พ่อแม่เลี้ยงลูก

ในทุกช่วงชีวิตของลูกน้อย เหล่าคุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องรู้วิธีดูแลและสนับสนุนสุขภาพโดยรวมของลูกน้อย เพื่อให้ความเป็นอยู่ของลูกน้อยดีขึ้น เพราะฉะนั้นใน พ่อแม่เลี้ยงลูก คุณจะได้พบกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงเคล็ดลับในการดูแลลูกให้แข็งแรง มีความสุข และสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์

เรื่องเด่นประจำหมวด

พ่อแม่เลี้ยงลูก

โปลิโอ เป็นแล้วรักษาไม่หาย แต่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน

โปลิโอ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไข้ไขสันหลังอักเสบ เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากไวรัสโปลิโอ (Poliovirus) ซึ่งเคยส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์ในอดีต โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก แม้ว่าในปัจจุบันโรคนี้จะลดลงอย่างมากเนื่องจากการพัฒนาวัคซีน แต่ความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคและการป้องกันยังคงมีความสำคัญ [embed-health-tool-vaccination-tool] โปลิโอ คืออะไร โรคโปลิโอเกิดจากเชื้อไวรัสในตระกูล Picornavirus โดยไวรัสนี้แบ่งเป็น 3 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ PV1, PV2 และ PV3 ซึ่งไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการบริโภคน้ำหรืออาหารที่ปนเปื้อน รวมถึงการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยตรง เมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย มันจะแพร่กระจายในลำไส้และระบบประสาทส่วนกลาง ทำลายเซลล์ประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรืออัมพาต การแพร่กระจายของโรค โรคโปลิโอแพร่กระจายได้ง่ายในพื้นที่ที่มีการสุขาภิบาลไม่ดี โดยเชื้อไวรัสจะถูกขับออกจากร่างกายผู้ติดเชื้อผ่านทางอุจจาระ แล้วปนเปื้อนในน้ำหรืออาหาร นอกจากนี้ การสัมผัสใกล้ชิด เช่น การสัมผัสมือหรือของใช้ส่วนตัวที่มีเชื้อไวรัสอยู่ ก็เป็นอีกเส้นทางที่โรคสามารถแพร่กระจายได้ กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงคือเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบถ้วน อาการของโรคโปลิโอ โรคโปลิโอมีลักษณะอาการหลากหลาย ตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงอัมพาตรุนแรง ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ (70-90%) ไม่มีอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อได้ อาการเบื้องต้น รวมถึงไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ และคลื่นไส้ อาการรุนแรง ได้แก่ อัมพาตของแขนขา หรือในบางกรณีเชื้อไวรัสอาจทำลายระบบประสาทที่ควบคุมการหายใจ ส่งผลให้เสียชีวิต สำหรับบางคนที่เคยติดเชื้อ อาจเกิดภาวะ กลุ่มอาการหลังโปลิโอ (Post-Polio Syndrome) ในระยะเวลาหลายปีหลังจากการติดเชื้อ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและปวดกล้ามเนื้อ การป้องกันด้วยวัคซีน ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคโปลิโอเฉพาะเจาะจง การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรับวัคซีน […]

หมวดหมู่ พ่อแม่เลี้ยงลูก เพิ่มเติม

สำรวจ พ่อแม่เลี้ยงลูก

การดูแลทารก

วิธีทำให้ลูกเรอ และการดูแลลูก สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่

วิธีทำให้ลูกเรอ อาจทำได้ด้วยการอุ้มลูกเรอในท่าต่าง ๆ พร้อมกับตบหลังเบา ๆ หรือลูบหลังลูกเบา ๆ เพื่อช่วยขับแก๊สในกระเพาะอาหารที่อาจเกิดจากการที่ลูกกลืนอากาศเข้าไประหว่างกินนม หรือเกิดจากอาการแพ้นมและสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ เช่น ไข่ ถั่ว น้ำผลไม้ ที่ปะปนมาในนมแม่ หรืออาหารที่คุณแม่รับประทาน อาจทำให้เกิดแก๊สได้มาก เพื่อช่วยให้ลูกได้ระบายแก๊สในกระเพาะอาหาร ที่อาจนำไปสู่อาการจุกเสียด ท้องอืด หรือปวดท้องได้ [embed-health-tool-vaccination-tool] ท่าอุ้มที่อาจทำให้ลูกเรอ ท่าอุ้มที่อาจทำให้ลูกเรอ มีดังนี้ ท่าอุ้มแบบนอนคว่ำหน้าบนหน้าท้อง คุณพ่อคุณแม่อาจเริ่มจากการอุ้มลูกมาไว้บนหน้าท้องเพื่อให้ลูกนอนสบายขึ้น โดยหันศีรษะของลูกออกด้านข้างให้หายใจได้สะดวก และนำมือประคองลำตัวลูก จากนั้นนำมืออีกข้างตบหลังของลูกเบา ๆ เพื่อขับแก๊สในกระเพาะอาหารออก ท่าอุ้มแบบนอนคว่ำหน้าบนแขน ผู้ที่ต้องการอุ้มลูกในท่านี้ควรมีแขนที่แข็งแรงพอที่จะประคองลูกได้อย่างมั่นคง โดยอุ้มลูกนอนคว่ำหน้าวางบนแขนข้างใดข้างหนึ่ง ให้ศีรษะของลูกอยู่บริเวณข้อพับแขน หันหน้าออกไปด้านข้าง จากนั้นนำมืออีกข้างลูบหลังของลูกเป็นวงกลมหรือตบหลังเบา ๆ ไม่แนะนำทำกับเด็กที่ตัวใหญ่เพราะเด็กอาจจะดิ้นและพลัดตกมือได้ ท่าอุ้มแบบนอนคว่ำหน้าบนหน้าตัก คุณพ่อคุณแม่อาจอุ้มลูกนั่งบนหน้าตัก ตั้งขาข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อย และใช้มือข้างหนึ่งประคองบริเวณใต้คาง ลำคอ และศีรษะของลูก จากนั้นจึงค่อย ๆโน้มตัวของลูกลงบนหน้าตัก แล้วใช้มืออีกข้างตบหลังลูกเบา ๆ หรือนวดที่หลังเบา ๆ ท่าอุ้มลูกพาดไหล่ ควรอุ้มลูกพาดไหล่ โดยใช้แขนข้างหนึ่งประคองไว้ใต้ก้น และจับศีรษะลูกให้พิงกับไหล่เอาไว้ เพื่อประคองกระดูกและศีรษะที่ยังไม่แข็งแรง จากนั้นใช้มืออีกข้างตบหลังเบา ๆ อุ้มลูกนั่งบนตัก คุณพ่อคุณแม่อาจอุ้มลูกนั่งหลังตรง หันด้านข้างพิงกับหน้าอก และใช้มือประคองบริเวณใต้คางและหน้าอก […]


เด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน

ลูก1ขวบไม่ยอมกินข้าว เกิดจากอะไร และแก้ได้ยังไง

สาเหตุที่ ลูก1ขวบไม่ยอมกินข้าว อาจมาจากการที่ลูกรู้สึกเบื่ออาหาร ห่วงเล่น หากคุณพ่อคุณแม่ตามใจปล่อยให้ลูกรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา อาจทำให้ลูกเคยชิน และนำไปสู่การเจ็บป่วยหรือร่างกายขาดสารอาหารได้ ดังนั้น จึงควรศึกษาสาเหตุที่ทำให้ลูกไม่ยอมกินข้าว รวมถึงเรียนรู้วิธีช่วยให้ลูกกินอาหาร เช่น เปลี่ยนเมนูอาหาร จัดเรียงอาหารให้น่าสนใจ เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารและพลังงานที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต [embed-health-tool-vaccination-tool] ลูก1ขวบไม่ยอมกินข้าว เกิดจากอะไร ลูก 1 ขวบไม่ยอมกินข้าว อาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ถูกกดดัน คุณพ่อคุณแม่อาจกดดันลูกขณะกินข้าวโดยไม่รู้ตัว เช่น จ้องมองลูก ป้อนอาหารลูกเร็วเกินไป ดันชามข้าวเข้าใกล้ตัวลูกมากเกินไป ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้ลูกรู้สึกไม่อยากรับประทานอาหาร และต่อต้านการกินข้าวเมื่อถึงเวลาที่ควรกิน เบื่ออาหาร หากให้ลูกรับประทานอาหารเมนูเดิม ๆ ทุกมื้อ เป็นประจำทุกวัน อาจทำให้ลูกรู้สึกเบื่ออาหารและไม่ยอมกินข้าว ห่วงเล่น เด็กช่วงวัย 1 ขวบ อาจอยู่นิ่งกับที่ยาก เนื่องจากห่วงเล่น ทำให้อาจไม่ยอมกินข้าวหรือกินได้น้อย ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรหาอุปกรณ์สำหรับกินข้าวที่แปลกใหม่และดึงดูดความสนใจลูก เช่น ช้อนส้อม จานชามรูปการ์ตูนสีสันสดใส กลัวการรับประทานอาหารแปลกใหม่ เป็นเรื่องปกติที่อาจพบได้บ่อยในเด็กช่วงอายุ 1-5 ขวบ คุณพ่อคุณแม่อาจเริ่มจากฝึกให้ลูกรับประทานอาหารในปริมาณน้อย เมื่อลูกกล้าที่จะรับประทาน ควรชมเชยลูกเพื่อเป็นการให้กำลังใจ กินของว่างมากเกินไป หากลูกรับประทานอาหารว่างก่อนมื้ออาหาร […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

วิธีบรรเทาอาการไอของลูกน้อย ที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้

การที่ลูกน้อยไอ เป็นการตอบสนองของระบบทางเดินหายใจและเป็นกลไกเพื่อกำจัดเชื้อโรคและสารระคายเคืองที่เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ฝุ่น ละอองเกสร ไข้หวัด เชื้อโรค กรดไหลย้อน ภาวะไอกรน โรคหอบหืด คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษา วิธีบรรเทาอาการไอของลูกน้อย รวมถึงสังเกตอาการผิดปกติ เช่น อาการไอต่อเนื่องเป็นเวลานาน ไอรุนแรง หายใจลำบาก หากพบอาการเหล่านี้ควรขอคำปรึกษาคุณหมอทันทีเพื่อสาเหตุที่แน่ชัดและหาวิธีรักษาต่อไป [embed-health-tool-vaccination-tool] อาการไอของลูกน้อย เกิดจากอะไร อาการไอเป็นปฏิกิริยาของระบบทางเดินหายใจของร่างกาย เมื่อมีสารระคายเคืองหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ โดยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้ อาการไอเฉียบพลัน เป็นอาการไอที่เกิดขึ้นเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ อาจเกิดจาก ฝุ่น  สารระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ การสำลักอาหาร เครื่องดื่ม น้ำลายตัวเอง หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสในทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ที่ส่งผลให้เด็กมีอาการไอ เจ็บป่วยในระยะเวลาสั้น ๆ ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นภายใน 5-7 วัน สำหรับบางคนอาจใช้เวลาถึง 2 สัปดาห์ อาการไอเรื้อรัง อาการไอเรื้อรัง สังเกตได้จากการที่ลูกมีอาการไอต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 4 สัปดาห์ บางคนอาจมีอาการไอแบบมีเสมหะ หรือไอแห้ง ๆ ซึ่งอาจรบกวนการนอนหลับพักผ่อน ทำให้ลูกรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย […]


ช่วงเวลาสำคัญและพัฒนาการวัยรุ่น

การเจริญเติบโตของวัยรุ่น ทางร่างกายและสติปัญญา

การเจริญเติบโตของวัยรุ่น หมายถึง การพัฒนาทางร่างกายและสติปัญญาในช่วงอายุประมาณ 12-18 ปี โดยผู้หญิงมักจะเจริญเติบโตทางร่างกายเร็วกว่าผู้ชายประมาณ 2 ปี ในขณะที่พัฒนาการด้านสติปัญญานั้นอาจใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ การช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของวัยรุ่นอย่างเหมาะสม ถือว่ามีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้วัยรุ่นเติบโตเข้าสู่วัยผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น [embed-health-tool-bmi] การเจริญเติบโตของวัยรุ่น มีอะไรบ้าง วัยรุ่นเป็นวัยที่กำลังเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ มีการเจริญเติบโตทางร่างกายและทางสติปัญญา ดังนี้ การเจริญเติบโตของวัยรุ่น ทางร่างกาย ร่างกายของวัยรุ่นมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งกล้ามเนื้อและรูปร่าง แต่ผู้หญิงกับผู้ชายอาจมีพัฒนาการทางร่างกายที่แตกต่างกัน ดังนี้ วัยรุ่นหญิง ส่วนใหญ่เริ่มมีพัฒนาการทางเพศตั้งแต่อายุ 8-13 ปี และเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วระหว่างอายุ 10-14 ปี โดยผู้หญิงจะเริ่มมีการเปลี่ยนทางร่างกายหลายส่วน ได้แก่ ความสูงของร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น หน้าอกเริ่มใหญ่ขึ้นและสะโพกเริ่มมีส่วนเว้าส่วนโค้งมากขึ้น เริ่มมีขนรักแร้ ขนที่อวัยวะเพศ โดยปกติจะเริ่มมีขนภายใน 6-12 เดือนหลังจากเต้านมเริ่มขยาย ส่วนประกอบของระบบสืบพันธุ์ เช่น มดลูก คลิตอริส ช่องคลอด เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มมีประจำเดือนครั้งแรก อาจมีประจำเดือนตอนอายุประมาณ 13 ปี เมื่อผู้หญิงเริ่มมีประจำเดือน การพัฒนาของความสูงอาจเพิ่มขึ้นอีก 1-2 นิ้วและการพัฒนาของความสูงอาจค่อย ๆ ช้าลงขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วย วัยรุ่นชาย ส่วนใหญ่เริ่มมีพัฒนาการทางเพศตั้งแต่อายุ 10-14 ปี และเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจนอายุประมาณ 16 ปี ซึ่งการเจริญเติบโตของเด็กผู้ชายมักช้ากว่าผู้หญิง […]


ช่วงเวลาสำคัญและพัฒนาการวัยรุ่น

วัยรุ่น พัฒนาการและสุขภาพ ที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้

วัยรุ่น เป็นวัยแห่งการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคม ทั้งยังเป็นวัยที่ต้องการอิสระจากครอบครัวมากขึ้น ค้นหาตัวเอง และอาจติดเพื่อน มีความอยากรู้อยากลองในสิ่งใหม่ ๆ จึงอาจมีความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ  เช่น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ใช้สารเสพติด ใช้ความรุนแรง มีเพศสัมพันธ์และอาจตั้งครรภ์โดยพร้อม ดังนั้น การทำความเข้าใจและการดูแลสุขภาพอาจช่วยส่งเสริมการเติบโตของวัยรุ่นที่ดีในระยะยาวได้ วัยรุ่น คืออะไร วัยรุ่น คือ ช่วงวัยเปลี่ยนผ่านระหว่างวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ อายุประมาณ 12-20 ปี ซึ่งเป็นวัยที่กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาในหลายด้าน ทั้งด้านร่างกาย บุคลิกภาพ สติปัญญา อารมณ์และทางสังคม พัฒนาการวัยรุ่น พัฒนาการวัยรุ่นประกอบไปด้วยพัฒนาการทางด้านร่างกาย ด้านสติปัญหา ด้านอารมณ์และทางสังคม ดังนี้ พัฒนาการด้านร่างกาย ร่างกายของวัยรุ่นทั้งชายและหญิงกำลังเปลี่ยนแปลงและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งรูปร่าง ความสูงและน้ำหนัก รวมทั้งอวัยวะสืบพันธุ์ก็จะเริ่มพัฒนาอย่างเต็มที่ ซึ่งวัยรุ่นบางคนอาจรู้สึกวิตกกังวล เครียดหรือสับสนกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เกิดขึ้น วัยรุ่นผู้หญิง เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์อายุประมาณ 11-12 ปี อาจเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกอายุประมาณ 13 ปี เต้านมเริ่มขยายออก อาจเริ่มมีขนขึ้นตามจุดต่าง ๆ รวมทั้งรูปร่างอาจเริ่มมีสัดส่วนที่ชัดเจนมากขึ้น วัยรุ่นผู้ชาย เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์อายุประมาณ 14 ปี ซึ่งช้ากว่าผู้หญิงเล็กน้อย อวัยวะเพศเริ่มขยายใหญ่ขึ้น […]


สุขภาพเด็ก

ลูก 1 ขวบ น้ำหนักน้อย สาเหตุและวิธีเพิ่มน้ำหนัก

ลูก 1 ขวบ น้ำหนักน้อย อาจเกิดจากร่างกายได้รับแคลอรี่และสารอาหารไม่เพียงพอ เนื่องจากลูกกินอาหารน้อยเกินไป หรืออาจเป็นเพราะปัญหาสุขภาพ เช่น ปัญหาการเผาผลาญ การแพ้อาหาร ปัญหาการดูดซึม การติดเชื้อ ซึ่งอาจส่งผลต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโต ดังนั้น การใส่ใจในการปรับเปลี่ยนอาหารให้กับลูกอาจเป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้ลูกได้ ลูก 1 ขวบ น้ำหนักน้อย เกิดจากอะไร ลูก 1 ขวบน้ำหนักน้อย อาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ดังนี้ ลูกกินน้อยเกินไป เด็กบางคนอาจมีปัญหาด้านการกินอาหาร ซึ่งอาจเกิดจากการไม่ชอบเนื้อสัมผัส รสชาติ กลิ่น หรือสีของอาหาร หรืออาจมีปัญหาสุขภาพ เช่น พัฒนาการช้า สมองพิการ เพดานปากโหว่ ภาวะออทิสติก ที่อาจทำให้เคี้ยวหรือกลืนอาหารลำบาก จนส่งผลให้กินอาหารได้น้อยและน้ำหนักน้อยลง ลูกได้รับแคลอรี่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย คุณแม่อาจเตรียมอาหารให้ไม่พ่อต่อความต้องการของร่างกายของลูก อาจให้นมผงที่มีแคลอรี่ต่ำเกินไป หรืออาจให้ลูกกินนมแม่หรือนมผงน้อยเกินไป ทำให้ร่างกายลูกขาดแคลอรี่และมีน้ำหนักน้อย ความผิดปกติของการเผาผลาญ เป็นภาวะสุขภาพที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญ ย่อยหรือดูดซึมอาหารได้ และยังอาจทำให้ลูกไม่รู้สึกอยากกินอาหารและอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนเมื่อกินอาหารอีกด้วย ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เช่น ภาวะกรดไหลย้อน โรคท้องร่วงเรื้อรัง โรคตับเรื้อรัง โรคเซลิแอค (Celiac) โรคซิสติกไฟโบรซิส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของยีน […]


เลี้ยงลูกด้วยนมแม่

เก็บ น้ำนม อย่างไรให้คุณภาพดี ไม่บูดง่าย

เก็บ น้ำนม เป็นวิธีการยืดอายุและรักษาคุณภาพน้ำนมแม่ให้ยังคงมีคุณภาพและสารอาหารที่ครบถ้วน ซึ่งการเก็บน้ำนมที่ดีอาจต้องคำนึงถึงประเภทของนม เช่น นมปั๊มใหม่ นมเก่า ภาชนะที่ใส่ และอุณภูมิในการเก็บรักษาเพื่อคงคุณภาพของนมและความปลอดภัยของทารก การปั๊มน้ำนมแม่ การปั๊มน้ำนมสามารถทำได้ด้วยมือและเครื่องปั๊มนม ซึ่งความถี่และปริมาณในการปั๊มจะขึ้นอยู่กับวิธีการปั๊ม หากสังเกตว่าน้ำนมเริ่มไหลออกมาจากเต้าควรหาเวลาในการระบายน้ำนมออก ควรปั้มให้เป็นเวลาและสม่ำเสมอหรืออาจใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นคลุมหน้าอกทั้งก่อนอาบน้ำ ระหว่างอาบน้ำ และหลังอาบน้ำ เพื่อเพิ่มการผลิตและการไหลเวียนของน้ำนม การปั๊มน้ำนมแม่ด้วยมือ การปั๊มนมด้วยมือ มีวิธีดังนี้ ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำอุ่น และเตรียมขวดหรือภาชนะที่สะอาดพร้อมเก็บน้ำนม อาจเริ่มด้วยการนวดหน้าอกเบา ๆ ก่อนเริ่มปั๊มนมอาจช่วยให้น้ำนมไหลได้ง่ายขึ้น จับเต้านมด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นใช้มืออีกข้างหนึ่งทำมือเป็นรูปตัว C ใช้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือบีบเบา ๆ รอบหัวนม โดยให้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มืออยู่ห่างจากหัวนม 2-3 เซนติเมตร ไม่ควรบีบหัวนมเพราะอาจทำให้รู้สึกเจ็บปวดได้ ทำตามขั้นตอนด้านบนอย่างเป็นจังหวะ ค่อย ๆ บีบและปล่อยแล้วทำซ้ำไปเรื่อย ๆ ที่จุดเดิม พยายามอย่าเลื่อนนิ้วไปบนผิวหนังเพราะอาจทำให้นมหยุดไหล เมื่อทำอย่างถูกต้องน้ำนมจะค่อย ๆ เริ่มไหลออกมา แต่หากไม่มีน้ำนม หรือการไหลของน้ำนมเริ่มช้าลงให้ลองขยับนิ้วและนิ้วหัวแม่มือเล็กน้อย แต่ยังคงหลีกเลี่ยงการบีบบริเวณที่ใกล้กับหัวนม เมื่อการไหลของเต้านมข้างหนึ่งช้าลง ให้สลับไปยังเต้านมอีกข้างหนึ่ง ให้ปลี่ยนเต้านมไปเรื่อย ๆ จนกว่าน้ำนมจะหยดช้ามากหรือหยุดไปเลย การปั๊มน้ำนมแม่ด้วยเครื่องปั๊มนม เครื่องปั๊มน้ำนมมีด้วยกัน 2 แบบ คือ แบบใช้มือและแบบอัตโนมัติ ซึ่งการใช้งานของเครื่องปั๊มนมแต่ละประเภทอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับคู่มือการใช้งานแต่ละรุ่น และแรงดูดของเครื่องปั๊มนมบางรุ่นอาจรุนแรงมากจนทำให้เจ็บหัวนม […]


พ่อแม่เลี้ยงลูก

พ่อเลี้ยงเดี่ยว กับคำแนะนำในการเลี้ยงดูบุตร

พ่อเลี้ยงเดี่ยว ทั้งในไทยและทั่วโลกมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากสาเหตุหลายประการ เช่น การถูกทอดทิ้ง การหย่าร้าง หรือการเสียชีวิตของคู่ครอง  การเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต้องรับภาระดูแลบุตรและหาเลี้ยงครอบครัว คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอาจมีประโยชน์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเลี้ยงลูกและใช้ชีวิตในฐานะพ่อเลี้ยงเดี่ยวได้อย่างมีความสุขมากขึ้น สถิติเกี่ยวกับจำนวนพ่อเลี้ยงเดี่ยว อ้างอิงจากสำนักสำมะโนสหรัฐอเมริกา (Census Bureau) ปี พ.ศ. 2559 จำนวนพ่อเลี้ยงเดี่ยวในประเทศมีประมาณ 2 ล้านคน โดยส่วนใหญ่หรือ 40 เปอร์เซ็นต์ เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวเนื่องจากการหย่าร้าง จำนวนดังกล่าวถือว่าสูงขึ้นมาก หากเทียบกับตัวเลขในอดีต สำนักวิจัยพิว (Pew Research Center) ชี้ว่าจำนวนพ่อเลี้ยงเดี่ยวในสหรัฐระหว่างปี พ.ศ. 2503 มีเพียง 297,000 คนเท่านั้น ก่อนจะเพิ่มขึ้นประมาณ 9 เท่า หรือ 2,669,000 ในปี พ.ศ. 2554 สำหรับประเทศไทย จากรายงานของกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2558 พบว่า มีจำนวนครัวเรือนเลี้ยงเดี่ยวประมาณ 1.37 ล้านครอบครัวจากทั้งหมด 20.3 ล้านครัวเรือน และจากรายงานของสำนักสถิติแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2551 ชี้ว่าเด็กอายุ […]


เด็กทารก

ทารกหลับไม่สนิท ตื่นกลางคืนบ่อย ๆ เกิดจากอะไร

ปัญหาทารกหลับไม่สนิท สะดุ้งตื่นและร้องไห้กลางดึก เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น หิว นอนกลางวันมากเกินไป ไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาวิธีที่ช่วยทำให้ทารกหลับสนิทตลอดคืน เพื่อช่วยให้ทารกได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เสริมสร้างพัฒนาการและการเจริญเติบโต และลดความอ่อนเพลียจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ [embed-health-tool-vaccination-tool] ทารกหลับไม่สนิท เกิดจากอะไร ทารกแรกเกิดส่วนใหญ่มีชั่วโมงการนอนที่ค่อนข้างยาวนานประมาณ 16 ชั่วโมง/วัน ขึ้นอยู่กับอายุ โดยแบ่งเป็นนอนกลางวัน 8 ชั่วโมง นอนกลางคืน 8 ชั่วโมง แต่จะมีระยะการนอนที่สั้น แต่ละครั้งมักจะนอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง หากทารกหลับไม่สนิท หลับ ๆ ตื่น ๆ โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน อาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้ สภาพแวดล้อมรอบข้าง เช่น เสียงรบกวน แสงไฟที่สว่างเกินไป การเคลื่อนไหวของคุณพ่อคุณแม่ อาจรบกวนการนอนของทารก ทำให้ทารกนอนหลับไม่สนิท สะดุ้งตื่นได้ รู้สึกหิว เนื่องจากทารกมีกระเพาะอาหารขนาดเล็ก ทำให้จุอาหารได้น้อย และย่อยอาหารได้เร็ว ส่งผลให้ทารกรู้สึกหิวบ่อยจนอาจรบกวนการนอนหลับ และทำให้มักตื่นขึ้นในช่วงเวลากลางคืน นอนกลางวันมากเกินไป การงีบหลับในช่วงกลางวันมากเกินไป อาจทำให้ทารกไม่รู้สึกง่วงนอน และนอนหลับไม่สนิทในเวลากลางคืน อาการเจ็บป่วย อาจทำให้ทารกนอนหลับไม่สนิท และตื่นบ่อยช่วงเวลากลางคืน […]


พ่อแม่เลี้ยงลูก

วิธีเลี้ยงลูก ที่เหมาะสม ในแต่ละช่วงวัย

การเลี้ยงลูกอย่างถูกต้องเหมาะสมจากคนในครอบครัวเป็นพื้นฐานแรกที่อาจช่วยกระตุ้นพัฒนาการให้ลูกเจริญเติบโตทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ และความคิดได้อย่างสมวัย วิธีเลี้ยงลูก อาจมีหลายวิธีด้วยกัน ขึ้นอยู่กับช่วงวัย และพฤติกรรมของเด็กแต่ละคน การเลือกวิธีการเลี้ยงลูกที่เหมาะสม ช่วยให้ลูกมีพัฒนาการ และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคม [embed-health-tool-vaccination-tool] รูปแบบการเลี้ยงลูก รูปแบบการเลี้ยงลูกอาจแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ การเลี้ยงลูกแบบเข้มงวด (Authoritarian parenting) เป็นการเลี้ยงลูกแบบบังคับตามเป้าหมายของผู้ปกครอง โดยไม่สนใจความต้องการของลูก และเมื่อลูกทำบางสิ่งบางอย่างผิดพลาดนอกเหนือกฎวินัยที่ผู้ปกครองตั้ง บางครอบครัวอาจมีการทำโทษรุนแรง เช่น การตี ตะโกนต่อว่าด้วยคำหยาบคาย การเลี้ยงลูกในรูปแบบเข้มงวดอาจส่งผลให้ลูกมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เดินไปในแนวทางที่ถูกต้องเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจทำให้ลูกรู้สึกไม่มั่นใจ ไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเอง และอาจทำให้มีพฤติกรรมก้าวร้าว ต่อต้านพ่อแม่เมื่อโตขึ้น เครียด วิตกกังวล อารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรง การเลี้ยงลูกแบบให้อิสระ (Permissive Parenting) ผู้ปกครองจะเลี้ยงด้วยความรัก ความอบอุ่น ไม่กำหนดขอบเขตหรือตั้งกฎให้ลูกปฏิบัติตาม หลีกเลี่ยงการทำโทษลูก และจะคอยสนับสนุนให้ลูกทำในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งการเลี้ยงลูกในรูปแบบนี้อาจทำให้ลูกมีความมั่นใจในตัวเอง กล้าตัดสินใจ แต่ขณะเดียวกันก็อาจทำให้ลูกมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น เอาแต่ใจ ไม่มีมารยาท ไม่มีความรับผิดชอบ หากโดนเตือนโดนต่อว่าเพียงเล็กน้อยอาจมีอารมณ์หงุดหงิด ก้าวร้าวรุนแรงเนื่องจากเคยชินกับความเป็นอิสระทำตามใจตัวเองมากเกินไป การเลี้ยงลูกอย่างสมเหตุสมผล (Authoritative parenting) เป็นการเลี้ยงลูกคล้ายกับรูปแบบเข้มงวด แต่แตกต่างตรงที่ผู้ปกครองยังคอยรับฟังความรู้สึก ความคิด และความต้องการของลูก โดยจะพิจารณาตามสถานการณ์ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน