สุขภาพทางเพศ

สุขภาพทางเพศ คืออีกหนึ่งส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข Hello คุณหมอ จึงอยากนำเสนอเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ ทั้งการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไปจนถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ผู้อ่านได้มีสุขภาพทางเพศที่ดีมากยิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพทางเพศ

ไขข้อสงสัย เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก เกี่ยวข้องกันอย่างไร

เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก ทั้ง 2 โรคนี้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร? คุณเคยสงสัยหรือไม่? วันนี้เราจะมาหาคำตอบถึงความเกี่ยวข้องกันของ เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก เพื่อให้คุณผู้หญิงทุกคนได้ระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมแล้วหาคำตอบความเกี่ยวข้องของเชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูกได้ในบทความนี้ HPV คือกลุ่มของเชื้อไวรัสที่เกี่ยวข้องมากกว่า 200 ชนิด บางชนิดแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางช่องปาก โดยจะแบ่งออกเป็นกล่มที่มีความเสี่ยงต่ำกับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง HPV กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำส่วนใหญ่ไม่ก่อให้เกิดโรค แต่บางชนิดอาจทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก หรือลำคอได้ HPV กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้หลายประเภทหนึ่งในนั้น คือ มะเร็งปากมดลูก เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก เกี่ยวข้องกันอย่างไร มะเร็งปากมดลูกในสตรีส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ ฮิวแมนแพพพิลโลมาไวรัส (Human papillomavirus : HPV) ซึ่งเป็นกลุ่มของเชื้อไวรัสที่มีมากกว่า 200 ชนิด เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายในระหว่างมีเพศสัมพันธ์และการทำกิจกรรมทางเพศอื่น ๆ  เช่น การสัมผัสทางผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เชื้อ HPV อย่างน้อย 15 ชนิด มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก ส่วนใหญ่ HPV16 และ HPV18 จะเป็นตัวที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกมากที่สุด โดยเชื้อ HPV ที่มีความเสี่ยงสูงเหล่านี้จะเข้าไปหยุดการทำงานของเซลล์ ซึ่งส่งผลให้เซลล์สืบพันธ์มีความผิดปกติแบบควบคุมไม่ได้ นำไปสู่การเจริญเติบโตของเนื้องอกมะเร็ง ปัจจัยเสี่ยงเชื้อเอชพีวีพัฒนาไปเป็นมะเร็งปากมดลูก ชนิดของเชื้อ […]

หมวดหมู่ สุขภาพทางเพศ เพิ่มเติม

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

สำรวจ สุขภาพทางเพศ

สุขภาพทางเพศ

รักษาตกขาว มีวิธีไหนบ้างและควรดูแลตัวเองอย่างไร

ตกขาว คือ ของเหลวหรือเมือกที่ร่างกายหลั่งออกมาทางช่องคลอดตามธรรมชาติ เพื่อให้ช่องคลอดสะอาดและชุ่มชื้น โดยปกติ ตกขาวจะเป็นเมือกใส หรือเป็นสีขาว มีกลิ่นไม่แรง แต่หากตกขาวมีกลิ่นเหม็น เป็นสีเหลือง สีเขียว หรือมีเลือดปน มักเป็นอาการของโรคหรือภาวะสุขภาพที่ผิดปกติ จึงควรสังเกตลักษณะของตกขาวของตนเอง หากพบความผิดปกติ ควรเข้ารับการรักษาตกขาวอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตกขาว คืออะไร ตกขาว เป็นของเหลวหรือเมือก ซึ่งหลั่งจากช่องคลอด มดลูก หรือปากมดลูก ทำให้ช่องคลอดสะอาด ชุ่มชื้น และช่วยป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ ผ่านเข้าสู่ร่างกาย โดยปกติ ตกขาวของผู้ที่มีสุขภาพดี จะมีลักษณะดังนี้ สีขาวหรือใส มีกลิ่นจาง ๆ แต่ไม่เหม็น เป็นเมือกเหนียว สัมผัสแล้วให้ความรู้สึกลื่น หยุ่นมือ ทั้งนี้ หากตั้งครรภ์ กลิ่นและปริมาณของตกขาวอาจแตกต่างจากเดิม และเมื่ออยู่ในภาวะตกไข่ อยู่ในช่วงให้นมบุตร หรือกำลังมีอารมณ์ทางเพศ ปริมาณของตกขาวมักมีปริมาณมากกว่าปกติ ตกขาวผิดปกติ เป็นอย่างไร ตกขาวผิดปกติ มักเป็นอาการของโรคหรือปัญหาสุขภาพ ซึ่งความผิดปกติของตกขาวจะสะท้อนสาเหตุของโรคหรือภาวะสุขภาพดังต่อไปนี้ ตกขาวมีกลิ่นเหม็น เกิดจากภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เมื่อเชื้อแบคทีเรียสะสมเป็นจำนวนมากทำให้เกิดกลิ่นที่รุนแรงขึ้น ตกขาวเป็นสีขาวขุ่นและมีลักษณะเหนียวข้น เกิดจากภาวะเชื้อราในช่องคลอด ตกขาวเป็นสีเขียว สีเหลือง หรือเป็นฟอง เกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ […]


เคล็ดลับเรื่องบนเตียง

วิธีช่วยตัวเอง ทำได้อย่างไรบ้าง และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

วิธีช่วยตัวเอง อาจทำได้หลายรูปแบบตามรสนิยมความชอบ เช่น ใช้เซ็กส์ทอย การลูบไล้ร่างกายและอวัยวะพร้อมกับดูสื่อที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ซึ่งการช่วยตัวเองหรือการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง เป็นเรื่องปกติทั่วไป ที่อาจช่วยลดความเครียดสะสม ลดอาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ และลดความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ [embed-health-tool-ovulation] การช่วยตัวเอง คืออะไร การช่วยตัวเอง คือ การกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของตัวเองให้สำเร็จความใคร่ เพื่อความพึงพอใจทางเพศ โดยไม่เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เอชไอวี ซิฟิลิส (Syphilis) หนองใน อีกทั้งยังอาจช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย การช่วยตัวเองถือเป็นพฤติกรรมทั่วไปที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่มีคู่นอนอยู่แล้ว จากการศึกษาภาควิชากุมารเวชศาสตร์ แผนกเวชศาสตร์วัยรุ่น ของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยอินเดียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับความถี่และความเกี่ยวข้องของพฤติกรรมทางเพศกับการช่วยตัวเองในกลุ่มวัยรุ่นในสหรัฐอเมริกา ที่ตีพิมพ์ไว้ในวารสาร JAMA Pediatrics เมื่อปี พ.ศ. 2554 ซึ่งได้ทำการประเมินความถี่ของการช่วยตัวเองในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 14-17 ปี โดยรวบรวมข้อมูลการสำรวจสุขภาพทางเพศและพฤติกรรมทางเพศแห่งชาติ พบว่า วัยรุ่นผู้ชายมีอัตราการช่วยตัวเองประมาณ 73.8% ในขณะที่ผู้หญิงมีอัตราการช่วยตัวเองประมาณ 48.1% โดยอาจเริ่มตั้งแต่ช่วงอายุ 14 ปี ซึ่งความถี่ในการช่วยตัวเองจะเพิ่มขึ้นตามอายุ อกจากนี้ ยังมีการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Sex Education and Therapy เดือนมกราคม ปี พ.ศ. […]


สุขภาพทางเพศ

กินยาคุมมีโอกาสท้องไหม

กินยาคุมมีโอกาสท้องไหม ผู้หญิงหลายคนที่กินยาคุมแล้วมีเพศสัมพันธ์ อาจยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยาคุมในการป้องกันการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม การกินยาคุมกำเนิดอย่างถูกต้อง อาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ทั้งนี้ ยาคุมกำเนิดแต่ละชนิดอาจมีปริมาณฮอร์โมนที่ไม่เท่ากัน มีวิธีการกินต่างกัน และอาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน จึงอาจทำให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดแตกต่างกันไปในแต่ละคน นอกจากนี้ยังอาจมีหลายสาเหตุที่ทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดลดลง เช่น กินยาไม่ถูกต้อง ลืมกินยาหรือกินผิดเวลา อาเจียนหรือท้องเสีย การใช้ยาและสมุนไพรบางชนิด การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ [embed-health-tool-ovulation] กินยาคุมมีโอกาสท้องไหม การกินยาคุมกำเนิดอาจยังมีโอกาสท้องได้ หากกินไม่ถูกวิธี เช่น กินยาไม่ตรงเวลา ลืมกินยา กินยาไม่ต่อเนื่อง นอกจากนี้ การเลือกกินยาคุมกำเนิดให้เหมาะสมกับตัวเองก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน เนื่องจาก ยาคุมกำเนิดแต่ละชนิดมีปริมาณฮอร์โมนไม่เท่ากัน จึงอาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน ดังนั้น ก่อนกินยาคุมควรศึกษาถึงข้อจำกัดในการใช้ฮอร์โมน ภาวะสุขภาพของตัวเอง โรคประจำตัว ระยะเวลาที่ต้องการคุมกำเนิด รวมถึงยาหรือสมุนไพรที่กำลังกินอยู่ โดยอาจเข้าพบคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำ ประเภทของยาคุมกำเนิด ยาคุมกำเนิดมีทั้งชนิดฮอร์โมนรวมและฮอร์โมนเดี่ยว ดังนี้ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ประกอบด้วยฮอร์โมน 2 ชนิด คือ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) สังเคราะห์ โดย 1 แผง จะมีทั้งหมด 21 หรือ 28 เม็ด ซึ่งต้องรับประทานอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ […]


สุขภาพทางเพศ

หยุดกินยาคุม ประจำเดือนไม่มา เกิดจากอะไร

หยุดกินยาคุม ประจำเดือนไม่มา อาจมีสาเหตุมาจากระบบฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง หลังจากการรับฮอร์โมนจากภายนอก เมื่อหยุดกินยาคุมจึงอาจต้องใช้เวลาให้ร่างกายปรับตัว เพื่อกลับมาหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนได้ตามปกติ ซึ่งจะส่งผลให้มีประจำเดือน แต่หากหยุดกินยาคุมหลายเดือนแล้วประจำเดือนยังไม่มา อาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเครียด ความไม่สมดุลของฮอร์โมน โรคประจำตัว [embed-health-tool-ovulation] ยาคุมส่งผลต่อประจำเดือนอย่างไร ยาคุมกำเนิด ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสติน มีหน้าที่ช่วยป้องกันการตกไข่ สร้างสภาวะในช่องคลอดให้ไม่เหมาะกับการตั้งครรภ์ เช่น ทำให้มูกบริเวณปากมดลูกข้นและหนาขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้สเปิร์มเข้าถึงไข่ได้ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง เพื่อป้องกันการฝังตัวของไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว ซึ่งฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดอาจยับยั้งการสร้างฮอร์โมนตามปกติของร่างกายที่เกี่ยวข้องกับรอบเดือน จึงส่งผลต่อการมีประจำเดือน บางคนอาจมีประจำเดือนน้อยลง บางคนอาจไม่มีประจำเดือน หรือบางคนอาจมีภาวะขาดประจำเดือน (Amenorrhea) ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือขาดหายไป หยุดกินยาคุมแต่ประจำเดือนไม่มา เกิดจากอะไร การหยุดกินยาคุมกำเนิดอาจมีโอกาสที่ประจำเดือนจะมาช้าได้ เนื่องจากฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดจะเข้าไปยับยั้งการผลิตฮอร์โมนตามปกติที่เกี่ยวข้องกับรอบเดือน เมื่อหยุดกินยาคุมกำเนิดร่างกายอาจต้องใช้ระยะเวลาในการปรับตัวให้เป็นปกติและเริ่มควบคุมกระบวนการตามธรรมชาติด้วยตัวเองอีกครั้ง ทั้งนี้ ประจำเดือนมาช้าอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ดังนี้ ความเครียด ความเครียดที่รุนแรงและเรื้อรังอาจส่งผลต่อความสมดุลของฮอร์โมนการสืบพันธุ์และฮอร์โมนอื่น ๆ ในร่างกาย อาจทำให้มีอาการซึมเศร้า วิตกกังวล อารมณ์แปรปรวน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและนอนไม่หลับ ทั้งยังอาจทำให้ประจำเดือนขาด ประจำเดือนไม่มา มาไม่ปกติหรือประจำเดือนมาน้อยกว่าปกติได้ การออกกำลังกายหนักเกินไป ส่งผลให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงซึ่งทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติหรือประจำเดือนไม่มาได้ การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ผู้ที่มีน้ำหนักตัวน้อยเกินไปอาจทำให้ร่างกายมีสารอาหารไม่เพียงพอเพื่อช่วยกระตุ้นในการผลิตฮอร์โมนการตกไข่ และผู้ที่มีน้ำหนักมากเกินไปก็อาจทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินไป ส่งผลให้รอบเดือนไม่มาหรือมาไม่ปกติ การตั้งครรภ์ จะทำให้การตกไข่หยุดลง […]


การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

วิธีใช้เจลหล่อลื่น ประเภทต่าง ๆ เลือกแบบไหนถึงจะดี

เจลหล่อลื่น คือ สารหล่อลื่นรูปแบบเจลใช้สำหรับเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ช่องคลอดหรือทวารหนัก ลดการเสียดสีระหว่างผิวหนังทำให้ไม่รู้สึกเจ็บเมื่อฝ่ายชายสอดใส่อวัยวะเพศระหว่างมีเพศสัมพันธ์ และป้องกันการเกิดแผลฉีกขาดบริเวณอวัยวะเพศ ช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้ เจลหล่อลื่นแต่ละชนิดยังมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน ก่อนเลือกซื้อควรศึกษาวิธีใช้และข้อควรระวังให้ละเอียด [embed-health-tool-ovulation] เจลหล่อลื่น คืออะไร เจลหล่อลื่น คือ ของเหลวชนิดหนึ่งซึ่งใช้เป็นตัวช่วยสำหรับลดการเสียดสีของผิวหนังระหว่างมีเพศสัมพันธ์ โดยปกติ เจลหล่อลื่นมักใช้ในกรณีที่ฝ่ายหญิงมีช่องคลอดแห้ง หรือมีน้ำหล่อลื่นน้อยขณะมีเพศสัมพันธ์ อันเป็นผลให้เกิดความเจ็บปวด หรือรู้สึกไม่สบายตัวเมื่อร่วมเพศ และยังอาจเสี่ยงบาดเจ็บจากการที่ผิวหนังเสียดสีกันอย่างรุนแรงอีกด้วย ซึ่งภาวะช่องคลอดแห้งหรือมีน้ำหล่อลื่นน้อย เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาทิ วัยทอง ระดับฮอร์โมนเพศในร่างกาย ยาที่ใช้ รอบเดือน สำหรับเจลหล่อลื่นนั้นนิยมใช้ทาบริเวณช่องคลอด อวัยวะเพศชาย นิ้วมือ หรือเซ็กส์ทอย รวมทั้งทวารหนักสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ในกลุ่มชายรักชาย เนื่องจากทวารหนักไม่มีน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติ จึงจำเป็นต้องใช้เจลหล่อลื่นช่วยไม่ให้เกิดการบาดเจ็บจากการมีเพศสัมพันธ์ ชนิดของเจลหล่อลื่น เจลหล่อลื่นแบ่งเป็น 3 ชนิด หลัก ๆ โดยมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้ เจลหล่อลื่นซึ่งมีน้ำเป็นส่วนผสมหลัก ข้อดี เหมาะสำหรับการใช้ร่วมกับถุงยางอนามัยซึ่งทำจากยางพารา เนื่องจากเจลหล่อลื่นชนิดน้ำจะไม่ทำให้ถุงยางเสื่อมสภาพและขาดง่าย ใช้ร่วมกับไวเบรเตอร์หรือเซ็กซ์ทอยอื่น ๆ ได้ เหมาะกับผู้ที่มีผิวหนังบอบบางแพ้ง่าย ล้างออกง่าย เมื่อเลอะบนพื้นผิววัสดุ หรือสิ่งของต่าง ๆ ข้อเสีย ระเหยง่าย ทำให้ต้องใช้ในปริมาณมากกว่าเจลหล่อลื่นแบบอื่น หรือจำเป็นต้องใช้เพิ่มระหว่างมีเพศสัมพันธ์จึงอาจทำให้จังหวะการร่วมรักสะดุดไม่ราบรื่น เจลหล่อลื่นบางสูตรอาจผสมสารกลีเซอรอล (Glycerol) ซึ่งอาจทำให้ช่องคลอดระคายเคือง […]


การติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์

เอดส์ อาการ เริ่มต้น เป็นอย่างไร และควรดูแลตัวเองอย่างไร

เอดส์ หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นอาการในระยะสุดท้ายของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี โดยผู้ป่วยจะมีเม็ดเลือดขาว CD4 ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมและต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ติดเชื้อหรือป่วยเป็นโรคที่ค่อนข้างรุนแรงได้ง่ายกว่าคนทั่วไป รวมไปถึงมีการติดเชื้อฉวยโอกาสเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ อาการในระยะแรกหลังการติดเชื้อเอชไอวี ประกอบด้วย มีไข้ ปวดหัว เจ็บคอ ซึ่งคล้ายกับอาการของโรคหวัด ทำให้ผู้ติดเชื้อหลายคนอาจไม่ระวังหรือสงสัยว่าตัวเองติดเชื้อเอชไอวี และไม่ไปพบคุณหมอตั้งแต่แรก ๆ กระทั่งติดเชื้อรุนแรงขึ้นจนเข้าสู่ระยะของโรคเอดส์ในที่สุด [embed-health-tool-ovulation] เอดส์ คืออะไร เอดส์ (Acquired Immunodeficiency Syndrome หรือ AIDS) หมายถึง อาการในระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus หรือ HIV) ซึ่งติดต่อผ่านเลือด การถ่ายเลือด การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ผู้ป่วยโรคเอดส์จะมีระบบภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง หรือป่วยง่ายกว่าคนทั่วไป เนื่องจากจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 ซึ่งทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่เข้าในร่างกายถูกทำลายโดยเชื้อเอชไอวี ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะกลุ่มการติดเชื้อฉวยโอกาส คนปกติจะมีจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 ของจะอยู่ที่ประมาณ 500-1,500 เซลล์ต่อลูกบาศก์เมตร ในขณะที่ผู้ป่วยโรคเอดส์จะมีเซลล์ดังกล่าวประมาณ 200 เซลล์ต่อลูกบาศก์เมตร เอดส์ อาการ เริ่มต้น ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี […]


สุขภาพทางเพศ

ปวดลูกอัณฑะ สาเหตุ การดูแลตัวเอง

ปวดลูกอัณฑะ เป็นอาการที่พบได้ในผู้ชายซึ่งป่วยเป็นโรคหรือมีภาวะผิดปกติเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เบื้องต้น ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวได้ด้วยการรับประทานยาแก้ปวดหรือประคบเย็นบริเวณลูกอัณฑะ อย่างไรก็ตาม หากปวดลูกอัณฑะร่วมกับมีอาการอื่น ๆ เช่น มีไข้ ปวดท้องน้อย ควรไปพบคุณหมอ เพื่อรับการวินิจฉัยสาเหตุของโรค และรับการรักษาที่เหมาะสม [embed-health-tool-heart-rate] ปวดลูกอัณฑะ เกิดจากอะไร ปวดลูกอัณฑะ มักเป็นอาการสืบเนื่องจากความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ อันมีสาเหตุจากโรคหรือภาวะสุขภาพดังต่อไปนี้ ปวดลูกอัณฑะเนื่องจากอัณฑะอักเสบ อัณฑะอักเสบ เป็นโรคซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณหลอดเก็บตัวอสุจิ และเป็นอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างหนองในหรือหนองในเทียม นอกจากนี้ อัณฑะอักเสบยังเกิดได้จากการติดเชื้อไวรัสโรคคางทูม ผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคคางทูม จะเสี่ยงเป็นอัณฑะอักเสบมากกว่าคนที่เคยฉีดวัคซีนแล้ว โดยทั่วไป อัณฑะอักเสบมักเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน โดยผู้ป่วยจะปวดลูกอัณฑะข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้าง ร่วมกับมีอาการป่วยอื่น ๆ เช่น มีไข้ ปวดหัว อ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็ว วิธีรักษาอัณฑะอักเสบ อัณฑะอักเสบรักษาได้ด้วยวิธีต่อไปนี้ รับประทานยาปฏิชีวนะ เพื่อต้านเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุของโรค ควบคู่กับการรับประทานยาแก้อักเสบ เพื่อลดอาการปวดลูกอัณฑะหรือลูกอัณฑะบวม ประคบเย็น สามารถทำได้ด้วยตนเองโดยประคบเย็นบริเวณลูกอัณฑะเป็นเวลา 15-20 นาที/ครั้ง วันละประมาณ 3-4 ครั้ง เลือกชนิดชุดชั้นในให้เหมาะสม ควรสวมใส่กางเกงในสำหรับการออกกำลังกายซึ่งมักทำจากผ้าฝ้าย เพื่อป้องกันลูกอัณฑะอักเสบหรือระคายเคือง รวมทั้งช่วยกระชับลูกอัณฑะไม่ให้กระทบกระเทือนจนเกินไปขณะเคลื่อนไหวร่างกาย ปวดลูกอัณฑะเนื่องจากอัณฑะบิดตัว อัณฑะบิดตัว หมายถึง การบิดหรือรั้งของลูกอัณฑะที่ผิดปกติ ส่งผลให้สายรั้งอัณฑะซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวส่งผ่านเลือดมาเลี้ยงลูกอัณฑะบิดจากองศาปกติตามธรรมชาติจนอาจทำให้เกิดการตีบตัน ส่งผลให้เลือดไม่ไหลลงมาเลี้ยงอัณฑะ […]


หนองในแท้

โรคหนองใน สัญญาณเตือน การรักษาและการป้องกัน

โรคหนองใน คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก ปากมดลูก และท่อปัสสาวะ พบได้มากในช่วงวัยรุ่น 15-24 ปี ซึ่งอาจสังเกตได้จากอาการคันอวัยวะเพศ เจ็บแสบขณะปัสสาวะ อีกทั้งยังมีโอกาสถ่ายทอดไปยังทารกระหว่างการคลอดส่งผลให้ทารกมีแผลบนหนังศีรษะ และอาจเสี่ยงต่อการตาบอด เพื่อความปลอดภัย จึงควรตรวจคัดกรองโรคเป็นประจำ และควรเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงทีเพื่อลดการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น [embed-health-tool-ovulation] สาเหตุของโรคหนองใน โรคหนองใน เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แบ่งออกเป็น 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ โรคหนองในแท้ (Gonorrhea) ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียไนซีเรีย โกโนเรีย (Neisseria gonorrhoeae) และโรคหนองในเทียม (Chlamydia) ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียคลาไมเดีย ทราโคมาติส (Chlamydia trachomatis) โดยมีปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ มีดังนี้ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย การมีคู่นอนหลายคน การใช้เซ็กส์ทอยร่วมกับผู้อื่นโดยไม่ได้ทำความสะอาดก่อน สัญญาณเตือนของโรคหนองใน สัญญาณเตือนของโรคหนองใน อาจสังเกตได้ดังนี้ เจ็บแสบขณะปัสสาวะ อาการคันบริเวณอวัยวะเพศ หรือทวารหนัก ตกขาวปริมาณมาก สีตกขาวผิดปกติ เช่น สีเขียว สีเหลือง หรือเป็นมูกน้ำหนอง และอาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ มีเลือดออกทางช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์ ปวดท้อง และปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน มีหนองไหลออกจากปลายองคชาต ปวดอัณฑะ อัณฑะบวม บางคนอาจมีอาการอื่น […]


เคล็ดลับเรื่องบนเตียง

เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับ BDSM

BDSM (bondage, discipline, sadism and masochism) เป็นรสนิยมการมีเซ็กส์รูปแบบหนึ่ง ที่มีการแสดงบทบาทสมมุติก่อนมีเซ็กส์หรือระหว่างมีเซ็กส์ โดยแบ่งเป็นฝ่ายผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ เช่น ตำรวจและผู้ร้าย คุณหมอและคนไข้ เพื่อช่วยสร้างจินตนาการ เพิ่มสีสันและความเร่าร้อนของการมีเซ็กส์ และอาจช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคู่รักได้ อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงถึงความปลอดภัยระหว่างการมีเซ็กส์ ความสมยอมของทั้งสองฝ่าย และควรป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง [embed-health-tool-ovulation] การมีเซ็กส์แบบ BDSM คืออะไร BDSM คือ รูปแบบการมีเซ็กส์ ที่แบ่งออกเป็นฝ่ายผู้กระทำและฝ่ายผู้ถูกกระทำ หรืออาจสลับบทบาทกัน โดยอาจมีการสวมบทบาทสมมุติ เช่น คุณหมอกับคนไข้ ตำรวจกับผู้ร้าย และอาจมีการใช้อุปกรณ์ร่วมด้วย เช่น ผ้าปิดตา โซ่ แส้ กุญแจมือ เชือก ไม้เรียว รวมถึงอาจมีการตีหรือดึงผมเบา ๆ ตามรสนิยมของแต่ละคน หากฝ่ายเป็นผู้ถูกกระทำรู้สึกว่าตัวเองถูกล้ำเส้นทางร่างกายจนเกินไปก็อาจมีการใช้คำศัพท์เฉพาะ หรือเรียกว่า safe word ซึ่งเป็นคำพูดหรือสัญญาณเตือนที่คิดขึ้นเองแทนการใช้คำว่า “หยุด” “ไม่” หรือการผลักออก เพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ โดยไม่ทำให้หมดอารมณ์ขณะมีเซ็กส์ BDSM เป็นตัวอักษรที่ย่อมาจาก B = Bondageมีความหมายว่าการพันธนาการหรือความเป็นทาส D = Discipline/Dominance […]


สุขภาพทางเพศ

วิธีรักษาตกขาว ที่ผิดปกติ และการดูแลสุขภาพช่องคลอด

ตกขาว เป็นกระบวนการทำความสะอาดของระบบสืบพันธุ์ โดยการขับสิ่งสกปรก เซลล์ที่ตายแล้ว และแบคทีเรียออกทางช่องคลอด ตกขาวโดยปกติจะมีลักษณะเป็นของเหลวสีขาวใส ไม่มีกลิ่นหากสังเกตว่าตกขาวมีสีผิดปกติ มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจวินิจฉัย และหาวิธีรักษาตกขาวอย่างเหมาะสม [embed-health-tool-ovulation] ตกขาวผิดปกติ มีสาเหตุมาจากอะไร ตกขาวผิดปกติ อาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อในช่องคลอด ส่งผลให้ความสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอดเปลี่ยนแปลง นำไปสู่อาการตกขาวมีกลิ่น ตกขาวมีสีเขียว เหลือง น้ำตาล บางคนอาจมีอาการคัน และแสบช่องคลอดขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ตกขาวผิดปกติ มีดังนี้ ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ ยากลุ่มสเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิด การติดเชื้อจากคู่นอนระหว่างมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ที่อาจนำไปสู่การเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองใน หนองในเทียม โรคพยาธิในช่องคลอด ซิฟิลิส การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ที่เป็นผลข้างเคียงมาจากการผ่าตัด หรือหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ วัยหมดประจำเดือน เพราะอาจทำให้ผนังช่องคลอดบาง ส่งผลให้ช่องคลอดแห้ง ระคายเคืองและอักเสบ สุขภัณฑ์สกปรก เนื่องจากเป็นการสัมผัสกับบริเวณรอบ ๆ อวัยวะเพศโดยตรงอาจทำให้ช่องคลอดเกิดการติดเชื้อ นำไปสู่อาการตกขาวผิดปกติ การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายที่มีส่วนประกอบของน้ำหอม เช่น ครีม สบู่ รวมถึงการสวนล้างช่องคลอด รอยโรคต่าง ๆ เช่น ติ่งเนื้อ แผลเป็น หรือก้อนในช่องคลอดหรือปากมดลูก […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน