สุขภาพเด็ก

สุขภาพเด็ก เป็นส่วนสำคัญในการเลี้ยงดูลูก พ่อแม่ควรให้ความสำคัญในการสังเกตความผิดปกติต่าง ๆ ตั้งแต่อาการทั่วไป จนถึงสัญญาณการติดเชื้อต่าง ๆ เรียนรู้เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับ สุขภาพเด็ก เพื่อการดูแลสุขภาพของลูกน้อย ให้เติบโตได้อย่างแข็งแรง ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพเด็ก

โปลิโอ เป็นแล้วรักษาไม่หาย แต่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน

โปลิโอ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไข้ไขสันหลังอักเสบ เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากไวรัสโปลิโอ (Poliovirus) ซึ่งเคยส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์ในอดีต โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก แม้ว่าในปัจจุบันโรคนี้จะลดลงอย่างมากเนื่องจากการพัฒนาวัคซีน แต่ความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคและการป้องกันยังคงมีความสำคัญ [embed-health-tool-vaccination-tool] โปลิโอ คืออะไร โรคโปลิโอเกิดจากเชื้อไวรัสในตระกูล Picornavirus โดยไวรัสนี้แบ่งเป็น 3 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ PV1, PV2 และ PV3 ซึ่งไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการบริโภคน้ำหรืออาหารที่ปนเปื้อน รวมถึงการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยตรง เมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย มันจะแพร่กระจายในลำไส้และระบบประสาทส่วนกลาง ทำลายเซลล์ประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรืออัมพาต การแพร่กระจายของโรค โรคโปลิโอแพร่กระจายได้ง่ายในพื้นที่ที่มีการสุขาภิบาลไม่ดี โดยเชื้อไวรัสจะถูกขับออกจากร่างกายผู้ติดเชื้อผ่านทางอุจจาระ แล้วปนเปื้อนในน้ำหรืออาหาร นอกจากนี้ การสัมผัสใกล้ชิด เช่น การสัมผัสมือหรือของใช้ส่วนตัวที่มีเชื้อไวรัสอยู่ ก็เป็นอีกเส้นทางที่โรคสามารถแพร่กระจายได้ กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงคือเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบถ้วน อาการของโรคโปลิโอ โรคโปลิโอมีลักษณะอาการหลากหลาย ตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงอัมพาตรุนแรง ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ (70-90%) ไม่มีอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อได้ อาการเบื้องต้น รวมถึงไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ และคลื่นไส้ อาการรุนแรง ได้แก่ อัมพาตของแขนขา หรือในบางกรณีเชื้อไวรัสอาจทำลายระบบประสาทที่ควบคุมการหายใจ ส่งผลให้เสียชีวิต สำหรับบางคนที่เคยติดเชื้อ อาจเกิดภาวะ กลุ่มอาการหลังโปลิโอ (Post-Polio Syndrome) ในระยะเวลาหลายปีหลังจากการติดเชื้อ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและปวดกล้ามเนื้อ การป้องกันด้วยวัคซีน ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคโปลิโอเฉพาะเจาะจง การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรับวัคซีน […]

หมวดหมู่ สุขภาพเด็ก เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพเด็ก

สุขภาพเด็ก

อาการโคลิค ในทารกแรกเกิด และวิธีรักษา

อาการโคลิค คืออาการที่ทารกร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุและร้องไห้บ่อยโดยเฉพาะในช่วงค่ำหรือกลางคืน อาจเกิดขึ้นในทารกแรกเกิดอายุ 6 สัปดาห์ขึ้นไป และจะค่อย ๆ ร้องไห้น้อยลงเมื่ออายุได้ 3-4 เดือน ปกติแล้วทารกมักจะร้องไห้เพื่อส่งสัญญาณบอกคุณพ่อคุณแม่เมื่อรู้สึกหิว ไม่สบายตัว แต่สำหรับอาการโคลิค ทารกจะร้องไห้มากกว่าปกติเป็นเวลานานวันละ 3 ชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งอาจสร้างความเครียดและความกังวลใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ สาเหตุของอาการโคลิค  โคลิค เป็นอาการที่พบได้บ่อยในทารกแรกเกิดตั้งแต่ 3 สัปดาห์ถึง 3 เดือน โดยทารกมักจะร้องไห้เวลาซ้ำ ๆ เดิม ๆ และมักร้องนานได้ ถึง 100 วัน โดยสาเหตุการเกิดอาจเกิดจากหลาย ๆ ปัจจัย อาการโคลิคอาจเกิดขึ้นเมื่อทารกรู้สึกปวดท้อง จุกเสียด เนื่องจากในกระเพาะอาหารมีแก๊สมาก ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่ระบบย่อยอาหารของทารกยังทำงานไม่เต็มที่ อาการปวดท้อง และส่งสัญญาณบอกด้วยการร้องไห้เป็นเวลานาน ทำให้เกิดความวิตกกังวลกับคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้เลี้ยงดู นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการที่ทารกร้องไห้อาจเป็นการแสดงความรู้สึกขณะปรับตัวต่อโลกภายนอก เนื่องจากหลังคลอด ทารกจะ เห็นแสงสว่าง วัตถุรอบตัว และได้ยินเสียงชัดขึ้นกว่าตอนอยู่ในท้อง ทำให้อาจไม่ชิน ควบคุมอารมณ์และปรับตัวยาก ดังนั้น จึงทำให้ทารกอาจร้องไห้ออกมา เมื่อทารกเติบโตขึ้นอาจทำให้อาการโคลิคค่อย ๆ บรรเทาลงจนหายได้เอง อาการโคลิค […]


ความผิดปกติทางพัฒนาการและพฤติกรรม

โรคเอ๋อ อาการ สาเหตุ การรักษาและการป้องกัน

โรคเอ๋อ คือ โรคที่เกิดจากภาวะขาดไทรอยด์อย่างรุนแรงในทารกแรกเกิด ส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาต่อมไทรอยด์เติบโตผิดตำแหน่ง ต่อมไทรอยด์ขาดหายไปบางส่วน ไม่มีต่อมไทรอยด์ตั้งแต่กำเนิด หรือต่อมไทรอยด์ยังพัฒนาไม่เต็มที่ ในบางกรณีอาจเป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ทำให้ทารกมีภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนแต่กำเนิด อาจทำให้เกิดความบกพร่องทางระบบประสาทและการเจริญเติบโต มีภาวะปัญญาอ่อน แคระแกรน มีความผิดปกติทางกายภาพ มีอาการหน้าบวม ลิ้นบวม ลิ้นจุกปาก ร้องไห้งอแง ท้องผูก สะดือยื่น ดีซ่าน การตรวจคัดกรองและการดูแลตัวเองในขณะตั้งครรภ์ และการกินยาบำรุงครรภ์ของผู้เป็นแม่อาจช่วยป้องกันโรคเอ๋อในทารกได้ คำจำกัดความโรคเอ๋อ คืออะไร โรคเอ๋อ หรือภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนแต่กำเนิด (Congenital Hypothyroidism หรือ CH) คือ ภาวะที่ต่อมไทรอยด์ผิดปกติ ต่อมไทรอยด์ขาดหายไปบางส่วน ไม่มีต่อมไทรอยด์ตั้งแต่กำเนิด หรือต่อมไทรอยด์ยังพัฒนาไม่เต็มที่ จึงไม่สามารถสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ฮอร์โมนไทรอยด์จำเป็นต่อการเจริญเติบโตที่ดีของสมอง และพัฒนาการของระบบประสาท เมื่อร่างกายของทารกมีภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนแต่กำเนิด ก็อาจทำให้เกิดภาวะปัญญาอ่อนหรือสติปัญญาพร่องในเด็ก นอกจากนี้ ยังอาจเกี่ยวข้องกับการขาดสารไอโอดีนของคุณแม่ในระหว่างตั้งครรภ์ได้อีกด้วย เพราะร่างกายของทารกต้องการไอโอดีนเพื่อสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ อาการอาการของโรคเอ๋อ เด็กแรกเกิดส่วนใหญ่ไม่มีอาการที่แสดงออกว่าขาดฮอร์โมนไทรอยด์อย่างชัดเจน แต่อาจมีบางอาการที่แสดงถึงสัญญาณการขาดฮอร์โมนไทรอยด์ เช่น หน้าบวม ลิ้นบวมหนา เด็กร้องไห้มาก งอแง กรีดร้อง นอนนานขึ้นหรือนอนบ่อยขึ้น ท้องอืด ท้องผูก สะดือยื่นออกมา ปัญหาการรับประทานอาหาร กลืนลำบาก ภาวะกล้ามเนื้อตึงตัวน้อย (Hypotonia) ผิวซีด ผิวเย็น ผิวแห้ง ดีซ่าน โตช้า มีปัญหาในการหายใจ เสียงแหบ ปัญญาอ่อน คอบวมจากต่อมไทรอยด์ที่ขยายใหญ่ขึ้น หรือคอพอก ภาวะแทรกซ้อนของโรคเอ๋อ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้ไอคิวของเด็กลดลง กระทบต่อการเจริญเติบโตและความแข็งแรงของกระดูก และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ […]


โรคผิวหนังในเด็ก

7 สาเหตุที่ทำให้ ลูกเป็นผื่นที่หน้า

ลูกเป็นผื่นที่หน้า อาจเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น ผื่นผ้าอ้อม ผดร้อน ผื่นไขมัน สิวทารก ที่ส่งผลให้เกิดการคันระคายเคือง บวมแดง เจ็บแสบ เป็นตุ่ม คุณพ่อคุณแม่อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดผื่นที่หน้าและผิวหนังส่วนอื่น ๆ ได้โดยการสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลูกอย่างใกล้ชิดและพบคุณหมอ เพื่อรับการรักษาในทันที 7 สาเหตุที่ทำให้ ลูกเป็นผื่นที่หน้าและเป็นผื่นทั้งตัว  ผื่นที่ขึ้นอาจเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน ดังนี้ 1. ผื่นแพ้อักเสบ เป็นโรคผิวหนังที่เกิดขึ้นต่อเมื่อ ร่างกายของทารกสร้างเซราไมด์ (Ceramide) ที่เป็นเซลล์ไขมันน้อยเกินไป ส่งผลทำให้ผิวของลูกน้อยแห้ง ขาดความชุ่มชื้น จนนำไปสู่การเกิด ผื่นสีแดง หรือสีน้ำตาลอมเทาเป็นวง ตามจุดต่าง ๆ ของผิวหนัง เช่น ศีรษะ จมูก เปลือกตา คิ้ว หลังใบหู ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับเด็กทารกช่วง 2-3 เดือน และอาจหายเป็นปกติเมื่ออายุ 8 เดือน อย่างไรก็ตามผื่นแพ้อักเสบ ก็อาจเกิดขึ้นกับเด็กโตจนถึงผู้ใหญ่ได้เช่นกัน วิธีรักษาและการป้องกัน หลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดผื่นแพ้อักเสบ เช่น ความร้อน เหงื่อ สารระคายเคืองจากขนสัตว์ สบู่ น้ำหอม ผงซักฟอก รวมทั้งอาหารบางอย่าง นอกจากนี้ […]


สุขภาพเด็ก

ลูกวัย 1 ขวบเบื่ออาหาร ทำอย่างไรดี

ลูกวัย 1 ขวบเบื่ออาหาร เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากเด็กเริ่มเติบโตเร็วขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวัยหัดเดิน สมองจะสั่งการให้เด็กรับประทานอาหารเท่าที่จำเป็นต่อพลังงานและการเจริญเติบโตของร่างกาย ทำให้เด็กอาจรับประทานอาหารน้อยลง แต่เมื่อเด็กโตขึ้นความอยากอาหารจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามช่วงวัย สาเหตุที่ทำให้ลูกวัย 1 ขวบเบื่ออาหาร ลูกวัย 1 ขวบอาจมีความอยากอาหารลดลง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งไม่กระทบต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของร่างกาย ทารกในช่วงปีแรกอาจมีน้ำหนักประมาณ 7-9 กิโลกรัม และน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1-2 กิโลกรัม/ปี จากนั้นน้ำหนักจะคงที่ไปเรื่อย ๆ หรือเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ประมาณ 3-4 เดือน ในช่วงนี้ร่างกายของลูกอาจต้องการแคลอรี่น้อยลง ซึ่งอาจส่งผลต่อความอยากอาหารที่ลดลง การเลือกรับประทานอาหารของเด็กนั้นยังถูกควบคุมโดยสมองที่ให้เลือกกินเฉพาะเท่าที่จำเป็นต่อการใช้พลังงานและการเจริญเติบโตของร่างกาย อีกทั้งช่วงนี้เริ่มมีฟันขึ้น อาจทำให้มีอาการเจ็บเหงือกเจ็บฟันทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง เมื่อลูกวัย 1 ขวบเบื่ออาหารอาจทำให้พ่อแม่รู้สึกกังวลถึงสุขภาพของลูก จนอาจพยายามบังคับให้ลูกกินมากกว่าที่ร่างกายต้องการ ซึ่งการบังคับให้กินนมหรืออาหารอาจยิ่งทำให้ลูกรู้สึกเบื่ออาหาร ดังนั้น พ่อแม่อาจต้องทำความเข้าใจถึงธรรมชาติของร่างกายลูกว่า อาการเบื่ออาหารอาจเป็นเรื่องปกติ และอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายในประมาณ 2-4 สัปดาห์ เมื่อลูกได้ควบคุมการกินอาหารด้วยตัวเอง ส่งผลให้ลูกอยากอาหารมากขึ้นและต้องการกินมากขึ้นตามช่วงวัย เพิ่มความอยากอาหารให้ลูกวัย 1 ขวบ เพื่อลดความกังวลให้กับพ่อแม่เมื่อลูกมีอาการเบื่ออาหาร วิธีต่อไปนี้อาจช่วยให้ลูกอยากอาหารมากขึ้น ควรให้ลูกจัดการกินอาหารด้วยตัวเอง เด็กวัย 1 ขวบ […]


สุขภาพเด็ก

ทารกไม่ยอมนอน สาเหตุและวิธีแก้ไข

ทารกไม่ยอมนอน อาจสร้างความกังวลใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่กลัวลูกจะไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ หรืออาจมีความผิดปกติเกิดขึ้น จริง ๆ แล้ว สาเหตุที่ทารกไม่ยอมนอน อาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น ความหิว ความตื่นตัว ติดพ่อแม่ ป่วย มีสิ่งรบกวน ปัจจัยเหล่านี้สามารถกระทบการนอนหลับของทารกอาจทำให้ทารกไม่ยอมนอนหรือตื่นกลางดึกบ่อยครั้ง การจัดการให้ทารกรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นและจัดตารางการนอนอย่างเหมาะสมอาจช่วยให้ทารกนอนหลับง่ายขึ้น [embed-health-tool-vaccination-tool] สาเหตุที่ทารกไม่ยอมนอน ปัจจัยที่ส่งผลกระทบทำให้ทารกนอนไม่ยอมนอนในตอนกลางคืน อาจเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ ทารกหิว ความหิวเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ทารกไม่ยอมนอนและตื่นกลางดึก เนื่องจากทารกแรกเกิดอาจกินนม ประมาณ 1-1.5 ออนซ์/ครั้งและนมจะถูกย่อยอย่างรวดเร็ว ทำให้ทารกหิวง่ายและหิวบ่อยขึ้น ให้ทารกกินนมให้อิ่มแต่พอดี อย่าให้อิ่มมากเกินไปเพราะอาจทำให้ท้องอืดและทำให้นอนหลับไม่สนิทได้ ทารกไม่รู้สึกเหนื่อย ทารกอาจยังรู้สึกสดชื่นมาก เพราะกำลังเล่นหรือเจอสิ่งที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจทำให้ทารกไม่รู้สึกเหนื่อยหรือง่วงนอน รวมถึงการนอนมากในตอนกลางวัน อาจทำให้ไม่เหนื่อยหรือง่วงนอนตอนกลางคืน ทารกต้องการพ่อแม่ ทารกบางคนอาจติดพ่อแม่มาก อยากเล่นกับพ่อแม่หรือพี่เลี้ยงในเวลากลางคืนจนไม่ยอมนอน หรือหากไม่มีพ่อแม่มากล่อมนอนอาจทำให้ทารกไม่ยอมนอน ทารกไม่สบาย อาจทำให้ทารกรู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว ร้องไห้งอแงจนไม่ยอมนอน เช่น กรดไหลย้อน ฟันน้ำนมกำลังงอก เป็นหวัด ภูมิแพ้ มีแก๊สในกระเพาะอาหาร ท้องผูก ทารกไม่รู้ว่าเป็นเวลากลางคืนหรือกลางวัน ทารกบางคนอาจเคยชินกับการนอนตอนกลางวันเป็นเวลานานจนอาจทำให้นอนไม่หลับในตอนกลางคืน หรือแสงไฟสว่างจากภายนอกอาจทำให้ทารกเข้าใจว่ายังเป็นตอนกลางวันและยังไม่ถึงเวลานอน มีสิ่งรบกวนการนอนของทารก ทารกมักอ่อนไหวต่อแรงกระตุ้นรอบตัวได้ง่าย หากบรรยากาศในห้องไม่อำนวยต่อการนอนหลับของทารก เช่น เสียงดัง มีแสงสว่างมาก […]


สุขภาพเด็ก

วัดอุณหภูมิลูกได้ 36.7 องศา ถือว่า มีไข้ไหม ?

การวัดอุณหภูมิร่างกายของลูกได้ 36.7 องศา อาจหมายความว่าไม่มีไข้ เนื่องจากอุณหภูมิร่างกายของเด็กโดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 36.5-37.5 องศา อย่างไรก็ตาม ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมอาจส่งผลกระทบต่ออุณหภูมิร่างกายได้ ดังนั้น จึงควรสังเกตอาการผิดปกติอื่น ๆ ของลูกร่วมด้วย เช่น งอแง ร้องไห้ไม่หยุด อาเจียน กินนมน้อย ท้องเสีย ซึม [embed-health-tool-vaccination-tool] วิธีวัดอุณหภูมิร่างกายลูก การวัดอุณหภูมิร่างกายลูกควรวัดในอุณหภูมิห้องปกติ และไม่ควรวัดหลังจากลูกอาบน้ำ หรือออกกำลังกายเสร็จ เพราะอุณหภูมิร่างกายอาจเปลี่ยนแปลงจนทำให้ผลคลาดเคลื่อน อีกทั้งยังควรทำความสะอาดเทอร์โมมิเตอร์ก่อนและหลังใช้งาน และไม่ควรใช้เทอร์โมมิเตอร์เดียวกันวัดอุณหภูมิร่างกายส่วนอื่น เช่น ไม่ควรใช้เทอร์โมมมิเตอร์ที่อมในปากมาหนีบรักแร้ ถึงแม้ว่าจะทำความสะอาดแล้วก็ตาม วิธีวัดอุณหภูมิร่างกายลูกสามารถวัดได้ 5 วิธี ดังนี้ การวัดอุณหภูมิบนหน้าผาก เครื่องเทอร์โมมิเตอร์ส่วนใหญ่จะเป็นแบบดิจิตอล โดยสามารถนำเครื่องไปจ่อไปยังบริเวณหน้าผากของลูก จากนั้นกดปุ่มเพื่อให้เครื่องวัดและแสดงผลบนหน้าจอ การวัดอุณหภูมิทางช่องปาก เครื่องเทอร์โมมิเตอร์แบบดิจิตอลที่มีลักษณะเป็นแท่งยาว วางไว้ใต้ลิ้นของลูก และให้ลูกอมไว้จนกว่าสัญญาณเตือนของเครื่องจะดัง สำหรับแบบปรอทแก้ววัดไข้อาจเหมาะสำหรับใช้ในเด็กที่อายุ 5 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก โดยให้ลูกอมไว้ใต้ลิ้นประมาณ 3 นาที แล้วอ่านผล แต่ไม่ควรใช้กับเด็กเล็กอาจทำให้เด็กเคี้ยวกัดจนปรอทแตกได้ และไม่ควรรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มก่อนวัดอุณหภูมิอย่างน้อย 15 นาที เพื่อป้องกันผลคลาดเคลื่อน การวัดอุณหภูมิบริเวณรักแร้ โดยใช้เทอร์โมมิเตอร์ได้ในรูปแบบดิจิตอลหรือแบบปรอทแก้วธรรมดาวางไว้ใต้รักแร้แนบหนังผิวหนัง หนีบไว้ […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

ทารกเสียงแหบ ที่อาจเกิดจากอาการโคลิก

ทารกเสียงแหบ อาจเกี่ยวข้องกับอาการโคลิก (Colic) ซึ่งเป็นอาการที่ทารกร้องไห้ โวยวาย กรีดร้องบ่อย ๆ มักพบในเด็กอายุ 6 สัปดาห์ อาจมีสาเหตุมาจากความไม่สบายตัวจนทำให้ทารกร้องไห้มากขึ้น จนอาจส่งผลให้กล่องเสียงอักเสบและทำให้ทารกเสียงแหบตามมา เสียงแหบที่เกิดขึ้นในทารกอาจหายได้เอง แต่ถ้าสังเกตพบว่าเสียงยังแหบเรื้อรังหลายวัน สัปดาห์ หรือเป็นเดือน อาจต้องพาทารกเข้าพบคุณหมอ เพื่อตรวจอาการที่เกิดขึ้นและรับการรักษา [embed-health-tool-baby-poop-tool] โคลิก คืออะไร โคลิก คือ อาการของทารกที่ร้องไห้งอแงมากและบ่อยครั้ง อาจพบบ่อยในเด็กทารกอายุประมาณ 6 สัปดาห์ และอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อเด็กอายุ 3-4 เดือนขึ้นไป โดยทารกจะร้องไห้ งอแง โวยวายมากขึ้นและบ่อยครั้ง การปลอบโยนหรือการกล่อมให้นอนอาจไม่ช่วยให้อาการร้องไห้งอแงดีขึ้น ส่วนใหญ่อาการมักเกิดขึ้นในเวลากลางคืน ส่งผลทำให้พ่อแม่เกิดความเครียด เหนื่อยล้า และกังวลในการดูแลทารก โคลิกเกิดขึ้นได้อย่างไร ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของอาการโคลิก แต่อาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ได้แก่ การให้ทารกกินอาหารมากเกินไป น้อยเกินไป หรือทารกไม่ได้เรอหลังกินอาหาร อาจทำให้ทารกรู้สึกอึดอัดท้อง ไม่สบายตัว หรือหากกินน้อยเกินไปก็อาจทำให้ทารกรู้สึกหิวและร้องไห้งอแงมากขึ้นได้ ความไม่สมดุลของแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหาร ระบบย่อยอาหารที่ยังไม่สมบูรณ์ของทารกอาจเกี่ยวข้องกับความสมดุลของแบคทีเรียที่ช่วยย่อยอาหาร หากทารกกินอาหารที่ย่อยยาก เช่น นมผงบางชนิด อาจทำให้ทารกท้องอืด อาหารไม่ย่อยและร้องไห้มากจนเสียงแหบได้ ระบบย่อยอาหารยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทารกอาจมีระบบย่อยอาหารที่ยังไม่สมบูรณ์ การให้ทารกกินอาหารที่ย่อยยากอาจทำให้ทารกท้องอืด […]


ความผิดปกติทางพัฒนาการและพฤติกรรม

เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา สัญญาณเตือนและวิธีดูแล

เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติในพันธุกรรม ความพิการแต่กำเนิด เด็กกลุ่มนี้ควรได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ โดยเฉพาะจากคนในครอบครัว เนื่องจากครอบครัวเป็นพื้นฐานแรกที่อาจช่วยกระตุ้นพัฒนาการ และส่งเสริมสุขภาพจิตใจของเด็กให้ดีขึ้นได้ ซึ่งส่งผลดีต่อการบรรเทาความรุนแรงและควบคุมอาการที่พบในเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา อย่างไรก็ตาม หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับวิธีดูแลเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาเพิ่มเติม สามารถขอคำปรึกษาจากคุณหมอด้านพัฒนาการเด็กโดยตรง เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมยิ่งขึ้น [embed-health-tool-bmi] ความบกพร่องทางสติปัญญาในเด็ก คืออะไร ความบกพร่องทางสติปัญญาในเด็ก คือ ภาวะที่เด็กมีระดับเชาวน์ปัญญาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยและมีความผิดปกติด้านพฤติกรรมทางการปรับตัว โดยทักษะทางเชาวน์ปัญญา หรือความฉลาดทางปัญญา หรือที่เรียกว่าไอคิว (Intellectual functioning หรือ IQ) เป็นความสามารถในการเรียนรู้ การใช้เหตุผล การตัดสินใจ การแก้ปัญหา เป็นต้น ปกติแล้วคนทั่วไปมักได้คะแนนในการทดสอบระดับไอคิวระหว่าง 90-109 คนที่ IQ 80-89 คือต่ำกว่าปกติเล็กน้อย แต่ยังสามารถเรียนรู้ได้ใกล้เคียงปกติ หากมีระดับต่ำกว่า 70-79 ถือว่ามีความบกพร่องทางสติปัญญา ส่วนพฤติกรรมทางการปรับตัว (Adaptive Behavior) ถือเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การสื่อสารหรือสื่อความหมาย การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น การควบคุมตัวเอง การใช้เวลาว่าง การทำงาน ส่วนใหญ่แล้ว ความบกพร่องทางสติปัญญามักแสดงอาการก่อนอายุ 18 ปี ความบกพร่องทางสติปัญญาอาจเกิดจากการที่แม่ดื่มแอลกอฮอล์ ใช้สารเสพติด หรือสูบบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์ […]


ความผิดปกติทางพัฒนาการและพฤติกรรม

โรคบกพร่องทางการเรียนรู้ หรือ LD คืออะไร อาการ สาเหตุ การรักษา

LD หรือ Learning Disorder คือ โรคบกพร่องทางการเรียนรู้ในด้านการอ่าน การเขียน การคำนวณ แต่อาจเรียนรู้หรือมีทักษะด้านอื่น ๆ เป็นปกติ เด็กที่เป็นโรคนี้อาจขาดความมั่นใจและแรงจูงใจในการพัฒนาศักยภาพตนเอง ทั้งนี้ พ่อแม่ควรสังเกตอาการของเด็กว่ามีพฤติกรรมอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ทั้งที่อยู่ในวัยที่ควรอ่านออกและเขียนได้หรือไม่ หากมีอาการ ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขอย่างตรงจุดและทันท่วงที LD คืออะไร  LD ย่อมาจาก Learning Disorder หมายถึง โรคบกพร่องทางการเรียนรู้ หรือภาวะการเรียนรู้บกพร่อง หรือกลุ่มอาการที่มีปัญหาหรือขาดทักษะด้านการเรียนรู้ ในด้านการอ่าน การเขียน และการคำนวณ ซึ่งอาจส่งผลให้เด็กมีทักษะในการเรียนรู้ช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน ทั้งยังอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจ และการพัฒนาทักษะในการเข้าสังคมด้วย อาการของ LD อาการของ LD อาจแบ่งตามทักษะด้านที่บกพร่อง ดังนี้  ความบกพร่องทางการเขียน มีความบกพร่องในการเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ ทำให้เขียนหนังสือและสะกดคำผิด มักพบร่วมกับความบกพร่องทางการอ่าน ความบกพร่องทางการอ่าน พบได้บ่อยที่สุด เด็กจะมีความบกพร่องในการจดจำ พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ อาจส่งผลทำให้เด็กอ่านหนังสือไม่ได้ อ่านได้ช้า อ่านออกเสียงได้ไม่ชัด เป็นต้น ความบกพร่องทางการคำนวณ เด็กจะไม่เข้าใจเรื่องตัวเลขและการคำนวณ ไม่สามารถบวก ลบ […]


สุขภาพเด็ก

เอ็ดเวิร์ดซินโดรม อาการ สาเหตุ การรักษา

เอ็ดเวิร์ดซินโดรม เป็นโรคทางพันธุกรรม ที่เกิดจากความผิดปกติของจำนวนโครโมโซม โดยมีโครโมโซมคู่ที่ 18 (Trisomy 18) เกินมา 1 แท่ง ซึ่งอาจทำให้อวัยวะต่าง ๆ ของทารกพัฒนาผิดปกติ เช่น หัวใจ ปอด ไตพิการ ทารกที่เป็นโรคเอ็ดเวิร์ดซินโดรมมักเสียชีวิตก่อนหรือหลังคลอดได้ไม่นาน แต่ในบางกรณี ทารกอาจมีชีวิตหลังการคลอดได้นานกว่า 1 ปี อย่างไรก็ตาม เอ็ดเวิร์ดซินโดรมเป็นภาวะที่พบได้น้อย คุณหมออาจวินิจฉัยอาการจากการอัลตราซาวด์ว่าทารกในครรภ์มารดามีภาวะเอ็ดเวิร์ดซินโดรมหรือไม่ หรือมีการตรวจดูโครโมโซมพบความผิดปกติได้ คำจำกัดความเอ็ดเวิร์ดซินโดรม คืออะไร  เอ็ดเวิร์ดซินโดรม (Edward’s Syndrome) คือ อาการที่เกิดจากโรคทางพันธุกรรม ที่มีจำนวนโครโมโซมคู่ที่ 18 เกินมา 1 แท่ง ซึ่งโดยปกติทารกจะได้รับโครโมโซมจากพ่อและแม่อย่างละ 23 คู่ รวมเป็น 46 แท่ง แต่บางครั้งไข่ของผู้หญิงและอสุจิของผู้ชายอาจมีจำนวนโครโมโซมผิดปกติหรือบกพร่อง เมื่อเกิดการปฏิสนธิแล้วความผิดพลาดนี้อาจส่งผลกระทบต่อทารก อาจทำให้เกิดภาวะเอ็ดเวิร์ดซินโดรมได้ โดยเอ็ดเวิร์ดซินโดรมแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ Full เป็นประเภทที่พบได้บ่อย เกิดจากโครโมโซมมีจำนวนมากกว่าปกติในเซลล์ของทารกทุกเซลล์ โดยทารกที่เป็นประเภทนี้ส่วนมากมักเสียชีวิตก่อนเกิด  Mosaic เป็นประเภทที่พบได้น้อย เกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 18 เกินมาในบางเซลล์ของทารก […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน