สุขภาพทางเพศ

สุขภาพทางเพศ คืออีกหนึ่งส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข Hello คุณหมอ จึงอยากนำเสนอเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ ทั้งการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไปจนถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ผู้อ่านได้มีสุขภาพทางเพศที่ดีมากยิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพทางเพศ

ไขข้อสงสัย เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก เกี่ยวข้องกันอย่างไร

เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก ทั้ง 2 โรคนี้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร? คุณเคยสงสัยหรือไม่? วันนี้เราจะมาหาคำตอบถึงความเกี่ยวข้องกันของ เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก เพื่อให้คุณผู้หญิงทุกคนได้ระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมแล้วหาคำตอบความเกี่ยวข้องของเชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูกได้ในบทความนี้ HPV คือกลุ่มของเชื้อไวรัสที่เกี่ยวข้องมากกว่า 200 ชนิด บางชนิดแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางช่องปาก โดยจะแบ่งออกเป็นกล่มที่มีความเสี่ยงต่ำกับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง HPV กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำส่วนใหญ่ไม่ก่อให้เกิดโรค แต่บางชนิดอาจทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก หรือลำคอได้ HPV กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้หลายประเภทหนึ่งในนั้น คือ มะเร็งปากมดลูก เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก เกี่ยวข้องกันอย่างไร มะเร็งปากมดลูกในสตรีส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ ฮิวแมนแพพพิลโลมาไวรัส (Human papillomavirus : HPV) ซึ่งเป็นกลุ่มของเชื้อไวรัสที่มีมากกว่า 200 ชนิด เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายในระหว่างมีเพศสัมพันธ์และการทำกิจกรรมทางเพศอื่น ๆ  เช่น การสัมผัสทางผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เชื้อ HPV อย่างน้อย 15 ชนิด มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก ส่วนใหญ่ HPV16 และ HPV18 จะเป็นตัวที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกมากที่สุด โดยเชื้อ HPV ที่มีความเสี่ยงสูงเหล่านี้จะเข้าไปหยุดการทำงานของเซลล์ ซึ่งส่งผลให้เซลล์สืบพันธ์มีความผิดปกติแบบควบคุมไม่ได้ นำไปสู่การเจริญเติบโตของเนื้องอกมะเร็ง ปัจจัยเสี่ยงเชื้อเอชพีวีพัฒนาไปเป็นมะเร็งปากมดลูก ชนิดของเชื้อ […]

หมวดหมู่ สุขภาพทางเพศ เพิ่มเติม

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

สำรวจ สุขภาพทางเพศ

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคหูดหงอนไก่ สัญญาณเตือนและวิธีป้องกัน

โรคหูดหงอนไก่ คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human papillomavirus: HPV) ที่ทำให้เกิดตุ่มหูดเล็ก ๆ คล้ายดอกกะหล่ำในบริเวณอวัยวะเพศ ช่องคลอด ปากมดลูก องคชาต อัณฑะ และทวารหนัก รวมถึงอาการคัน ระคายเคือง เลือดออกจากอวัยวะเพศ และอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวในขณะที่เคลื่อนไหว ดังนั้น หากสังเกตอาการดังกล่าว ควรเข้ารับการรักษาจากคุณหมอทันที [embed-health-tool-ovulation] สาเหตุของโรคหูดหงอนไก่ โรคหูดหงอนไก่ อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสฮิวแมนแพพพิลโลมา  หรือเชื้อเอชพีวี ที่อาจได้รับจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การใช้เซ็กส์ทอยร่วมกับผู้อื่น และการสัมผัสกับหูดโดยตรงขณะมีเซ็กส์ทางปากหรือทางทวารหนัก นอกจากนี้ คุณแม่ที่เป็นโรคหูดหงอนไก่อาจแพร่กระจายเชื้อไปสู่ทารกได้ขณะคลอดบุตรผ่านทางช่องคลอด ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดหูดหงอนไก่ที่ทางเดินหายใจ (Recurrent Respiratory Papillomatosis) ที่ส่งผลให้ทารกมีอาการกล่องเสียงอุดตัน เสียงแหบ หายใจลำบาก และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ สัญญาณเตือนโรคหูดหงอนไก่ ปกติแล้ว หลังจากที่ร่างกายได้รับเชื้อไวรัสเอชพีวี อาจใช้เวลาในการฟักตัวประมาณ 1 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับระบบภูมิคุ้มกันและปริมาณของเชื้อที่ได้รับ โดยอาจสังเกตสัญญาณเตือนได้ดังนี้ อวัยวะเพศมีอาการบวม อาการคัน และรู้สึกไม่สบายตัวเมื่อเคลื่อนไหวหรือมีเพศสัมพันธ์ เลือดออกระหว่างมีเพศสัมพันธ์ รู้สึกเจ็บแสบขณะปัสสาวะ ผู้หญิงอาจมีตกขาวผิดปกติ ตุ่มหูดขึ้นบริเวณรอบ ๆ อวัยวะเพศ ช่องคลอด องคชาต หรือทวารหนัก มากกว่า 1 […]


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคแผลริมอ่อน อาการ การรักษา และการป้องกัน

โรคแผลริมอ่อน เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลัส ดูเครย์ (Haemophilus ducreyi) ที่ส่งผลให้เกิดแผลพุพองและตุ่มหนองบริเวณอวัยวะเพศ สามารถพบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย และอาจแพร่กระจายสู่ผู้อื่นได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันและผ่านทางเลือด ดังนั้น หากพบว่ามีอาการของโรคแผลริมอ่อนควรเข้าพบคุณหมอทันทีเพื่อรับการรักษา และป้องกันการแพร่กระจายไปสู่บุคคลอื่น [embed-health-tool-ovulation] โรคแผลริมอ่อน คืออะไร โรคแผลริมอ่อน คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลัส ดูเครย์ ที่สามารถแพร่กระจายผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อโดยไม่ป้องกัน และอาจแพร่กระจายผ่านทางเลือด รวมถึงการสัมผัสทางผิวหนังในบริเวณที่มีบาดแผลหรือหนองจากแผลริมอ่อนและนำมือไปสัมผัสดวงตา ปาก หรือร่างกายของผู้อื่น อาการของโรคแผลริมอ่อน หลังจากร่างกายได้รับเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลัส ดูเครย์ ภายใน 1-2 สัปดาห์ อาจเริ่มปรากฏอาการต่าง ๆ ดังนี้ ตุ่มขนาดเล็กบริเวณอวัยวะเพศ หนังหุ้มปลาย องคชาต ถุงอัณฑะ ปากช่องคลอด ทวารหนัก และขาหนีบ ที่อาจมีขนาดประมาณ 1-2 นิ้ว แผลพุพอง เป็นหนอง อาการเจ็บปวดบริเวณต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ วิธีรักษาโรคแผลริมอ่อน วิธีรักษาโรคแผลริมอ่อน มีดังนี้ ยาปฏิชีวนะ ใช้เพื่อช่วยบรรเทาอาการบวมของต่อมน้ำเหลือง อาการอักเสบของแผล และอาจช่วยให้แผลริมอ่อนหายไวขึ้น ซึ่งมีทั้งยาปฏิชีวนะในรูปแบบรับประทานและแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อ โดยอาจใช้ดังต่อไปนี้ ยาเซฟไตรอะโซน (Ceftriaxone) ขนาด 250 มิลลิกรัม ในรูปแบบฉีดกล้ามเนื้อ 1 ครั้ง ในปริมาณ 1 […]


สุขภาพทางเพศ

เจ็บเต้าสองข้าง เกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่

เจ็บเต้าสองข้าง เป็นปัญหาสุขภาพบริเวณหน้าอกที่มักเกิดในเพศหญิง อาจเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย การลดลงของฮอร์โมนเพศเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนก่อนมีประจำเดือน การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเพศเมื่อตั้งครรภ์ การสวมเสื้อชั้นในที่ไม่พอดีกับขนาดหน้าอก การมีน้ำนมมากเกินไปในหญิงให้นมบุตร รวมถึงภาวะเต้านมอักเสบ โดยส่วนใหญ่ หากอาการเจ็บเต้าสองข้างเกี่ยวข้องกับประจำเดือน มักหายเองได้เมื่อประจำเดือนรอบนั้นสิ้นสุดลง แต่หากอาการเจ็บเต้านมทั้งสองข้างเกิดจากสาเหตุอื่น มักไม่หายไปเอง และหากมีอาการไข้ร่วมด้วย ควรรีบไปหาคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างตรงจุด [embed-health-tool-ovulation] เจ็บเต้าสองข้าง เกิดจากอะไรได้บ้าง เจ็บเต้าสองข้างเป็นอาการที่มักเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกายเพศหญิง เช่น การลดลงของเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนก่อนมีประจำเดือน โดยจัดเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน หรือพีเอ็มเอส (Premenstrual Syndrome หรือ PMS) นอกจากนี้ อาการเจ็บเต้านมยังเกิดได้จากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนทั้งสองชนิดระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณเต้านมมากขึ้นจนเกิดอาการบวมและเจ็บได้ สำหรับสาเหตุอื่น ๆ ของการเจ็บเต้าสองข้างที่ไม่เกี่ยวข้องกับระดับฮอร์โมนในเพศหญิง มีดังต่อไปนี้ การสวมเสื้อชั้นในที่ไม่เหมาะสมกับขนาดหน้าอก อาจรัดแน่นเกินไปจนทำให้รู้สึกคัดตึงและเจ็บได้ การบาดเจ็บบริเวณเต้านม ภาวะซีสเต้านม (Fibrocystic Change) ปริมาณน้ำนมที่มากเกินไป หรือการระบายน้ำนมออกไม่หมดในหญิงให้นมบุตรทำให้รู้สึกคัดแน่นหน้าอกจนรู้สึกเจ็บ อาการเคล็ด ขัด ยอก บริเวณลำคอ หัวไหล่ หรือหลัง ซึ่งแพร่กระจายมายังบริเวณเต้านม เต้านมอักเสบ (Mastitis) เกิดจากการอุดตันของท่อน้ำนมซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อแบคทีเรียและทำให้เกิดอาการเจ็บปวดร่วมด้วย ผลข้างเคียงของยาบางชนิด มะเร็งเต้านมอักเสบ (Inflammatory Breast Cancer) หรือการที่เซลล์มะเร็งขัดขวางการทำงานของท่อน้ำเหลืองบริเวณหน้าอก […]


โรคติดเชื้อเอชพีวี

HPV คือ โรคอะไร และป้องกันได้อย่างไร

HPV คือ ไวรัสฮิวแมนแพพพิลโลมา (Human papillomavirus) เป็นเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน และการสัมผัสผิวหนัง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น หูดหงอนไก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งองคชาต มะเร็งทวารหนัก [embed-health-tool-ovulation] HPV คืออะไร HPV คือ เชื้อไวรัสฮิวแมนแพพพิลโลมา ที่มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ บางชนิดอาจทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก หรือลำคอ และบางชนิดอาจทำให้เกิดมะเร็ง เช่น HPV16, HPV18, HPV31, HPV33, HPV35 เป็นต้น โดยกลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส HPV คือผู้ที่มีระบบมิคุ้มกันอ่อนแอ มีคู่นอนหลายคน มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน และผู้ที่มีแผลเปิดที่อาจทำให้ได้รับเชื้อเมื่อถูกสัมผัส HPV แพร่กระจายอย่างไร เชื้อไวรัส HPV สามารถแพร่กระจายผ่านทางสารคัดหลั่งเมื่อมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันทางช่องคลอด ทางปาก และทวารหนัก หรืออาจแพร่กระจายผ่านทางรอยถลอกหรือแผลเปิดบนผิวหนัง รวมถึงการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น กางเกงชั้นใน เซ็กทอยส์ ผ้าขนหนู สำหรับสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ HPV และหูดขึ้นในบริเวณอวัยวะเพศ อาจแพร่กระจายเชื้อไปสู่ทารกขณะคลอด และอาจส่งผลให้ทารกมีหูดขึ้นในกล่องเสียง อาการของการติดเชื้อ HPV การติดเชื้อ […]


สุขภาพทางเพศ

เพศศึกษา คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร

เพศศึกษา หมายถึงการเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเพศในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การสำรวจและทำความรู้จักร่างกายตนเอง การมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องและปลอดภัย การรักษาความสัมพันธ์กับคนรัก การปฏิบัติต่อบุคคลเพศตรงข้ามและเพศทางเลือก และอื่น ๆ นอกจากนี้ เพศศึกษายังอาจช่วยให้ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเพศน้อยลง เช่น การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ความรุนแรงทางเพศ ความเกลียดชังทางเพศ ทั้งนี้ เพศศึกษาไม่ได้หมายถึงการเรียนในห้องเรียนหรือสถานศึกษาเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเพศด้วยตนเอง การพูดคุยกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว และการถกเถียงทางสังคมอย่างเปิดกว้าง [embed-health-tool-ovulation] เพศศึกษา คืออะไร เพศศึกษาหมายถึงการเรียนและการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเพศ การทำความรู้จักร่างกายตนเอง การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย การมีเพศสัมพันธ์ เพศวิถี (Sexuality) รวมถึง บรรทัดฐานและค่านิยมเรื่องเพศ การแสดงความต้องการทางเพศ การปฏิบัติต่อคู่รัก การยอมรับผู้ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศแตกต่าง ปัญหาเรื่องเพศในสังคม ทั้งการเรียนในสถานศึกษา การพูดคุยกันในครอบครัว การสอดแทรกความรู้ทางสื่อต่าง ๆ การเปิดโอกาสให้คนในสังคมได้พูดคุยกันอย่างกว้างขวาง เพศศึกษา มีความสำคัญอย่างไร เพศศึกษามีความสำคัญต่อคนในสังคม โดยเฉพาะในช่วงวัยเรียนหรือวัยรุ่น เพราะเป็นเครื่องมือที่จะสามารถแนะแนวและแนะนำให้ผู้เรียนเข้าใจเรื่องเพศได้อย่างถูกต้อง มีความรู้มากพอที่จะใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเพศและเพศวิถีได้อย่างเหมาะสม รวมถึงเพื่อปกป้องผู้เรียนจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศต่าง ๆ หรือช่วยให้สามารถรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น อาทิ ปัญหาจากการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาจเกิดจากความประมาท หรือการขาดข้อมูลที่ควรทราบ เช่น วิธีคุมกำเนิดเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ วิธีป้องกันตนเองจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ความไม่เสมอภาคทางเพศ หรือการถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกับคนอีกกลุ่ม โดยอ้างอิงจากความแตกต่างทางรสนิยมทางเพศหรือเพศสภาพ […]


สุขภาพทางเพศ

ยาแก้ปวดท้องเมนส์ มียาอะไรบ้าง และมีผลข้างเคียงอย่างไร

ยาแก้ปวดท้องเมนส์ คือกลุ่มยาสำหรับรับประทานเพื่อระงับอาการปวดท้องประจำเดือน ประกอบไปด้วยยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-Steroidal Anti Inflammatory Drugs) อาทิ ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) คีโตโปรเฟน (Ketoprofen) นาพรอกเซน (Naproxen) ซึ่งควรรับประทานตามความจำเป็น ไม่เหมาะสำหรับการรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานเกิน 3-7 วัน [embed-health-tool-ovulation] เมนส์ คืออะไร เมนส์ ย่อมาจาก เมนสทรูเอชัน (Menstruation) หรือประจำเดือน เป็นภาวะสุขภาพของเพศหญิงเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ โดยทั่วไป เพศหญิงจะเป็นเมนส์ครั้งแรกก่อนอายุ 16 ปี เมื่อเป็นเมนส์ เพศหญิงจะมีเลือดออกทางช่องคลอดติดต่อกัน 5-7 วัน และระยะเวลาอาการแต่ละรอบมักจะห่างกันราว 21-35 วัน ทั้งนี้ เลือดที่ไหลออกจากช่องคลอด เกิดจากการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก เมื่อไข่ ที่ร่างกายผลิตออกมาทุกเดือนไม่ได้รับการปฏิสนธิกับอสุจิซึ่งเป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศชาย เพศหญิงจะหยุดเป็นเมนส์ตอนอายุประมาณ 48-52 ปี หรือเมื่อร่างกายเข้าสู่วัยทอง โดยในช่วงดังกล่าว รังไข่จะเริ่มหยุดทำงาน ฮอร์โมนเพศอย่างเอสโทรเจน (Estrogen) กับโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์ จะค่อย ๆ ลดปริมาณลงจนหมดไปทำให้ไม่เป็นเมนส์อีกต่อไป ปวดท้องเมนส์ เกิดจากอะไร ปวดท้องเมนส์ เป็นอาการปวดบริเวณหน้าท้องส่วนล่าง ช่วงก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือน […]


สุขภาพทางเพศ

FWB (Friends with Benefits) คืออะไร ข้อดีและข้อเสียต่อสุขภาพทางเพศ

FWB (Friend with Benefits) หรือความสัมพันธ์แบบเพื่อนร่วมหลับนอนกับเพื่อน เป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่มีเพศสัมพันธ์กันได้โดยไม่ผูกมัด ซึ่งอาจต้องมีการพูดคุยและได้รับการยินยอมจากทั้ง 2 ฝ่าย โดยความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้อาจส่งผลดีต่อสุขภาพจิตและความต้องการทางเพศ เพราะอาจมีอิสระมากกว่าความสัมพันธ์แบบคู่รัก อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์แบบเพื่อนร่วมหลับนอนกับเพื่อนก็อาจมีข้อเสีย เนื่องจากอาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ความรู้สึกทางจิตใจที่เปลี่ยนไปหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกผูกพันและต้องการการผูกมัด และอาจสร้างความวุ่นวายในชีวิต ดังนั้น จึงควรพิจารณาทั้งข้อดีข้อเสียก่อนเริ่มความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ [embed-health-tool-ovulation] FWB คืออะไร FWB หรือ Friends with Benefits คือ ความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่สามารถมีเพศสัมพันธ์กันได้โดยไม่ผูกมัด โดยความสัมพันธ์แบบเพื่อนร่วมหลับนอนกับเพื่อนอาจเป็นความสัมพันธ์ในรูปแบบที่มีความสนิทสนมกันทางร่างกายมากกว่าความหลงใหลและความรักทางจิตใจ สามารถไปเที่ยวด้วยกันได้ สามารถมีเพศสัมพันธ์กันได้โดยไม่ผูกมัด สามารถอยู่ร่วมกันหรือใกล้ชิดกันโดยไม่ต้องกดดันในเป้าหมายความสัมพันธ์ รวมถึงอาจสามารถมีความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ได้ ข้อดีของ FWB คืออะไร ข้อดีของความสัมพันธ์แบบเพื่อนร่วมหลับนอนกับเพื่อน อาจมีดังนี้ อาจดีต่อสุขภาพจิต ความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits เป็นความสัมพันธ์ทางเพศที่ไม่ผูกมัด จึงอาจทำให้ผู้ที่มีความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้มีความสุขมากกว่าความสัมพันธ์แบบคู่รัก ที่อาจมีความกดดัน ผูกมัด หรือมีเป้าหมายความสัมพันธ์แบบในระยะยาว โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Procedia - Social and Behavioral Sciences เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบ FWB และสุขภาพจิตที่ดี […]


สุขภาพทางเพศ

ดูดนม ช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้จริงหรือ

ดูดนม เล่นหัวนม และคลำเต้านมอาจช่วยกระตุ้นและปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง รวมถึงอาจทำให้ถึงจุดสุดยอดได้ เนื่องจากบริเวณหัวนมเต็มไปด้วยเส้นประสาทที่ไวต่อความรู้สึก ซึ่งอาจส่งสัญญาณกระตุ้นเยื่อหุ้มสมองส่วนรับความรู้สึกไปยังอวัยวะเพศ นอกจากนี้ ยังอาจช่วยกระตุ้นการปล่อยสารออกซิโตซิน (Oxytocin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความผูกพันและความสุขที่สามารถกระตุ้นให้ถึงจุดสุดยอดได้ [embed-health-tool-ovulation] ดูดนม ช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้อย่างไร การดูดนม เล่นหัวนม และคลำเต้านมอาจช่วยกระตุ้นและปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง โดยพฤติกรรมเหล่านี้อาจกระตุ้นการส่งสัญญาณไปยังเยื่อหุ้มสมองส่วนรับความรู้สึกไปยังอวัยวะทางเพศ เนื่องจากบริเวณหัวนมมีเส้นประสาทมากมายที่ไวต่อความรู้สึก ซึ่งสามารถสร้างความพึงพอใจและกระตุ้นอารมณ์ทางเพศที่ทำให้เกิดความสุขทางเพศจนถึงจุดสุดยอดได้ นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ เช่น การเล้าโลม เทคนิคการมีเพศสัมพันธ์อย่างเป็นจังหวะ ความผูกพันทางอารมณ์ระหว่างร่วมเพศ อาจช่วยกระตุ้นการปล่อยออกซิโทซิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขและความผูกพัน ก็อาจทำให้เกิดความสุขจนถึงจุดสุดยอดได้เช่นกัน โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Medical Hypotheses เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2558 ศึกษาเกี่ยวกับการกระตุ้นเต้านมเพื่อส่งเสริมสุขภาพของผู้หญิง พบว่า การกระตุ้นหัวนมและเต้านมสามารถช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศและอาจทำให้ถึงจุดสุดยอดได้ รวมถึงยังช่วยป้องกันความผิดปกติทางเพศและภาวะซึมเศร้าทางจิตใจ ทำให้เกิดความรักและความผูกพัน การเรียนรู้ทางเพศร่วมกัน เกิดความเห็นอกเห็นใจ ให้ความร่วมมือ จนเกิดเป็นความสุขขึ้นซึ่งเป็นอารมณ์เชิงบวกที่ดีต่อสุขภาพจิต วิธีการกระตุ้นหัวนมเพื่อเร้าอารมณ์ทางเพศ วิธีต่อไปนี้อาจช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศผ่านการดูดนม สัมผัสเต้านม อาจช่วยให้ถึงจุดสุดยอดได้ จัดบรรยากาศให้เหมาะสม เช่น เปิดเพลงเบา ๆ พูดคุยเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ สัมผัสหรือถูบริเวณหัวนมเบา ๆ ช้า ๆ โดยอาจใช้สารหล่อลื่นเพื่อช่วยทำให้หัวนมไม่เกิดความระคายเคือง ใช้เซ็กส์ทอย ของเล่น หรือเจลหล่อลื่น […]


หนองในแท้

ยารักษาหนองใน มีอะไรบ้าง และการดูแลตัวเองเมื่อเป็นหนองใน

ยารักษาหนองใน เป็นยาปฏิชีวนะที่มีทั้งรูปแบบยารับประทานและฉีดเข้าเส้นเลือดดำ โดยยาจะออกฤทธิ์เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรค ช่วยรักษาการอักเสบและอาการอื่น ๆ ของโรคหนองใน สำหรับระยะเวลาและขนาดยาในการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและการพิจารณาของคุณหมอ จึงควรเข้าพบคุณหมอตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อการรักษาอย่างต่อเนื่องและป้องกันภาวะดื้อยาที่อาจทำให้โรคหนองในหายยากขึ้น [embed-health-tool-ovulation] หนองใน คืออะไร หนองใน เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย (Neisseria Gonorrhoeae) มักแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อโดยไม่ป้องกันทั้งทางช่องคลอด ท่อปัสสาวะ ทวารหนักและปาก รวมถึงการใช้เซ็กส์ทอยร่วมกับผู้อื่นโดยไม่ล้างอุปกรณ์ให้สะอาด หรือหุ้มด้วยถุงยางอนามัยก่อนใช้งาน ซึ่งอาจทำให้มีอาการเจ็บปวดเมื่อปัสสาวะ มีหนองออกจากปลายองคชาต ปวดและบวมที่ลูกอัณฑะ ตกขาวเพิ่มขึ้น เลือดออกทางช่องคลอด ปวดท้องหรือปวดอุ้งเชิงกราน นอกจากนี้ ทารกในครรภ์อาจติดเชื้อหนองในจากคุณแม่ที่ติดเชื้อได้ในระหว่างการคลอดทางช่องคลอด ซึ่งอาจทำให้ดวงตาของทารกเกิดความผิดปกติได้ ยารักษาหนองใน มีอะไรบ้าง ยารักษาโรคหนองในเป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งในผู้ใหญ่และทารก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคุณหมอ โดยยารักษาโรคหนองในอาจมีดังนี้ ยาเซฟไตรอะโซน (Ceftriaxone) เป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือหลอดเลือดดำเพื่อใช้รักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย โดยมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย การใช้ยาเซฟไตรอะโซนต้องได้รับการวินิจฉัยจากคุณหมอเท่านั้น โดยคุณหมออาจฉีดยาวันละ 1 หรือ 2 ครั้ง ซึ่งปริมาณของยาขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อและความรุนแรงของอาการ แต่ไม่แนะนำให้ใช้กับทารกแรกเกิดและทารกคลอดก่อนกำหนด เพราะอาจเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง เช่น อาการบวม แดง ปวดบริเวณที่ฉีด หากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นเวลานานหรืออาการแย่ลง ควรเข้าพบคุณหมอทันที ยาอะซิโทรมัยซิน (Azithromycin) เป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น หลอดลมอักเสบ โรคปอดอักเสบ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อที่ผิวหนัง โดยมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรค […]


สุขภาพทางเพศ

ยาเลื่อนประจําเดือนกินยังไง และข้อควรระวัง

ยาเลื่อนประจําเดือนกินยังไง อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย โดยส่วนใหญ่ยาเลื่อนประจำเดือนอาจมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเยื่อบุโพรงมดลูกและการหลั่งฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการมีประจำเดือน จึงควรกินยาที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestin) เช่น ยาเม็ดนอร์อิทิสเตอโรน (Norethisterone) ยาเม็ดคุมกำเนิด วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น เป็นเวลา 7-10 วัน แต่ไม่ควรกินนานเกิน 2 สัปดาห์ [embed-health-tool-ovulation] ยาเลื่อนประจําเดือน คืออะไร ยาเลื่อนประจําเดือน คือ ยาที่มีคุณสมบัติในการช่วยชะลอและเลื่อนช่วงเวลาการมีประจำเดือนออกไประยะหนึ่ง ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งยาเม็ดนอร์อิทิสเตอโรนและยาเม็ดคุมกำเนิด ในการเลื่อนประจำเดือนอาจมีประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความคล่องตัวเป็นอย่างมาก เช่น การทำงาน การท่องเที่ยว การเล่นกีฬา รวมถึงผู้ที่ไม่สะดวกในการเปลี่ยนผ้าอนามัยหรืออาจเสี่ยงที่ประจำเดือนจะเลอะออกมาได้ การทำงานของยาเลื่อนประจําเดือน ยาเลื่อนประจำเดือนเป็นยาเม็ดที่ประกอบด้วย นอร์อิทิสเตอโรน ขนาด 5 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นฮอร์โมนโปรเจสตินสังเคราะห์ ออกฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่ร่างกายสร้างขึ้นเอง ซึ่งตัวยาจะทำงานโดยการยับยั้งการเจริญเติบโตตามปกติของเยื่อบุโพรงมดลูกในระหว่างรอบเดือน ทำให้ประจำเดือนเลื่อน และหากใช้ยาไดโดรเจสเตอโรน (Dydrogesterone) อาจใช้เพื่อรักษาความผิดปกติของรอบเดือนอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ภาวะเลือดออกผิดปกติ อาการก่อนเป็นประจำเดือน (Premenstrual Syndrome หรือ PMS) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้มีอาการหงุดหงิดหรือปวดหัวก่อนมีประจำเดือน นอกจากนี้ การกินยาคุมกำเนิดทั้งแบบ 21 […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน