สุขภาพผิว

ผิวหนัง คืออวัยวะภายนอกที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในร่างกาย ผิวหนังนั้นมีหน้าที่สำคัญต่อร่างกาย ทั้งเป็นเกราะป้องกันจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ หรือช่วยควบคุมอุณภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ เป็นต้น เรียนรู้เกี่ยวกับการมี สุขภาพผิว ที่ดี และเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย เพื่อการปกป้องดูแลผิวของคุณให้ดียิ่งขึ้น ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพผิว

รักษาสิวอย่างตรงจุด ด้วยนวัตกรรมเรตินอยเจนใหม่

“สิว” ไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่ใครหลายๆ คนคิด ยิ่งคนที่เคยเผชิญปัญหานี้ บอกเลยมีทั้งความกังวลใจ และความไม่มั่นใจ ถึงแม้สิวจะหายไป แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบตามมา ทั้งรอยแผลเป็นจากสิว หลุมสิว รอยดำ รอยแดง และสำหรับคนที่เคยมีปัญหาสิว โดยเฉพาะในวัยรุ่น สิ่งที่ตามมาไม่ใช่แค่ปัญหาทางผิวหนังเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจ หลายคนรู้สึกไม่สบายใจ กังวลทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับคนอื่น รู้สึกเหมือนถูกจับจ้อง หรือบางครั้งถึงกับหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ กัดกร่อนความมั่นใจในตัวเอง และทำให้หลายคนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น การปล่อยปละละเลยไม่รีบรักษาสิวตั้งแต่เนิ่นๆ อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นจากสิวที่เกิดจากหลุมสิว ยกตัวอย่างเช่น สิวที่หลัง ซึ่งมักถูกมองข้าม ทำให้ไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม การรักษารอยแผลเป็นจากสิวเหล่านี้เป็นไปได้ยาก และในปัจจุบันก็สามารถดูแลได้เพียงทำให้หลุมสิวดีขึ้นเท่านั้น ทางที่ดีจึงควรเริ่มรักษาสิวด้วยวิธีที่ถูกต้อง และเร็วที่สุด เพื่อลดความรุนแรงและรอยโรคที่จะเกิดขึ้นตามมา แน่นอนว่าปัญหาสิวไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ ยิ่งกว่านั้นยังเกิดขึ้นในหลายส่วนของร่างกาย 64.6-89.3% ของคนที่เป็นสิวในระดับปานกลางมักจะต้องเจอกับสิวที่ใบหน้าและสิวที่หลัง จากการสำรวจพบว่ามีคนไทยที่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 12-25 ปี มากถึง 85% ที่ต้องเผชิญกับปัญหาสิว ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 50% ที่เป็นสิวทั้งที่หน้าและสิวที่หลัง การรักษาสิวอย่างตรงจุด จึงจำเป็นที่จะต้องครอบคลุมทั้ง 2 บริเวณ และจะต้องช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิวซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความมั่นใจในระยะยาวอีกด้วย วิธีรักษาสิวมีได้หลากหลายรูปแบบ โดยวิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้ยารักษาสิว ซึ่งสามารถทำได้เองทุกวัน ยาในกลุ่มเรตินอยจัดเป็นยารักษาสิวประสิทธิภาพดี ช่วยลดการอักเสบทั้งสิวเก่า และป้องกันสิวใหม่ไม่ให้เกิดขึ้น ทำให้ยาทาในกลุ่มเรตินอยได้ถูกระบุให้เป็นทางเลือกแรกในการรักษาสิวโดยสถาบันโรคผิวหนังแห่งอเมริกา […]

หมวดหมู่ สุขภาพผิว เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพผิว

โรคผิวหนังแบบอื่น

รังสียูวี (UV) กับผลกระทบต่อสุขภาพผิวที่ควรระวัง

รังสียูวีหรือรังสีอัลตร้า ไวโอเล็ต (Ultraviolet radiation-UV) ) คือ รังสีที่มาจากดวงอาทิตย์ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งสามารถแบ่งประเภทออกได้เป็น รังสียูวีเอ รังสียูวีบี และรังสียูวีซี ซึ่งมีความแตกต่างกันไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้วร่างกายได้รับรังสียูวีเอเป็นหลัก และรังสียูวีบีบางส่วน ส่วนรังสียูวีซียังไม่สามารถผ่านชั้นบรรยากาศลงมาสู่ผิวโลกได้ ทั้งนี้ หากได้รับรังสียูวีมากเกินไปมักส่งผลเสียและเป็นอันตรายต่อสุขภาพผิวหนัง ควรหาวิธีป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากแสงแดด [embed-health-tool-bmi] รังสียูวี คืออะไร ในโลกประกอบไปด้วยรังสีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น รังสีสำหรับการเอกซเรย์ รังสีแกมมา หรือแม้แต่คลื่นวิทยุเองก็นับว่าเป็นรังสีด้วยเช่นกัน สำหรับ รังสียูวี คือ รังสีที่มาจากดวงอาทิตย์ หรือรังสีที่ใช้ในการอบผิวทำให้ผิวแทน หรือการเชื่อมโลหะ และในรังสียูวีก็ยังมีการแยกประเภทออกไปได้อีกตามพลังงานที่รังสีแต่ละประเภทนั้นมีอยู่ รังสียูวีจำแนกออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ยูวีเอ (UVA rays) รังสียูวีเอ เป็นรังสีที่มีพลังงานน้อยที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับรังสียูวีทั้งหมด ยูวีเอ สามารถทำร้ายอายุของเซลล์ผิว และอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบดีเอ็นเอในผิวหนังทางอ้อมได้อีกด้วย ปัญหาสุขภาพผิวในระยะยาวที่มาสาเหตุมาจากรังสียูวีเอคือการมีริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นต่าง ๆ รวมถึงเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคมะเร็งด้วย ยูวีบี (UVB rays) รังสียูวีบีมีพลังงานมากกว่ายูวีเอ ยูวี ประเภทนี้สามารถทำลายระบบดีเอ็นเอที่อยู่ในเซลล์ผิวได้โดยตรง เป็นสาเหตุหลักของปัญหาผิวไหม้หรือแดดเผา โดยรังสียูวีบีจัดว่าเป็นรังสีที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาผิวหนังมากที่สุด ยูวีซี (UVC rays) รังสียูวีซีเป็นรังสีที่มีพลังงานมากที่สุดในบรรดารังสียูวีทั้งหมด เป็นรังสีที่พบได้ในชั้นโอโซนและชั้นบรรยากาศต่าง […]


สุขภาพผิว

ประโยชน์ของมะเขือเทศต่อการบำรุงผิว

มะเขือเทศ เป็นพืชที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ทั้งวิตามินซี เบต้าแคโคทีน (Beta-carotene) ไลโคปีน (Lycopene) ที่นอกจากจะดีต่อสุขภาพร่างกายแล้ว ยังดีต่อการบำรุงผิวอีกด้วย โดยอาจช่วยปกป้องผิวจากความเสื่อมของเซลล์เนื่องจากสารอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี และอาจช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เป็นโปรตีนสำคัญต่อโครงสร้างผิว อย่างไรก็ตาม บางคนอาจมีอาการแพ้ต่อมะเขือเทศได้ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังการรับประทาน [embed-health-tool-bmi] สารอาหารในมะเขือเทศที่ช่วยบำรุงผิว มะเขือเทศถือเป็นหนึ่งในอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มะเขือเทศหนึ่งผลนั้นอุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย ทั้ง เบตาแคโรทีน ลูทีน (Lutein) ไลโคปีน แมกนีเซียม (Magnesium) โพแทสเซียม (Potassium) วิตามินเอ (Vitamin A) นอกจากนี้ยังมีวิตามิน บี 1 วิตามิน บี 3 วิตามิน บี 5 วิตามิน บี 6 และ วิตามิน บี 9 อีกด้วย ซึ่งจากงานวิจัยพบว่าการบริโภคมะเขือเทศนั้น ส่งผลดีต่อผิวพรรณมากกว่าการใช้มะเขือเทศมาทาที่ผิวหนัง ประโยชน์ของมะเขือเทศสำหรับผิวสวย มะเขือเทศมีคุณสมบัติในการบำรุงผิว เพื่อช่วยให้ผิวสวยได้ ดังนี้ 1) ช่วยผลัดเซลล์ผิว การผลัดเซลล์ผิว เป็นวิธีการกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกไป เพื่อให้เกิดการสร้างเซลล์ใหม่ที่ดีกว่าขึ้นมา ซึ่งจากการวิจัยพบว่าในมะเขือเทศมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 2) […]


โรคสะเก็ดเงิน

สมุนไพร บรรเทาโรคสะเก็ดเงิน และข้อควรระวัง

โรคสะเก็ดเงิน เป็นโรคที่เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์ผิวหนัง จนทำให้เกิดผิวหนังเกิดเป็นปื้นหนาและมีสีขาวปกคลุม โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคที่ไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่อาจทำให้เกิดอาการคันบางแต่ก็ไม่มาก ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ อาจมีอาการข้ออักเสบร่วมด้วย ดังนั้น การใช้  สมุนไพร บรรเทาโรคสะเก็ดเงิน อาจช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ โรคสะเก็ดเงิน คืออะไร โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากร่างกายมีการสร้างเซลล์ผิวหนังที่เร็วผิดปกติมากถึง 10 เท่า จึงทำให้เซลล์ผิวหนังหนังเกิดขึ้นซ้อนกัน จนเป็นปื้นสีแดงและถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีขาว ซึ่งการเกิดเกล็ดแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของร่างกาย โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดที่หนังศีรษะ ข้อศอก เข่า และบริเวณแผ่นหลังด้านล่าง โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคที่ไม่สามารถติดต่อไปยังผู้อื่นได้ แต่อาจถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ หากมีคนในครอบครัวเคยเป็นโรคสะเก็ดเงิน ส่วนใหญ่โรคสะเก็ดเงินมักเกิดขึ้นในผู้ใหญ่ ซึ่งโดยทั่วไปอาจเกิดขึ้นในบริเวณต่าง ๆ เพียงเล็กน้อย แต่ในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการรุนแรงก็อาจจะเกิดขึ้นเป็นบริเวณที่กว้างขึ้น ซึ่งโรคสะเก็ดเงินนั้นอาจหายไปเป็นพัก ๆ และอาจกลับมาเป็นได้อีก 3 สมุนไพร บรรเทาโรคสะเก็ดเงิน ว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้ เป็นพืชสมุนไพรที่มีการปลูกมาอย่างยาวนาน ซึ่งมีสรรพคุณในการให้ความชุ่มชื่น ให้ความเย็น และช่วยผ่อนคลาย นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังอาจช่วยฟื้นฟูผิวหนังที่เกิดความระคายเคือง จึงเป็นสมุนไพรที่อาจช่วยบรรเทาอาการของโรคสะเก็ดเงินได้ โดยทาครีมที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้อย่างน้อยร้อยละ 0.5 โดยทาครีมอย่างน้อย 3 ครั้ง/วัน เป็นเวลาติดต่อกัน 5 วัน อย่างสม่ำเสมอ […]


สุขภาพผิว

หัวนมชมพู ด้วยสารสกัดธรรมชาติเป็นไปได้จริงหรือ

หัวนมชมพู คือ สีของหัวนมที่อาจสะท้อนและบ่งบอกถึงการมีสุขภาพดี แต่แท้จริงแล้วนั้น สีของหัวนมเกิดจากพันธุกรรมเป็นหลัก รวมทั้งฮอร์โมนที่แตกต่างกันในแต่ละคน หรือสารเคมี เครื่องสำอาง ครีม หรือแม้กระทั่งปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อสีของหัวนม ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการให้หัวนมชมพู อาจเลือกใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเพื่อดูแลและบำรุงหัวนมให้มีสีอ่อนจางลงได้ [embed-health-tool-ovulation] ทำไมสีหัวนมของแต่ละคนจึงแตกต่างกัน หัวนมของแต่ละคนนั้นมีสีที่แตกต่างกัน บางคนหัวนมสีน้ำตาล บางคนหัวนมสีน้ำตาลเข้ม บางคนหัวนมสีดำ โดยเหตุผลที่ทำให้สีของหัวนมแตกต่างกันนั้นคือเรื่องของพันธุกรรมเป็นหลัก นอกจากนั้น ยังเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การใช้เครื่องสำอาง การมีโรคประจำตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน เคล็ดลับในการดูแลหัวนม และผิวบริเวณหน้าอก สิ่งสำคัญนอกเหนือจากการมีหัวนมชมพูนั้น คือการดูแลสุขภาพผิวบริเวณหน้าอกให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นโรคผิวหนังหรือปัญหาผิวหนัง ดังวิธีต่อไปนี้ หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่ มีกรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids ; AHA) อาบน้ำอุ่น หลีกเลี่ยงการถูสบู่ที่บริเวณผิวหัวนมโดยตรงเพราะสบู่อาจจะทำให้ผิวบริเวณหัวนมแห้งและเกิดการระคายเคือง หลังการอาบน้ำควรทาครีมบำรุงทุกครั้ง เลือกชุดชั้นในให้พอดีกับขนาดหน้าอก ไม่เล็กเกินไปหรือใหญ่เกินไป อาจทำให้หัวนมเกิดการเปลี่ยนสีได้เนื่องจากการโดนเสียดสี ควรเลือกชุดชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้าย เพื่อการระบายอากาศที่ดียิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนส่งผลต่อการเปลี่ยนสีของหัวนม โดยเฉพาะผู้ที่มีความเครียด ควรหากิจกรรมทำเพื่อบรรเทาความเครียด เช่น นั่งสมาธิ เล่นโยคะ รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือปรึกษาแพทย์หากร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ หากใช้ครีมบำรุงหน้าอกที่มีส่วนผสมของวิตามินซี ควรทาครีมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นหรือครีมจากสมุนไพร เพื่อป้องกันหน้าอกแห้งและเกิดการระคายเคือง (หากพบว่าผิวแห้งมากควรหยุดใช้) หัวนมชมพู ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ หัวนมชมพู เป็นสีของหัวนมตามธรรมชาติซึ่งโดยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมเป็นหลัก […]


สุขภาพผิว

กำจัดไฝ ด้วยสมุนไพรธรรมชาติกับประโยชน์ด้านผิวพรรณ

กำจัดไฝ คือการกำจัดจุดเรียบหรือตุ่มนูนสีดำหรือสีน้ำตาลซึ่งอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งนอกเหนือจากการปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือคลินิกเสริมความงามในการกำจัดไฝแล้วนั้น ยังมีวิธีที่นิยมกันอีกหนึ่งวิธี คือการกำจัดไฝได้ด้วยตนเอง โดยใช้สมุนไพรธรรมชาติ [embed-health-tool-bmi] สาเหตุของการเกิดไฝ ไฝ หรือตุ่มเนื้อบนร่างกายถือว่าเป็นเรื่องปกติที่พบได้ในเกือบทุกคน โดยไฝอาจติดตัวตามร่างกายตั้งแต่ยังเด็ก มีการพัฒนาขนาด และสีตามช่วงอายุ ในบางรายจะพบเห็นไฝเป็นสีชมพูอ่อน ๆ หรือบางรายก็อาจมีสีน้ำตาลเข้มดำ ส่วนใหญ่ไฝมักมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 1.4 นิ้ว ปรากฏบริเวณผิวหนังทั่วทั้งร่างกาย สาเหตุของการเกิดไฝ เบื้องต้นอาจมาจากปัจจัยเหล่านี้ อายุที่เพิ่มมากขึ้น การถูกแสงแดดอยู่บ่อยครั้ง ผลข้างเคียงจากการใช้ยา เช่น ยายับยั้งระบบภูมิคุ้มกัน ยาปฏิชีวนะ ภาวะแทรกซ้อน หรือสัญญาณเตือนของโรคมะเร็งผิวหนัง พันธุกรรมจากครอบครัว หากมีความกังวลเกี่ยวกับไฝซึ่งสังเกตเห็นว่ามีขนาดใหญ่ขึ้น โปรดปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง หรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้ารับการตรวจทางผิวหนังอย่างละเอียดถี่ถ้วน สมุนไพรช่วยกำจัดไฝ การกำจัดไฝนั้นสามารถทำเองได้ที่บ้านง่าย ๆ ด้วยสมุนไพรรอบตัวที่อยู่ในครัวเรือน โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งการผ่าตัดเสมอไป สมุนไพรที่นิยมใช้ในการกำจัดไฝ ได้แก่ 1. กระเทียม เนื่องจากกระเทียมมีเอนไซม์ที่สามารถช่วยสลายกลุ่มเซลล์ที่อยู่ภายในก้อนไฝได้ แต่มีข้อควรระวังคือ กระเทียมอาจมีส่วนที่ทำให้ผิวหนังเกิดการไหม้หรือแสบร้อนได้มากกว่าสมุนไพรประเภทอื่น 2. เปลือกกล้วย เปลือกกล้วยมีกรดบางชนิดเฉพาะตัวที่กำจัดไฝได้ และยังไม่ทำให้ผิวหนังแห้ง เนื่องจากมีมอยส์เจอร์ไรเซอร์อยู่ในตัวด้วยเช่นเดียวกัน 3. มันฝรั่ง เชื่อกันว่ามันฝรั่งสามารถทำให้สีของไฝที่มีความเข้มนั้นจางลงได้ แม้ว่ายังไม่มีการรับรองถึงประสิทธิภาพการกำจัดไฝ แต่ในเบื้องต้นอาจช่วยทำให้สีผิวสม่ำเสมอ ไม่ต้องใช้เครื่องสำอางช่วยกลบสีของไฝ 4. น้ำผึ้ง สรรพคุณของน้ำผึ้งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ จึงอาจมีส่วนช่วยกำจัดไฝให้ค่อย ๆ เลือนจางหายไปตามกาลเวลาได้เมื่อใช้น้ำผึ้งทาบริเวณไฝไประยะเวลาหนึ่ง 5. ว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้มีประโยชน์ด้านการดูแลผิวพรรณ โดยอาจช่วยกำจัดไฝได้ […]


การดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ

อาการแบบไหนเข้าข่าย โรคชันนะตุ

โรคชันนะตุ เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่งบนหนังศีรษะ มักทำให้เกิดอาการคันศีรษะอย่างรุนแรง ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ หนังศีรษะตกสะเก็ด เป็นไข้ ต่อมน้ำเหลืองบวม ทั้งนี้ หากสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นและรีบทำการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที ก็จะสามารถกลับมามีหนังศีรษะและเส้นผมสุขภาพดีดังเดิมได้ โรคชันนะตุ (Tinea capitis) โรคชันนะตุ  เกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่งของหนังศีรษะและเส้นผม เป็นโรคติดต่อที่มักเกิดจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งหรือติดต่อกันโดยใช้ของร่วมกัน เช่น หวี ผ้าเช็ดตัว หมอน สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ส่วนใหญ่มักพบในช่วงเด็กหัดเดินและเด็กวัยเรียน ผู้ป่วยมักมีอาการคัน ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ หนังศีรษะตกสะเก็ด สาเหตุของโรคชันนะตุ โรคชันนะตุเกิดจากการติดเชื้อราชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “เดอร์มาโทไฟต์ (Dermatophytes)” เชื้อราชนิดนี้อาศัยอยู่บนผิวชั้นนอกหนังศีรษะและเส้นผม โดยสาเหตุการติดเชื้อรา เกิดจากพฤติกรรมดังต่อไปนี้ การสัมผัสผิวหนังคนที่ติดเชื้อ ร่างกายอาจได้รับเชื้อโรคชันนะตุจากการไปสัมผัสผิวหนังของผู้ติดเชื้อ การสัมผัสสัตว์ที่ติดเชื้อ ซึ่งสัตว์ที่พบโรคชันนะตุ ได้แก่ วัว แพะ ม้า หมู โดยเฉพาะลูกสุนัขและแมว ผู้ที่ใกล้ชิดชอบสัมผัสสัตว์เลี้ยงอาจติดเชื้อจากการสัมผัส การสัมผัสสิ่งของ เชื้อโรคสามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสกับวัตถุที่มีเชื้อจากมนุษย์หรือสัตว์ที่ติดเชื้อติดอยู่ เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอน หวี  อาการที่บ่งบอกว่า เสี่ยงเป็นโรคชันนะตุ ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ เส้นผมขาดง่าย เปราะบางหลุดง่าย เส้นผมที่หลุดออกจากหนังศีรษะจะเห็นเป็นจุดสีดำ ๆ หนังศีรษะตกสะเก็ด พื้นที่ตกสะเก็ดมีสีเทาหรือแดง […]


สุขภาพผิว

ขาหนีบดำ วิธีแก้และวิธีป้องกัน

ขาหนีบดำ คือ ภาวะที่ผิวหนังบริเวณขาหนีบมีสีเข้มหรือคล้ำกว่าสีผิวบริเวณอื่น อาจเกิดจากผิวหนังบริเวณขาหนีบเสียดสีกันเป็นประจำเนื่องจากการออกกำลังกายหรือการเดิน ความผิดปกติของฮอร์โมนโดยเฉพาะในช่วงมีประจำเดือน ช่วงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาปรับฮอร์โมน ยาเคมีบำบัด แสงแดด ผิวแห้งมาก เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป โรคผิวหนังช้าง (Acanthosis Nigricans) โรคเบาหวาน โรคอ้วน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม วิธีแก้ขาหนีบดำและป้องกันขาหนีบดำอย่างถูกต้อง อาจช่วยให้รับมือกับภาวะนี้ได้ดีขึ้น [embed-health-tool-bmi] วิธีแก้ขาหนีบดำ วิธีแก้ขาหนีบดำด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน 1. เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) เบกกิ้งโซดา อาจช่วยขจัดเซลล์ผิวที่แห้งและเป็นขุยออกไปได้อย่างอ่อนโยน และช่วยปรับค่า pH ของผิวให้สมดุลขึ้น การใช้เบกกิ้งโซดาในการแก้ไขปัญหา ขาหนีบดำ อาจทำได้ดังนี้ อุปกรณ์ เบกกิ้งโซดา 1-2 ถ้วย น้ำเปล่า วิธีทำ เทเบกกิ้งโซดาลงในน้ำเปล่า คนให้ละลาย ใช้ขนหนูชุบน้ำเบกกิ้งโซดาแล้วประคบที่ขาหนีบไว้ประมาณ 10-15 นาที เช็ดผิวให้แห้ง แล้วทาครีมบำรุงผิว สามารถใช้วิธีนี้ได้ทุกวัน แต่หากทำแล้วผิวหนังผิดปกติ หรือมีอาการระคายเคือง ควรหยุดใช้ทันที 2. น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล (Apple Cider Vinegar) น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ทั้งยังอาจช่วยลดปัญหาผิวที่เกิดจากภาวะออกซิเดชัน […]


โรคผิวหนังแบบอื่น

ไฝ (Moles) คืออะไร

ไฝ คือ กลุ่มเซลล์เม็ดสีที่ก่อตัวขึ้นบริเวณผิวหนัง มักจะมีสีน้ำตาลหรือดำ อาจปรากฏเห็นเป็นจุดเดียวหรืออยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เมื่อผ่านไปหลายปี ไฝมักใหญ่ขึ้นและอาจมีการเปลี่ยนแปลงของสีอย่างช้า ๆ บางครั้ง อาจมีเส้นผมโผล่ขึ้นจากไฝ ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย แต่ในบางรายอาจเปลี่ยนไปเป็นมะเร็งเมลาโนได้ แต่พบได้น้อยมาก [embed-health-tool-”bmi”] คำจำกัดความ ไฝ คืออะไร ไฝ เป็นผิวหนังที่มีการเติบโตขึ้นจากการรวมกลุ่มกันของเม็ดสีเมลานินใต้ชั้นผิวหนังที่มากกว่าปกติ ทำให้เกิดเป็นจุดสีน้ำตาลหรือดำเห็นบนผิวหนัง มีลักษณะนูน เป็นตุ่ม ไฝอาจใหญ่ขึ้นได้และอาจมีการเปลี่ยนสี ปกติแล้ว ไฝไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพผิวหนัง แต่ในบางรายอาจเกิดความผิดปกติจนกลายเป็นมะเร็งบางชนิดได้ ไฝพบได้บ่อยแค่ไหน ไฝเป็นภาวะของผิวหนังที่พบได้ทั่วไป ไฝส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงวัยเด็กจนถึงช่วงวัย 25 ปี เป็นเรื่องปกติที่จะมีจำนวนไฝอยู่ระหว่าง 10 ถึง 40 ตำแหน่งทั่วร่างกายในวัยผู้ใหญ่ อาการ อาการของการมีไฝ ไฝมักจะเป็นจุดสีน้ำตาลหรือดำ และสามารถเกิดขึ้นได้ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งเรื่องของ สี รูปร่างและขนาด: สีและผิวสัมผัส ไฝอาจมีสีน้ำตาล สีแทน สีดำ สีแดง สีน้ำเงินหรือสีชมพู ผิวสัมผัสอาจมีความนุ่ม มีรอยย่น แบนราบ หรือนูนขึ้น อาจมีขนงอกออกมาจากไฝ รูปแบบของไฝมีความหลากหลาย ตั้งแต่ทรงรีจนไปถึงทรงกลม ไฝมักจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 1/4 นิ้ว (ประมาณ 6 มิลลิเมตร) และสำหรับไฝที่ปรากฏขึ้นเมื่อตอนเกิด อาจมีขนาดใหญ่มากและปกคลุมใบหน้าร่างกายหรือแขนและขาเป็นบริเวณกว้าง […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

กากชา กับประโยชน์ดี ๆ ที่ทำให้ผิวสวย

กากชา เป็นส่วนที่เหลือจากการต้มน้ำชาเพื่อใช้ดื่ม ซึ่งบางคนอาจทิ้งไปเพราะไม่รู้ถึงประโยชน์ของกากชา อย่างไรก็ตาม กากชาอาจนำมาใช้ให้เพื่อช่วยบำรุงผิว ทำให้ผิวสวย ทั้งยังทำให้ผิวดูสุขภาพดีน่าสัมผัส เนื่องจากสารคาเฟอีนที่อยู่ในกากชาอาจมีฤทธิ์ช่วยลดการบวมของหลอดเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนังได้ นอกจากนี้ สารแทนนินที่อยู่ในชาก็สามารถช่วยลดอาการบวมได้ด้วยเช่นกัน [embed-health-tool-bmi] กากชา มีประโยชน์ต่อผิวอย่างไร อาจช่วยลดรอยคล้ำใต้ตาและลดอาการตาบวม รอยคล้ำใต้ดวงตาเกิดจากการที่หลอดเลือดดำบริเวณใต้ดวงตาขยายใหญ่ขึ้น จนทำให้มองเห็นเป็นรอยคล้ำสีดำได้ง่ายขึ้น การประคบถุงชาไว้ที่บริเวณดวงตาอาจช่วยลดรอยคล้ำใต้ตาและอาการตาบวมได้ เนื่องจากสารคาเฟอีนที่อยู่ในกากชาอาจมีฤทธิ์ช่วยลดการบวมของหลอดเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนังได้ นอกจากนี้ สารแทนนินที่อยู่ในชายังอาจช่วยลดอาการบวมได้ด้วยเช่นกัน จึงทำให้ดวงตามีรอยคล้ำลดลง และดวงตามีอาการบวมน้อยลงได้ อาจช่วยลดอาการแสบร้อนจากแดดเผา แสงแดดที่รุนแรงของประเทศไทย มักแผดเผาและทำร้ายผิวอยู่เสมอ ทำให้ผิวเกิดอาการแสบร้อนและมีจุดด่างดำ โดยสารแทนนินที่อยู่ในใบชาอาจช่วยจัดการปัญหาอาการแสบร้อนจากผิวไหม้ และอาการจุดด่างดำเหล่านี้ได้ เพียงแค่ใช้กากชาทำการประคบในบริเวณที่โดยแดดเผาประมาณ 30 นาที อาจช่วยใช้เป็นโทนเนอร์ทำความสะอาดใบหน้า กากชาเหลือ ๆ อาจนำมาใช้เป็นโทนเนอร์ได้ เพียงแค่เช็ดหน้าด้วยถุงชา จากนั้นเช็ดหน้าให้สะอาดอีกครั้งด้วยผ้าขนหนูสะอาด ซึ่งกากชาอาจจมีคุณสมบัติในการช่วยกระชับรูขุมขน ทั้งยังอาจช่วยดูดซับความมันบนใบหน้า ช่วยชะล้างสิ่งสกปรก และอาจทำให้ใบหน้าสะอาดมากยิ่งขึ้น อาจช่วยใช้เป็นสครับขัดผิว กากชาอาจนำมาใช้ขัดผิวเพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว กำจัดขี้ไคล ทำให้ผิวนุ่มขึ้น ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ เพียงแค่นำกากชาไปล้างให้สะอาดและตากให้แห้ง จากนั้นนำมาขัดผิวตามปกติ หลังจากที่ขัดผิวด้วยกากชาแล้ว ควรทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว อาจช่วยจัดการกับน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า กากของชามะลิอุดมไปด้วยน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อผิว มีคุณสมบัติต้านเชื้อจุลินทรีย์ ทั้งยังช่วยดูดซับน้ำมันส่วนเกินที่อยู่บนผิวได้อีกด้วย นำกากชามะลิมาทาในบริเวณที่อาจจะเกิดสิว และบริเวณผิวที่มัน อาจช่วยลดการเกิดสิว ลดความมัน และช่วยปรับสมดุลค่า pH ของผิวให้กลับมาเป็นปกติอีกด้วย อาจช่วยต่อต้านริ้วรอยก่อนวัยอันควร สารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในกากชา โดยเฉพาะชาเขียวอาจช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่กำลังเสื่อมโทรมให้กลับมาดีขึ้น โดยการปกป้องและซ่อมแซมเซลล์ผิวเหล่านี้ นอกจากนี้ วิตามินบี 12 […]


สิว

สิวที่คาง สาเหตุ การรักษา และการป้องกัน

สิวที่คาง อาจเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ความไม่สมดุลของฮอร์โมน หรือความสกปรกต่าง ๆ บนใบหน้า ทำให้เกิดการอักเสบ และกลายเป็นตุ่มสิวขึ้นบริเวณใบหน้ารวมไปถึงคาง โดยสิวที่คางอาจรักษาได้ด้วยวิธีเดียวกันกับการรักษาสิวอื่น ๆ และอาจป้องกันได้ด้วยการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี สิวที่คาง เกิดจากอะไร สาเหตุในการเกิดสิวบริเวณรอบคางไม่ได้แตกต่างจากสิวชนิดอื่น ๆ มากนัก โดยอาจเป็นผลของความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย และการอุดตันของรูขุมขนจากน้ำมันที่ผลิตออกมาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นมากจนเกินไป รวมถึงสิ่งสกปรกตามสภาพแวดล้อมที่มาเกาะติดบนใบหน้า ทำให้เข้าไปอุดตันจนเกิดการอักเสบเป็นรอยแดงนูน บางครั้งอาจมีลักษณะเป็นตุ่มหัวขาว ๆ หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า สิว นั่นเอง วิธีการรักษาสิวที่คาง สิวที่คางอาจรักษาได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้ ยาปฏิชีวนะ ที่มีส่วนช่วยลดแบคทีเรียสาเหตุของการเกิดสิวได้ ยาคุมกำเนิด ยาคุมกำเนิดมักถูกนำมาใช้เพื่อปรับฮอร์โมนให้กลับเข้าสู่ภาวะสมดุล ลดโอกาสการเกิดสิว ยารักษาสิวประเภทไอโซเทรติโนอิน (Isotretinoin) ใช้ในการรับประทาน การได้รับยาชนิดนี้ควรผ่านการอนุญาตจากใบคำสั่งยาโดยแพทย์เท่านั้น เลเซอร์ เพราะการรักษาด้วยเลเซอร์ บางชนิด สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนใบหน้าได้ ด้วยแสงที่ฉายออกมา ทำให้สิว ค่อย ๆ บรรเทาลง กดสิว ควรทำเฉพาะในสิวอุดตันชนิดหัวเปิด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง ไม่ควรกดออกเองเพราะอาจทิ้งรอยดำ และอาจรักษาได้ยากกว่าเดิม ปัจจุบันมีตัวเลือกในการรักษาสิวมากมาย ตามความเหมาะสมของสภาพผิวแต่ละบุคคล ที่แตกต่างกันไป ควรได้รับคำปรึกษาแนวทางการรักษาตามการวินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง หรือเภสัชกร เท่านั้น สิวที่คาง ป้องกันได้อย่างไร การดูแลตัวเองด้วยวิธีดังต่อไปนี้ อาจช่วยป้องกันไม่ให้เกิดสิวที่คางได้ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน