ทุเรียน (Durian) ราชาผลไม้ ที่โด่งดังเรื่องมี ‘กลิ่นแรง’ มากเสียจนหลายคนแทบจะทนไม่ไหว แต่กับคนที่ชอบทุเรียนกลับรู้สึกว่าเป็นกลิ่นหอมไปเสียอย่างนั้น ทุเรียนนั้นนอกจากจะมีกลิ่นที่รุนแรง รสชาติหวานมันแสนอร่อยแล้ว ยังมีคุณค่าทางสารอาหารสูง สมกับเป็นราชาแห่งผลไม้อีกด้วย ประโยชน์ของทุเรียน นั้นมีอะไรบ้าง มาหาคำตอบได้จากบทความนี้
ทุเรียน ผลไม้ที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหาร
ทุเรียนนั้นถูกเรียกว่าเป็น ราชาของผลไม้ เพราะนอกจากจะมีกลิ่นที่รุนแรงแล้ว ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากอีกด้วย จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) ทุเรียน 1 ถ้วย หรือประมาณ 243 กรัม จะให้คุณค่าทางโภชนาการดังต่อไปนี้
- พลังงาน 357 แคลอรี่
- ไขมัน 13 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 66 กรัม
- ใยอาหาร 9 กรัม
- โปรตีน 4 กรัม
- วิตามินซี 80% ของปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับในแต่ละวัน
- ไทอามีน (Thiamine) 61% ของปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับในแต่ละวัน
- แมงกานีส 39% ของปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับในแต่ละวัน
- วิตามิน B6 38% ของปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับในแต่ละวัน
- โพแทสเซียม 30% ของปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับในแต่ละวัน
- วิตามิน B2 29% ของปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับในแต่ละวัน
- โฟเลต 22% ของปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับในแต่ละวัน
นอกจากนี้ ทุเรียนยังอุดมไปด้วยสารประกอบจากพืชที่มีประโยชน์ และทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) แคโรทีนอยด์ (Carotenoid) และฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) เป็นต้น
ประโยชน์ของทุเรียน ที่ไม่ควรมองข้าม
ดีต่อสุขภาพหัวใจ
ทุเรียนนั้นเป็นผลไม้ที่มีสารโพแทสเซียมสูง ช่วยในเรื่องของการลดความดันโลหิต ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่โรคหัวใจและหลอดเลือดต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคความดันโลหิต นอกจากนี้ในทุเรียนนั้นยังมีใยอาหารและไขมันไม่อิ่มตัวสูง ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจนำไปสู่โรคหัวใจได้
ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร
ในทุเรียนนั้นมีพรีไบโอติก (Prebiotic) สารอาหารที่ไม่ถูกย่อยในกระเพาะอาหารและจะไม่ดูดซึมในลำไส้เล็ก พรีไบโอติกนี้จะเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของจุลินทรีย์ดีที่อยู่ในลำไส้ ช่วยเพิ่มการทำงานของระบบย่อยอาหาร และช่วยให้สุขภาพของลำไส้แข็งแรง นอกจากนี้ในทุเรียนนั้นก็ยังมีใยอาหารสูง ทำให้ขับถ่ายได้ดี และช่วยป้องกันท้องผูก
ช่วยป้องกันโรคขาดสารอาหารในผู้สูงอายุ
เนื่องจากทุเรียนนั้นเป็นผลไม้ที่มีสารอาหารมากและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง การรับประทานทุเรียนจึงสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคขาดสารอาหาร ที่พบได้มากในหมู่ผู้สูงอายุ เนื่องมาจากหลายๆ ปัจจัย เช่น เบื่ออาหาร การเผาผลาญผิดปกติ และรับประทานอาหารได้น้อยลง
ทุเรียนนั้นนอกจากจะมีสารอาหารมากแล้ว ยังให้พลังงานสูง มีวิตามินสำคัญร่างกายต้องการ แถมยังมีเนื้อนิ่ม รับประทานง่าย แม้แต่ผู้สูงอายุที่ฟันไม่ดีก็ยังสามารถรับประทานได้ง่าย
ข้อควรระวังในการกินทุเรียน
-
ห้ามกินทุเรียนพร้อมกับดื่มเหล้า
การรับประทานทุเรียนพร้อมกับดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารประกอบคล้ายกับซัลเฟอร์ (ฆulfur) ที่อยู่ในทุเรียน อาจทำให้เอนไซม์บางชนิดไม่สามารถย่อยสลายแอลกอฮอล์ในร่างกายได้ และทำให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ใจสั่น และอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
-
โรคภูมิแพ้
แม้ว่าจะเป็นกรณีที่หายาก แต่บางคนก็อาจจะเกิดอาการแพ้ทุเรียนได้ ผู้ที่มีอาการแพ้ทุเรียนหากรับประทานทุเรียนอาจทำให้เกิดอาการแพ้ต่างๆ เช่น ผดผื่น คอบวม ตาบวม หลอดลมตีบ หรือหมดสติ หากคุณไม่แน่ใจว่าคุณมีอาการแพ้ทุเรียนหรือไม่ ควรรับการตรวจโรคภูมิแพ้จากผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทานทุเรียน
-
ไม่ดีต่อไต
ในทุเรียนนั้นมีโพแทสเซียมสูงมาก โพแทสเซียมนี้แม้ว่าอาจจะมีประโยชน์สำหรับคนทั่วไป แต่ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต เช่น เป็นโรคไต หรือฟอกไต ควรระมัดระวังการรับประทานทุเรียน เพราะไตที่มีปัญหาอาจไม่สามารถกำจัดโพแทสเซียมที่มีอยู่มากในทุเรียนออกไปได้ จนทำให้เกิดการสะสมของโพแทสเซียมในร่างกาย ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ใจสั่น และตะคริว เป็นต้น
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmr]