สุขภาพทางเพศ

สุขภาพทางเพศ คืออีกหนึ่งส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข Hello คุณหมอ จึงอยากนำเสนอเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ ทั้งการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไปจนถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ผู้อ่านได้มีสุขภาพทางเพศที่ดีมากยิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพทางเพศ

HPV ในผู้หญิงตั้งครรภ์ ส่งผลกระทบต่อคุณแม่และลูกน้อยอย่างไร

HPV หรือ Human Papillomavirus เป็นไวรัสที่มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ โดยบางสายพันธุ์สามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกและภาวะผิดปกติอื่น ๆ ในระบบสืบพันธุ์ สตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ HPV มักกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของตัวเองและทารกในครรภ์ โดยเฉพาะการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การคลอดก่อนกำหนด และการถ่ายทอดไวรัสสู่ทารกในระหว่างคลอด ผลกระทบของ HPV ต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ ผลกระทบต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ การเกิดหูดบริเวณอวัยวะเพศ (Genital Warts) การติดเชื้อ HPV อาจกระตุ้นการเกิดหูดในบริเวณอวัยวะเพศ หูดเหล่านี้อาจโตขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและระบบไหลเวียนเลือด หากหูดมีขนาดใหญ่ อาจก่อให้เกิดความเจ็บปวดหรือขัดขวางการคลอดทางช่องคลอด การเปลี่ยนแปลงในปากมดลูก การติดเชื้อ HPV โดยเฉพาะสายพันธุ์ความเสี่ยงสูง อาจทำให้เกิดความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูก ซึ่งอาจพัฒนาไปเป็นมะเร็งปากมดลูกได้หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ ความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร ในบางกรณี การติดเชื้อ HPV อาจเกี่ยวข้องกับการเพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งบุตรในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะหากมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด การติดเชื้อ HPV อาจกระตุ้นการอักเสบในระบบสืบพันธุ์ ซึ่งส่งผลต่อการคลอดก่อนกำหนด การคลอดก่อนกำหนดอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพในระยะยาวสำหรับทารก เช่น การเจริญเติบโตที่ช้ากว่าปกติ ผลกระทบต่อทารกในครรภ์และหลังคลอด การติดเชื้อในทารก แม้โอกาสที่ HPV จะส่งต่อถึงทารกในครรภ์มีน้อย แต่มีรายงานว่าการคลอดทางช่องคลอดในกรณีที่แม่มีหูดหรือการติดเชื้อ HPV […]

หมวดหมู่ สุขภาพทางเพศ เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพทางเพศ

การคุมกำเนิด

กินยาคุมฉุกเฉินแล้วเลือดออก เกิดจากอะไร และผลข้างเคียงที่ควรรู้

ยาคุมฉุกเฉิน เป็นวิธีคุมกำเนิดในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือเกิดความผิดพลาดในการคุมกำเนิด ทั้งนี้ไม่ควรกินยาคุมฉุกเฉินติดต่อกันบ่อย ๆ เนื่องจากมีระดับฮอร์โมนสูงกว่ายาคุมกำเนิดทั่วไปจึงอาจทำให้ระดับฮอร์โมนแปรปรวน และเกิดผลข้างเคียง เช่น กินยาคุมฉุกเฉินแล้วเลือดออก ประจำเดือนมาไม่ปกติ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ ปวดท้อง เป็นตะคริว จึงควรใช้ในกรณีจำเป็นเท่านั้น และใช้วิธีคุมกำเนิดแบบอื่น เช่น สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูงกว่า ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย [embed-health-tool-ovulation] ยาคุมฉุกเฉิน คืออะไร ยาคุมฉุกเฉิน (Morning-after pill หรือ Emergency contraceptive pill) เป็นยาคุมกำเนิดแบบเม็ดที่ใช้ป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีฉุกเฉิน มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ 75-85% เมื่อกินยาคุมฉุกเฉินชนิดลีโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) ภายใน 72 ชั่วโมง ( 3 วัน) และเมื่อกินยาคุมฉุกเฉินชนิดยูริพริสทอล อะซิเตท (Ulipristal acetate) ภายใน 120 ชั่วโมง (5 วัน) หลังมีเพศสัมพันธ์ โดยวิธีการกินสามารถกินครั้งเดียวทั้ง 2 เม็ด หรือจากกินทีละเม็ดห่างกัน 12 ชั่วโมงก็ได้ […]


สุขภาพทางเพศ

อาการไข่ดัน คืออะไร สาเหตุและวิธีรักษา

อาการไข่ดัน เป็นอาการบวมที่เกิดขึ้นบริเวณขาหนีบ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อไวรัส เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหรือเส้นประสาท โดยทั่วไปสามารถรับมือได้ด้วยการรักษาตามสาเหตุและการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม เช่น หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ใช้แรงเยอะ ประคบผ้าห่อน้ำแข็งเพื่อลดอาการบวม โดยทั่วไปอาการไข่ดันมักจะดีขึ้นเอง แต่อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ แต่หากดูแลตัวเองเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น มีอาการบวมมากขึ้น ปวดจนกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน ควรไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างเหมาะสม [embed-health-tool-bmi] อาการไข่ดัน คืออะไร ต่อมน้ำเหลืองเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย กระจายตัวอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ได้แก่ กกหู ด้านข้างของลำคอ ใต้รักแร้ ขาหนีบ ทำหน้าที่กรองน้ำเหลืองซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดพิเศษที่ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้ โดยปกติแล้ว ขณะที่ต่อมน้ำเหลืองกำจัดสารพิษหรือเชื้อโรค การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันบริเวณนั้นจะทำให้ต่อมน้ำเหลืองขยายตัวอยู่ใต้ผิวหนังและอาจทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นบวมเล็กน้อยและไวต่อการสัมผัส แต่เมื่อต่อสู้กับเชื้อโรคเสร็จแล้ว ไม่นานต่อมน้ำเหลืองก็จะกลับสู่ขนาดปกติ ที่บริเวณขาหนีบด้านในหรือโคนขาหนีบแต่ละข้างจะมีต่อมน้ำเหลืองประมาณ 10 ต่อม หากต่อมน้ำเหลืองในบริเวณนี้ขยายตัวผิดปกติ อาจทำให้มีอาการบวมที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน หรือที่เรียกว่า อาการไข่ดัน โดยขนาดและรูปร่างที่เกิดขึ้นจะแตกต่างไปในแต่ละคน ส่วนใหญ่จะทำให้รู้สึกเจ็บเมื่อเคลื่อนไหวร่างกาย แม้จะเรียกว่าไข่ดัน แต่อาการนี้ก็สามารถเกิดได้กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง สาเหตุของอาการไข่ดัน สาเหตุของอาการไข่ดัน อาจมีดังนี้ สาเหตุที่พบได้บ่อย เช่น การติดเชื้อ เช่น เชื้อรา เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด โรคสังคัง (Jock […]


สุขภาพทางเพศ

ภาวะเพศกำกวม หรือ Intersex คือ อะไร

Intersexuality หรือ Intersex คือ ภาวะเพศกำกวม เป็นเพศที่อยู่ในกลุ่ม LGBTQIA+ (I = Intersex) มีลักษณะทางกายภาพที่ไม่ได้เจาะจงเป็นเพศหญิงหรือเพศชายเพียงอย่างเดียวอย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเกิด และอาจมีลักษณะทางเพศอื่น ๆ ที่จะปรากฏขึ้นเมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าภาวะดังกล่าวเกิดจากสาเหตุใด แต่อาจเกิดจากพันธุกรรม การมีโครโมโซมของทั้ง 2 เพศ การได้รับฮอร์โมนธรรมชาติหรือฮอร์โมนสังเคราะห์ขณะเป็นตัวอ่อน เป็นต้น ผู้ที่มีภาวะ Intersex อาจตัดสินใจรับการผ่าตัดให้ตัวเองเป็นเพศใดเพศหนึ่งโดยสมบูรณ์ หรืออาจเลือกใช้ชีวิตตามลักษณะทางกายภาพที่มีมาตั้งแต่กำเนิดก็ได้ ภาวะนี้เป็นความแปรผันที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ ไม่ถือว่าเป็นโรค (Disease) ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาให้หายแต่อย่างใด [embed-health-tool-bmi] Intersex คือ อะไร Intersex คือ ภาวะเพศกำกวม เป็นคำนิยามทางเพศที่ใช้จัดหมวดหมู่บุคคลที่กำเนิดมาพร้อมกับลักษณะทางเพศหลากหลาย ซึ่งอาจส่งผลต่ออวัยวะเพศ อวัยวะในระบบสืบพันธุ์ ปริมาณฮอร์โมน ชนิดโครโมโซม เป็นต้น ภาวะ Intersex ไม่ได้อยู่ในกรอบแนวคิดที่แบ่งเพศออกเป็นทวิลักษณ์หรือไบนารี (Binary) ที่มีเพียงเพศชายและเพศหญิง โดยทั่วไปภาวะนี้มักไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพขณะเป็นทารก แต่ก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ท่อปัสสาวะที่ปลายองคชาตไม่มีรูเปิด จึงอาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อช่วยให้สามารถถ่ายปัสสาวะได้ตามปกติ ภาวะ Intersex เป็นเรื่องที่ซับซ้อนเป็นอย่างมาก และการรักษาอาจส่งผลทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การตัดสินใจผ่าตัดเลือกเพศเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของคน ๆ หนึ่งจึงอาจต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น […]


การคุมกำเนิด

ถุงยางอนามัย มีประโยชน์อย่างไร และควรเลือกอย่างไร

ถุงยางอนามัย สามารถป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ปัจจุบันจึงมีการรณรงค์ให้ทุกคนใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม ดังนั้น ทุกคนจึงควรทำความรู้จักถุงยางให้มากขึ้น รวมทั้งเรียนรู้ถึงวิธีเลือกและวิธีใช้ถุงยางอย่างถูกต้อง เพื่อการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ [embed-health-tool-due-date] ถุงยางอนามัยมีประโยชน์อย่างไร ถุงยางอนามัยเป็นวัสดุที่ทำจากยางพาราหรือโพลียูรีเทน (Polyurethane หรือ PU) ซึ่งมีความปลอดภัยต่อร่างกาย โดยถุงยางอนามัยจะทำหน้าที่เก็บน้ำอสุจิและป้องกันไม่ให้น้ำอสุจิเข้าไปในช่องคลอด จึงอาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ ถุงยางอนามัยยังสามารถครอบปิดอวัยวะเพศชายและป้องกันการสัมผัสโดยตรงกับช่องคลอดผู้หญิง จึงอาจป้องกันการแพร่เชื้อในขณะมีเพศสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี ประสิทธิภาพของถุงยางอนามัย การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยถุงยางอนามัยผู้ชายอาจป้องกันได้ประมาณ 98% และถุงยางอนามัยผู้หญิงอาจป้องกันประมาณ 95% รวมทั้งยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เชื้อเอชไอวี หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส เริมได้ถึง 100% หากใช้อย่างถูกต้องและถุงยางไม่แตก ถุงยางอนามัย ควรเลือกอย่างไร ควรเลือกถุงยางให้เหมาะกับสภาพผิวและขนาดของผู้ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้ถุงยางแตก และมีประสิทธิภาพในการใช้งาน ซึ่งถุงยางอนามัยมีการผลิตและจำหน่ายด้วยกัน 3 ประเภท ดังนี้ ถุงยางอนามัยจากลำไส้สัตว์ ซึ่งทำจากส่วนลำไส้ของแกะ ไม่สามารถยืดตัวได้ และไม่รัดยึดแน่นไปกับอวัยวะเพศ มีความกว้างประมาณ 62-80 มิลลิเมตร และความหนาประมาณ 0.15 มิลลิเมตร แต่ในปัจจุบันไม่ได้รับความนิยมแล้วจึงไม่มีขายโดยทั่วไป ถุงยางอนามัยจากยางธรรมชาติ มีความบางและยืดหยุ่นได้ดีกว่า แต่ขนาดความกว้างน้อยเมื่อสวมใส่จึงอาจรัดแน่นอวัยวะเพศได้มากกว่า แต่ถุงยางอนามัยประเภทนี้ห้ามใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นประเภทน้ำมันได้เพราะอาจจะทำให้ถุงยังเสื่อมใช้ได้แต่กับสารหล่อลื่นที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ถุงยางอนามัยจากพลาสติก (Polyurethane) มีความยืดหยุ่นและแข็งแรงคงทนกว่าถุงยางจากยางธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังอาจใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นที่ทำจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี […]


โรคซิฟิลิส

ซิฟิลิส เกิดจาก อะไร และควรอยู่ร่วมกับผู้ป่วยซิฟิลิสอย่างไร

หลายคนอาจทราบกันดีว่าซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ก็อาจยังมีข้อสงสัยว่า ซิฟิลิส เกิดจาก อะไร หรือสามารถติดต่อจากทางอื่นได้อีกหรือไม่ แล้วจะมีวิธีการอยู่ร่วมกับผู้ป่วยซิฟิลิสอย่างไร เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของตนเองและผู้อื่น ดังนั้น การทราบถึงที่มาของการเกิดโรค จึงอาจช่วยป้องกันการติดโรค และอาจช่วยในการดูแลรักษาตัวเองหรือผู้ป่วย นอกจากนี้ การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้ป่วยที่เป็นซิฟิลิส ยังอาจช่วยให้ปฏิบัติกับผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม [embed-health-tool-ovulation] ซิฟิลิส เกิดจาก อะไร ซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจแบ่งออกได้เป็นระยะ ดังนี้ ซิฟิลิสระยะที่ 1 (Primary Syphilis) เป็นระยะที่ร่างกายเริ่มแสดงสัญญาณ โดยอาจมีแผลเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบริเวณที่มีเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพียงจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้ และแผลจะค่อย ๆ หายไปเองภายใน 2-3 สัปดาห์ ซิฟิลิสระยะที่ 2 (Secondary Syphilis) เมื่อเวลาผ่านไปอาจสังเกตเห็นผื่นแต่ไม่มีอาการคันเกิดขึ้นทั่วร่างกาย และอาจมีแผลคล้ายหูดเกิดขึ้นในปากหรืออวัยวะเพศ นอกจากนี้ บางคนยังอาจมีอาการผมร่วง ปวดกล้ามเนื้อ มีไข้ เจ็บคอ และต่อมน้ำเหลืองบวมร่วมด้วย โดยอาการอาจหายไปภายในไม่กี่สัปดาห์หรือเป็น ๆ หาย ๆ ซิฟิลิสระยะแฝง (Latent Syphilis) หากไม่ได้รับการรักษาก็จะเข้าสู่ระยะที่ไม่แสดงอาการ แต่ร่างกายยังคงมีเชื้อแฝงอยู่ในร่างกายและสามารถตรวจพบได้ด้วยการตรวจเลือก ซึ่งหากปล่อยไว้อาจทำให้โรคลุกลามจนเข้าสู่ระยะที่ 3 […]


การติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์

ติดเชื้อ HIV กี่ ปี ออก อาการ และอาการแต่ละระยะเป็นอย่างไร

หลายคนอาจมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องการติดเชื้อ HIV และโรคเอดส์ และต้องการทราบว่า ติดเชื้อ HIV กี่ ปี ออก อาการ โดยทั่วไปแล้วอาการติดเชื้อ HIV จะเกิดขึ้นหลังรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย 2-4 สัปดาห์ จากนั้นเชื้อจะอาศัยอยู่ในร่างกายเป็นเวลานานประมาณ 10 ปี หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมด้วยการรับประทานยาต้านไวรัสทุกวัน จะทำให้การติดเชื้อเข้าสู่ระยะโรคเอดส์ ซึ่งเป็นระยะที่ภูมิคุ้มกันถูกทำลายจนเสียหายรุนแรง และเสี่ยงเกิดโรคติดเชื้อฉวยโอกาสที่รักษาค่อนข้างยาก [embed-health-tool-bmi] เชื้อ HIV คืออะไร เชื้อเอชไอวี หรือฮิวแมนอิมมิวโนเดฟีเซียนซีไวรัส (Human Immunodeficiency Virus หรือ HIV) เป็นเชื้อไวรัสที่สร้างความเสียหายให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ด้วยการโจมตีและทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวซีดีโฟร์ (CD4 cells) หรือทีเซลล์ (T cells) ซึ่งทำหน้าที่ต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย เมื่อเซลล์เม็ดเลือดขาวเสียหายและลดปริมาณลง จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและเกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ ปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อ HIV ปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อ HIV อาจมีดังนี้ การมีเพศสัมพันธ์หรือใช้เข็มฉีดยาและอุปกรณ์ฉีดยาร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนั​​กหรือช่องคลอดโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย โดยเฉพาะกับคู่นอนหลายคนและคู่นอนที่ไม่ทราบประวัติการมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน การเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น โรคหนองในแท้ โรคหนองในเทียม โรคซิฟิลิส โรคหูดหงอนไก่ ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ […]


โรคซิฟิลิส

ซิฟิลิส รักษานานไหม และหายขาดได้หรือไม่

เชื้อซิฟิลิส เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อผ่านทางทวารหนัก ช่องคลอด อวัยวะเพศ ปาก หรือผิวหนังที่มีรอยแตก เมื่อติดเชื้อจะทำให้เกิดแผลบริเวณอวัยวะเพศ มีผื่นขึ้นตามฝ่ามือและฝ่าเท้า อ่อนเพลีย เป็นต้น หลายคนอาจมีคำถามว่า ซิฟิลิส รักษานานไหม และสามารถหายขาดได้หรือไม่ โดยทั่วไป การรักษาซิฟิลิสสามารถทำได้ด้วยการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อทำลายเชื้อในร่างกาย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3 สัปดาห์ ทั้งนี้ ระยะเวลาในการรักษาจะขึ้นอยู่กับระยะของโรคที่เป็นอยู่ หากรับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะทำให้หายขาดได้โดยเร็ว หากสงสัยว่าติดเชื้อซิฟิลิสควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม ผู้ติดเชื้อไม่ควรซื้อยามาใช้เองเพราะอาจทำให้โรคไม่หายขาด เสี่ยงเกิดเชื้อดื้อยา และการแพ้ยา [embed-health-tool-bmi] ซิฟิลิส คืออะไร ซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียทรีโพนีมาพาลลิดัม (Treponema pallidum) เชื้อโรคจะแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านการสัมผัสกับแผลที่เกิดจากเชื้อซิฟิลิส การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และอาจติดต่อจากคุณแม่ไปสู่ทารกในครรภ์ ทำให้ทารกเสี่ยงเสียชีวิตในครรภ์ เสี่ยงการคลอดก่อนกำหนด หรือทารกติดเชื้อตั้งแต่กำเนิด หลังจากได้รับเชื้อซิฟิลิส เชื้อจะกระจายไปตามกระแสเลือด หากไม่รับการรักษาอย่างเหมาะสมและปล่อยให้เชื้อแพร่กระจายอยู่ในร่างกายเป็นเวลาหลายปีจนเข้าสู่ระยะสุดท้ายของการติดเชื้อ จะส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของร่างกาย และทำให้อวัยวะบางส่วน เช่น สมอง หัวใจ หลอดเลือด ไขสันหลัง ระบบประสาท กระดูก ถูกทำลาย จนอาจทำให้ตาบอด […]


สุขภาพทางเพศ

ปวดท้องประจําเดือน วิธีแก้ ทำได้อย่างไรบ้าง

ผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์หลายคนมีอาการผิดปกติทุกครั้งที่มีประจำเดือน เช่น ปวดท้อง อารมณ์แปรปรวน เป็นสิว อ่อนเพลีย ปวดหลัง แต่หลัก ๆ แล้ว อาการที่พบได้บ่อยที่สุด คือ อาการปวดท้องประจำเดือน และอาจสงสัยว่า ปวดท้องประจําเดือน วิธีแก้ ทำได้อย่างไรบ้าง โดยทั่วไป อาการนี้สามารถรับมือได้ด้วยการรับประทานยาบรรเทาปวด พักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ ใช้ยาคุมกำเนิด เป็นต้น แต่หากดูแลตัวเองเบื้องต้นแล้วยังมีอาการปวดท้องประจำเดือนแบบผิดปกติ เช่น ปวดมากจนกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน ไปเรียนหรือทำงานไม่ไหว อาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละรอบเดือน หรือเพิ่งเริ่มปวดท้องประจำเดือนหลังอายุ 25 ปี ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจภายใน วินิจฉัยหาสาเหตุ และรับการรักษาที่เหมาะสม [embed-health-tool-bmi] ปวดท้องประจําเดือน เกิดจาก อะไร อาการปวดท้องประจำเดือน (Dysmenorrhoea) เป็นอาการปวดที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนและขณะเป็นประจำเดือน เกิดจากกล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวเนื่องจากการกระตุ้นของฮอร์โมนที่แปรปรวนในช่วงเป็นประจำเดือน หากการหดรัดรุนแรงมากอาจไปกดทับหลอดเลือดที่อยู่โดยรอบ ทำให้มดลูกขาดเลือดเป็นเวลาสั้น ๆ จึงไม่มีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงมดลูกตามปกติ ส่งผลให้รู้สึกปวดท้อง ร่วมกับมีอาการปวดบริเวณอื่น ๆ เช่น หลังส่วนล่าง อุ้งเชิงกราน ต้นขาด้านใน ทั้งนี้ การปวดท้องประจำเดือนอาจเป็นสัญญาณของภาวะสุขภาพได้เช่นกัน หากปวดท้องประจำเดือนรุนแรงผิดปกติ อาจมีสาเหตุมาจากภาวะต่อไปนี้ ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ […]


สุขภาพทางเพศ

ยาฮอร์โมนเพศหญิง มีประโยชน์และข้อควรระวังอย่างไร

ยาฮอร์โมนเพศหญิง มีส่วนประกอบของฮอร์โมนเพศหญิงอย่าง เอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่ใช้เพื่อรักษาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของฮอร์โมนเพศหญิง อย่างไรก็ตาม ยาฮอร์โมนเพศหญิงก็อาจมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้นจึงควรศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์และผลข้างเคียงให้ดี รวมถึงปรึกษาคุณหมอก่อนใช้ยา [embed-health-tool-ovulation] ยาฮอร์โมนเพศหญิง คืออะไร ยาฮอร์โมนเพศหญิง คือ ยาที่ส่วนประกอบของฮอร์โมนเพศหญิง เช่น เอสโตรเจน โปรเจสเตอโรน ใช้ในกระบวนการฮอร์โมนบำบัดเพื่อรักษาความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศหญิงและวัยหมดประจำเดือน เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ อาการร้อนวูบวาบ ภาวะช่องคลอดแห้ง อารมณ์แปรปรวน เหนื่อยล้าง่าย ประเภทของยาฮอร์โมนเพศหญิง ยาฮอร์โมนเพศหญิงแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้ ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน หมายถึงยาที่มีส่วนประกอบหลักเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยาฮอร์โมนโปรเจสติน หมายถึงยาที่มีส่วนประกอบหลักเป็นฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนแบบสังเคราะห์เท่านั้น เท่านั้น ยาฮอร์โมนรวม หมายถึงยาที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสังเคราะห์ อย่างไรก็ตาม ประเภทของยาฮอร์โมนเอสโตรเจนยังสามารถแบ่งออกตามรูปแบบของยา ดังนี้ ยาเม็ดสำหรับรับประทาน มีทั้งในรูปแบบของยาฮอร์โมนเอสโตรเจนเพียงอย่างเดียว ฮอร์โมนโปรเจสตินเพียงอย่างเดียว และยาฮอร์โมนรวม แผ่นแปะผิวหนัง มีทั้งในรูปแบบของยาฮอร์โมนเอสโตรเจนเพียงอย่างเดียวและยาฮอร์โมนรวม ครีมทาผิว มีในรูปแบบของยาฮอร์โมนเอสโตรเจนเพียงอย่างเดียว ห่วงคุมกำเนิด มีในรูปแบบของยาฮอร์โมนโปรเจสตินเพียงอย่างเดียว ยาเหน็บช่องคลอด มีในรูปแบบของยาฮอร์โมนเอสโตรเจนเพียงอย่างเดียว สเปรย์พ่น มีในรูปแบบของยาฮอร์โมนเอสโตรเจนเพียงอย่างเดียว ประโยชน์ของยาฮอร์โมนเพศหญิง ยาฮอร์โมนเพศหญิงอาจมีประโยชน์สำหรับการบรรเทาอาการที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศหญิงในวัยหมดระดู ดังนี้ อารมณ์แปรปรวน […]


สุขภาพทางเพศ

น้ำ อสุจิเป็นวุ้น ผิดปกติหรือไม่ เกิดจากสาเหตุอะไร

น้ำ อสุจิเป็นวุ้น ไม่ถือว่าผิดปกติ อาจพบได้หากหลั่งน้ำอสุจินาน ๆ ครั้ง หรือดื่มน้ำน้อยเกินไป อย่างไรก็ตาม หากน้ำอสุจิข้นขึ้นหรือเป็นวุ้น ร่วมกับมีอาการไข้ แสบร้อนองคชาตระหว่างปัสสาวะ หรืออัณฑะบวม ควรรีบไปพบคุณหมอ เพราะอาจหมายถึงระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ [embed-health-tool-ovulation] น้ำ อสุจิเป็นวุ้น ผิดปกติหรือไม่ น้ำอสุจิ เป็นของเหลวสีขาวขุ่นที่หลั่งจากองคชาตเมื่อผู้ชายถึงจุดสุดยอด ระหว่างมีเพศสัมพันธ์หรือจากการช่วยตัวเอง ทั้งนี้ น้ำอสุจิเป็นวุ้นถือว่าปกติ เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 10-15 นาที น้ำอสุจิที่เป็นวุ้นจะค่อย ๆ ใสขึ้น น้ำอสุจิปกติ มีลักษณะต่าง ๆ ดังนี้ มีสีขุ่น ออกขาวหรือเทา มีกลิ่นคล้ายคลอรีนอ่อน ๆ มีรสชาติหวานเล็กน้อย เนื่องจากมีน้ำตาลฟรักโทสเป็นส่วนประกอบ การหลั่งเมื่อถึงจุดสุดยอด 1 ครั้ง มีปริมาณน้ำอสุจิประมาณ 1.5-5 มิลลิลิตร น้ำ อสุจิเป็นวุ้น เกิดจากสาเหตุอะไร น้ำอสุจิอาจข้นจนเป็นวุ้นได้ เนื่องจากสาเหตุดังต่อไปนี้ การหลั่งน้ำอสุจินาน ๆ ครั้ง โปรตีนในน้ำอสุจิ มีคุณสมบัติทำให้ตัวอสุจิเกาะกันเมื่อเคลื่อนตัวเข้าสู่ช่องคลอด และการหลั่งน้ำอสุจินาน ๆ ครั้ง จะทำให้น้ำอสุจิข้นและมีปริมาณมากกว่าปกติ การขาดน้ำ น้ำอสุจิมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก เมื่อขาดน้ำ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน