สุขภาพผิว

ผิวหนัง คืออวัยวะภายนอกที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในร่างกาย ผิวหนังนั้นมีหน้าที่สำคัญต่อร่างกาย ทั้งเป็นเกราะป้องกันจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ หรือช่วยควบคุมอุณภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ เป็นต้น เรียนรู้เกี่ยวกับการมี สุขภาพผิว ที่ดี และเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย เพื่อการปกป้องดูแลผิวของคุณให้ดียิ่งขึ้น ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพผิว

รักษาสิวอย่างตรงจุด ด้วยนวัตกรรมเรตินอยเจนใหม่

“สิว” ไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่ใครหลายๆ คนคิด ยิ่งคนที่เคยเผชิญปัญหานี้ บอกเลยมีทั้งความกังวลใจ และความไม่มั่นใจ ถึงแม้สิวจะหายไป แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบตามมา ทั้งรอยแผลเป็นจากสิว หลุมสิว รอยดำ รอยแดง และสำหรับคนที่เคยมีปัญหาสิว โดยเฉพาะในวัยรุ่น สิ่งที่ตามมาไม่ใช่แค่ปัญหาทางผิวหนังเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจ หลายคนรู้สึกไม่สบายใจ กังวลทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับคนอื่น รู้สึกเหมือนถูกจับจ้อง หรือบางครั้งถึงกับหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ กัดกร่อนความมั่นใจในตัวเอง และทำให้หลายคนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น การปล่อยปละละเลยไม่รีบรักษาสิวตั้งแต่เนิ่นๆ อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นจากสิวที่เกิดจากหลุมสิว ยกตัวอย่างเช่น สิวที่หลัง ซึ่งมักถูกมองข้าม ทำให้ไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม การรักษารอยแผลเป็นจากสิวเหล่านี้เป็นไปได้ยาก และในปัจจุบันก็สามารถดูแลได้เพียงทำให้หลุมสิวดีขึ้นเท่านั้น ทางที่ดีจึงควรเริ่มรักษาสิวด้วยวิธีที่ถูกต้อง และเร็วที่สุด เพื่อลดความรุนแรงและรอยโรคที่จะเกิดขึ้นตามมา แน่นอนว่าปัญหาสิวไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ ยิ่งกว่านั้นยังเกิดขึ้นในหลายส่วนของร่างกาย 64.6-89.3% ของคนที่เป็นสิวในระดับปานกลางมักจะต้องเจอกับสิวที่ใบหน้าและสิวที่หลัง จากการสำรวจพบว่ามีคนไทยที่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 12-25 ปี มากถึง 85% ที่ต้องเผชิญกับปัญหาสิว ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 50% ที่เป็นสิวทั้งที่หน้าและสิวที่หลัง การรักษาสิวอย่างตรงจุด จึงจำเป็นที่จะต้องครอบคลุมทั้ง 2 บริเวณ และจะต้องช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิวซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความมั่นใจในระยะยาวอีกด้วย วิธีรักษาสิวมีได้หลากหลายรูปแบบ โดยวิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้ยารักษาสิว ซึ่งสามารถทำได้เองทุกวัน ยาในกลุ่มเรตินอยจัดเป็นยารักษาสิวประสิทธิภาพดี ช่วยลดการอักเสบทั้งสิวเก่า และป้องกันสิวใหม่ไม่ให้เกิดขึ้น ทำให้ยาทาในกลุ่มเรตินอยได้ถูกระบุให้เป็นทางเลือกแรกในการรักษาสิวโดยสถาบันโรคผิวหนังแห่งอเมริกา […]

หมวดหมู่ สุขภาพผิว เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพผิว

โรคผิวหนังติดเชื้อ

วิธีรักษาฝี และการป้องกันฝีตามร่างกาย

ฝีเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มสแตปฟิโลคอคคัส (Staphylococcus) ทางบาดแผลหรือรูขุมขนทำให้ผิวหนังนูนเป็นตุ่มมีหนองอยู่ภายใน วิธีรักษาฝี อาจดูแลตนเองเบื้องต้นได้ด้วยการประคบร้อนและไม่แกะหรือเกาบริเวณที่เป็นฝี แต่หากอาการรุนแรง ควรไปพบคุณหมอซึ่งอาจรักษาด้วยการให้รับประทานยาต้านแบคทีเรีย หรือผ่าฝีเพื่อระบายหนองออกและทำให้ฝียุบตัว นอกจากนั้น ฝียังป้องกันได้ด้วยการดูแลและรักษาความสะอาดสุขอนามัยของตนเองด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น ล้างมือสม่ำเสมอ ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น หากเป็นแผลควรล้างแผลและใส่ยา [embed-health-tool-bmr] ฝีเกิดจากอะไร ฝี กิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มสแตปฟิโลคอคคัส อย่างสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus Aureus) หรือสเตรปโตค็อกคัส ไพโอจีนัส (Streptococcus Pyogenes) ซึ่งปกติแบคทีเรียดังกล่าวมักไม่ก่อให้เกิดโรคร้ายแรง หรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ยกเว้นเมื่อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผล รอยขีดข่วน หรือรูขุมขน ซึ่งส่งผลให้เกิดการติดเชื้อหรือเป็นฝีได้ ลักษณะของฝี คือ ตุ่มบวมแดงอมชมพู มีหนองอยู่ข้างใน และมีหัวสีออกเหลือง มักทำให้รู้สึกเจ็บหรือระคายเคืองเมื่อผิวหนังบริเวณดังกล่าวถูกเสียดสีหรือโดนสัมผัส ฝีอาจเกิดได้ทั้งบริเวณผิวหนังตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และในรูจมูก รวมทั้งฝีภายในร่างกาย โดยเกิดจากการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียจากภาวะสุขภาพต่าง ๆ เช่น เมื่อไส้ติ่งแตก แบคทีเรียจะกระจายไปยังช่องท้อง และทำให้เป็นฝีในช่องท้องได้เมื่อเป็นฝี วิธีรักษาฝี และการดูแลตนเอง ฝีเม็ดเล็ก หรือฝีที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 1 เซนติเมตร อาจหายได้เอง หรือค่อย ๆ แห้งและยุบลงด้วยการดูแลตนเอง ดังนี้ […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

แผลรถล้ม ทำยังไงให้หายไว

แผลรถล้ม เป็นแผลที่เกิดจากการกระแทกหรือการขีดข่วนของวัตถุกับผิวหนังโดยตรง รวมถึงอาจเกิดจากอุบัติเหตุรถจักรยานและรถจักรยานยนต์ชนหรือรถเสียการทรงตัวจนทำให้ร่างกายเกิดรอยฟกช้ำ แผลถลอก แผลเปิดขนาดใหญ่ หรือการบาดเจ็บจากภายใน ซึ่งความรุนแรงของแผลรถล้มอาจขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอุบัติเหตุ หากแผลมีขนาดใหญ่มากหรือเกิดอาการบาดเจ็บภายในควรเข้าพบคุณหมอเพื่อทำการรักษา [embed-health-tool-bmr] ลักษณะของแผลรถล้มที่อาจได้พบบ่อย แผลรถล้มสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของร่างกาย หากเกิดการกระแทกหรือการขีดข่วนจนได้รับบาดเจ็บ อาจทำให้มีอาการฟกช้ำ แผลถลอก แผลเปิดขนาดใหญ่ หรือการบาดเจ็บจากภายใน ดังนี้ เนื้อเยื่ออ่อนได้รับบาดเจ็บ เช่น กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เส้นประสาท เนื้อเยื่อบริเวณต้นคอ เป็นแผลรถล้มที่อาจพบได้บ่อยที่สุด โดยเป็นแผลที่เกิดจากการได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุอย่างรุนแรง อาจเกิดขึ้นในระหว่างรถล้ม รถชน การกระแทกที่กระดูกสันหลังจนกระทบกับเนื้อเยื่ออ่อนจนได้รับบาดเจ็บ แผลจากการถูกขูดหรือบาด เป็นลักษณะแผลที่เกิดขึ้นจากการโดนของมีคม เช่น แก้ว กระจก ก้อนหิน เศษวัตถุที่แตกหักจากรถ ขูดหรือบาดที่ผิวหนังจนอาจเกิดเป็นรอยถลอกหรือรอยแผลลึก การบาดเจ็บที่ศีรษะ อาจเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบตั้งแต่รุนแรงน้อยไปจนถึงรุนแรงมาก ซึ่งอาจเกิดขึ้นในขณะหยุดรถกะทันหันหรือรถชนที่ทำให้ศีรษะเคลื่อนที่ไปตามแรงเหวี่ยง จนชนเข้ากับวัตถุรอบข้างและเกิดเป็นแผลช้ำหรือหัวแตก การบาดเจ็บที่แขนและขา เป็นแผลรถล้มที่เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกับการบาดเจ็บที่ศีรษะ มักเกิดรอย แผลรถล้มที่เข่า ข้อศอก แขน และขา ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับทิศทางของการกระแทก จนอาจทำให้เกิดรอยช้ำ แผลถลอก ขาแพลง หรือกระดูกหัก การบาดเจ็บที่หน้าอก มักเกิดจากการกระแทกอย่างรุนแรงบริเวณหน้าอก จนอาจทำให้เกิดรอยฟกช้ำหรืออาจเกิดการบาดเจ็บภายใน แผลรถล้ม ควรดูแลอย่างไร แผลรถล้ม ทําไงให้หายไว […]


สุขภาพผิว

ตุ่มใสขึ้นตามตัว อันตรายไหม เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง

ตุ่มใสขึ้นตามตัว เกิดขึ้นได้เมื่อผิวหนังโดนความร้อน หรือเสียดสีกับวัตถุบางอย่าง สัมผัสกับสารเคมีในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และถูกกดทับหรือดึงรั้ง รวมทั้งอาจเป็นอาการของโรคบางอย่างหรือเกิดจากการติดเชื้อ เช่น โรคอีสุกอีใส โรคเอดส์ทั้งนี้ เพื่อป้องกันตุ่มใสขึ้นตามตัว ควรสวมถุงมือทุกครั้งเมื่อต้องหยิบจับเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ หรือผลิตภัณฑ์ที่อาจมีส่วนผสมของสารเคมี ล้างมือเป็นประจำ [embed-health-tool-ovulation] ตุ่มใสขึ้นตามตัว มีลักษณะอย่างไร ตุ่มใสเป็นตุ่มบวมขนาดเล็กขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มีลักษณะเป็นถุงน้ำที่มีสีอ่อนกว่าผิวหนังเล็กน้อย และบางครั้งอาจทำให้คันหรือรู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัสโดน โดยทั่วไป ข้างในตุ่มใสมักเป็นเลือดหรือของเหลวใส แต่ถ้าติดเชื้อ ของเหลวของในตุ่มใสอาจมีลักษณะคล้ายหนองโดยมีสีขาวขุ่น ตุ่มใสขึ้นตามตัว เกิดจากสาเหตุอะไร สาเหตุหลัก ๆ ของตุ่มใสขึ้นตามตัว มีดังต่อไปนี้ การเสียดสี หากผิวหนังเสียดสีกับวัตถุบางอย่าง ผิวหนังชั้นนอกและชั้นในจะเกิดช่องว่าง ทำให้ของเหลวในร่างกายไหลมาสะสมและกลายเป็นตุ่มใส โดยปกติ ตุ่มใสจากการเสียดสีมักเกิดบริเวณฝ่ามือ โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องจับเครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการทำงานต่าง ๆ เช่น ชาวสวนที่ต้องใช้จอบหรือเสียม หรือนักดนตรีที่จับไม้ตีกลองเป็นเวลานาน รวมทั้งอาจเกิดบริเวณส้นเท้า ในผู้ที่สวมใส่รองเท้าคับแน่นเดินหรือวิ่งเป็นเวลานาน ความร้อน ตุ่มใสอาจเกิดขึ้นภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังจากผิวโดนแสงแดดเป็นเวลานาน โดยจัดเป็นอาการผิวไหม้ในระดับที่รุนแรงและอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง การกดทับหรือดึงรั้ง เมื่อผิวหนังถูกกดทับเป็นเวลานานหรือดึงจนตึงมากเกินไป หลอดเลือดใต้ผิวหนังจะแตก ทำให้เลือดไหลไปสะสมในช่องว่างระหว่างชั้นผิวหนัง ก่อให้เกิดตุ่มใสที่ภายในเต็มไปด้วยเลือดได้ นอกจากนี้ ตุ่มใสขึ้นตามตัวอาจเป็นอาการของโรคติดเชื้อบางชนิด เช่น โรคอีสุกอีใส เกิดจากการติดเชื้อไวรัสวาริเซลลา (Varicella […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

ผิวลอกเป็นขุย เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง

ผิวลอกเป็นขุย เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อผิวแห้ง หรือเมื่อผิวสัมผัสโดนความร้อน ความเย็น หรือการถูกเสียดสี นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งในอาการของโรคผิวหนังชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคผิวหนังอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน โรคต่อมไขมันอักเสบ ทั้งนี้ ผิวลอกเป็นขุยอาจไม่เป็นอันตราย มักหายเองได้หากดูแลตัวเองถูกวิธี เช่น ทามอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิว ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน เลือกอาบน้ำอุณหภูมิห้องแทนน้ำร้อนหรือน้ำเย็นจัด [embed-health-tool-bmi] ผิวลอกเป็นขุย เกิดจากสาเหตุอะไร ผิวลอกเป็นขุย เกิดจากการที่ผิวแห้งเนื่องจากสัมผัสโดนความร้อน ความชื้น อากาศที่เย็น หรือถูกเสียดสีจนทำให้หนังกำพร้าหลุดลอกออกมา และเป็นอาการอย่างหนึ่งของ โรคผิวหนังชนิดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ โรคผิวหนังอักเสบ ทำให้ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย รู้สึกคัน เป็นผื่นแดง หรือเป็นแผลพุพอง โดยมีสาเหตุมาจากการบริโภคอาหารหรือสัมผัสวัตถุที่มีสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ เป็นส่วนประกอบเช่น น้ำหอม เครื่องสำอาง เครื่องประดับ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด นอกจากนี้ สาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบ ยังเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสบางชนิด และระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ซึ่งทำให้ผิวหนังบอบบาง และติดเชื้อหรืออักเสบได้ง่ายกว่าปกติ โรคน้ำกัดเท้า หรือบางครั้งเรียกว่าฮ่องกงฟุต เกิดจากการติดเชื้อรากลุ่มเดอร์มาโตไฟต์ (Dermatophytes) บริเวณเท้า เนื่องจากการสวมใส่รองเท้านานเกินไปหรือรัดแน่นเกินไปจนทำให้เกิดความอับชื้น ซึ่งเอื้อให้เชื้อราเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วจนนำไปสู่การติดเชื้อและเกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ เช่น คันเท้า […]


สุขภาพผิว

ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม คืออะไร มีความเสี่ยงหรือไม่

การ ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม (Buccal fat pad removal) ด้วยวิธีทางการแพทย์ เป็นอีกทางเลือกในการลดไขมันที่สะสมอยู่ที่บริเวณใบหน้า หลังผ่าตัดอาจช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวและดูมีขนาดเล็กลงได้ การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้มควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และผู้ที่สนใจเข้ารับการผ่าตัดชนิดนี้ควรศึกษาขั้นตอนการตัดไขมันกระพุ้งแก้มและวิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงบางประการ เช่น การติดเชื้อ ใบหน้าหลังผ่าตัดไม่สมมาตร ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล การ ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม คืออะไร การตัดไขมันกระพุ้งแก้ม คือ การผ่าตัดขนาดเล็กเพื่อลดปริมาณไขมันบริเวณกระพุ้งแก้ม ซึ่งเป็นแผ่นไขมันใต้ชั้นกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้โหนกแก้มไปจนถึงช่วงขากรรไกร การตัดไขมันกระพุ้งแก้มโดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 40-60 นาที หลังผ่าตัดอาจช่วยให้รูปหน้าดูเรียวขึ้นโดยไม่ทำให้เกิดบาดแผลภายนอก ผู้ที่จะเข้ารับการไขมันกระพุ้งแก้มไม่ต้องรับยาสลบ แต่รับเพียงยาชาเฉพาะที่ จึงถือเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงน้อย แต่หากทำควบคู่กับการศัลยกรรมใบหน้าอื่น ๆ เช่น การดึงหน้า การดูดไขมัน อาจจำเป็นต้องใช้ยาสลบร่วมด้วย การพักฟื้นหลังผ่าตัดส่วนใหญ่อาจใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ แต่อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน นอกจากการตัดไขมันกระพุ้งแก้มแล้ว การควบคุมปริมาณอาหารและจำนวนแคลอรี่ที่รับประทานในแต่ละวัน ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็อาจช่วยลดน้ำหนักและปริมาณไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่บริเวณแก้มและบริเวณอื่น ๆ ของร่างกายได้เช่นกัน ขั้นตอนการ ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม การตัดไขมันกระพุ้งแก้ม อาจมีขั้นตอนดังนี้ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด คุณหมอจะให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดบ้วนน้ำยาฆ่าเชื้อ จากนั้นจะฉีดยาชาเฉพาะที่เพื่อให้รู้สึกชาบริเวณผิวแก้ม ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด เมื่อยาชาออกฤทธิ์ คุณหมอจะใช้มีดผ่าตัดกรีดแผลขนาดเล็กบริเวณผนังกระพุ้งแก้มทั้งสองข้างเพื่อเปิดผิว จากนั้นจึงกรีดผ่านชั้นกล้ามเนื้อไปยังชั้นไขมันกระพุ้งแก้ม คุณหมอจะนำชั้นไขมันกระพุ้งแก้มบางส่วนออก เพื่อลดปริมาณไขมันกระพุ้งแก้ม […]


สิว

รักษาสิวผด เร่งด่วน ทำได้อย่างไรบ้าง

สิวผด คือ สิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ที่ก่อให้เกิดการอักเสบ อาการคัน ผิวลอกเป็นขุย และอาจมีของเหลวใสอยู่ภายในสิว มักปรากฏบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก เช่น หน้าผาก คอ ไหล่ หน้าอก หลัง รักแร้ และตามข้อพับ รักษาสิวผด เร่งด่วน อาจทำได้หลายวิธี แต่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหมอ เพื่อเลือกยาให้เหมาะสมกับอาการและสภาพผิว ช่วยทำให้รักษาสิวผดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ [embed-health-tool-ovulation] สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวผด สิวผดเกิดจากการอุดตันของต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อไม่สามารถระเหยออกได้ตามปกติ จึงสะสมอยู่ภายใต้ผิวหนัง และทำให้เกิดการอักเสบขึ้น หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อยีสต์ โดยอาจมีปัจจัยบางอย่างที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดสิวผด ดังนี้ ทารกแรกเกิด เนื่องจากต่อมเหงื่อของทารกอาจยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ทำให้ระบายเหงื่อได้ไม่ดี สภาพอากาศร้อนชื้นที่ทำให้ร่างกายผลิตเหงื่อมาก เช่น สถานที่กลางแจ้ง สวนสาธารณะ โรงยิม สนามกีฬา การออกกำลังกายหรือการทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวและใช้แรงมาก การสวมเสื้อผ้าหลายชั้นหรือรัดรูป ที่ระบายอากาศได้ไม่ดี ทำให้เหงื่ออับชื้น การนอนติดเตียงเป็นเวลานาน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เจ็บป่วย มีไข้สูง อาการที่ควร รักษาสิวผด เร่งด่วน อาการที่ควรรักษาสิวผดเร่งด่วน มีดังนี้ สิวผดอักเสบ เป็นตุ่มหนอง ผิวบวมแดง สิวผดที่เป็นนานกว่า 3 วัน มีสิวผดร่วมกับอาการไม่สบาย มีไข้ และต่อมน้ำเหลืองบวม […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

ขี้ไคลเกิดจากการผลัดตัวของสิ่งใด และการดูแลผิวที่เหมาะกับสภาพผิว

สงสัยไหมว่า ขี้ไคลเกิดจากการผลัดตัวของสิ่งใด ขี้ไคลเกิดจากการผลัดตัวของเซลล์ผิวหนังชั้นนอกสุดหรือชั้นผิวหนังกำพร้าที่ตายแล้ว เมื่อเซลล์ผิวหนังเก่าหลุดลอก จะเผยให้เห็นชั้นผิวใหม่ที่ขึ้นมาแทนที่ การอาบน้ำทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งสามารถช่วยขจัดขี้ไคล รวมถึงสิ่งสกปรกและเชื้อโรคบนผิวหนังได้ แต่การขัดผิวและการใช้กรดธรรมชาติ ก็อาจช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวให้เร็วขึ้น และช่วยลดการอุดตันของขี้ไคลในรูขุมขนได้ด้วย จึงควรขัดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำร้ายผิวอย่างน้อย 1-3 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อให้เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพหลุดออก ผิวดูเนียนและกระจ่างขึ้น [embed-health-tool-bmr] ขี้ไคลเกิดจากการผลัดตัวของสิ่งใด ขี้ไคลเกิดจากการผลัดตัวของผิวหนังชั้นหนังกำพร้าหรือที่เรียกว่า หนังกำพร้า (Epidermis) ซึ่งเป็นผิวหนังขั้นบนสุด โดยทั่วไป หนังกำพร้าจะทำหน้าที่ห่อหุ้มร่างกาย ปกป้องผิวหนังจากสภาพแวดล้อมภายนอก ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง และป้องกันการสูญเสียของเหลว หนังกำพร้ามีเซลล์เคราติโนไซต์ (Keratinocyte) ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่ทำหน้าที่สร้างเซลล์ผิวใหม่ด้วยการผลิตโปรตีนเคราตินที่ใช้สร้างเล็บ ผม และผิวหนัง และมีเซลล์เมลาโนไซต์ (Melanocyte) ที่ทำหน้าที่ผลิตเมลานิน (Melanin) หรือเม็ดสีให้กับหนังกำพร้า กระบวนการผลัดเซลล์ผิวของชั้นหนังกำพร้าตั้งแต่เซลล์เกิดใหม่ ตาย และหลุดลอกออกจากร่างกายจะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 14-28 วัน เมื่อหนังกำพร้าหลุดลอกออกมาเป็นเซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือที่เรียกว่า “ขี้ไคล” เซลล์ผิวหนังก็จะสร้างชั้นหนังกำพร้าใหม่ขึ้นแทนที่ หมุนเวียนไปเรื่อย ๆ ตามธรรมชาติ วิธีขจัดขี้ไคลเพื่อทำความสะอาดผิว วิธีขจัดขี้ไคลเพื่อทำความสะอาดผิวให้ดูกระจ่างใสและสุขภาพดี อาจทำได้ดังนี้ การผลัดเซลล์ผิวด้วยการขัดผิว (Skin exfoliation) การขัดผิวเป็นการขจัดขี้ไคลหรือเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกด้วยการใช้อุปกรณ์ขัดถูผิวหนังที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น ฟองน้ำขัดผิว หินภูเขาไฟ เส้นใยบวบขัดตัว เกลือขัดผิว แปรงขัดผิว […]


สุขภาพผิว

แผลพุพอง สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

แผลพุพอง เป็นโรคติดเชื้อบนผิวหนังที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียก่อโรค พบได้บ่อยในเด็กเล็กและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ผู้ป่วยจะมีตุ่มแดงหรือตุ่มน้ำที่ผิวหนัง ที่เมื่อผ่านไปประมาณ 3-5 วัน ตุ่มจะแตกออกกลายเป็นสะเก็ดแผลสีเหลือง มักเริ่มจากผิวหนังบริเวณรอบปากและจมูก แล้วจึงแพร่กระจายไปบริเวณอื่น ๆ เช่น คอ แขน ขา เอว แผลพุพองอาจทำให้คัน ระคายเคือง และอาจทำให้ต่อมน้ำเหลืองบวมได้ โดยทั่วไปสามารถรักษาให้หายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้ หากพบว่ามีอาการที่เป็นสัญญาณของแผลพุพอง ควรไปพบคุณหมอผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม [embed-health-tool-bmi] แผลพุพอง คืออะไร แผลพุพอง หรือโรคแผลพุพอง (Impetigo/Ecthyma) เป็นภาวะติดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังที่แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ง่าย พบได้บ่อยในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โรคนี้ทำให้ผิวหนังมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำ ตุ่มหนอง และเป็นรอยแดงบริเวณใบหน้า ลำคอ แขน ขา เป็นต้น ประเภทของแผลพุพองสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามลักษณะของอาการ ได้แก่แบบมีตุ่มน้ำ แบบไม่มีตุ่มน้ำ และแบบตุ่มหนอง ผู้ป่วยมักแสดงอาการภายในวันที่ 4-10 วันหลังสัมผัสเชื้อ โดยทั่วไป โรคแผลพุพองสามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะหรือทายาฆ่าเชื้อแบคทีเรียติดต่อกันอย่างน้อย 1 สัปดาห์ และระหว่างรักษาแผลพุพองไม่ควรแกะเกาหรือสัมผัสแผลเพราะอาจทำให้เชื้อแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้ อาการเมื่อมี แผลพุพอง อาการที่พบอาจแบ่งออกได้ดังนี้ โรคแผลพุพองแบบมีตุ่มน้ำ […]


โรคผิวหนังติดเชื้อ

โรคภูมิแพ้ผิวหนัง อาการ วิธีรักษาและการป้องกัน

โรคภูมิแพ้ผิวหนัง คือ โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่ไม่ใช่โรคติดต่อ พบได้ในคนทุกวัยแต่พบได้บ่อยเด็ก มักเกิดจากกรรมพันธุ์ ทำให้ผิวหนังเป็นผื่นแดง ผิวแห้งเป็นขุย อาจทำให้รู้สึกคันและระคายเคือง และผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอื่น ๆ เช่น ไอ จาม น้ำมูกไหล ร่วมด้วย เมื่อแกะหรือเกาผิวหนังส่วนที่มีปัญหา อาจทำให้เกิดแผลหรือติดเชื้อได้ง่าย อาการของโรคภูมิแพ้ผิวหนังมักเป็น ๆ หาย ๆและกำเริบเมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ขนสัตว์ ฝุ่นละออง อาหารที่แพ้ โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ผู้ป่วยก็สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการกำเริบได้ เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ [embed-health-tool-bmi] โรคภูมิแพ้ผิวหนัง คืออะไร โรคภูมิแพ้ผิวหนัง หรือที่เรียกว่า โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ (Atopic dermatitis) เป็นภาวะผิวหนังอักเสบเรื้อรังชนิดไม่ใช่โรคติดต่อที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย สาเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้ผิวหนังยังไม่แน่ชัด แต่อาจเกิดจากการมีลักษณะทางกรรมพันธุ์ผิดปกติ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ ไวเกินไป จนส่งผลให้เกิดอาการผิวแห้ง คัน ระคายเคือง อักเสบ หรือสะเก็ดแผล หากแกะหรือเกาผิวหนังอาจทำให้เป็นแผล ติดเชื้อ และเกิดเป็นตุ่มแดงที่มีหนองไหลออกมา เมื่อผิวหนังสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้อาจทำให้อาการแพ้ที่ผิวหนังกำเริบอยู่ช่วงหนึ่งแล้วอาจหายไปได้เองโดยไม่ต้องรักษา หากมีปัจจัยมากระตุ้นผิวหนังให้เกิดอาการแพ้ เช่น ฝุ่นละออง สารเคมี […]


การดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ

ผมร่วงเกิดจากอะไร วิธีรักษาและการป้องกันผมร่วง

โดยปกติ คนเราจะมีผมร่วงประมาณวันละ 50-100 เส้น การทราบว่า ผมร่วงเกิดจากอะไร อาจช่วยให้เข้าใจวงจรชีวิตของเส้นผม ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผมร่วง และสามารถดูแลผมได้เหมาะสมขึ้น แม้ภาวะผมร่วงจะพบได้ทั่วไป แต่หากผมร่วงมากอาจเกิดจากปัจจัยด้านกรรมพันธุ์และฮอร์โมน หรือปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเครียด การใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผม การฟอกสี การทำสีผม การรัดผมแน่นเกินไป ภาวะผมร่วงอาจรักษาให้ดีขึ้นได้ด้วยการใช้ยารักษาและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ผมหลุดร่วง หากสังเกตถึงอาการผมร่วงที่ผิดปกติ หรือทำให้เส้นผมบนศีรษะเริ่มบาง ควรรีบไปพบคุณหมอให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ ควรหมั่นดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธีเพื่อให้เส้นผมมีสุขภาพดี และลดความเสี่ยงการเกิดภาวะผมร่วง [embed-health-tool-heart-rate] ผมร่วงเกิดจากอะไร สาเหตุของภาวะผมร่วงผิดปกติหรือโรคผมร่วงที่พบได้บ่อยที่สุด คือ ปัจจัยด้านกรรมพันธุ์และฮอร์โมน โรคผมร่วงชนิดนี้เรียกว่า โรคผมร่วงจากกรรมพันธุุ์หรือโรคผมบางแบบกรรมพันธุ์ (Androgenetic Alopecia) กรรมพันธุ์มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะผมร่วงมากกว่าปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากยีนหลายตัวมีส่วนกำหนดลักษณะของเส้นผมของมนุษย์ อีกทั้งบางคนยังมีระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen hormones) หรือฮอร์โมนเพศชายสูง จึงทำให้เกิดโรคผมร่วงได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะในผู้ชายที่มักมีผมร่วงและผมบางอย่างเห็นได้ชัด และพบได้มากกว่าเพศหญิง ทั้งนี้ โรคผมร่วงอาจเกิดจากปัจจัยต่อไปนี้ได้เช่นกัน การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน เช่น การตั้งครรภ์ ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ วัยหมดประจำเดือน อาจทำให้ผมร่วงได้ โรคผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังอักเสบ (Seborrheic Dermatitis) […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน