สุขภาพผิว

ผิวหนัง คืออวัยวะภายนอกที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในร่างกาย ผิวหนังนั้นมีหน้าที่สำคัญต่อร่างกาย ทั้งเป็นเกราะป้องกันจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ หรือช่วยควบคุมอุณภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ เป็นต้น เรียนรู้เกี่ยวกับการมี สุขภาพผิว ที่ดี และเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย เพื่อการปกป้องดูแลผิวของคุณให้ดียิ่งขึ้น ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพผิว

รักษาสิวอย่างตรงจุด ด้วยนวัตกรรมเรตินอยเจนใหม่

“สิว” ไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่ใครหลายๆ คนคิด ยิ่งคนที่เคยเผชิญปัญหานี้ บอกเลยมีทั้งความกังวลใจ และความไม่มั่นใจ ถึงแม้สิวจะหายไป แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบตามมา ทั้งรอยแผลเป็นจากสิว หลุมสิว รอยดำ รอยแดง และสำหรับคนที่เคยมีปัญหาสิว โดยเฉพาะในวัยรุ่น สิ่งที่ตามมาไม่ใช่แค่ปัญหาทางผิวหนังเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจ หลายคนรู้สึกไม่สบายใจ กังวลทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับคนอื่น รู้สึกเหมือนถูกจับจ้อง หรือบางครั้งถึงกับหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ กัดกร่อนความมั่นใจในตัวเอง และทำให้หลายคนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น การปล่อยปละละเลยไม่รีบรักษาสิวตั้งแต่เนิ่นๆ อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นจากสิวที่เกิดจากหลุมสิว ยกตัวอย่างเช่น สิวที่หลัง ซึ่งมักถูกมองข้าม ทำให้ไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม การรักษารอยแผลเป็นจากสิวเหล่านี้เป็นไปได้ยาก และในปัจจุบันก็สามารถดูแลได้เพียงทำให้หลุมสิวดีขึ้นเท่านั้น ทางที่ดีจึงควรเริ่มรักษาสิวด้วยวิธีที่ถูกต้อง และเร็วที่สุด เพื่อลดความรุนแรงและรอยโรคที่จะเกิดขึ้นตามมา แน่นอนว่าปัญหาสิวไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ ยิ่งกว่านั้นยังเกิดขึ้นในหลายส่วนของร่างกาย 64.6-89.3% ของคนที่เป็นสิวในระดับปานกลางมักจะต้องเจอกับสิวที่ใบหน้าและสิวที่หลัง จากการสำรวจพบว่ามีคนไทยที่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 12-25 ปี มากถึง 85% ที่ต้องเผชิญกับปัญหาสิว ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 50% ที่เป็นสิวทั้งที่หน้าและสิวที่หลัง การรักษาสิวอย่างตรงจุด จึงจำเป็นที่จะต้องครอบคลุมทั้ง 2 บริเวณ และจะต้องช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิวซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความมั่นใจในระยะยาวอีกด้วย วิธีรักษาสิวมีได้หลากหลายรูปแบบ โดยวิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้ยารักษาสิว ซึ่งสามารถทำได้เองทุกวัน ยาในกลุ่มเรตินอยจัดเป็นยารักษาสิวประสิทธิภาพดี ช่วยลดการอักเสบทั้งสิวเก่า และป้องกันสิวใหม่ไม่ให้เกิดขึ้น ทำให้ยาทาในกลุ่มเรตินอยได้ถูกระบุให้เป็นทางเลือกแรกในการรักษาสิวโดยสถาบันโรคผิวหนังแห่งอเมริกา […]

หมวดหมู่ สุขภาพผิว เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพผิว

การดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ

สระผมทุกวันดีไหม และเคล็ดลับในการดูแลเส้นผม

หลายคนอาจสงสัยว่า สระ ผม ทุก วัน ดี ไหม โดยปกติแล้ว ไม่จำเป็นต้องสระผมทุกวัน เพราะการสระผมบ่อยเกินไปอาจทำให้ผมสูญเสียความชุ่มชื้นได้ สำหรับคนทั่วไป การสระผมทุก ๆ 2-3 วันก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่หากออกกำลังกาย ทำกิจกรรมกลางแจ้ง ว่ายน้ำ หรือมีเหงื่อออกมากระหว่างวัน ก็ควรสระผมให้สะอาดทุกครั้ง เพื่อป้องกันการสะสมของเหงื่อ สิ่งสกปรก และน้ำมันส่วนเกินบนเส้นผม ที่อาจทำให้หนังศีรษะอักเสบ ระคายเคือง เกิดรังแค ติดเชื้อรา หรือผมร่วงได้ [embed-health-tool-bmi] สระ ผม ทุก วัน ดี ไหม หากไม่สระผมนานเกินไปอาจทำให้มีสิ่งสกปรก เหงื่อไคล ฝุ่นควัน รวมถึงน้ำมันที่ผลิตจากต่อมไขมันสะสมอยู่บนหนังศีรษะและเส้นผม ส่งผลให้เส้นผมและหนังศีรษะมัน เสี่ยงรูขุมขนอุดตัน หนังศีรษะอักเสบหรือติดเชื้อจนมีอาการคัน หนังศีรษะแห้งลอกเป็นรังแค เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคหรือปรสิตอย่างเหา ผมร่วง หรืออาจเกิดสิวตามหนังศีรษะและบริเวณใบหน้าที่สัมผัสกับผมที่มีน้ำมันมากเกินไปได้ จึงควรสระผมเป็นประจำเพื่อชะล้างสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกจากเส้นผมและหนังศีรษะ ช่วยให้เส้นผมสะอาดและมีสุขภาพดีอยู่เสมอ แต่ถึงอย่างนั้น ก็อาจไม่จำเป็นต้องสระผมทุกวัน เพราะการสระผมบ่อยจนเกินไป จะชะล้างน้ำมันบนเส้นผมออกไปหมด ทำให้ผมสูญเสียความชุ่มชื้น แห้งแข็ง แตกหักง่าย ทั้งยังอาจทำให้หนังศีรษะแห้งตกสะเก็ด […]


สิว

ใส่แมสแล้วสิวขึ้น เกิดจากอะไร รักษาได้อย่างไร

การใส่แมสหรือหน้ากากอนามัย เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการป้องกันเชื้อโรคและมลภาวะ เช่น เชื้อไวรัสโคโรน่า (CoVs) ฝุ่นพีเอ็ม 2.5 คนส่วนใหญ่จึงยังคงใส่แมสอยู่เป็นประจำทุกวันเพื่อความปลอดภัย แต่การสวมใส่แมสเป็นเวลานาน อาจทำให้ผิวหน้าระคายเคืองจนเกิดปัญหาผิวตามมา หลายคนอาจ ใส่แมสแล้วสิวขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากน้ำมันบนผิว เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรกต่าง ๆ อุดตันรูขุมขน หรืออาจมีผื่นคันเนื่องจากผิวเสียดสีกับแมสจนระคายเคือง การใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์และใช้ยาแต้มสิวที่เหมาะกับผิว ทาครีมกันแดด ล้างหน้าให้สะอาดก่อนนอน เปลี่ยนแมสทุก ๆ 4-5 ชั่วโมง รวมถึงไม่แต่งหน้าเมื่อต้องใส่แมส อาจช่วยรักษาสิวที่เกิดจากการใส่แมสได้ [embed-health-tool-bmi] ใส่แมสแล้วสิวขึ้น เกิดจากอะไร โดยทั่วไปแล้ว สิวมักเกิดจากต่อมไขมันหลั่งน้ำมันเคลือบผิวหรือซีบัมออกมามากเกินไป เมื่อน้ำมันส่วนเกินรวมตัวกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สิ่งสกปรก ก็อาจทำให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดเป็นสิว และหากมีแบคทีเรียเจริญเติบโตในสิว ก็อาจทำให้กลายเป็นสิวอักเสบหรือสิวหัวช้าง สำหรับผู้ที่ใส่แมสเป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อหายใจหรือพูดคุย แมสที่ใส่อาจกักเก็บอากาศที่อุ่นชื้นเอาไว้ ทำให้แบคทีเรียหรือเชื้อยีสต์เจริญเติบโตได้มากกว่าปกติ และเมื่อผิวหนังภายในแมสเสียดสีกับแมสบ่อยครั้ง อาจกระตุ้นให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น โดยปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ ใส่แมสแล้วสิวขึ้น อาจมีดังนี้ รูขุมขนอุดตัน ส่งผลให้ผิวหนังอักเสบจนเกิดสิวที่ผิวหนังใต้แมส ผิวหนังระคายเคืองจากการเสียดสีกับแมสที่ใส่ ผิวหนังมีปฏิกิริยาตอบสนองหรือแพ้ผงซักฟอกที่ใช้ซักแมสผ้า สีย้อมหรือสารอื่น ๆ ในแมสชนิดใช้แล้วทิ้ง สิวที่ขึ้นจากการใส่แมส มีลักษณะอย่างไร อาการของสิวที่เกิดจากการใส่แมส อาจมีดังนี้ เกิดสิวหนอง สิวหัวขาว หรือสิวหัวดำขนาดเล็ก […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

ยาทาแผลเป็น มียาอะไรบ้าง แต่ละอย่างมีฤทธิ์อย่างไร

แผลเป็น เกิดจากกระบวนการฟื้นฟูตัวเองของผิวหนังหลังเป็นแผลหรือได้รับบาดเจ็บ ทำให้ผิวหนังมีลักษณะเป็นรอย แบน นูน หรือยุบเป็นหลุม ทั้งนี้ วิธีดูแลแผลเป็นให้มีขนาดเล็กลงหรือมีสีที่ใกล้เคียงกับผิวหนังโดยรอบ ควรทา ยาทาแผลเป็น อย่างเจลซิลิโคน คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) หรือ ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) [embed-health-tool-bmi] แผลเป็นเกิดจากอะไร แผลเป็นเกิดจากกระบวนการฟื้นฟูตัวเองของผิวหนังหลังเป็นแผลหรือได้รับบาดเจ็บ เมื่อผิวหนังเป็นแผลหรือบาดเจ็บ ร่างกายจะสร้างโปรตีนคอลลาเจน (Collagen) แล้วส่งไปยังบริเวณเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บเพื่อสมานบาดแผล ทำให้เกิดรอยแผลเป็นที่มีลักษณะแตกต่างจากผิวหนังบริเวณรอบ ๆ โดยแบ่งออกเป็นชนิดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ คีลอยด์ (Keloid) มีลักษณะนูน มันเงา ไม่มีขน ขยายใหญ่เกินขอบแผลเดิม และอาจมีสีเข้มกว่าผิวหนังโดยรอบ เกิดจากการที่ร่างกายผลิตคอลลาเจนมากเกินไปเพื่อสมานบาดแผล จนส่งผลให้เซลล์และเนื้อเยื่อผิวหนังเจริญเติบโตผิดปกติ แผลเป็นนูน (Hypertrophic Scar) มีลักษณะนูนคล้ายคีลอยด์ แต่ไม่ใหญ่เกินขอบแผลเดิม และมักปรากฏขึ้นหลังผิวหนังได้รับบาดเจ็บหรือเป็นสิวไปแล้ว 1-2 เดือน หลุมสิว (Atrophic Acne Scar) เป็นรอยบุ๋มหรือการยุบตัวของผิวหน้า ทำให้ใบหน้าดูขรุขระ ไม่เรียบเนียน ทั้งนี้ หลุมสิวมีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อได้ไม่เพียงพอต่อความเสียหายของผิวหนัง แผลเป็นหดรั้ง (Scar Contracture) มักมีสาเหตุมาจากไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก […]


สิว

สิวหัวช้างเกิดจากอะไร รักษาและควรดูแลตนเองอย่างไร

สิวหัวช้างเป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรง มีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดใหญ่ มีหนองอยู่ข้างใน เมื่อสัมผัสโดนจะรู้สึกเจ็บ หากถามว่า สิวหัวช้างเกิดจากอะไร คำตอบคือ สิวหัวช้างเกิดจากน้ำมันบนใบหน้าและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วเข้าไปอุดตันในรูขุมขน ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงของสิวหัวช้าง คือ ระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgens) เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ต่อมใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ทำให้รูขุมขนอุดตันและเป็นสิวได้ง่ายขึ้น [embed-health-tool-bmr] สิวหัวช้างเกิดจากอะไร สิวหัวช้าง เป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรง เกิดจากเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วและน้ำมันบนผิวหนังที่ผลิตออกมามากเกินไปอุดตันรูขุมขน หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในผิวหนังชั้นหนังแท้ ลักษณะของสิวหัวช้างจะเป็นก้อนนูนแดงขนาดใหญ่ มีหนองอยู่ข้างใน และเมื่อสัมผัสโดนจะทำให้รู้สึกเจ็บ ปกติแล้ว สิวหัวช้างพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย แต่มักพบบ่อยในผู้ที่มีผิวมัน วัยรุ่น และผู้หญิง และมักสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนแอนโดรเจน เช่น ระหว่างมีประจำเดือน ใช้ยาคุมกำเนิด ตั้งครรภ์ ซึ่งฮอร์โมนแอนโดรเจนจะไปกระตุ้นให้ต่อมใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ เป็นสิวหัวช้าง ควรดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อทราบแล้วว่า สิวหัวช้างเกิดจากอะไร ควรดูแลตัวเองเพื่อบรรเทาอาการและลดความเสี่ยงอาการรุนแรง ตามคำแนะนำต่อไปนี้ ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง หรือหลังจากเหงื่อออกมาก ด้วยน้ำสะอาดอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงการขัดผิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้ผิวหนังระคายเคือง ไม่กดหรือบีบสิว เพราะจะทำให้การติดเชื้อแพร่กระจาย และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นหลังสิวหายได้ หลีกเลี่ยงอาหารกลุ่มแป้งและน้ำตาล รวมถึงอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง เพราะอาจมีผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย และทำให้ต่อมใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแสงแดด ดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ด้วยการออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ สิวหัวช้าง รักษาได้อย่างไร เนื่องจากสิวหัวช้างเป็นสิวชนิดรุนแรง การรักษาด้วยยาแต้มสิวหรือผลิตภัณฑ์รักษาสิวโดยทั่วไปจึงไม่ได้ผล ทั้งนี้ […]


สิว

สิวประจำเดือน สาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง วิธีรักษาและการป้องกัน

สิวประจำเดือน เป็นสิวที่มักเกิดขึ้นในช่วงก่อนเป็นประจำเดือนหรือขณะเป็นประจำเดือน เนื่องจากระดับฮอร์โมนในร่างกายเพิ่มขึ้นและกระตุ้นให้ต่อมไขมันขับน้ำมันออกมามากเกินไป เมื่อน้ำมันส่วนเกินรวมตัวกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สิ่งสกปรก และแบคทีเรีย อาจทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิว สิวประจำเดือนโดยทั่วไปสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาแต้มสิวและการดูแลผิวอย่างถูกวิธี [embed-health-tool-bmi] สิวประจำเดือน เกิดจากอะไร ส่วนใหญ่แล้ว สิวมักมีสาเหตุมาจากการอุดตันของรูขุมขน โดยเฉพาะในช่วงที่เป็นประจำเดือน ฮอร์โมนในร่างกายจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตซีบัม (Sebum) หรือน้ำมันที่มีหน้าที่เคลือบผิวออกมามากเกินไป เมื่อน้ำมันส่วนเกินรวมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สิ่งสกปรก และแบคทีเรียบนผิวหนัง อาจทำให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดสิว นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดสิวประจำเดือน และทำให้สิวแย่ลง ดังนี้ ความเครียด เมื่อเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด เช่น คอร์ติซอล แอนโดรเจน ที่จะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปจนอาจก่อให้เกิดสิวและทำให้สิวที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้นได้ ประวัติครอบครัว ผู้ที่มีคนในครอบครัวมีประวัติเป็นสิวประจำเดือน อาจทำให้เสี่ยงเกิดสิวประจำเดือนได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ผลิตภัณฑ์ความสะอาดเส้นผมและผิวหนัง เช่น แชมพูสระผม โฟมล้างหน้า มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ครีมกันแดด อาจไปอุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิวในช่วงที่เป็นประจำเดือน โดยเฉพาะหากมีส่วนผสมที่ทำให้ผิวหนังระคายเคืองหรือเกิดสิวได้ง่าย เช่น น้ำหอม พาราเบน ซิลิโคน แอลกอฮอล์ ผลข้างเคียงของยา การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ยาลิเธียม (Lithium) ยาเบนโซไดอะซีปีน […]


สิว

สิวขึ้นหน้าผาก เกิดจากอะไร มีวิธีรักษาและการป้องกันอย่างไร

สิวขึ้นหน้าผาก เกิดจาก หลายปัจจัยด้วยกัน เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การดูแลผิวไม่ถูกวิธี การใช้เครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน ซึ่งทำให้เกิดสิวขึ้นหน้าผากประเภทต่าง ๆ ที่อาจมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงควรรับการวินิจฉัยโดยคุณหมอ เพื่อรับการรักษาและคำแนะนำในการป้องกันสิวขึ้นหน้าผากอย่างเหมาะสม [embed-health-tool-bmr] สิวขึ้นหน้าผาก เกิดจากอะไร สิวขึ้นหน้าผาก เกิดจากเซลล์ผิวเก่า สิ่งสกปรก และน้ำมันส่วนเกินที่เรียกว่า ซีบัม (Sebum) อุดตันในรูขุมขนบริเวณหน้าผาก ซึ่งอาจกระตุ้นให้แบคทีเรียตามธรรมชาติที่อาศัยอยู่บนผิวเจริญเติบโตมากขึ้น จนนำไปสู่การอักเสบและก่อให้เกิดสิว นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบางอย่างอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดสิวขึ้นหน้าผาก ดังนี้ พันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีสิวขึ้นหน้าผาก บุตรหลานก็อาจมีแนวโน้มที่จะมีสิวขึ้นหน้าผากด้วยเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) อาจกระตุ้นให้ต่อมไขมันขยายและผลิตน้ำมันออกมามากจนเกินไป จนนำไปสู่การอุดตันในรูขุมขนและก่อให้เกิดสิวขึ้นหน้าผาก ความเครียด อาจทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ที่เป็นฮอร์โมนแห่งความเครียด และกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป จนเกิดการอุดตันในรูขุมขน นำไปสู่การเกิดสิวขึ้นหน้าผาก การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ขนมหวาน ช็อกโกแลต ของทอด รวมถึงของเผ็ดร้อน ที่อาจกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเหงื่อมากขึ้น นำไปสู่การอุดตันในรูขุมขน และเสี่ยงต่อการเกิดสิวขึ้นหน้าผาก หรืออาจทำให้สิวที่เป็นอยู่มีอาการแย่ลง ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

หน้าไม่เรียบเนียน สาเหตุ การรักษาและวิธีดูแลผิว

หน้าไม่เรียบเนียน อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น สิว รอยแผลเป็น ที่ส่งผลให้ผิวหน้าขรุขระ ไม่เรียบเนียน อีกทั้งยังอาจทำให้แต่งหน้าไม่ติดทน และลดความมั่นใจในตัวเองดังนั้น จึงควรขอคำปรึกษาจากคุณหมอเพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม อีกทั้งควรปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผิวหน้าให้ถูกวิธีเพื่อช่วยฟื้นฟูให้ผิวกลับมาสุขภาพดีและเรียบเนียนดังเดิม [embed-health-tool-bmr] สาเหตุที่ทำให้หน้าไม่เรียบเนียน สาเหตุที่ทำให้หน้าไม่เรียบเนียน มีดังนี้ สิว เป็นปัญหาผิวหนังที่เกิดจากน้ำมัน เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกอุดตันในรูขุมขน จนก่อให้เกิดเป็นตุ่มนูนแดง บวมอักเสบและอาจมีหนอง เมื่อสัมผัสจะรู้สึกได้ว่าผิวหน้าไม่เรียบเนียน อีกทั้งยังเสี่ยงก่อให้เกิดรอยแผลเป็น รอยดำ รอยแดง รวมไปถึงปัญหาผิวหมองคล้ำและจุดด่างดำได้ หลุมสิว คือรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวในระดับรุนแรง เช่น สิวหนอง สิวอักเสบ สิวซีสต์ รวมถึงพฤติกรรมการบีบสิวและแกะสิว ที่ทำลายชั้นผิวหนัง ส่งผลผิวหน้าไม่เรียบเนียน โดยหลุมสิวอาจมีลักษณะแตกต่างกันออกไป เช่น หลุมสิวลึก หลุมสิวตื้น รอยแผลเป็น เกิดจากกระบวนการสมานแผลที่สร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาแทนที่เนื้อเยื่อเก่าที่เสียหายเนื่องจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัด ซึ่งมีทั้งลักษณะบุ๋มลงไปหรือแผลเป็นนูน ที่ส่งผลให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน ไฝ เกิดจากความผิดปกติของเมลาโนไซต์ (Melanocytes) ที่ผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป ทำให้เกิดจุดสีน้ำตาลเข้ม สีดำ อาจมีตั้งแต่ขนาดเล็กจนไปถึงขนาดใหญ่ หรืออาจเป็นไฝนูนที่มีขนตรงกลาง ปรากฏบนผิวส่วนต่าง ๆ เช่น หน้าอก หลัง แขน รวมถึงใบหน้า และทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน การรักษาปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียน วิธีการรักษาปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียน […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

ครีมทาผิว มีประโยชน์อย่างไร และควรเลือกอย่างไรให้เหมาะกับผิว

ครีมทาผิว เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูสภาพผิวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผิวผสม ผิวมัน ผิวแห้ง และผิวแพ้ง่าย เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น แข็งแรง และมีสุขภาพดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ครีมทาผิวจำเป็นต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวของแต่ละคน เพื่อให้ครีมทาผิวสามารถบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ [embed-health-tool-bmr] ครีมทาผิว มีประโยชน์ต่อสุขภาพผิวอย่างไร ครีมทาผิว เป็นผลิตภัณฑ์ที่ประโยชน์ต่อสุขภาพผิวในการช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื้น แข็งแรง และมีสุขภาพดี พร้อมทั้งช่วยแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ริ้วรอย ความเหี่ยวย่น ความหมองคล้ำ รอยแดง รอยดำ ความไม่สม่ำเสมอของสีผิว ซึ่งครีมทาผิวอาจมีหลายสูตรและหลายเนื้อสัมผัส เช่น ครีม เจล สูตรน้ำ สูตรน้ำมัน ขี้ผึ้ง ทั้งนี้ แต่ละประเภทอาจต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคนด้วย ประเภทของครีมทาผิว ครีมทาผิวอาจแบ่งออกได้หลายประเภท เนื่องจากสภาพผิวและปัญหาผิวของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน จึงต้องมีครีมทาผิวหลายชนิดเพื่อให้สามารถเลือกใช้สำหรับสภาพผิวและปัญหาผิวที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม ดังนี้ ออยล์ มอยส์เจอไรเซอร์ (Oil-Based Face Moisturizer) เหมาะกับทุกสภาพผิว สำหรับให้ความชุ่มชื้น ช่วยลดริ้วรอย ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและลดขนาดรูขุมขน นอกจากนี้ ยังอาจช่วยให้ผิวแลดูอวบอิ่ม เรียบเนียนและเปล่งปลั่งขึ้น เจลมอยส์เจอไรเซอร์ (Gel Moisturizer) เหมาะสำหรับผิวมันและผิวผสม เป็นสูตรที่มีส่วนประกอบของน้ำและปราศจากน้ำมัน […]


สุขภาพผิว

อิลาสติน คืออะไร ควรดูแลสุขภาพผิวอย่างไรให้แข็งแรง

อิลาสติน (Elastin) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีหน้าที่ในการให้ความยืดหยุ่นกับเนื้อเยื่อในร่างกาย ซึ่งช่วยให้ผิวหนังมีสุขภาพดี แข็งแรง ยืดหยุ่น และเต่งตึง แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นหรือผิวหนังไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อิลาสตินในผิวหนังก็อาจเสื่อมสภาพก่อนวัย ส่งผลให้ผิวหนังเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย และขาดความยืดหยุ่น ดังนั้น การดูแลสุขภาพผิวที่เหมาะสม อาจช่วยให้ผิวมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง [embed-health-tool-bmr] อิลาสติน คืออะไร อิลาสติน คือ โปรตีนที่มีลักษณะยึดโยงกันและมีความยืดหยุ่นสูง สามารถยืดออกและหดตัวกลับได้ โดยอิลาสตินเกิดจากการรวมตัวกันของโมเลกุลขนาดเล็กในร่างกาย ที่เรียกว่า โทรโพอิลาสติน (Tropoelastin) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิหนึ่งที่มีมากที่สุดในร่างกาย และเป็นส่วนประกอบหลักของเนื้อเยื่อที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง เช่น ผิวหนัง ปอด กระเพาะปัสสาวะ หลอดเลือดใหญ่ เส้นเอ็น กระดูกอ่อนหู อิลาสติน มีหน้าที่อะไร อาจมีความสับสนระหว่างอิลาสตินกับคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนอาจมีหน้าที่เป็นโครงสร้างของเนื้อเยื่อและให้ความแข็งแรงกับผิวหนัง ส่วนอิลาสตินจะมีหน้าที่หลัก คือ ให้ความยืดหยุ่นกับเนื้อเยื่อในร่างกาย ซึ่งจะให้ความยืดหยุ่นมากกว่าคอลลาเจนประมาณ 1,000 เท่า โดยอิลาสตินจะทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อที่ต้องการความยืดขยายและหดตัวกลับได้สูง เช่น หลอดเลือดแดง ที่มีหน้าที่ลำเลียงเลือดจากหัวใจไปทั่วร่างกาย ซึ่งอิลาสตินจะช่วยให้หลอดเลือดแดงขยายออก ช่วยให้หัวใจสามารถสูบฉีดเลือดได้ง่ายขึ้น ปอด อิลาสตินจะช่วยให้ปอดหดและขยายตัวได้ดี เมื่อหายใจเข้าและออก ผิวหนัง อิลาสตินจะช่วยให้ผิวหนังสามารถยืดและหดกลับได้ดี แต่เมื่ออายุมากขึ้นอิลาสตินอาจค่อย ๆ ลดลง ส่งผลให้ผิวหนังที่ยืดออกหดตัวกลับได้ช้าลง และอาจทำให้เกิดความเหี่ยวย่นขึ้นบนผิวหนัง ภาวะผิดปกติของอิลาสติน […]


สุขภาพผิว

โรคหัดเยอรมัน สาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง วิธีรักษาและการป้องกัน

โรคหัดเยอรมัน (Rubella หรือ German Measles) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสรูเบลล่า (Rubella) ทำให้เกิดผื่นแดงทั่วร่างกาย มีไข้อ่อน ๆ ปวดศีรษะ เจ็บคอ คัดจมูก ปวดตามข้อต่อ ส่วนใหญ่จะมีอาการไม่รุนแรงหรือบางคนอาจไม่มีอาการเลย อย่างไรก็ตาม โรคนี้อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ได้ จึงควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคหัดเยอรมันตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยเฉพาะผู้ที่วางแผนตั้งครรภ์ [embed-health-tool-vaccination-tool] โรคหัดเยอรมัน คืออะไร โรคหัดเยอรมัน เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสรูเบลล่า สามารถถ่ายทอดจากคนสู่คนได้ผ่านการรับเชื้อที่แพร่กระจายทางอากาศเมื่อผู้ติดเชื้อไอหรือจาม หรือจากสัมผัสสารคัดหลั่งจากจมูกและลำคอของผู้ติดเชื้อโดยตรง เมื่อร่างกายได้รับเชื้อไวรัสรูเบลล่า เชื้อจะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 14-21 วัน และสามารถเริ่มแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 7 วันก่อนเริ่มมีผื่นขึ้น และหลังมีผื่นขึ้นอีก 14 วัน คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคหัดเยอรมันมักมีอาการป่วยเล็กน้อย โดยมีอาการไข้ต่ำ เจ็บคอ และมีผื่นแดงขึ้นตามผิวหนัง เริ่มจากบริเวณใบหน้าและอาจลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ในเด็กเล็กอาจเริ่มจากมีผื่นก่อนแล้วตามมาด้วยอาการอื่น ๆ ส่วนในเด็กและผู้ใหญ่ อาจมีอาการอื่น ๆ เกิดขึ้นก่อน จากนั้น 2-3 วันจึงเริ่มมีผื่นแดง โรคหัดเยอรมันสามารถถ่ายทอดจากคุณแม่ไปยังทารกในครรภ์ และอาจถ่ายทอดผ่านน้ำนมหรือสารคัดหลั่งของคุณแม่ไปยังทารกแรกเกิดได้อีกด้วย หากหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อโรคหัดเยอรมันอาจทำให้เสี่ยงเกิดภาวะแท้งหรือทารกเกิดกลุ่มความพิการแต่กำเนิด เช่น หูหนวก สมองฝ่อ กลุ่มเสี่ยงโรคหัดเยอรมัน ผู้ที่เดินทางไปยังพื้นที่ที่ไม่มีการฉีดวัคซีนหัดเยอรมัน […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน