โรคมะเร็งปอดเป็นภัยเงียบที่ร้ายแรงถึงแก่ชีวิต จากรายงานขององค์การอนามัยโลก เมื่อปี 2012 มะเร็งปอดเป็นโรคมะเร็งชนิดที่ก่อให้เกิดการเสียชีวิตมากที่สุดในบรรดามะเร็งชนิดอื่น ๆ จำนวนสูงถึง 1.59 ล้านราย หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เกิดตัวเลขสูงขนาดนี้ ก็คือ มะเร็งปอดในระยะเริ่มต้นนั้นตรวจพบได้ยาก ในกลุ่มผู้ที่ตรวจพบมะเร็งร้อยละ 40 พบว่ามะเร็งอยู่ในขั้นลุกลาม ในกลุ่มผู้ที่ตรวจพบมะเร็งถึง 1ใน 3 พบว่า มะเร็งลุกลามเข้าสู่ขั้นที่ 3 แล้ว สัญญาณดังต่อไปนี้เป็นสัญญาณเตือน อาการ มะเร็งปอด ที่ไม่ควรละเลย
สัญญาณเตือน อาการ มะเร็งปอด ที่ไม่ควรละเลย
1. อาการไอรักษาไม่หาย
การไอเป็นอาการที่พบบ่อย อาจจะเกิดจากการเป็นไข้หวัด หรือเกิดจากการสำลักอาหาร อย่างไรก็ตาม หากอาการไอยังไม่ทุเลา แม้ว่าหายจากไข้หวัดแล้ว หรือทานยาแล้วก็ตาม คุณควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจปอดด้วยการเคาะปอดหรือด้วยการเอกซเรย์
2. การเปลี่ยนแปลงของอาการไอ
การไอเรื้อรังเป็นหนึ่งในอาการที่พบบ่อยของหลายโรค เช่น โรคกรดไหลย้อน โรคหอบหืด หรือไข้ละอองฟาง อย่างไรก็ตาม หากลักษณะของการไอเปลี่ยนไป เช่น เปลี่ยนจากไอแห้ง ๆ เป็นไอปนเสมหะหรือเลือด ควรรีบติดต่อแพทย์ทันที
3. หายใจไม่ทันแม้ทำกิจกรรมตามปกติ
หากคุณเกิดอาการหายใจไม่ทัน หรือมีเสียงหวีดในขณะหายใจ อาจเป็นสัญญาณของอาการโรคมะเร็งปอด คุณอาจหายใจลำบาก เนื่องจาก เนื้องอกไปขวางทางเดินอากาศ หรือมีของเหลวที่บริเวณปอดเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการกดทับบริเวณปอด แต่เนื่องจากอาการหายใจไม่ทันอาจเกิดขึ้นได้ทั่วไป ทำให้หลายคนละเลย แต่หากคุณมีปัญหาการหายใจ แม้ว่าทำกิจกรรมปกติ เช่น เดินขึ้นบันได ถือของ หรือทำงานอื่น ๆ ทั้งที่เมื่อก่อนทำแล้วไม่เกิดอาการเกี่ยวกับการหายใจลำบาก ควรไปหาแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษา
4. เจ็บหน้าอก
หากเซลล์มะเร็งเติบโตบริเวณกลางปอด ผู้ป่วยอาจจะไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดใด ๆ แต่หากเชื้อมะเร็งเกิดบริเวณด้านนอกของปอด หรือผนังของทรวงอก จะทำให้เกิดความเจ็บปวดได้ มะเร็งปอดทำให้เกิดความเจ็บปวดบริเวณอก ไหล่ และส่วนหลัง เมื่อเกิดอาการเจ็บบริเวณอกเนื่องจากมะเร็งปอด อาการเจ็บปวดนี้อาจจะเกิดมาจากการขยายตัวของต่อมน้ำเหลือง หรืออยู่ในช่วงที่มะเร็งลุกลามไปส่วนผนังทรวงอก เยื่อหุ้มปอด (บริเวณปอด) หรือบริเวณซี่โครง
5. ได้ยินเสียงหวีดแทรกจากการหายใจปกติ
เสียงหายใจที่ดังหวีด เกิดขึ้นเมื่อปอดของคุณหดตัว เนื่องจากมีสิ่งอุดตันหรือมีอาการอักเสบ เสียงหวีดที่แทรกอยู่ในเสียงหายใจอาจเป็นสัญญาณของหลายโรค อย่างเช่น ภูมิแพ้ หรือหอบหืด อย่าได้ละเลยเมื่อได้ยินเสียงแบบนี้ตอนหายใจ ยิ่งถ้าเสียงหวีดในลมหายใจไม่หายไป คุณควรรีบติดต่อแพทย์ทันที การได้รับรู้ว่าเสียงนี้เกิดจากอะไร ดีกว่าที่จะเดาเอาเองว่าไม่มีอะไร
6. เสียงเปลี่ยน
เสียงแหบเกิดขึ้นได้หลังจากเป็นหวัด หรือไม่ได้ใช้เสียงเป็นเวลานาน เช่น ขณะตื่นนอน แต่หากเสียงของคุณเปลี่ยน หรือมีคนบอกว่าเสียงของคุณเปลี่ยนไป และพบว่าเสียงทุ้มต่ำลงหรือแหบพร่าขึ้น คุณควรรีบเข้ารับการตรวจ หากอาการแหบพร่าไม่ดีขึ้น หลังจากการรักษา 2 สัปดาห์ ควรรีบไปหาแพทย์ เซลล์มะเร็งปอดอาจส่งผลกระทบต่อกล่องเสียง จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเสียงได้
7. น้ำหนักลด
น้ำหนักที่ลดอย่างรวดเร็ว เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ไม่ดี ผู้ป่วยโรคมะเร็งมีอาการน้ำหนักลดได้อย่างฮวบฮาบในช่วงเวลาสั้น ๆ เนื่องจาก เซลล์มะเร็งดึงเอาพลังงานและสารอาหารของร่างกายไปใช้ คุณไม่ควรละเลยการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคุณไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการกินหรืออาหารที่กิน เพราะอาการนี้อาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทางสุขภาพของคุณ
8. ปวดกระดูก
มะเร็งปอดขั้นลุกลามสามารถทำให้เกิดอาการปวดกระดูกได้ ผู้ป่วยมะเร็งกระดูกหลายคนมักเป็นผู้สูงอายุ ที่ทำให้พวกเขามักคิดไปว่าการปวดกระดูกเป็นอาการทั่วไปเมื่ออายุมากขึ้น การปวดกระดูกจากมะเร็งปอดมักเกิดบริเวณหลัง บริเวณไหล่ แขน หรือคอ แต่อาจเป็นอาหารที่พบได้ไม่บ่อยนัก การเจ็บปวดจากมะเร็งปอดมักรุนแรงขึ้น ในช่วงเวลาพักผ่อนหรือตอนนอนกลางคืน อาการเจ็บปวดไม่ใช่สัญญาณที่ดี จึงไม่ควรละเลย หากเกิดอาการปวดที่บริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย และควรเข้ารับการตรวจโดยเร็วที่สุด
9. ปวดศีรษะเรื้อรัง
อาการเจ็บปวดที่อันตรายที่สุด จากการเป็นโรคมะเร็งปอด ก็คือ อาการปวดศีรษะ สัญญาณนี้บ่งบอกว่ามะเร็งกำลังลุกลามจากปอดไปสู่สมอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น ในบางกรณี มะเร็งปอดสามารถทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ เนื่องจาก ก้อนเนื้อมะเร็งกดทับเส้นประสาทที่วิ่งผ่านจากทรวงอก การกดทับนี้ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ หากคุณปวดศีรษะที่ไม่ทุเลา คุณควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบ
สัญญาณและอาการอื่น ๆ ที่บ่งชี้ถึงโรคมะเร็งปอด ได้แก่ มีไข้ อ่อนเพลีย กิน หรือกลืนอาหารยาก ไม่อยากอาหาร เกิดก้อนที่ผิดปกติในร่างกาย สิ่งสำคัญ ก็คือ คุณควรแจ้งแพทย์ให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงทางสุขภาพของคุณ หากครอบครัวของคุณมีประวัติการเป็นมะเร็งปอด หรือสูบบุหรี่ คุณควรตรวจสุขภาพ และตรวจคัดกรองมะเร็งอย่างสม่ำเสมอ การตรวจพบมะเร็งได้เร็วจะช่วยเพิ่มโอกาสในการมีชีวิตรอดจากมะเร็งปอดได้