พ่อแม่เลี้ยงลูก

ในทุกช่วงชีวิตของลูกน้อย เหล่าคุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องรู้วิธีดูแลและสนับสนุนสุขภาพโดยรวมของลูกน้อย เพื่อให้ความเป็นอยู่ของลูกน้อยดีขึ้น เพราะฉะนั้นใน พ่อแม่เลี้ยงลูก คุณจะได้พบกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงเคล็ดลับในการดูแลลูกให้แข็งแรง มีความสุข และสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์

เรื่องเด่นประจำหมวด

พ่อแม่เลี้ยงลูก

สาเหตุอะไรที่ทำให้ วัยรุ่นสูบบุหรี่ พิษร้ายทำลายสุขภาพในระยะยาว

วัยรุ่นสูบบุหรี่ เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองไม่ควรละเลย เพราะบุหรี่เป็นสิ่งอันตรายที่สามารถส่งผลเสียระยะยาวต่อร่างกายของวัยรุ่นได้ ในปัจจุบัน มีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่สูบบุหรี่และมีแนวโน้มว่าจำนวนของวัยรุ่นที่สูบบุหรี่จะเพิ่มสูงขึ้นด้วย สาเหตุหนึ่งเพราะเรื่องนี้ถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติ หรือบางก็คนใช้เป็นเครื่องมือระบายความเครียด เพื่อจัดการกับปัญหาวัยรุ่นสูบหรี่ บทความนี้อาจช่วยให้คุณเข้าใจสาเหตุ และอันตรายของบุหรี่มากขึ้น เราไปหาคำตอบเรื่องนี้กันเลย สาเหตุที่ทำให้ วัยรุ่นสูบบุหรี่ สาเหตุที่ทำให้วัยรุ่นสูบบุหรี่มีด้วยกันหลายสาเหตุทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก มาดูกันว่ามีอะไรกันบ้าง สภาพแวดล้อมทางสังคมและทางกายภาพ การโฆษณาจากสื่อโทรทัศน์อาจทำให้วัยรุ่นหนุ่มสาวรู้สึกอยากลองสูบบุหรี่ แนวโน้มการสูบบุหรี่จะเพิ่มขึ้น หากพวกเขาเห็นเพื่อนในวัยเดียวกันสูบบุหรี่ หากคนในครอบครัวสูบบุหรี่ ก็มีแนวโน้มว่าบุตรหลานอาจรู้สึกอยากลองสูบบุหรี่ตามไปด้วย ปัจจัยทางชีวภาพและพันธุกรรม วัยรุ่นบางคนอาจมีความรู้สึกไวต่อสารนิโคติน จึงทำให้รู้สึกอยากนิโคตินได้เร็วกว่าผู้ใหญ่ ปัจจัยทางพันธุกรรมบางอย่างอาจทำให้การเลิกบุหรี่ในวัยรุ่นยากขึ้น คุณแม่ตั้งครรภ์สูบบุหรี่อาจส่งผลต่อลูก และอาจส่งผลให้เด็กสูบบุหรี่เป็นประจำในอนาคต สุขภาพจิต ปัญหาสุขภาพจิตในวัยรุ่น เช่น ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และความเครียด อาจทำให้วัยรุ่นต้องการสูบบุหรี่ ความรู้สึกส่วนตัว วัยรุ่นบางคนเริ่มสูบบุหรี่เพราะต้องการระบายความเครียดที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่าบุหรี่เป็นเพียงทางออกเดียวในการกำจัดความเครียด อิทธิพลอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อวันรุ่น ความเครียดจากเศรษฐกิจตกต่ำ หรือรายได้ลดลง ไม่รู้ว่าจะเลิกบุหรี่อย่างไร ครอบครัวไม่สนับสนุนหรือมีส่วนร่วมในการเลิกบุหรี่ วัยรุ่นยังสามารถเข้าถึงการซื้อบุหรี่ได้ อาจมีพฤติกรรมเกเร ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง มองว่าตัวเองต่ำต้อย เห็นจากโฆษณาผลิตภัณฑ์บุหรี่ในร้านค้า โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต ภาพยนตร์ นิตยสาร หรือหนังสือพิมพ์ วัยรุ่นสูบบุหรี่ ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ในบุหรี่มีสารเคมีหลายชนิดที่เป็นสารพิษและส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น นิโคติน ไซยาไนด์ ผู้ที่เริ่มสูบบุหรี่ครั้งแรกมักมีอาการเจ็บหรือแสบร้อนในลำคอและปอด บางคนถึงกับอาเจียนได้ และเมื่อสูบบุหรี่เป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา […]

หมวดหมู่ พ่อแม่เลี้ยงลูก เพิ่มเติม

เด็กทารก

สำรวจ พ่อแม่เลี้ยงลูก

วัยรุ่น

นมตั้งเต้า ในเด็กผู้หญิง และพัฒนาการทางร่างกายที่ควรรู้

อาการ นมตั้งเต้า ในเด็กผู้หญิง เป็นหนึ่งในสัญญาณของการเข้าสู่วัยรุ่นระยะแรก อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อายุ 10-11 ปี มักทำให้เด็กมีอาการปวดหัวนมและหน้าอก เนื่องจากฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงและเต้านมขยายตัว ในช่วงแรกอาจคลำพบก้อนนูนใต้หัวนม เจ็บเวลาสัมผัสโดน จากนั้นหน้าอกจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น นอกจากนี้ เด็กผู้หญิงที่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นอาจมีพัฒนาการด้านร่างกายอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีประจำเดือน สะโพกผายออก เอวคอดลง มีทรวดทรงมากขึ้น ตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มีขนขึ้นตามแขน ขา รักแร้ อวัยวะเพศ มีกลิ่นตัว [embed-health-tool-bmi] นมตั้งเต้า ในวัยรุ่นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นมตั้งเต้า เป็นความเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายอันดับแรก ๆ ที่ทำให้ทราบว่าเด็กผู้หญิงเข้าสู่วัยรุ่นระยะแรกแล้ว โดยทั่วไปมักเกิดขึ้นในช่วงที่เด็กมีอายุได้ประมาณ 10-11 ปี แต่หากเกิดก่อนหน้านี้อาจหมายความว่า ลูกเป็นสาวก่อนวัย ในช่วงนี้เด็กผู้หญิงอาจรู้สึกเจ็บหน้าอกหรือหัวนม หน้าอกขยายตัวขึ้นเป็นก้อน หัวนมตั้ง ลานนมหรือบริเวณวงสีคล้ำรอบหัวนมขยายใหญ่ขึ้น สาเหตุมาจากรังไข่เริ่มผลิตและหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ที่ไปกระตุ้นให้ร่างกายสะสมไขมันในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในทรวงอก ส่งผลให้หน้าอกขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และเกิดต่อมน้ำนมในหน้าอก โดยอัตราการเจริญเติบโตของหน้าอกอาจแตกต่างไปในแต่ละคน นอกจากการเปลี่ยนแปลงของเต้านมแล้ว ยังอาจมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอื่น ๆ เกิดขึ้นด้วย เช่น เริ่มมีขนหัวหน่าว […]


พ่อแม่เลี้ยงลูก

วิธีนวดเต้าหลังคลอด เพื่อลดอาการคัดตึงเต้านม

เต้านมหลังคลอดจะประกอบไปด้วยของเหลว เลือด น้ำเหลือง และมีน้ำนมในปริมาณมากกว่าปกติเพื่อเป็นแหล่งอาหารหลักให้กับทารกแรกคลอด ในช่วงนี้คุณแม่อาจมีอาการคัดตึงเต้านม เต้านมขยาย บวม แดงได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยหลังคลอด การศึกษา วิธีนวดเต้าหลังคลอด ที่ถูกต้อง อาจช่วยให้คุณแม่สามารถบรรเทาปัญหาเกี่ยวกับเต้านมที่เกิดขึ้น และช่วยให้อาการหายไปได้ในเวลาไม่นาน ทั้งนี้ คุณแม่หลังคลอดควรนวดเต้านมควบคู่ไปกับการให้นมลูกบ่อย ๆ เพื่อให้น้ำนมระบายออกจากเต้าได้อย่างสะดวก [embed-health-tool-vaccination-tool] อาการคัดตึงเต้านมหลังคลอด เกิดจากอะไร ตั้งแต่ช่วงใกล้คลอด ฮอร์โมนโปรแลคติน (Prolactin) ในร่างกายคุณแม่จะกระตุ้นให้เลือดมาหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อเต้านมมากขึ้น จนทำให้มีเลือด น้ำนม และของเหลวอื่น ๆ สะสมอยู่ภายในเต้านม คุณแม่บางคนอาจสังเกตเห็นน้ำนมเหลือง (Colostrum) หรือน้ำนมในระยะแรกไหลซึมออกมาจากหัวนม และอาจรู้สึกถึงอาการคัดตึงเต้านมขึ้นมาบ้างแล้ว ร่างกายคุณแม่จะเริ่มสร้างน้ำนมตั้งแต่ช่วง 2-5 วันแรกหลังคลอด ต่อมน้ำนมที่อยู่ในเต้านมจะผลิตน้ำนมจนเต็มเต้า เมื่อลูกดูดนมจากเต้า ฮอร์โมนออกซิโตซิน (Oxytocin) จะกระตุ้นให้กล้ามเนื้อเต้านมคลายตัว ส่งผลให้น้ำนมไหลออกมาเรื่อย ๆ ยิ่งให้นมเยอะและบ่อยเท่าไหร่ ร่างกายก็จะยิ่งผลิตน้ำนมออกมามากเท่านั้น นั่นอาจทำให้หน้าอกของคุณแม่แข็งและบวม ขยายใหญ่ขึ้น มีอาการคัดตึง และปวดเต้านมได้ตั้งแต่ระดับเบาจนไปถึงรุนแรง และอาจทำให้มีไข้ร่วมด้วย แต่ถึงอย่างนั้น คุณแม่ก็ควรให้นมลูกบ่อย ๆ ทุก 2-4 ชั่วโมง หากลูกหลับก็ควรปลุกให้ลูกกินนมตามเวลา เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารเพียงพอ […]


เลี้ยงลูกด้วยนมแม่

เทคนิคการปั๊มให้เกลี้ยงเต้า สำหรับคุณแม่มือใหม่

คุณแม่ที่ให้ลูกกินนมแม่หลายคนอาจประสบปัญหามีน้ำนมค้างเต้า และต้องการทราบ เทคนิคการปั๊มให้เกลี้ยงเต้า เพื่อเป็นแนวทางในการปั๊มนมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การปั๊มนมให้เกลี้ยงเต้าทำได้หลายวิธี เช่น การปั๊มนมบ่อย ๆ การวางตำแหน่งของเต้านมให้เหมาะเมื่อใช้เครื่องปั๊มนม การใช้เวลาปั๊มนมให้เกลี้ยงเต้าไปทีละข้าง การสังเกตลักษณะของเต้านม เพราะเมื่อปั๊มนมจนเกลี้ยงเต้าแล้วเต้านมจะอ่อนนุ่มและคัดตึงน้อยกว่าตอนก่อนปั๊ม ทั้งนี้ การปั๊มนมให้เกลี้ยงเต้าอาจต้องใช้เวลาฝึกฝนสักระยะ เมื่อคุณแม่คุ้นชินแล้วก็สามารถปั๊มนมเก็บไว้ใช้ในภายหลังตามปริมาณที่ต้องการได้ ช่วยให้ลูกน้อยได้รับเพียงพอและมีพัฒนาการที่สมบูรณ์สมวัย และช่วยลดอาการเนื่องจากมีน้ำนมค้างเต้า เช่น เต้านมคัดตึง เจ็บเต้านม [embed-health-tool-vaccination-tool] ประโยชน์ของการปั๊มนมจากเต้า ในช่วง 24-72 ชั่วโมงหลังคลอด คุณแม่อาจรู้สึกคัดตึงเต้านมมากกว่าตอนตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าน้ำนมแม่พร้อมออกมาจากเต้าแล้ว และเมื่อผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ เต้านมจะผลิตน้ำนมออกมาได้ประมาณ 500 มิลลิลิตร ใน 24 ชั่วโมง และในช่วงสัปดาห์ที่ 2-3 อาจเพิ่มเป็น 600-700 มิลลิลิตร ใน 24 ชั่วโมง หากระบายน้ำนมออกมาไม่ทัน อาจทำให้เต้านมคัดตึงเพราะมีน้ำนมอยู่ในเต้านมมากเกินไปและทำให้รู้สึกเจ็บได้ การปั๊มนมจึงเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณแม่สามารถเก็บรักษาน้ำนมไว้ใช้ภายหลังได้ ประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากในการให้นมจากเต้าโดยตรง ช่วยถ่ายน้ำนมออกจากเต้าได้เร็วกว่าการให้นมจากเต้า จึงช่วยลดอาการคัดตึงเต้านมของคุณแม่ได้ โดยการปั๊มนมอาจทำได้ 3 แบบ คือ การใช้มือบีบเพื่อรีดนมจากเต้านม การใช้เครื่องปั๊มนมแบบปั๊มด้วยมือ และการใช้เครื่องปั๊มนมไฟฟ้าอัตโนมัติ เทคนิคการปั๊มให้เกลี้ยงเต้า วิธีที่ช่วยให้คุณแม่มือใหม่สามารถปั๊มนมแม่จนเกลี้ยงเต้าได้ อาจมีดังต่อไปนี้ ปั๊มนมให้บ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้ การปั๊มนมบ่อย ๆ […]


โรคระบบประสาทในเด็ก

Hirschsprung disease คือ โรคลำไส้ใหญ่โป่งพองแต่กำเนิด สาเหตุ อาการ การรักษา

โรคเฮิร์ซปรุง หรือ Hirschsprung disease คือ โรคลำไส้ใหญ่โป่งพองแต่กำเนิด พบได้ในทารกแรกเกิด โรคนี้เกิดจากเซลล์ประสาทในลำไส้บางส่วนหายไปตั้งแต่กำเนิด มักทำให้เกิดอาการผิดปกติภายใน 48 ชั่วโมงหลังคลอด เช่น ท้องผูก ไม่ถ่ายขี้เทา ท้องบวม ในกรณีที่ไม่รุนแรงมากอาจตรวจไม่พบโรคนี้จนกระทั่งเด็กโตขึ้นในระดับหนึ่งแล้ว และโรคนี้วินิจฉัยพบในวัยผู้ใหญ่น้อยมาก โดยทั่วไปสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการผ่าตัดนำลำไส้ใหญ่บางส่วนของเด็กออก เพื่อให้ระบบขับถ่ายกลับมาทำงานได้ตามปกติ [embed-health-tool-bmi] Hirschsprung disease คืออะไร Hirschsprung disease คือโรคที่เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ประสาทในลำไส้ใหญ่หายไปตั้งแต่กำเนิด ตั้งชื่อโรคตามคุณหมอฮาราลด์ เฮิร์ชสปรุง (Harald Hirschsprung) ซึ่งเป็นผู้อธิบายโรคนี้เป็นคนแรก Hirschsprung disease อาจพัฒนาตั้งแต่ในระหว่างตั้งครรภ์และแสดงอาการหลังคลอด เมื่อเซลล์ประสาทในลำไส้ใหญ่ไม่สมบูรณ์ ก็จะส่งผลต่อการทำงานของเส้นประสาทที่ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อซึ่งทำหน้าที่เคลื่อนอาหารผ่านลำไส้ ทำให้มีอุจจาระค้างและก่อตัวเป็นก้อนอยู่ในลำไส้ใหญ่ ไม่สามารถส่งอุจจาระไปยังทวารหนักเพื่อขับถ่ายออกไปได้ตามปกติ ส่วนใหญ่แล้ว เซลล์ประสาทบริเวณส่วนท้ายของลำไส้เล็ก ก่อนถึงไส้ตรงและทวารหนักของทารกที่เป็นโรคนี้มักหยุดเจริญเติบโต และบางรายอาจมีเซลล์ประสาทที่บริเวณอื่นในระบบย่อยอาหารหายไปด้วย Hirschsprung disease อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างลำไส้ใหญ่อุดตัน ลำไส้อักเสบจากการติดเชื้อ เช่น เชื้อคลอสตริเดียม ดิฟฟิไซล์ (Clostridium difficile) เชื้อสแตฟฟิลโลคอคคัส ออเรียส (S. aureus) เชื้อโคลิฟอร์ม (Coliform) จนส่งผลให้เกิดการอักเสบรุนแรงจนลำไส้โป่งพองมาก หรือเกิดภาวะมีโปรตีนในเลือดต่ำ […]


ความผิดปกติทางพัฒนาการและพฤติกรรม

ไฮเปอร์ คือ ภาวะอยู่ไม่นิ่ง อยู่ไม่สุข สาเหตุและการรักษา

ไฮเปอร์ คือ ภาวะอยู่ไม่นิ่ง และไม่สามารถควบคุมตัวเองให้อยู่กับที่ได้เหมือนกับคนทั่วไป มักพบในเด็กวัยเรียน แต่ก็อาจวินิจฉัยพบในวัยผู้ใหญ่ได้เช่นกัน คนที่เป็นไฮเปอร์อาจมีปัญหาในการเข้ากับผู้อื่น การหาเพื่อน และการใช้ชีวิตประจำวัน หากสงสัยว่าเด็กมีอาการไฮเปอร์ ควรพาเด็กไปรับการวินิจฉัยและรับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งจะช่วยให้อาการดีขึ้นและสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนกับเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน [embed-health-tool-vaccination-tool] ไฮเปอร์ คือ อะไร ไฮเปอร์แอกทิวิตี (Hyperactivity) หรือ ไฮเปอร์ เป็นภาวะอยู่ไม่นิ่ง อยู่ไม่สุข ชอบขัดจังหวะผู้อื่นขณะพูด วอกแวกง่าย ทั้งยังอาจมีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น ไม่มีสมาธิ ก้าวร้าว อาจเกิดขึ้นได้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มักพบได้บ่อยในเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้น โดยทั่วไปมักจะได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่อายุยังน้อย แต่บางคนก็พบได้เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว โดยทั่วไป การเป็นเด็กไฮเปอร์อาจถูกมองว่าเป็นปัญหาสำหรับคนรอบข้างและทางโรงเรียนมากกว่าตัวเด็กเอง อย่างไรก็ตาม การมีภาวะไฮเปอร์อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของตัวเด็กได้เช่นกัน เช่น ทำให้ไม่มีความสุขในการเข้าสังคม เสี่ยงมีภาวะซึมเศร้า อาจทำให้เด็กตกเป็นเป้าของการกลั่นแกล้งกัน หรือเด็กอาจโดนทำโทษเนื่องจากมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ สาเหตุของ ไฮเปอร์ คืออะไร สาเหตุที่พบได้บ่อยของภาวะ ไฮเปอร์ คือ โรคสมาธิสั้น (Attention deficit hyperactivity disorder หรือ ADHD) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะไฮเปอร์ โดย ไฮเปอร์ คือ หนึ่งในอาการของโรคสมาธิสั้น ทำให้เด็กมีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น ซุกซน […]


พ่อแม่เลี้ยงลูก

Grooming คือ การเข้าหาเด็กเพื่อละเมิดทางเพศ ภัยต่อเด็กที่ควรรู้เท่าทัน

การกรูมมิ่ง หรือ Grooming คือ พฤติกรรมการเข้าหาเด็กเพื่อละเมิดทางเพศ โดยผู้ที่มีพฤติกรรมนี้จะเข้ามาตีสนิทกับเด็กหรือครอบครัวของเด็กเพื่อให้เกิดความไว้วางใจและตายใจ เมื่อคุ้นเคยกันดีแล้ว บุคคลนั้นอาจเริ่มชักจูงหรือข่มขู่ให้เด็กมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเพศโดยที่เด็กไม่ทราบว่าตัวเองกำลังถูกควบคุมหรือถูกล่วงละเมิดทางเพศอยู่ การเรียนรู้ว่า Grooming คืออะไร และมีลำดับขั้นตอนอย่างไร อาจช่วยให้คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองรู้เท่าทันและสอนเด็กให้ระมัดระวังตัว สามารถสังเกต และออกห่างจากบุคคลที่มีพฤติกรรมในลักษณะนี้ได้ [embed-health-tool-vaccination-tool] Grooming คือ อะไร การกรูมมิ่ง หรือ Grooming คือ พฤติกรรมการเข้าหาเด็กเพื่อละเมิดทางเพศ ด้วยการพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่น่าไว้วางใจกับตัวเด็กหรือครอบครัวของเด็ก ซึ่งอาจใช้เวลาหลายวัน หลายเดือน หรือใช้เวลาเป็นปี เมื่อเด็กและครอบครัวและเด็กรู้สึกสนิทใจและเชื่อว่าว่าบุคคลนั้น ๆ ไม่มีจุดประสงค์อื่นใดแอบแฝง ก็อาจทำให้บุคคลนั้นสามารถใช้เวลาร่วมกับเด็กได้มากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเด็กรู้สึกคุ้นเคย ผูกพัน และไม่ทันระวังตัว ก็อาจโดนฉวยโอกาสล่วงละเมิดทางเพศเมื่ออยู่ตามลำพัง หรือในขณะที่เด็กหรือครอบครัวไม่ทันสังเกต การ Grooming เกิดขึ้นได้อย่างไร การ Grooming เป็นพฤติกรรมที่หวังได้รับความรู้สึกจากเด็กตอบแทนและหวังล่วงละเมิดทางเพศ (Sexual abuse) เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ โดยผู้กระทำสามารถเป็นเพศใดก็ได้ และเด็กทั้งผู้หญิงและผู้ชายล้วนมีความเสี่ยงถูก Grooming ได้ไม่ต่างกัน ผู้กระทำอาจเป็นบุคคลใกล้ชิด เช่น ญาติสนิทของเด็ก หรืออาจเป็นคนแปลกหน้าที่เข้ามาตีสนิทกับเด็กโดยที่คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองไม่ทราบ บางครั้งผู้กระทำการ Grooming อาจเข้ามาตีสนิทกับสมาชิกในครอบครัวของเด็กอย่างโจ่งแจ้งเพื่อให้ตัวเองสามารถเข้าหาและเรียกร้องเรื่องทางเพศกับเด็กในภายหลังได้สะดวกที่สุด โดยไม่มีใครสังเกตหรือสงสัย นอกจากนี้ ยังมีการ […]


เด็กทารก

Jaundice คือ ภาวะตัวเหลือง สาเหตุ อาการ วิธีรักษา

Jaundice คือ ภาวะตัวเหลือง หรือที่เรียกว่า ดีซ่าน พบได้บ่อยในทารกแรกเกิด ทารกแรกเกิดที่มีภาวะตัวเหลืองจะมีสีผิวและสีตาขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเนื่องจากร่างกายผลิตสารเคมีสีเหลืองที่ชื่อว่าบิลิรูบิน (Bilirubin) มากเกินไป หรือตับไม่สามารถขับบิลิรูบินออกได้ทัน โดยทั่วไปแล้วอาการนี้จะหายไปเองภายใน 2 สัปดาห์ คุณแม่อาจให้ทารกกินนมแม่ให้มากและบ่อยขึ้นเพื่อช่วยเร่งการขับบิลิรูบิน แต่หากอาการตัวเหลืองไม่ดีขึ้น ร่วมกับทารกมีอาการเซื่องซึม กินนมน้อยลง ร้องไห้งอแง ควรพาไปพบคุณหมอเพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม [embed-health-tool-vaccination-tool] Jaundice คือ อะไร ดีซ่าน หรือ Jaundice คือภาวะตัวเหลือง มักเกิดขึ้นกับทารกหลังคลอดอายุประมาณ 2 วัน เกิดจากระดับบิลิรูบินในร่างกายสูงกว่าปกติ บิลิรูบิน คือ สารประกอบสีเหลืองที่เกิดจากกระบวนการสลายเซลล์เม็ดเลือดแดง มักถูกขับออกจากร่างกายผ่านทางน้ำดี ปัสสาวะ และอุจจาระ แต่ร่างกายของทารกแรกเกิดอาจยังไม่สามารถขับบิลิรูบินได้ทัน เนื่องจากตับยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ทำให้มีบิลิรูบินสะสมอยู่ในกระแสเลือดจนส่งผลให้สีผิวและตาขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง โดยทั่วไปแล้ว ภาวะ Jaundice ไม่เป็นอันตรายและมักหายไปภายใน 2 สัปดาห์หรือ 10-14 วันหลังคลอด แต่หากเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้ว ภาวะ Jaundice ยังไม่ดีขึ้นรวมถึงเป็นมากขึ้น อาจจำเป็นต้องรับการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์เพื่อลดระดับบิลิรูบินในร่างกาย สาเหตุของ Jaundice คือ อะไร สาเหตุของ Jaundice หรือภาวะตัวเหลือง […]


ความผิดปกติทางพัฒนาการและพฤติกรรม

Asperger syndrome คือ โรคแอสเพอร์เกอร์ สาเหตุ อาการ วิธีรักษา

โรคแอสเพอร์เกอร์ หรือ Asperger syndrome คือ กลุ่มอาการที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติด้านพัฒนาการและการทำงานของสมองและระบบประสาท จัดเป็นโรคในกลุ่มอาการออทิสติกสเปกตรัมเช่นเดียวกับโรคออทิสติก โรคนี้ส่งผลต่อพัฒนาการด้านสังคม ภาษาและการสื่อสาร และพฤติกรรม ผู้ป่วยมักแสดงอาการน้อยและไม่รุนแรงมาก และมักมีระดับสติปัญญาสูงกว่าค่าเฉลี่ย ผู้ที่เป็นโรคแอสเพอร์เกอร์จะมีทักษะทางภาษาที่ดีกว่าผู้ที่เป็นโรคอื่นในกลุ่มอาการออทิสติกสเปกตรัม แต่มีข้อบกพร่องด้านทักษะทางสังคม อารมณ์ ความรู้สึก โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เป้าหมายของการรักษาจะอยู่ที่การกระตุ้นและฟื้นฟูพัฒนาการของเด็กให้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด เพื่อให้เด็กสามารถดำเนินชีวิตในสังคมได้ [embed-health-tool-vaccination-tool] Asperger syndrome คือ อะไร โรคแอสเพอร์เกอร์ หรือ Asperger syndrome คือ กลุ่มอาการที่เกิดจากความผิดปกติของพัฒนาการทางสมองและระบบประสาทที่ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก ทั้งด้านพฤติกรรมการแสดงออก การมองและเข้าใจโลก การใช้ภาษา และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ภาวะนี้จัดอยู่ในกลุ่มอาการออทิสติกสเปกตรัม (Autism Spectrum Disorder) แต่จะมีอาการรุนแรงน้อยกว่าโรคอื่น ๆ ในกลุ่มอาการเดียวกัน ผู้ที่มีอาการของแอสเพอร์เกอร์จัดเป็นกลุ่มออทิสติกที่มีศักยภาพสูง (High functioning autism) หรือที่เรียกว่าเด็กอัจฉริยะ ส่วนใหญ่มักมีระดับสติปัญญาเป็นปกติหรือสูงกว่าคนทั่วไป มีทักษะการใช้ภาษาและการพูดอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่อาจไม่เข้าใจเนื้อหาที่ซับซ้อน ลึกซึ้ง การเปรียบเทียบ หรือความหมายโดยนัย อาจมีความสนใจในด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ มีพฤติกรรมซ้ำ ๆ เป็นแบบแผนไม่ยืดหยุ่น จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และมักจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวเนื่องจากมีทักษะทางสังคมต่ำ […]


พ่อแม่เลี้ยงลูก

เด็กซน เกิดจากอะไร ควรรับมืออย่างไร

เด็กซน เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม พันธุกรรม หรือภาวะสุขภาพจิต ที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจของเด็ก ส่งผลให้เด็กแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมซุกซนมาก หรือบางคนอาจมีอารมณ์โกรธ หงุดหงิด และพฤติกรรมก้าวร้าวร่วมด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่นได้ [embed-health-tool-vaccination-tool] เด็กซน เกิดจากอะไร เด็กซน เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยที่ส่วนใหญ่อาจนำไปสู่ความโกรธ ความหงุดหงิดและความก้าวร้าวในเด็ก ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น โดยสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เด็กซนที่พบได้บ่อย อาจมีดังนี้ พันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีสภาวะอารมณ์ที่แปรปรวนง่าย เป็นคนโมโหร้าย ก้าวร้าว รวมถึงมีโรคทางพฤติกรรมเช่นโรคต่อต้านสังคม (Antisocial Disorder) หรือ โรคดื้อต่อต้าน (Oppositional Defiant Disorder หรือ ODD) อาจเป็นไปได้ว่านิสัยเหล่านี้อาจส่งต่อทางพันธุกรรมได้เช่นกัน การเลี้ยงดูที่ผิดพลาด ปัญหาเด็กซนส่วนใหญ่อาจเกิดจากการเลี้ยงดูที่ผิดพลาด จึงผลต่อนิสัยและพฤติกรรมของเด็ก เช่น การเป็นคนโปรดในครอบครัว สำหรับบางครอบครัวที่มีลูกหลายคน อาจมีคนใดคนหนึ่งที่เป็นคนโปรด จึงทำให้ลูกอีกคนอาจถูกละเลยการดูแลใส่ใจจนกลายเป็นเด็กขาดความรักและอาจเป็นปมด้อย ทำให้เด็กอาจเกิดพฤติกรรมไม่ดีเพื่อเรียกร้องความสนใจขึ้น อย่างไรก็ตาม ลูกคนที่ได้รับความสนใจมากเกินไป เมื่อคุณพ่อคุณแม่ละเลยเพียงเล็กน้อยหรือไม่ตามใจอย่างที่เคย ก็อาจเกิดเป็นพฤติกรรมเอาแต่ใจตัวเองได้เช่นกัน การไม่ลงโทษเมื่อทำผิด สำหรับเด็กเล็กเมื่อทำความผิดและไม่ได้รับคำตักเตือนหรือการลงโทษอย่างเหมาะสม อาจทำให้เด็กไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของคุณพ่อคุณแม่และกลายเป็นเด็กซนในที่สุด การดูแลที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป โดยเฉพาะการดูแลประคบประหงมเด็กมากเกินไป ไม่ให้เด็กได้ออกไปเรียนรู้อะไรด้วยตัวเอง อาจทำให้เด็กรู้สึกถูกบังคับและกักขัง ส่วนเด็กที่ถูกละเลยการดูแลมากเกินไป ไม่สนใจความรู้สึกหรือความต้องการจนขาดความรัก ก็อาจทำให้เด็กซนเพื่อเรียกร้องความสนใจหรือต่อต้านคุณพ่อคุณแม่ได้ การเลี้ยงดูที่แตกต่างกันของคนในครอบครัว เช่น คุณแม่ห้ามกินขนมเด็ดขาด แต่คุณยายแอบเอาขนมใส่ในกระเป๋าให้ […]


ขวบปีแรกของลูกน้อย

เด็ก1ขวบ มีพัฒนาการสำคัญอะไรบ้างที่ควรรู้

เด็ก1ขวบ มีการเปลี่ยนแปลงทางพัฒนาการในหลายส่วนทั้งทางร่างกาย สติปัญญา การเรียนรู้ การสื่อสาร ภาษา สังคมและอารมณ์ ซึ่งพัฒนาการเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการส่งเสริมจากคุณพ่อคุณแม่และสิ่งแวดล้อมรอบข้าง เนื่องจากเด็ก1ขวบเป็นวัยแห่งการเรียนรู้ ทำความเข้าใจและลอกเลียนแบบสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ดังนั้น การเป็นตัวอย่างที่ดีและการให้เด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี จึงอาจช่วยส่งเสริมพัฒนาการและทักษะของเด็กให้เหมาะสมตามวัย [embed-health-tool-vaccination-tool] เด็ก1ขวบ มีพัฒนาการอะไรเกิดขึ้นบ้าง เด็ก1ขวบมีพัฒนาการที่เกิดขึ้นในหลายด้านที่บ่งบอกถึงพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัยและมีสุขภาพดี ดังนี้ การเจริญเติบโตทางร่างกาย น้ำตัวของเด็กทารกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 3 เท่าตั้งแต่แรกเกิด และเมื่ออายุครบ 1 ขวบ เด็กจะตัวโตขึ้นประมาณ 9-11 นิ้ว หลังจากนั้น น้ำหนักตัวของเด็กจะเพิ่มขึ้นช้าลงหรืออาจคงที่ เนื่องจากระดับกิจกรรมที่มากขึ้น ดังนั้น การให้เด็กกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน เช่น ผลไม้ ผัก โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เพื่อช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตและใช้เป็นพลังงานในการทำกิจกรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทักษะการเคลื่อนไหวและการประสานงานของกล้ามเนื้อ เด็ก1ขวบจะมีพัฒนาการในการเคลื่อนไหวและการประสานงานของร่างกายทั้งกล้ามเนื้อมัดเล็กและกล้ามเนื้อมัดใหญ่ โดยเด็กจะเรียนรู้ทักษะในการหยิบจับสิ่งของด้วยการใช้มือและนิ้วมือ เช่น การส่งของจากมือหนึ่งไปอีกมือหนึ่ง การหยิบของเข้าปาก การเปิดหน้าหนังสือ รวมทั้งการเคลื่อนไหวร่างกายในส่วนอื่น ๆ เช่น การพลิกตัว การคลาน การยืนด้วยการจับวัตถุรอบข้าง การยืนด้วยตัวเอง การเดินพร้อมกับการจับวัตถุรอบข้าง การสื่อสารและภาษา เด็ก1ขวบจะเริ่มเรียนรู้คำศัพท์สั้น ๆ ง่าย ๆ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน