พ่อแม่เลี้ยงลูก

ในทุกช่วงชีวิตของลูกน้อย เหล่าคุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องรู้วิธีดูแลและสนับสนุนสุขภาพโดยรวมของลูกน้อย เพื่อให้ความเป็นอยู่ของลูกน้อยดีขึ้น เพราะฉะนั้นใน พ่อแม่เลี้ยงลูก คุณจะได้พบกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงเคล็ดลับในการดูแลลูกให้แข็งแรง มีความสุข และสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์

เรื่องเด่นประจำหมวด

พ่อแม่เลี้ยงลูก

โปลิโอ เป็นแล้วรักษาไม่หาย แต่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน

โปลิโอ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไข้ไขสันหลังอักเสบ เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากไวรัสโปลิโอ (Poliovirus) ซึ่งเคยส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์ในอดีต โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก แม้ว่าในปัจจุบันโรคนี้จะลดลงอย่างมากเนื่องจากการพัฒนาวัคซีน แต่ความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคและการป้องกันยังคงมีความสำคัญ [embed-health-tool-vaccination-tool] โปลิโอ คืออะไร โรคโปลิโอเกิดจากเชื้อไวรัสในตระกูล Picornavirus โดยไวรัสนี้แบ่งเป็น 3 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ PV1, PV2 และ PV3 ซึ่งไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการบริโภคน้ำหรืออาหารที่ปนเปื้อน รวมถึงการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยตรง เมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย มันจะแพร่กระจายในลำไส้และระบบประสาทส่วนกลาง ทำลายเซลล์ประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรืออัมพาต การแพร่กระจายของโรค โรคโปลิโอแพร่กระจายได้ง่ายในพื้นที่ที่มีการสุขาภิบาลไม่ดี โดยเชื้อไวรัสจะถูกขับออกจากร่างกายผู้ติดเชื้อผ่านทางอุจจาระ แล้วปนเปื้อนในน้ำหรืออาหาร นอกจากนี้ การสัมผัสใกล้ชิด เช่น การสัมผัสมือหรือของใช้ส่วนตัวที่มีเชื้อไวรัสอยู่ ก็เป็นอีกเส้นทางที่โรคสามารถแพร่กระจายได้ กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงคือเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบถ้วน อาการของโรคโปลิโอ โรคโปลิโอมีลักษณะอาการหลากหลาย ตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงอัมพาตรุนแรง ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ (70-90%) ไม่มีอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อได้ อาการเบื้องต้น รวมถึงไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ และคลื่นไส้ อาการรุนแรง ได้แก่ อัมพาตของแขนขา หรือในบางกรณีเชื้อไวรัสอาจทำลายระบบประสาทที่ควบคุมการหายใจ ส่งผลให้เสียชีวิต สำหรับบางคนที่เคยติดเชื้อ อาจเกิดภาวะ กลุ่มอาการหลังโปลิโอ (Post-Polio Syndrome) ในระยะเวลาหลายปีหลังจากการติดเชื้อ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและปวดกล้ามเนื้อ การป้องกันด้วยวัคซีน ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคโปลิโอเฉพาะเจาะจง การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรับวัคซีน […]

หมวดหมู่ พ่อแม่เลี้ยงลูก เพิ่มเติม

สำรวจ พ่อแม่เลี้ยงลูก

เด็กทารก

นมขวด ทางเลือกในการให้นม กับวิธีให้เด็กกินนมขวดที่ถูกต้อง

นมขวด เป็นทางเลือกสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่อาจจะไม่สามารถมีเวลาดูแล้วเจ้าตัวเล็กได้อย่างเต็มที่โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลาการให้นม เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่ดีที่สุดที่จะช่วยเจ้าตัวเล็กได้นั่นก็คือการให้เจ้าตัวเล็กได้รับนมแม่จากขวด แต่ทั้งนี้การที่จะให้เจ้าตัวเล็กได้กินนมขวดนั้นก็ยังมีเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่เองก็ต้องรู้ และอาจจะต้องมีการเตรียมตัว การเตรียมตัวให้เด็กกิน นมขวด ความยุ่งยาก ในช่วงแรกถือว่าเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่นั้นจำเป็นจะต้องเจอ เพราะเนื่องจากว่าเจ้าตัวเล็กเองก็สามารถที่จะจับสังเกตหรือจับอารมณ์ของคุณพ่อคุณแม่ได้ในขณะที่จะเปลี่ยนจากการให้นมจากเต้าเป็นให้นมจากขวดแทนเพราะฉะนั้นในส่วนนี้แนะนำว่าควรที่จะลดความเครียดเพื่อที่จะช่วยส่งเสริมให้เจ้าตัวเล็กนั้นสามารถดื่มนมขวดได้ ระยะเวลา แนะนำเลยว่าการที่จะเริ่มฝึกให้เจ้าตัวเล็กนั้นดื่มนมจากขวดควรที่จะเริ่มจากการให้ในช่วงระยะเวลาที่เจ้าตัวเล็กหิวจัดก็จะเป็นช่วงระยะเวลาที่เจ้าตัวเล็กไม่ได้สนใจในส่วนของเต้าหรือขวดที่จะนำมาให้ อุ่นจุกนม สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีความกังวลว่าเจ้าตัวเล็กนั้นจะไม่เลือกกินนมจากขวดเป็นเพราะว่าจะได้รับความอบอุ่นไม่เหมือนกับการกินนมจากเต้า ในความเป็นจริงสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้จากการที่เอาจุกนมขวดไปแช่ไว้ในน้ำอุ่นแต่ไม่ต้องนานมากเพื่อเป็นการทำให้จุกนมขวดนั้นดูอุ่นเหมือนเป็นธรรมชาติ


เด็กทารก

คุณพ่อคุณแม่รู้ไว้ ลูกเริ่มคลาน ต้องระวังอะไรกันบ้าง

คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจจะรู้สึกตื่นเต้นและลุ้นกันตัวโก่งเมื่อ ลูกเริ่มคลาน การคลานนั้นเป็นหนึ่งในพัฒนาการที่สำคัญของลูกน้อย เมื่อลูกของคุณสามารถคลานได้ พวกเขาก็จะมีโอกาสได้ตอบสนองต่อความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง สำรวจพื้นที่ใหม่ๆ นอกเหนือจากเตียงนอน และได้ลองทำกิจกรรมใหม่ๆ แต่ในขณะเดียวกันลูกของคุณก็อาจจะเข้าถึงสิ่งที่เป็นอันตรายได้เช่นกัน ดังนั้นผู้ปกครองจึงควรเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ลูกเริ่มคลาน ควรเตรียมความพร้อมเมื่อไหร่ คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่อาจจะรอจนกว่าลูกจะสามารถเริ่มคลานได้แล้ว ก่อนที่จะเริ่มเตรียมป้องกันอันตรายภายในตัวบ้าน การทำแบบนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นการช้าเกินไป และอาจทำให้คุณตื่นตระหนกมากขึ้นเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของเด็กแนะนำให้เริ่มการเตรียมการป้องกันบ้านตั้งแต่ก่อนที่เด็กจะเกิด เพราะเมื่อลูกของคุณเกิดมาแล้ว คุณอาจจะต้องวุ่นวายอยู่กับการดูแลเด็กจนไม่มีเวลามาตระเตรียมบ้านให้เรียบร้อย และทำให้อาจจะเกิดข้อผิดพลาดได้ เมื่อคุณพ่อคุณแม่รู้แล้วว่าควรจะเริ่มเตรียมความพร้อมเมื่อไหร่ ก็มาดูเช็คลิสต์สิ่งที่ต้องระวังกันเลย ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้า ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้า จัดได้ว่าเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดที่ลูกน้อยวัยเริ่มคลานอาจจะต้องพบเจอ เนื่องจากส่วนใหญ่ลูกของคุณจะอยู่ติดพื้น ทำให้เข้าถึงปลั๊กไฟและสายไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น ทางที่ดีแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่พยายามย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถย้ายออกไปให้ได้มากที่สุด ควรจะครอบปิดปลั๊กไฟทั้งหมด โดยใช้ที่ครอบที่ยากต่อการดึงออก เพื่อไม่ให้ลูกของคุณแกะเอาที่ครอบออกไปได้ ส่วนสายไฟก็ควรจะพันไว้ด้วยเทปพันสายไฟ นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ก็ควรจะตรวจความเรียบร้อยของเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร และเป็นอันตรายต่อลูกของคุณได้ แบ่งโซน คุณผู้ปกครองควรจะจัดสรรแบ่งพื้นที่ภายในบ้าน โดยแบ่งแยกพื้นที่ที่ปลอดภัย ออกจากพื้นที่ที่อันตราย เช่น เขตห้องน้ำหรือห้องครัว ที่ควรจะมีการปิดกั้นแบ่งแยกอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้ลูกน้อยเผลอคลานเข้าไปและอาจจะเป็นอันตรายได้ ของมีคมและของที่เป็นพิษ ควรเก็บของมีคมต่างๆ เช่น มีด กรรไกร ใบมีดโกน และของที่อาจจะเป็นอันตรายต่างๆ ทั้งเหรียญ แก้ว ลูกปัด เข็มหมุด และยาต่างๆ ให้อยู่ห่างไกลจากจุดที่เด็กจะเอื้อมถึง ส่วนของที่อาจจะเป็นพิษ ทั้งยาฆ่าแมลง ยา และน้ำยาทำความสะอาด ควรเก็บไว้ในตู้ที่ล็อกอย่างแน่นหนา ทำที่กั้น สำหรับบ้านที่มีต่างระดับ บันได และโซนห้องต่างๆ […]


การดูแลทารก

ขวดนม กับข้อมูลสำคัญที่พ่อแม่ควรรู้

ขวดนม นับเป็นตัวช่วยสำหรับคุณแม่ในการให้นมทารก โดยเฉพาะคุณแม่ที่ต้องปั๊มนมเก็บไว้ให้ลูกดื่ม โดยสามารถนำน้ำนมที่แช่เก็บไว้ใส่ขวดแล้วให้คุณพ่อหรือคนในบ้านช่วยป้อนนมให้ลูกน้อยได้แทนการดูดจากเต้า เป็นการประหยัดเวลาให้คุณแม่ได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม คุณแม่และทุกคนในครอบครัวควรตระหนักถึงข้อมูลสำคัญและข้อควรระวังเกี่ยวกับขวดนมเพื่อที่จะได้มีขวดนมที่ปลอดภัยไว้ใช้กับลูกน้อยนั่นเอง [embed-health-tool-vaccination-tool] ข้อดีของการใช้ขวดนม แม้การดื่มนมแม่จากเต้าโดยตรงเป็นเรื่องที่ดี แต่การใช้ขวดนมมาเป็นตัวช่วยในการให้นมลูก็มีข้อดีเช่นกัน สามารถรับรู้ปริมาณอาหารที่ลูกได้รับอย่างแน่นอนในแต่ละครั้งหรือแต่ละวัน โดยกำหนดให้แน่ชัดได้ว่าต้องการให้นมในปริมาณเท่าไหร่ หรือให้นมกี่ขวดจึงจะเพียงพอให้ลูกอิ่ม หากลูกต้องดื่มแต่นมแม่จากเต้าอย่างเดียว ในแต่ละครั้งที่เด็กหิว ผู้เป็นแม่จะต้องสละเวลาในการทำกิจกรรมอื่นๆ เพื่อมาให้นมลูก แต่การสลับมาให้ลูกดื่มนมจากขวดนม (โดยภายในอาจเป็นนมผงสำหรับเด็ก หรืออาจเป็นนมแม่ที่มีการปั๊มนมเก็บไว้สำหรับใส่ขวดนม) ก็จะเป็นการประหยัดเวลาให้ผู้เป็นแม่ได้มีเวลาพักผ่อนหรือทำกิจกรรมอื่นๆ โดยให้สมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ คอยดูแลเรื่องการให้นมจากขวดนมแทนได้ เด็กที่ดื่มนมจากขวดนมจะหิวน้อยกว่าเด็กที่ดื่มนมจากเต้านมแม่ เพราะการดื่มนมจากขวดนมจะใช้เวลาในการย่อยนานกว่าดื่มนมจากเต้านมแม่ ข้อเสียของการใช้ขวดนม การให้ลูกดื่มนมจากขวดมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อเสียที่คุณไม่ต้องพิจารณาเช่นเดียวกัน คุณแม่ที่ให้ลูกดื่มนมจากเต้านมของตนเอง จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ โรคกระดูกพรุน น้อยกว่าคุณแม่ที่ให้ลูกดื่มนมจากขวดนม การให้ลูกดื่มนมจากขวดนม (และในขวดนมเป็นนมผงสำหรับเด็ก) จะมีการย่อยที่ช้ากว่าการดื่มนมจากเต้านมของแม่ ค่าใช้จ่ายในการซื้อขวดนมและนมผงนั้นแพงกว่าการให้ลูกดื่มนมจากเต้านมของแม่ วิธีทำความสะอาดขวดนม สิ่งสำคัญที่สุดในการให้ลูกดื่มนมจากขวดนมนั่นคือการทำความสะอาดอย่างหมดจดเพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยของลูกน้อย หลังจากที่เด็กดื่มนมจากขวดนมเสร็จ ให้ล้างขวดนมและจุกนมทันทีด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอุปกรณ์สำหรับเด็ก แล้วล้างด้วยน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น ใช้แปรงสำหรับทำความสะอาดขวดนม และควรแน่ใจว่าทำความสะอาดคราบนมที่ติดอยู่ในขวดนมออกจนหมด เมื่อล้างเสร็จแล้วให้ล้างขวดนมอีกครั้งด้วยน้ำสะอาด แล้วนำไปตากให้แห้ง ข้อห้ามสำหรับขวดนม หลายคนใช้ขวดนมโดยไม่ทันระวังเพราะคิดว่าการใช้ขวดนมนั้นสะดวกและประหยัดเวลา แต่รู้หรือไม่ว่ามีข้อห้ามอยู่หลายประการเกี่ยวกับการใช้ขวดนม ซึ่งต้องให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเรื่องความสะอาด ไมโครเวฟของต้องห้าม คุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายคนมักจะนำขวดนมไปอุ่นในไมโครเวฟ จริงๆ แล้วนับเป็นข้อห้ามเด็ดขาด ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่สะดวกสบาย เพราะการนำขวดนมไปอุ่นในไมโครเวฟ จะทำให้ระดับความร้อนนั้นไม่พอดี ถ้าหากว่าเด็กได้รับนมที่ร้อนมากจนเกินไปก็อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทางที่ดีลองเอานมขวดแช่ในน้ำอุ่นแล้วลองหยดน้ำลงบนมือเพื่อตรวจสอบในเบื้องต้นดูว่าอุณภูมิอยู่ในระดับที่พอดีหรือไม่ ไม่ควรให้ดื่มนมในขณะนอนหลับ ข้อควรระวังอีกข้อหนึ่งก็คือ ระวังไม่ให้เด็กดื่มนมจากขวดนมไปพร้อมๆ กับการนอนหลับ หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องปกติที่ควรทำเพราะจะช่วยให้เด็กนั้นหลับสบายมากยิ่งขึ้น แต่ในความเป็นจริงนั้นถือเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เด็กเกิดการสำลักนมในขณะนอนหลับ และยังเพิ่มความเสี่ยงในเรื่องของฟันผุอีกด้วย อย่าใส่ธัญพืชลงในน้ำนม คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่กลัวว่าลูกจะได้รับสารอาหารจากนมไม่เพียงพอ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เด็กจะได้รับใยอาหารจากนมอย่างเพียงพออยู่แล้ว […]


การเติบโตและพัฒนาการ

วิธีการฝึกให้ลูกดื่มน้ำจากแก้ว

การฝึกให้ลูก ดื่มน้ำจากแก้ว เป็นหนึ่งในทักษะสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำความเข้าใจและเอาใจใส่ เพื่อให้ลูกสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เมื่อเติบโตขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องคอยป้อนตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาวิธีการฝึกให้ลูกดื่มน้ำจากแก้วที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี เหมาะสมกับวัย [embed-health-tool-vaccination-tool] วิธีการฝึกให้ลูกดื่มน้ำจากแก้ว ไม่ควรคาดหวัง แต่ต้องบอกเอาไว้ก่อนถือว่าเฉลี่ยแล้วสำหรับเด็กที่เริ่มดื่มน้ำจากแก้วก็จะสามารถดื่มได้คล่องตัวในช่วงอายุ 16-17 เดือน โดยส่วนใหญ่จะเริ่มฝึกตอนช่วง 6-12 เดือน ซึ่งจะอยู่ในช่วงที่เจ้าตัวเล็กกำลังจะเริ่มอย่านมจากเต้า หรือต้องหยุดการให้นมจากขวด ซึ่งก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่พร้อมที่จะฝึก เนื่องจากในความเป็นจริงแล้วการให้เจ้าตัวเล็กได้ดื่มนมจากขวดมากจนเกินไปมีความเสี่ยงทำให้ในอนาคตอันใกล้มีโอกาสที่จะฟันผุ เนื่องจากว่าแบคทีเรียและเชื้อโรคสามารถที่จะเติบโตได้ ดังนั้นแนะนำว่าให้เริ่มฝึกเจ้าตัวเล็กในการดื่มน้ำและนมจากแก้ว เลือกแก้วหัดดื่ม ถ้าหากว่าคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ต้องการที่จะให้เจ้าตัวเล็กฝึกดื่มนมดูดน้ำจากแก้ว เรื่องของรูปแบบของตัวแก้วเองก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ แนะนำว่าให้เลือกรูปแบบแก้วที่ดึงดูดหรือน่าสนใจ แล้วไม่เพียงเท่านั้นรูปแบบแก้วควรที่จะอยู่ในความพิเศษคือใช้งานได้ง่ายเหมาะสำหรับเด็กช่วงวัยที่กำลัง ฝึกดื่มน้ำ บอกได้เลยว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่ต้องการที่จะฝึกให้เจ้าตัวเล็กนั้นได้ดื่มน้ำจากแก้วควรที่จะรู้ และแนะนำว่าทางที่ดีควรที่จะต้องมีการศึกษาในเรื่องของเทคนิคเพิ่มเติมเพื่อที่จะช่วยฝึกซ่อมตัวเล็กให้ดื่มน้ำจากแก้วได้ง่ายมากยิ่งขึ้น


การเติบโตและพัฒนาการ

เตรียมความพร้อมให้เจ้าตัวเล็กก่อน ไปโรงเรียนอนุบาล ต้องทำอย่างไรบ้าง

โรงเรียนอนุบาล ถือว่าเป็นสถานที่แปลกใหม่สำหรับลูกน้อย เพราะจะต้องห่างจากคุณพ่อคุณแม่และไปใช้ชีวิตประจำวันอยู่กับคุณครูและเพื่อนร่วมชั้นซึ่งในช่วงแรกนับว่าเป็นคนแปลกหน้า ดังนั้น ก่อนที่ลูกน้อยจะ ไปโรงเรียนอนุบาล คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมความพร้อมให้ลูกน้อย เพื่อจะได้ใช้ชีวิตในโรงเรียนอนุบาลได้อย่างมีความสุข [embed-health-tool-vaccination-tool] การ ไปโรงเรียนอนุบาล สำคัญอย่างไร โรงเรียนอนุบาลคือจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้อย่างเป็นทางการของลูกน้อย ประสบการณ์ต่าง ๆ ในโรงเรียนอนุบาล อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและจิตใจของลูกน้อยมากกว่าที่คุณพ่อคุณแม่คาดคิด เช่น ความเชื่อมั่นในตัวเอง การกล้าแสดงออก การมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง มารยาททางสังคม ความมีน้ำใจ การบูลลี่ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรทำเพื่อเตรียมความพร้อมของลูกก่อน ไปโรงเรียนอนุบาล ดังนี้ ฝึกกิจวัตรประจำวัน คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกลูกน้อยทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวันโดยมีตารางเวลาที่แน่นอนและชัดเจน เช่น เวลากิน เวลาเล่น เวลานอน นอกจากนี้ ควรฝึกเรื่องระเบียบวินัยโดยให้ลูกลองทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เช่น ฝึกให้ตื่นนอนด้วยตัวเอง ฝึกให้เก็บที่นอนทุกเช้า ฝึกให้ล้างมือก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง การฝึกให้เด็กใช้ชีวิตตามตารางเวลาที่แน่นอนจะช่วยให้เด็กรู้สึกคุ้นเคย และสามารถปรับตัวได้เร็วขึ้น เมื่อต้องใช้ชีวิตตามตารางเวลาของโรงเรียนอนุบาล เตรียมสิ่งของให้พร้อมก่อนไปโรงเรียน อย่าลืมเตรียมอุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ ของลูกให้พร้อม ทั้งดินสอ ดินสอสี ยางลบ ไม่บรรทัด และกระเป๋าสะพาย ควรเลือกให้เหมาะสมกับตัวเด็ก และเหมาะสมกับกฎข้อบังคับของโรงเรียนอนุบาลนั้น ๆ หากต้องการอาจให้ลูกนำอาหารไปโรงเรียนอนุบาล ควรตรวจสอบกับโรงเรียนก่อน แต่หากลูกเป็นโรคภูมิแพ้ […]


การเติบโตและพัฒนาการ

การเรียนอนุบาล มีประโยชน์สำหรับลูกของคุณอย่างไรบ้าง

การส่งลูกเข้าเรียนอนุบาล อาจเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ต้องปวดหัวอยู่ไม่น้อย สิ่งที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับการเข้าเรียนอนุบาลนั้นมีทั้งในเรื่องของการเลือกสถานที่เรียน และค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น คุณพ่อคุณแม่บางคน อาจจะต้องการให้ลูกเรียนแบบโฮมสคูลอยู่ที่บ้านไปจนกว่าจะถึงชั้นประถม แต่จริงๆ แล้ว การเรียนอนุบาล มีประโยชน์มากมายต่อพัฒนาการของลูกน้อย [embed-health-tool-vaccination-tool] ประโยชน์ของ การเรียนอนุบาล การเรียนอนุบาล ให้โอกาสในการเจริญเติบโต สำหรับเด็ก ๆ หลายคน การเรียนอนุบาลคือประสบการณ์แรก ที่เด็กจะได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น การแบ่งปัน และการทำตามกฏเกณฑ์ระเบียบข้อบังคับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานสำหรับการเรียนรู้อื่น ๆ ที่จะช่วยให้เขาเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ การเรียนอนุบาลช่วยฝึกการเข้าสังคม การเข้าสังคมเป็นอีกหนึ่งทักษะในการใช้ชีวิต ที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจจะกังวล เพราะกลัวว่าเจ้าตัวเล็กจะเข้ากับกลุ่มเพื่อนไม่ได้ หรือในอนาคตอาจจะไม่มีเพื่อนเลย แต่การตัดสินใจส่งให้ลูกเรียนอนุบาล ก็เหมือนเป็นการฝึกพื้นฐานเบื้องต้นในการที่จะทำให้เจ้าตัวเล็กรู้จักเข้าสังคมได้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะเขาได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่ใหญ่ขึ้น ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับแค่สมาชิกในครอบครัว หรือละแวกบ้านเหมือนที่เคย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ในการเข้าสังคมให้กับเจ้าตัวเล็กไปในตัว ลูกของคุณจะได้ฝึกตัดสินใจ การส่งลูกไปเรียนอนุบาลจะทำให้เด็กได้มีตัวเลือกในการทำกิจกรรมมากมาย คุณครูจะคอยกระตุ้นให้เด็กที่ไม่รู้ว่าควรจะเลือกอะไรให้สามารถเลือกสิ่งที่สนใจได้ด้วยตัวเอง และให้คำแนะนำเด็กเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกับผู้อื่น เตรียมความพร้อมในอนาคต การเรียนอนุบาลก็เหมือนเป็นการฝึกความรู้พื้นฐาน ก่อนที่จะพัฒนาไปเรียนตามระบบการศึกษาในปัจจุบัน ดังนั้น หากว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่พร้อมที่จะฝึกเรื่องพื้นฐานวิชาการให้กับเจ้าตัวเล็ก เราแนะนำว่าการส่งเข้าเรียนอนุบาลก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย เรียนรู้การดูแลตนเองและผู้อื่น เด็กจะได้พัฒนาความสามารถและเห็นคุณค่าในตนเอง หากเขาเรียนรู้ที่จะดูแลตนเองและช่วยเหลือผู้อื่น คุณครูจะช่วยสนับสนุนได้โดยการให้เด็กได้มีโอกาสทำงานที่จริงจัง เช่น การจัดโต๊ะ ดูแลห้อง จัดเวรทำความสะอาด การเก็บของเล่นหลังจากใช้เสร็จแล้ว รวมถึงการดูแลสุขอนามัย เช่น ล้างมือก่อนกินข้าว หรือแม้แต่การแต่งตั้งตำแหน่ง เช่น หัวหน้าห้อง ก็จะเป็นอีกวิธีที่จะให้เด็กได้ฝึกความรับผิดชอบ ต่อหน้าที่ของตนเอง และหน้าที่ต่อผู้อื่น ทำให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะดูแลตนเอง เสริมสร้างทักษะการคำนวณและการอ่านล่วงหน้า เด็กเล็กอาจจะเริ่มมีความสนใจทางด้านการคำนวณและการอ่านหนังสือ การเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ล่วงหน้าจะช่วยปูพื้นฐานให้เด็กสามารถเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น เมื่อต้องเจอในชั้นเรียน […]


การเติบโตและพัฒนาการ

สอนลูกดื่มน้ำจากแก้ว ด้วยเทคนิคง่าย ๆ

สอนลูกดื่มน้ำจากแก้ว อาจเป็นอีกหนึ่งทักษะที่ลูกควรจะต้องสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพื่อเสริมให้ลูกมีทักษะช่วยเหลือตนเอง โดยการสอนลูกดื่มน้ำจากแก้ว คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องค่อย ๆ เปลี่ยนจากขวดนมมาเป็นแก้ว จากนั้นอาจจะทำเป็นตัวอย่างเพื่อให้ลูกทำตาม โดยการสอนอาจเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปและอาจต้องใช้ความใจเย็น ประโยชน์ของการดื่มน้ำ เด็กจำเป็นที่จะต้องดื่มน้ำให้ได้ในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย คุณพ่อคุณแม่อาจไม่จำเป็นต้องมีการวัดขนาดการดื่มน้ำ เพียงแค่คอยดูให้ลูกดื่มน้ำระหว่างวัน ระหว่างมื้ออาหาร และทุก ๆ ชั่วโมงอยู่เสมอ เพื่อให้ลูกมีสุขภาพที่ดีและได้รับคุณประโยชน์ตามที่ร่างกายควรได้รับ สำหรับประโยชน์ของการดื่มน้ำอาจมีดังนี้ อาจช่วยคลายความร้อน เมื่ออากาศร้อนมากขึ้น ร่างกายก็จะสูญเสียน้ำเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อลูกต้องออกไปเล่นนอกบ้านกับเพื่อน บางครั้งลูกอาจเล่นจนเพลินและลืมที่ดื่มน้ำ ซึ่งอาจทำให้ลูกกระหายน้ำมากกว่าปกติ ดังนั้น การดื่มน้ำอาจช่วยให้ร่างกายเย็นสดชื่นขึ้นจากอากาศที่ร้อนได้ รวมถึงยังเป็นการทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปในระหว่างวันที่อากาศร้อนอีกด้วย อาจช่วยคุมแคลอรี่ หากลูกชอบดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม รวมถึงชอบกินขนมหวาน อาจทำให้ลูกมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอ้วน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจต้องระวังไม่ให้ลูกดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป นอกจากนี้ อาจจะค่อยๆ  เปลี่ยนจากน้ำอัดลมมาเป็นน้ำเปล่า เนื่องจาก น้ำอาจช่วยควบคุมปริมาณแคลอรี่ได้ รวมถึงอาจช่วยทำให้ลูกอิ่มไวและอิ่มนานขึ้น อาจช่วยป้องกันความเสียหายของไต ไตทำหน้าที่ในการควบคุมของเหลวในร่างกาย ซึ่งหากมีน้ำไม่เพียงพอ หรือดื่มน้ำไม่พอต่อความจำเป็นของร่างกายก็อาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคนิ่วในไตและปัญหาอื่น ๆ ได้ ดังนั้น การดื่มน้ำให้เพียงพออาจช่วยลดการเกิดปัญหาดังกล่าวได้ ปริมาณน้ำที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย โดยทั่วไปแล้วผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้เด็กดื่มน้ำ ดังนี้ เด็กอายุ 1-3 ปี ควรดื่มน้ำ 2-4 ถ้วย เด็กอายุ 4-5 ปี ควรดื่มน้ำ 5 […]


สุขภาพเด็ก

อาหารที่เสี่ยงทำให้เด็กเป็นโรคภูมิแพ้ และอาหารบรรเทาอาการภูมิแพ้

ปฏิกิริยาความไวต่อสารกระตุ้นการแพ้  (IgE-mediated)ได้รับอิทธิพลมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น พันธุกรรม สิ่งแวดล้อม มลพิษ การเลี้ยงดู รวมไปถึงการที่คุณแม่รับประทาน โดเยเฉพาะถ้าเป็น อาหารที่เสี่ยงทำให้เด็กเป็นโรคภูมิแพ้ ก็จะสามารถส่งผลไปยังทารกในครรภ์ รวมถึงส่งผลต่อองค์ประกอบของน้ำนมแม่ด้วย ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า สารอาหาร และโภชนาการ สามารถส่งผลทางอ้อม ต่อการพัฒนาของอาการแพ้ รวมไปถึง โรคภูมิแพ้ ในระหว่างการพัฒนามดลูกหลังคลอด ในระหว่างการให้นมบุตร หรือการให้นมขวดหลังจากหย่านมได้อีกด้วย สังเกตอาการของโรคภูมิแพ้ได้อย่างไร อาการและความรุนแรงของ โรคภูมิแพ้ จะมีความแตกต่างกันไป บางครั้งอาจจะไม่รุนแรง แต่บางครั้งอาจเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง ที่เรียกว่าแอแนฟิแล็กซิส (Anaphylaxis) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงอย่างเฉียบพลัน เมื่อร่างกายได้รับสารกระตุ้นบางอย่าง ซึ่งสามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น การสังเกตอาการแพ้ ที่เกิดขึ้นกับลูก จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเอาใจใส่เป็นอย่างมาก ซึ่งอาการที่อาจเกิดขึ้นได้ มีดังนี้ ผื่นขึ้นบนผิวหนัง มีอาการคัน และเป็นลมพิษ บวมบริเวณริมฝีปากและลำคอ หายใจถี่ หายใจลำบาก หายใจเสียงดัง รวมถึงหายใจทางปาก วิงเวียนศีรษะ และเป็นลม ปวดท้อง อาเจียน และท้องเสีย อาหารที่เสี่ยงทำให้เด็กเป็นโรคภูมิแพ้ ที่พบบ่อยที่สุด อาหาร 8 ชนิดที่จะกล่าวต่อไปนี้ ทำให้เกิดอาการแพ้ หรือ […]


พ่อแม่เลี้ยงลูก

วิตามินและแร่ธาตุ สำหรับเด็ก มีอะไรบ้างที่จำเป็นต่อร่างกาย

วิตามินและแร่ธาตุ เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อเด็กทุกคนตั้งแต่วัยทารกไปจนถึงวัยรุ่น นอกเหนือจากการที่ร่างกายควรได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอต่อความต้องการแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึงถึงความปลอดภัยของอาหารแต่ละชนิด และดูแลให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารครบถ้วนเพื่อร่างกายจะได้นำไปใช้เสริมสร้างและบำรุงสุขภาพให้เติบโตแข็งแรงสมวัย [embed-health-tool-vaccination-tool] วิตามินและแร่ธาตุ สำหรับเด็ก มีอะไรบ้าง ร่างกายของเด็กควรได้รับสารอาหารครบถ้วน นอกเหนือไปจากอาหารหลัก 5 หมู่ ซึ่งประกอบไปด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ ยังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายที่คุณพ่อคุณแม่ควรจัดสรรให้ลูกน้อยได้รับอย่างเพียงพออีกด้วย วิตามินเอ วิตามินเอ เป็นสารอาหารสำหรับเด็กที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งต่อร่างกาย เนื่องจากว่าวิตามินเอนั้น จะช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตและยังช่วยในเรื่องของการสร้างระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนั้น ยังทำให้กล้ามเนื้อ และกระดูกนั้น สามารถซ่อมแซมตัวเอง รวมทั้งช่วยส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพผิว และสุขภาพดวงตาอีกด้วย วิตามินบี วิตามินบี สามารถแยกออกมาอีกหลากหลายชนิดด้วยกัน  เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 5 แต่ทั้งนี้คุณสมบัติของวิตามินบีนั้นมักช่วยในเรื่องของการเผาผลาญ และยังเป็นแหล่งอาหารที่ใช้เพื่อการผลิตพลังงานให้ร่างกาย รวมทั้งช่วยในการส่งเสริมและพัฒนาระบบประสาทให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น วิตามินซี วิตามินซีเป็นสารอาหารสำหรับเด็กที่ช่วยในเรื่องของการป้องกันและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคที่อาจเข้าสู่ร่างกาย อีกทั้งช่วยบำรุงผิวให้สดใสและแข็งแรง  และบำรุงหลอดเลือดให้แข็งแรง วิตามินดี วิตามินดีช่วยเสริมสร้างและบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง และที่สำคัญ ยังเป็นการช่วยกระตุ้นร่างกายให้สามารถที่จะดูดซึมแคลเซียมไปใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เหล็ก ช่วยเสริมสร้างให้กล้ามเนื้อ และเซลล์เม็ดเลือดแดงแข็งแรง ป้องกันโรคโลหิตจาง เป็นสารอาหารสำหรับเด็กที่จำเป็นต่อการย่อยอาหาร และลำเลียงออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย สารอาหารเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสารอาหารสำหรับเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ควรจัดสรรให้ลูกน้อยได้รับอย่างครบถ้วนในแต่ละมื้อเหล่านี้ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถที่จะดึงสารอาหารต่าง ๆ ไปใช้ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ วิตามินและแร่ธาตุ […]


โภชนาการเด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน

นมสด และ นมผง แบบไหนมีประโยชน์กว่ากัน

สารอาหารจากนม เป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูกไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยใดก็ตาม ดังนั้น การได้ดื่มนม จึงถือว่าเป็นตัวช่วยในการพัฒนาการเจริญเติบโตของลูก ทั้งด้านสติปัญญาและร่างกายได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีนมในรูปแบบต่าง ๆ ออกมาให้เลือกสรรค์ ทั้งในรูปแบบ นมสด และ นมผง ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของนมทั้งสองชนิด และเลือกนมที่เหมาะสมให้กับลูก [embed-health-tool-vaccination-tool] สารอาหารจากนม มีอะไรบ้าง ความกังวลอย่างหนึ่งของคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ก็คือ กลัวเจ้าตัวเล็กจะได้สารอาหารต่างๆ จากนมทั้งสองชนิดไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว จากการทดสอบพบว่า นมสดและนมผง ในปริมาณ 1 ถ้วย จะมีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้ พลังงาน 146 กิโลแคลอรี่ โปรตีน 8 กรัม ไขมัน 11 กรัม คาร์โบไฮเดรต 11 กรัม แคลเซียมถึง 30% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน วิตามินบี 12 55% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน วิตามินดี 13% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน วิตามินเอ 9% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน นอกจากนี้ ทั้งนมสดและนมผง ยังมีสารอาหารและแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน