ทุกคนคงมักจะเข้าใจว่า น้ำตา เป็นเครื่องหมายของความอ่อนแอ ความผิดหวัง ความโศกเศร้าเสียใจ และมักเกิดขึ้นได้บ่อยในเพศหญิง มากกว่าเพศชาย แต่นอกจากความหมายที่คุ้นชินกันเช่นนี้แล้ว ลองปรับมุมมองของน้ำตากันบ้างดีกว่า เพราะน้ำตาไม่ได้เป็นแค่สัญลักษณ์ในเชิงลบเท่านั้น วันนี้ Hello คุณหมอ จะพามารู้จักกับประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ จนทำให้ทุกคนอาจอึ้งไปตามๆ กันเลยทีเดียว
องค์ประกอบของ น้ำตา มีอะไรบ้าง
รู้หรือไม่ว่าน้ำตามีทั้งหมด 3 ประเภท ด้วยกัน เริ่มด้วย
- น้ำตาแรกเริ่ม คือน้ำภายในดวงตาที่คอยหล่อเลี้ยงเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา
- น้ำตาที่เกิดจากสิ่งเร้า เมื่อคุณเผลอสัมผัสดวงตา หรือโดนสิ่งรอบตัว เข้ามาก่อกวนสร้างความระคายเคืองต่อ จึงทำให้ร่างกายผลิตน้ำตาออกมา
- น้ำตาทางอารมณ์ สิ่งนี้เชื่อมต่อกับภาวะทางอารมณ์โดยตรง และสามารถเกิดขึ้นได้บ่อยมากเมื่อเรารู้สึกเสียใจ มีความสุข และโกรธ จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
บทบาทสำคัญของน้ำตา คือ เป็นของเหลวที่คอยทำให้ดวงตาของเราชุ่มชื้น และมีโครงสร้างที่คล้ายคลึงกับน้ำลาย มีองค์ประกอบ ดังนี้
- น้ำ ที่เป็นของเหลวส่วนหนึ่งในร่างกายของเราแต่เดิม
- อิเล็กโทรไลต์ (Electrolytes) สารละลายมีลักษณะเป็นของเหลว และเป็นสารที่มีประจุไฟฟ้าอยู่ในตัว มักกระจายอยู่ทั่วทั้งร่างกาย ซึ่งแยกย่อยส่วนประกอบของอิเล็กโทรไลต์ออกมาได้อีก คือ โซเดียมไบคาร์บอเนต คลอไรด์ และ โพแทสเซียม ที่ทำให้น้ำตามีรสชาติค่อนข้างเค็ม
นอกจากนี้ยังพบไลโซไซม์ (Lysozyme) และแลคโตเฟอริน (Lactoferrin) เปปไทด์ที่อยู่ในกลุ่มของโปรตีนเป็นสารประกอบในน้ำตาเช่นเดียวกัน และสามารถกำจัดแบคทีเรีย ไวรัสที่อยู่บริเวณภายในดวงตาได้
ประโยชน์ของ น้ำตา ที่ทำให้คุณอาจคาดไม่ถึง
1. ช่วยในการผ่อนคลาย
ในการศึกษาปี 2014 พบว่าการร้องไห้เป็นกลไกการปลอบโยนตนเองที่ดีที่สุด ทำให้ระบบประสาทรอบนอกเปิด (PNS) พวกเขาจึงรู้สึกถึงความผ่อนคลาย อารมณ์ที่เย็นลง ลดความทุกข์ในจิตใจ และยังช่วยในการย่อยอาหารได้ดี
2. บรรเทาอาการปวดเมื่อย
นักวิจัยพบว่านอกเหนือจากการผ่อนคลายแล้ว การที่ร้องไห้ยังทำให้หลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphin) สารแห่งความสุขออกมาบรรเทาอาการปวดเมื่อยทั่วทั้งร่างกาย
3. ส่งเสริมการนอนหลับ
จากการศึกษาในปีในปี 2015 ของทีมวิจัย พบว่าการร้องสามารถช่วยให้เพิ่มการนอนหลับได้ดี โดยเฉพาะกับเด็กทารก และเด็กแรกเกิด เพราะเสียงร้องไห้นั้นจะทำให้ปอดของทารกแข็งแรง และทำความสะอาดของเหลวในจมูก และปากที่อาจปนเปื้อนมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา
4. กำจัดแบคทีเรีย
การร้องไห้สามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียภายในดวงตา หรือรอบๆ ดวงตาออกไปได้ เนื่องจากมีส่วนประกอบของไลโซไซม์ ที่มีคุณสมบัติกำจัดเชื้อจุลินทรีย์
5. บรรเทาความเครียด
98 % ของผู้ที่ร้องไห้จนก่อให้เกิดน้ำตาไหลนอง พบว่ามาจากฮอร์โมนความเครียด จากเรื่องส่วนตัว จนต้องใช้การระบายด้วยการร้องไห้ออกมา ซึ่งทำให้ฮอร์โมนเหล่านั้นในร่างกายมีระดับที่ลดลง
อาการแบบไหน ที่ควรได้รับการช่วยเหลือ จากการเสียน้ำตามากเกินไป
สังเกตอาการดังต่อนี้ไป รวมถึงตรวจเช็กปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่อาจเป็นสัญญาณแรกเริ่มของโรคซึมเศร้า เพื่อได้รับการรักษาอย่างเท่าทัน
- ร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง
- ร้องไห้ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน
- รู้สึกถึงความไม่เป็นตัวของตัวเอง ควบคุมการร้องไห้ได้ยาก
หรืออาการทางอารมณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และผิดปกติเกินกว่าบุคคลที่ร้องไห้ธรรมดา เช่น รู้สึกไร้ค่า สิ้นหวัง หงุดหงิดง่าย เบื่ออาหาร และมีความคิดที่จะฆ่าตัวตายอยู่บ่อย ๆ เป็นต้น
[embed-health-tool-bmi]