การนวดประคบ เป็นวิธีการบำบัดโรคของแพทย์แผนไทย เพื่อใช้บรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดอาการบวม การอักเสบของกล้ามเนื้อ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพอีกหลายประการ วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ ศาสตร์การนวดประคบ ให้มากขึ้นกันค่ะ จะมีรายละเอียดอย่างไร ติดตามอ่านได้ในบทความนี้เลย
ทำความรู้จัก ลูกประคบ (Herbal ball)
ลูกประคบ (Herbal ball) คือ การนำสมุนไพรชนิดต่าง ๆ มาห่อด้วยผ้าสีขาว แล้วนำไปนึ่งให้ร้อน ก่อนที่จะนำมาประคบบริเวณที่มีอาการปวดเมื่อยและการอักเสบ ด้วยการกดเบา ๆ ซึ่งสมุนไพรในลูกประคบ มีคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ ดังนี้
- ไพร มีคุณสมบัติบรรเทาอาการอักเสบของข้อและเอ็น บรรเทาอาการฟกช้ำ เคล็ดขัดยอก
- ตะไคร้ มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ บรรเทาอาการเคล็ดขัดยอกและแผลในกล้ามเนื้อ
- ขมิ้น มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและฆ่าเชื้อ ช่วยในเรื่องของการฟกช้ำ ปวดกล้ามเนื้อ
- มะกรูด มีสารต้านอนุมูลอิสระ เมื่อทาลงบนผิวจะช่วยสมานแผลได้
- การบูร ช่วยกระตุ้นระบบทางเดินหายใจ บรรเทาความเครียดและวิตกกังวล
- มะขาม ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและช่วยสมานผิว
- ขมิ้นชัน ช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้ออวัยวะภายใน
- ส้มป่อย อุดมด้วยสารซาโปนิน (Saponin) มีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลของระบบหมุนเวียนโลหิต
ศาสตร์การนวดประคบ กับ 4 คุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ
การนวดประคบ มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย ดังต่อไปนี้
- เพิ่มการไหลเวียนโลหิต
ความร้อนจากสมุนไพรในลูกประคบ มีส่วนช่วยขยายหลอดเลือดและออกซิเจนภายในร่างกาย ส่งผลให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- บรรเทาอาการปวดข้อและกล้ามเนื้อ
สมุนไพรชนิดต่าง ๆ ที่อยู่ในลูกประคบ อุดมด้วยคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ ช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและบรรเทาอาการปวดข้อต่าง ๆ
- เพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย
การนวดประคบ นอกจากจะมีส่วนช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย เคล็ดขัดยอกแล้ว ยังมีประโยชน์ทางด้านสุขภาพจิตใจอีกด้วย เช่น บรรเทาความเครียด เพิ่มพลังให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น
- บรรเทาอาการอักเสบของผิวหนัง
การนวดประคบ มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ สามารถบรรเทาอาการอักเสบของผิวหนังและช่วยฟื้นฟูผิวหนังได้
ข้อควรระวังในการนวดประคบ
ถึงแม้ว่าการนวดประคบจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพเพียงใด แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับการนวด โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัว ดังต่อไปนี้
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง
- สตรีมีครรภ์
- ผู้ทีมีไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส หรือโรคติดเชื้อเฉียบพลัน
- โรคผิวหนังมีแผลเปิดเรื้อรัง
- อยู่ในภาวะกระดูกพรุนอย่างรุนแรง