ข้อมูลโภชนาการ

สิ่งที่เรารับประทานเข้าไป มีผลโดยตรงต่อความรู้สึกและประสิทธิภาพในการทำงานแต่ละวัน การเรียนรู้เกี่ยวกับ ข้อมูลโภชนาการ จะช่วยให้เรารู้จักระมัดระวังมากขึ้นก่อนการรับประทานอาหาร และช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายทางสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

ข้อมูลโภชนาการ

หัวปลี สารอาหารสำคัญ สรรพคุณทางยา และประโยชน์ของหัวปลี

หัวปลี เป็นส่วนดอกของต้นกล้วย เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ปลีกล้วย คนไทยมักจะนำหัวปลีมาประกอบเป็นเมนูอาหารต่าง ๆ ช่วยเสริมรสชาติให้กับเมนูอาหาร ทั้งยังอุดมด้วยคุณประโยชน์มากมาก และมีสรรพคุณทางยาที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย [embed-health-tool-bmi] สารอาหารสำคัญใน หัวปลี ปลีกล้วยหรือหัวปลี มีสารอาหารสำคัญ ดังนี้ แคลเซียม  ธาตุเหล็ก  ฟอสฟอรัส  แมกนีเซียม  โปรตีน  วิตามินซี  เบตาแคโรทีน ประโยชน์จากหัวปลี หัวปลีเป็นส่วนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทุกเพศทุกวัย เช่น  ปลีกล้วยมีสารซาโปนิน (Saponins) และแทนนิน(Tannins) ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนโปรแลคติน ในทางการแพทย์แผนไทย  อุดมด้วยแคลเซียม ที่มากกว่ากล้วยสุกถึง 4 เท่า ดีต่อกระดูกและฟัน อาจช่วยบรรเทาอาการของโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ หัวปลีเป็นผักฤทธิ์เย็น ดีต่อสุขภาพในช่วงหน้าร้อน ปรับสมดุลร่างกายให้เย็นขึ้น ช่วยแก้อาการร้อนในได้ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง ดีต่อผิวพรรณ ชะลอการเกิดริ้วรอย มีสารแมกนิเซียมที่ช่วยปรับสมดุลของสภาวะทางอารมณ์ ช่วยบรรเทาอาการเศร้า  มีสารเอทานอล ลดการอักเสบ มีฤทธิ์ป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อโรคได้ ประโยชน์ที่สำคัญของหัวปลียังดีต่อแม่ตั้งครรภ์และแม่หลังคลอด ดังนี้  ช่วยในการบำรุงเลือด ป้องกันโลหิตจาง โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์หรือคุณแม่หลังคลอด มีสรรพคุณทางยา กระตุ้นต่อมน้ำนม ให้ร่างกายแม่ตั้งครรภ์สร้างน้ำนมหลังคลอด จึงควรรับประทานเมนูหัวปลีหลังคลอดเพื่อช่วยขับน้ำนม ตัวอย่างเมนูจากหัวปลี หัวปลีมีรสฝาด สามารถกินสด ๆ ได้ […]

สำรวจ ข้อมูลโภชนาการ

ข้อมูลโภชนาการ

สารกันบูด ภัยเงียบที่แฝงตัวอยู่ในอาหาร

ปกติอาหารต่าง ๆ ที่เป็นอาหารแปรรูปมักจะมี สารกันบูด เป็นส่วนผสมอยู่แล้ว เพื่อช่วยเพิ่มระยะเวลาในการเก็บรักษา รวมถึงช่วยให้รสชาติยังคงเดิม ทั้ง ๆ ที่ทุกคนทราบกันดีว่าสารกันบูดนั้นมีอันตรายแต่ก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการบริโภคได้ บทความนี้ทาง Hello คุณหมอ จึงมีเรื่องนี้มานำเสนอให้ได้ทราบกัน ทำความรู้จักกับ สารกันบูด สารกันบูด หรือ สารกันเสีย (Preservative) เป็นสารเคมีที่ใช้ในการเก็บอาหารสด แม้สารกันบูดจะมีด้วยกันหลายชนิด แต่สิ่งที่มักจะพบบ่อยๆ ก็คือ  ยาต้านจุลชีพ สารต้านอนุมูลอิสระ และผลิตภัณฑ์ที่ชะลอกระบวนการทำให้สุกตามธรรมชาติ ถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่สารกันบูดก็สามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพได้เช่นกัน สารกันบูดนั้นอยู่ในผลิตภัณฑ์หลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดื่ม ขนมหวาน ขนมอบ ขนมปัง และอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนั้น ยังสามารถพบได้ในผัก ผลไม้ และอาหารกระป๋องอีกด้วย ความจริงแล้วการใส่สารกันบูดลงไปในอาหารก็เพื่อช่วยเพิ่มอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ และยังทำให้แน่ใจอีกว่า ผลิตภัณฑ์จะไม่สูญเสียรสชาติและกลิ่นไป อันตรายจากสารกันบูดที่ส่งผลต่อร่างกาย แม้สารกันบูดจะถูกผสมอยู่ในอาหารต่าง ๆ ที่เราบริโภคเข้าไปทุกวัน แต่ความจริงแล้ว สารกันบูดส่งผลอันตรายต่อสุขภาพเช่นกัน ซึ่งอันตรายของสารกันบูดที่ส่งผลต่อร่างกาย มีดังนี้ หนึ่งในอันตรายของสารกันบูด ก็คือ อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปัญหาการหายใจ เช่น โรคหอบหืด […]


ข้อมูลโภชนาการ

น้ำมันงาขี้ม้อน แหล่งรวมโอเมก้า 3 และคุณประโยชน์ยกกำลังสาม

น้ำมันที่ได้รับการสกัดจากพืช และจากสัตว์นั้นมีหลายชนิด ทั้งน้ำมันงา น้ำมันสน น้ำมันหมู หรือแม้แต่น้ำมันมะกอก ซึ่งน้ำมันสกัดเหล่านี้นอกจากจะนำมาใช้ประกอบอาหาร เพิ่มรสชาติของอาหารให้อร่อย และน่ารับประทานมากขึ้นแล้ว ก็ยังให้ประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ ขอพาไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งน้ำมันที่สกัดมาจากพืช นั่นคือ น้ำมันงาขี้ม้อน น้ำมันงาขี้ม้อน คืออะไร น้ำมันงาขี้ม้อนได้รับการสกัดมาจากเมล็ดของต้นงาขี้ม้อน ซึ่งเป็นพืชที่พบได้มากในแถบเอเชียและในทวีปอเมริกาเหนือในบางพื้นที่ ต้นงาขี้ม้อนนั้นเป็นพืชตระกูลล้มลุกหรือพืชตระกูลพุ่ม น้ำมันงาขี้ม้อนมักถูกใช้ในสูตรหรือตำรับอาหารเกาหลี บางแห่งอาจใช้เป็นน้ำมันหรือน้ำมันอบแห้ง ตามแต่ความนิยมของแต่ละบุคคลและแต่ละพื้นที่ โภชนาการสำคัญของ น้ำมันงาขี้ม้อน น้ำมันงาขี้ม้อนนั้น ให้ทั้งกรดไขมันแบบอิ่มตัว และกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย และร่างกายจำเป็นที่จะต้องได้รับสารอาหารจากกรดไขมันทั้งสองชนิดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น น้ำมันงาขี้ม้อนยังเป็นที่ขึ้นชื่อกันว่าเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3ในปริมาณที่สูงมาก จากการวิจัยค้นพบว่าโอเมก้า3ในน้ำมันงาขี้ม้อนนั้น สูงกว่าปริมาณของโอเมก้า 3 ที่ได้มาจากปลาหรือปลาทะเลน้ำลึก นอกจากนี้ยังให้สารโอเมก้า 6 และ 9 อีกด้วย ผิวสวยสดใสด้วยน้ำมันงาขี้ม้อน ต้านเชื้อแบคทีเรีย น้ำมันงาขี้ม้อนมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย และลดการอักเสบ เนื่องจากเป็นแหล่งของกรดไลโนเลอิก (Linoleic acid) ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการนำมาใช้แก้ปัญหาสุขภาพผิว ลดเลือนริ้วรอย หากคุณมีริ้วรอย แล้วต้องการใช้วิธีธรรมชาติในการกำจัดริ้วรอยเหล่านี้ คุณไม่ควรพลาดการบำรุงผิวด้วยน้ำมันงาขี้ม้อน เพราะมีโอเมก้า 3 และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสภาพผิวหนังที่มีริ้วรอย ช่วยต้านอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระเป็นตัวการที่เข้ามาทำร้ายเซลล์ผิวของเราให้หม่นหมองและหมดความมั่นใจ แต่สารฟลาโวนส์ (Flavones) ที่อยู่ในน้ำมันงาขี้ม้อน มีฤทธิ์เป็นสารต้านอิสระ ช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ผิวหนังที่จะเกิดจากอนุมูลอิสระได้ บำรุงผิวแห้ง ผิวแห้งนั้นนอกจากจะกวนใจแล้ว ก็ยังทำให้เราหมดความมั่นใจเวลาแต่งตัวออกไปข้างนอกด้วย […]


ข้อมูลโภชนาการ

Decaf Coffee ดีต่อสุขภาพจริงหรือ

Decaf Coffee คือ กาแฟไม่มีคาเฟอีน แต่ยังมีสารประกอบอื่น ๆ เช่น โพลีฟีนอล (Polyphenols) คลอโรจีนิก (Chlorogenic Acid) และลิกแนน (Lignans) ซึ่งสารเหล่านี้อาจมีประโยชน์ต่อร่างกายเช่น ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคบางชนิด ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ [embed-health-tool-bmi] Decaf Coffee คืออะไร Decaf Coffee คือ กาแฟไม่มีคาเฟอีน หรือที่เรียกกันว่า กาแฟดีแคฟ (Decaffeinated Coffee) เป็นกาแฟที่มาจากเมล็ดกาแฟที่นำคาเฟอีนออกอย่างน้อย 97% ซึ่งวิธีการเอาคาเฟอีนออกจากเมล็ดกาแฟนั้นมีด้วยกันหลายวิธีแต่ที่นิยมคือ การสกัดคาเฟอีนออกโดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์หรือตัวกรองถ่าน ซึ่งเรียกว่า กระบวนการน้ำของสวิส (Swiss Water Process) โดยเมล็ดกาแฟจะถูกสกัดเอาคาเฟอีนออกก่อนที่จะนำไปคั่วและบด คุณค่าของกาแฟไม่มีคาเฟอีนจะใกล้เคียงกับกาแฟทั่วไป ต่างกันเพียงปริมาณคาเฟอีนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม รสชาติและกลิ่นอาจจะรุนแรงขึ้นเล็กน้อย รวมถึงสีอาจจะเปลี่ยนไปด้วย โดยปกติแล้ว Decaf Coffee มักเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ไม่ค่อยชอบรสขมและไม่ชอบกลิ่นของกาแฟปกติ ข้อแตกต่างระหว่าง Decaf Coffee กับ กาแฟปกติ Decaf Coffee มีความคล้ายคลึงกับกาแฟปกติ แต่อาจจะมีคาเฟอีนอยู่น้อยหรือไม่มีเลย ในการนำคาเฟอีนออกจากเมล็ดกาแฟ […]


ข้อมูลโภชนาการ

เม็ดแมงลัก

เม็ดแมงลัก เป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านของคนไทยที่นิยมกินกันมาช้านานแล้ว โดยเฉพาะสาว ๆ ในปัจจุบันที่ใส่ใจดูแลรูปร่างของตัวเอง มักใช้เม็ดแมงลักเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนัก นอกจากนั้นยังดีต่อสุขภาพและเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย เม็ดแมงลักกับการรักษาโรค ป้องกันโรคหัวใจ ช่วยขับคอเลสเตอรอลไม่ดีออกจากร่างกาย เพราะเม็ดแมงลักมีเส้นไยที่ช่วยดูดซับไขมันได้ เมื่อร่างกายไม่สามารถย่อยกากไยพวกนี้ได้ ไขมันไม่ดีจึงถูกขับออกมาพร้อมกับเส้นไยของเม็ดแมงลัก ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ด้วย ปรับสมดุลระบบขับถ่าย ช่วยในการขับถ่าย เนื่องด้วยเม็ดแมงลักเมื่อแช่น้ำแล้วมีลักษณะเป็นเจลาติน นิ่ม ลื่น กลืนง่าย มีไฟเบอร์สูง ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ขับถ่ายง่าย ควบคุมการลดน้ำหนัก เม็ดแมงลักเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนักสามารถพองตัวได้ถึง 45 เท่า และให้พลังงานน้อยมาก แทบจะไม่มีพลังงานเลย ดังนั้นเมื่อรับประทานก่อนอาหารก็จะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องได้เร็วขึ้น ลดระดับคอเลสเตอรอลไม่ดีออกจากร่างกาย ในอาหารที่เราทานเข้าไปมีทั้งคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) และคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) แต่เม็ดแมงลักมีส่วนช่วยขับคอเลสเตอรอลตัวร้ายออกจากร่างกายได้ เพราะเส้นใยของแมงลักสามารถดูดซับไขมันไว้ได้ เมื่อร่างกายไม่สามารถย่อยกากใยพวกนี้ได้ ไขมันไม่ดีก็จะถูกขับออกมาพร้อมกับเส้นใยของแมงลัก แต่ไม่มีผลใด ๆ ต่อไขมันดี ดีท็อกซ์ล้างลำไส้ ช่วยดีท็อกซ์แก้ปัญหาอุจจาระตกค้าง ซึ่งเป็นสาเหตุมาจากการเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย มีพยาธิ ระบบย่อยอาหารผิดปกติ ระบบดูดซึมไม่ดี และขับถ่ายไม่เป็นเวลาช่วยทำความสะอาดผนังลำไส้ อุจจาระไม่เกาะลำไส้ เคล็ดลับในการกินเม็ดแมงลัก ใช้เม็ดแมงลัก 1-2 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้วใหญ่ แช่ให้เม็ดพองเต็มที่ ถ้าจะกินเพื่อลดน้ำหนัก ให้กินก่อนอาหาร แนะนำให้กินในมื้อเย็น แต่ถ้าใช้เป็นยาระบายให้กินก่อนนอน จะทำให้การขับถ่ายดีในตอนเช้า ข้อแนะนำในการกินเม็ดแมงลัก ไม่ควรกินเม็ดแมงลักในปริมาณที่มากจนเกินไป เพราะจะทำให้แน่นท้องจนรู้สึกไม่สบายตัว ในการเลือกซื้อเม็ดแมงลัก ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ปิดมิดชิด ได้รับมาตรฐาน ผ่านการตรวจรับรองว่าสะอาด ไม่มีสารเจือปน […]


ข้อมูลโภชนาการ

เกสรผึ้ง แหล่งโภชนาการดี ๆ จากผึ้ง ที่คุณควรรู้จัก

เกสรผึ้ง (Bee Pollen) คือละอองเล็ก ๆ ลักษณะคล้ายแป้งที่หลุดออกมาจากช่อเกสรตัวผู้ของดอกไม้ โดยละอองเหล่านั้นจะติดอยู่กับอวัยวะบริเวณขาของผึ้งขณะที่กำลังเกาะกับเกสรของดอกไม้ และผึ้งจะนำละอองที่ได้กลับไปเก็บไว้ที่รังของตนเอง เพื่อใช้ในการเลี้ยงตัวอ่อนของผึ้ง  เกสรผึ้งมีสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ หลายชนิด เช่น โปรตีน วิตามินเอ วิตามินซี ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน เช่น ลดโอกาสเสี่ยงเป็นโรคเรื้อรัง ต้านการอักเสบ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน [embed-health-tool-bmi] คุณค่าทางโภชนาการของ เกสรผึ้ง เกสรผึ้งประกอบไปด้วยสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้ สารชีวภาพจำนวน 250 ชนิด มีโปรตีนประมาณ 35% วิตามินจำนวน 16 ชนิด ได้แก่ กลุ่มวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค วิตามินดี และกลุ่มวิตามินบี คาร์โบไฮเดรต ซึ่งมีการค้นพบว่าในเกสรผึ้งนั้นมีคาร์โบไฮเดรตประมาณ 40% น้ำ 5-10% และไขมัน 5% ประโยชน์ของเกสรผึ้ง เกสรผึ้งมีประโยชน์ต่อร่างกายในการส่งเสริมสุขภาพดังรายละเอียดต่อไปนี้ อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง เกสรผึ้งประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น ฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) แคโรทีนอยด์ (Carotenoid) เควอซิทิน (Quercetin) […]


ข้อมูลโภชนาการ

พีแคน กับคุณประโยชน์แห่งธัญพืชและข้อควรระวัง

พีแคน เป็นถั่วชนิดหนึ่ง มีรสหวาน กรอบ นำมาแปรรูปได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ขนมขบเคี้ยว พายทั้งยังมีประโยชน์และคุณค่าทางอาหารสูง ผู้บริโภคที่ชอบรับประทานธัญพืชชนิดนี้ ควรทราบถึงข้อแตกต่างของถั่วชนิดนี้กับถั่วชนิดอื่น ๆ รวมทั้งคุณค่าสารอาหารต่อร่างกาย และข้อควรระวังในการรับประทานพีแคน [embed-health-tool-bmi] พีแคน (Pecans) คืออะไร พีแคน เป็นพืชตระกูลถั่วที่มีลำต้นขนาดใหญ่ แตกต่างจากถั่วชนิดอื่น ๆ ที่ส่วนมากนั้นจะเป็นพืชตระกูลล้มลุกหรือไม้พุ่ม ต้นพีแคนนั้นมีอยู่มากในประเทศเม็กซิโก และทางตอนใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแถบแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ ซึ่งพีแคนกว่าครึ่งหนึ่งที่ส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลกนั้นมาจากแหล่งผลิตขนาดใหญ่สองแห่งในเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา พีแคนเป็นถั่วที่มีขนาดใหญ่ เนื้อสัมผัสกรอบ มีรสหวานตามธรรมชาติ นิยมนำมาแปรรูปในหลายลักษณะและหลายเมนู เช่น ขนมขบเคี้ยว พายถั่วพีแคน ถั่วพีแคนอบแห้ง หรือช็อกโกแลตสอดไส้พีแคน นอกจากนี้ ยังนิยมนำไปรับประทานกับสลัด หรือโยเกิร์ต อีกด้วย ประโยชน์มากล้นในถั่วพีแคน 1.เป็นแหล่งโปรตีน โปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญและจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ไม่เพียงเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสัตว์เท่านั้นที่ให้สารอาหารประเภทโปรตีน แต่การรับประทานถั่ว โดยเฉพาะพีแคน มีการค้นพบในงานวิจัยเมื่อปี 2015 โดย Self Nutrition Data กล่าวว่า พีแคน 1 ออนซ์ ให้โปรตีนมากถึง 3 กรัม ดังนั้นหากเพิ่มพีแคนลงในมื้ออาหารอาจช่วยให้ร่างกายได้รับโปรตีนที่เพียงพอมากยิ่งขึ้น 2.เป็นแหล่งไทอามีน ไทอามีน (Thiamine) หรือที่รู้จักกันในชื่อของวิตามินบี1 […]


ข้อมูลโภชนาการ

เนยถั่ว คุณค่าทางโภชนาการ ประโยชน์ และข้อควรระวัง

เนยถั่ว เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการบดถั่วลิสงคั่วหรืออบให้ละเอียด นิยมนำมารับประทานโดยการทาบนขนมปัง สอดไส้แครกเกอร์ หรือจิ้มรับประทานแบบเปล่า ๆ การรับประทานเนยถั่วในปริมาณที่เหมาะสม อาจมีประโยชน์กับสุขภาพมากมาย ทั้งมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก ดีต่อสุขภาพหัวใจ ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด แต่หากรับประทานมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ทำความรู้จักกับเนยถั่ว เนยถั่ว (Peanut Butter) ทำมาจากถั่วลิสงคั่วหรืออบ แล้วนำไปบดให้ละเอียด จนได้เป็นเนยถั่วเนื้อเนียน รสชาติหอมมัน บางสูตรอาจผสมกับน้ำมัน เช่น น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันพืช  สารให้ความหวาน เช่น น้ำผึ้ง น้ำตาลทรายแดง และเกลือเล็กน้อย โดยส่วนผสมในการทำเนยถั่วนั้นอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสูตร โดยทั่วไป เนยถั่ว 2 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 32 กรัม) ให้พลังงาน 188 กิโลแคลอรี่ และมีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้ โปรตีน 7.02 กรัม ไขมันทั้งหมด 16 กรัม (21% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน) กรดไขมันอิ่มตัว 3 กรัม (15% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน) คาร์โบไฮเดรต 7.7 กรัม […]


ข้อมูลโภชนาการ

ดื่มนมเปรี้ยว ได้ประโยชน์สุขภาพกว่าที่คุณคิด

“นมเปรี้ยว” หากเอ่ยถึงชื่อนี้เราคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ด้วยรสชาติที่อมเปรี้ยวอมหวาน ดื่มง่าย อร่อยถูกปากครองใจทุกเพศทุกวัยมาเป็นเวลาหลายสิบปี  และหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป แต่รู้ไหมคะว่า นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้วยังมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอีกด้วย แต่จะมีประโยชน์ด้านไหนบ้างนั้น วันนี้ Hello คุณหมอ ขอพามาดูประโยชน์จากการ ดื่มนมเปรี้ยว กันในบทความนี้ มาทำความรู้จัก นมเปรี้ยว กันเถอะ นมเปรี้ยว (Fermented Milk) คือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม หรือ จากการหมักบ่มด้วยจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิด กรดแล็กติก (Lactic Acid) เกิดจากการหมักของ แล็กโตบาซิลลัส (Lactobacillus) และ สเตรปโตค็อกคัส เทอร์โมฟิลัส (Streptococcus thermophilus) เป็นหลัก เมื่อทำการหมักนมด้วยจุลินทรีย์ 2 ชนิดนี้ในเวลาที่พอเหมาะแล้ว น้ำตาลแลคโตส (Lactose) ในนมจะถูกย่อยสลายไปหมดกลายเป็น กรดแฟตตี้ (Fatty Acid) ที่มีโมเลกุลสั้น โดย กรดแฟตตี้ นี้จะทำให้นมมีรสชาติเปรี้ยว หลังจากนั้นเติมน้ำตาลทรายลงไปปรุงเป็นรสชาติต่างๆ เพื่อจำหน่ายออกมาเป็นนมเปรี้ยวพร้อมดื่มแบบที่เราชอบดื่มกันทุกวันนี้ ดื่มนมเปรี้ยว ช่วยลดน้ำหนักได้จริงไหม? เป็นความเชื่อที่ไม่ใช่เรื่องจริงเลยค่ะ โดยเฉพาะสาวๆ ที่เชื่อกันว่าดื่มนมเปรี้ยว แล้วช่วยให้ผอม อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นนมที่ไม่หวานมาก ไม่มีไขมัน กินแล้วอยู่ท้อง […]


ข้อมูลโภชนาการ

โปรตีนจากถั่วเหลือง ทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ

โปรตีนจากถั่วเหลือง คือ โปรตีนที่พบในถั่วเหลือง มักใช้แทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ โดยโปรตีนถั่วเหลืองอาจช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก เพิ่มพลังงาน หรือสร้างกล้ามเนื้อ ทั้งยังอาจควบคุมความสมดุลของฮอร์โมนและลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านม โรคหัวใจ และโรคกระดูกพรุน โปรตีนจากถั่วเหลือง คืออะไร โปรตีนจากถั่วเหลือง เป็นโปรตีนที่พบในถั่วเหลือง ซึ่งโปรตีนจากพืชและจากสัตว์มีความแตกต่างกันที่จำนวนกรดอะมิโน สำหรับอาหารบางชนิด เช่น ถั่วเหลือง จะมีปริมาณกรดอะมิโนเท่ากับเนื้อสัตว์ แต่ไม่มีไขมันและคอเลสเตอรอล ในขณะที่เนื้อสัตว์จะมีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง แม้ถั่วเหลืองจะมีแคลเซียมน้อยกว่าเนื้อสัตว์ แต่ก็มีโปรตีนสูงถึง 35% จากงานบางงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า การบริโภคโปรตีนจากถั่วเหลือง 25 กรัม ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง และโรคหัวใจอีกด้วย บริโภคโปรตีนไม่เหมาะสมทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ การบริโภคโปรตีนไม่ควรกินมากหรือน้อยเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดผลเสียได้ หากต้องการจะทราบว่าควรจะบริโภคโปรตีนอย่างไรและปริมาณเท่าไหร่ อาจเริ่มสังเกตจากร่างกาย และไลฟ์สไตล์ของตนเองก่อน หากร่างกายมีการขาดโปรตีน จะมีอาการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ มีปัญหาที่ผิวหนัง เส้นผม และเล็บ นอกจากนี้ ยังมีอาการทางด้านระบบภูมิคุ้มกัน คือ แผลหายช้า และป่วยง่ายอีกด้วย สำหรับคนทั่วไปที่มีน้ำหนักมาตรฐาน ควรบริโภคโปรตีนโดยคำนวณตามน้ำหนักที่เหมาะสม เช่น โปรตีน 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม สำหรับนักกีฬา ควรรับประทานโปรตีนมากกว่าปกติ คือ 1.5-2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 […]


ข้อมูลโภชนาการ

ถั่วพิสตาชิโอ กับความลับเพื่อสุขภาพ

ถั่ว ธัญพืชเม็ดเล็กๆ ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารสูง โดยเฉพาะโปรตีน ที่ปัจจุบันมีการค้นพบว่าถั่วหลายชนิดให้โปรตีนสูง บางชนิดให้โปรตีนเทียบเท่ากับการรับประทานเนื้อสัตว์เลยทีเดียว วันนี้ Hello คุณหมอ มีอีกหนึ่งถั่วที่อุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็นต่อร่างกายมาฝากทุกท่าน นั่นคือ ถั่วพิสตาชิโอ รู้จักกับถั่วพิสตาชิโอ พิสตาชิโอ หรือ ถั่วพิสตาชิโอ (Pistachio) เป็นพืชตระกูลถั่ว มีลักษณะเป็นพืชล้มลุก แต่สำหรับต้นพิสตาชิโอนั้นจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก พบได้ในบริเวณตะวันออกกลาง เช่น ซีเรีย อัฟกานิสถาน ปากีสถาน อินเดีย ตุรกี เลบานอน รวมถึงในอียิปต์ด้วย ปัจจุบันถั่วพิสตาชิโอได้ถูกนำมาแปรรูปเป็นอาหารชนิดต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบของธัญพืช ถั่วพิสตาชิโออบแห้งหรืออบเกลือ หรือนมถั่วพิสตาชิโอ ซึ่งล้วนแล้วแต่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น ถั่วพิสตาชิโอ ดีอย่างไร จากการที่องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาได้มีการแนะนำให้ทานถั่ววันละ 1 กำมือเพื่อลดไขมันและคอเลสเตอรอล จึงเป็นการปลุกกระแสให้ใครต่อใครหันมาบริโภคอาหารประเภทธัญพืชอย่างถั่วมากขึ้น เป็นเหตุผลว่าทำไมปัจจุบันเราจึงเห็นผลิตภัณฑ์จากถั่วถูกนำมาแปรรูปมากมาย เพื่อให้ได้ทั้งความอร่อยและคุณค่าทางอาหาร รวมถึงถั่วพิสตาชิโอด้วย เป็นแหล่งรวมสารอาหาร ถั่วพิสตาชิโอนั้น ประกอบด้วยสารอาหารต่างๆ ดังนี้ คาร์โบไฮเดรต ไฟเบอร์ โปรตีน ไขมันดี โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี6 ไทแอมีน ทองแดง และแมงกานีส ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ให้คุณค่าต่อร่างกายเป็นอย่างดีทีเดียว ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เมื่อเทียบกับถั่วชนิดอื่นๆ พบว่าถั่วพิสตาชิโอนั้นมีปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูง จะเป็นรองก็แต่วอลนัทและถั่วพีแคนเท่านั้น […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน