาดเล็ก (Guttate Psoriasis) ซึ่งมักจะปรากฏผื่นนูนแดงหรือจุดเล็ก ๆ ขนาดประมาณหยดน้ำหรือเหรียญกระจายอยู่ทั่วตัว หากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคสะเก็ดเงิน ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคสะเก็ดเงินในเด็ก […]


ภาวะทุพโภชนาการ

ภาวะพร่องแคลเซียมในเด็ก อาการและการรักษา

ภาวะพร่องแคลเซียมในเด็ก อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกาย เนื่องจาก แคลเซียม เป็นสิ่งที่ร่างกายขาดไม่ได้ โดยมีหน้าที่สำคัญในการทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง และอาจมีบทบาทสำคัญในการปล่อยเอนไซม์และฮอร์โมน ตลอดจนทำให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานได้ตามปกติ ดังนั้น หากร่างกายได้รับปริมาณแคลเซียมไม่เพียงพอ อาจทำให้การทำงานของร่างกายผิด ทั้งยังอาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาอีกด้วย ภาวะพร่องแคลเซียมในเด็ก คืออะไร ภาวะพร่องแคลเซียม (Hypocalcemia) เป็นปัญหาที่อาจพบได้บ่อยที่สุดในเด็ก โดยมีสาเหตุหลักมาจากการบริโภคแคลเซียมต่ำและปัญหาการดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ ในบางกรณีการขาดแคลเซียมในเด็ก อาจเป็นผลมาจากการระดับแคลเซียมต่ำในมารดา ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับแคลเซียมที่ไม่เพียงพออาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อกระดูกอย่างรุนแรง มีผลต่อการยืดหดตัวของกล้ามเนื้อ รวมทั้งอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด และระบบประสาทอีกด้วย ดังนั้น หากเด็กมีกระดูกที่อ่อนแอจากการขาดแคลเซียมอาจนำไปสู่อาการกระดูกผิดรูป เช่น โรคกระดูกอ่อนในเด็ก (Rickets) อาการที่เกิดจาก ภาวะพร่องแคลเซียมในเด็ก สำหรับอาการที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กเมื่อมีภาวะพร่องแคลเซียมในเด็ก อาจมีดังนี้ กล้ามเนื้อเป็นตะคริว เป็นสัญญาณเตือนแรกของภาวะพร่องแคลเซียม อาจสังเกตได้จากการที่เด็กพูดเรื่องอาการเจ็บที่กล้ามเนื้อ โดยเฉพาะอย่ายิ่งบริเวณแขน ใต้วงแขน และต้นขา เมื่อต้องเคลื่อนไหวและเดินไปมา อาการนอนไม่หลับ หากเด็กมีอาการนอนหลับยาก หรือในบางกรณี อาจหลับแต่หลับไม่ลึก นอนไม่หลับ หรือมักตื่นกลางดึกบ่อย ๆ นี่อาจเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่า เด็กอาจมีภาวะพร่องแคลเซียม และมีผิวฟันขรุขระ  เล็บอ่อนแอและเปราะง่าย โดยปกติแล้ว เล็บเป็นส่วนที่ต้องการปริมาณแคลเซียมที่เพียงพอ จึงจะเติบโตอย่างมีสุขภาพดี เพราะฉะนั้นการที่เล็บหักหรือเปราะง่าย […]


โรคทางเดินหายใจในเด็ก

เช็กด่วน! โรคไอกรน อาการ ในเด็กเป็นอย่างไร

โรคไอกรน (Whooping Cough หรือ Pertussis) เป็นการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ที่อาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียบอร์เดเทลลา เพอร์ทัสซิส (Bordetella pertussis หรือ B. pertussis) ไอกรนอาจเกิดในเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือนที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และเด็กอายุ 11-18 ปีที่ระบบภูมิคุ้มกันอาจเริ่มอ่อนแอลง อาการ แรกเริ่มของไอกรนอาจเหมือนกับอาการหวัดทั่วไป เช่น ไอเล็กน้อย จาม มีน้ำมูก ก่อนที่จะมีการผลิตวัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน และบาดทะยัก ไอกรนอาจคร่าชีวิตเด็กนับพันคนในอเมริกาในแต่ละปี แต่เมื่อมีการใช้วัคซีนจำนวนของผู้ที่เสียชีวิตจากโรคนี้มีจำนวนลดลง [embed-health-tool-baby-poop-tool] โรคไอกรน อาการ เป็นอย่างไร ระยะเวลาแสดงอาการของไอกรนมักอยู่ที่ประมาณ 10 วันหลังจากได้รับเชื้อ อาการแรกเริ่มของไอกรนอาจมีอาการคล้ายกับอาการหวัดทั่วไป ไอเล็กน้อย จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก ตาแดงและน้ำตาไหล มีไข้ ไอ อาการท้องเสียในระยะแรก หลังจากนั้น 1-2 สัปดาห์ผ่านไป อาการไอส่วนใหญ่อาจเปลี่ยนเป็นอาการไอที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์ (เสียง “วี้ด” หรือ “ฮื้ด” ไอเสียงสูง หรือหายใจเฮือกขณะไอ) ในขณะที่ผู้ป่วยหายใจเข้า ในบางครั้ง ผู้ป่วยอาจเกิดอาการหน้าแดงหรือม่วง […]


สุขภาพเด็ก

ขาดอากาศหายใจ สาเหตุการเสียชีวิตของเด็กที่พ่อแม่ควรใส่ใจ

ขาดอากาศหายใจ เป็นภาวะที่เป็นอันตรายประเภทหนึ่ง ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีการขาดออกซิเจนอย่างรุนแรง โดยภาวะขาดอากาศหายใจอาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตที่มากที่สุดในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีทั่วโลก ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรศึกษาถึงสาเหตุต่าง ๆ ที่อาจทำให้เด็กขาดอากาศหายใจ เพื่อเตรียมความพร้อมและการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะนี้ขึ้น ขาดอากาศหายใจ คืออะไร การขาดอากาศหายใจอาจเป็นสาเหตุหลักสาเหตุหนึ่งในการเสียชีวิตของทารก โดยอาจเกิดขึ้นในช่วงปีแรกของเด็กทารก และมักพบได้มากสุดในช่วง 9 -11 เดือน อย่างไรตาม ความเสี่ยงยังอาจเกิดขึ้นได้จนกระทั่งเด็กมีอายุ 6 ปี จนกว่าพัฒนาการของหลอดลม และกลไกการหายใจมีความสมบูรณ์ สาเหตุที่ทำให้ ขาดอากาศหายใจ โดยส่วนใหญ่แล้วการขาดอากาศหายใจในเด็ก อาจเกิดจากการสำลัก การถูกบีบรัด และการถูกวัสดุต่าง ๆ ปิดคลุมจนหายใจไม่ออก นอกจากนั้น สาเหตุต่าง ๆ เหล่านี้อาจเป็นสาเหตุของการขาดอากาศหายใจในเด็กที่พบได้มากที่สุด ดังนี้ เครื่องนอน เช่น หมอน ผ้าห่ม อาจสร้างสภาพแวดล้อมในการนอนหลับที่สบายมากขึ้นสำหรับคุณพ่อคุณแม่ แต่อาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี ซึ่งยังไม่สามารถเปลี่ยนอิริยาบถ และยกศีรษะได้อย่างเต็มที่ เมื่อทางเดินหายใจถูกอุดกั้นก็อาจเป็นอันตรายได้ ดังนั้น วัตถุต่าง ๆ ที่สามารถบดบังใบหน้าของเด้กได้ต้องนำออกไปให้ห่าง เพื่อป้องกันการขาดอากาศหายใจในเด็ก สถานที่ปิด เช่น ในตู้เย็นขนาดเล็กที่ไม่ได้ใช้แล้ว กล่อง […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

วิธีกำจัดเหา เมื่อลูกน้อยกำลังเป็นเหา

เหา ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพของลูกที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจ และต้องกำจัดให้หมดไปโดยเร็วที่สุด เพราะเหาสามารถแพร่จากคนหนึ่งไปสู่อีกคนได้ อีกทั้งการที่ลูกเป็นเหา อาจถูกเด็กคนอื่นมองว่าสกปรก ล้อเลียน หรือไม่คลุกคลีด้วย จนลูกอาจมีปัญหากับเพื่อนหรือมีปัญหาสุขภาพจิตได้ วิธีกำจัดเหา อาจทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน โดยวิธีธรรมชาติ รวมถึงการใช้ยาที่สั่งจ่ายโดยคุณหมอ เพื่อบรรเทาอาการคันที่อาจเกิดขึ้นจากน้ำลายของเหา ทั้งยังป้องกันอาการแพ้เหาที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กบางคนอีกด้วย [embed-health-tool-vaccination-tool] เหา คืออะไร เหา คือ แมลงปรสิตชนิดหนึ่ง ลำตัวแบน ไม่มีปีก สีขาวปนเทา หรือสีน้ำตาลอ่อน ยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ดำรงชีพด้วยการกินเลือดจากคนหรือสัตว์ เหาที่พบในคนมี 3 ชนิด ได้แก่ เหาที่ศีรษะ (Pediculosis Capitis หรือ Head Lice) เหาที่ลำตัว (Pediculosis Corporis) และเหาที่อวัยวะเพศ หรือโลน (Pediculosis Pubis) แต่เมื่อพูดถึงเหา คนส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจตรงกันว่าหมายถึงเหาที่ศีรษะ ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด และพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในเด็กเล็กและเด็กวัยเรียน (3-12 ปี) เหาเป็นแมลงคลาน บินหรือกระโดดไม่ได้ แต่ก็มีกรงเล็บที่พัฒนามาเป็นพิเศษทำให้สามารถคลานและเกาะติดหนึบอยู่บนเส้นผมได้ อีกทั้งเหายังเป็นโรคติดเชื้อปรสิตที่สามารถติดต่อและแพร่กระจายจากคนสู่คนได้รวดเร็วมาก โดยเฉพาะในสถานที่ชุมนุมชน หรือในกิจกรรมที่มีผู้คนรวมตัวกันหนาแน่น […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน