พ่อแม่เลี้ยงลูก

ในทุกช่วงชีวิตของลูกน้อย เหล่าคุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องรู้วิธีดูแลและสนับสนุนสุขภาพโดยรวมของลูกน้อย เพื่อให้ความเป็นอยู่ของลูกน้อยดีขึ้น เพราะฉะนั้นใน พ่อแม่เลี้ยงลูก คุณจะได้พบกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงเคล็ดลับในการดูแลลูกให้แข็งแรง มีความสุข และสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์

เรื่องเด่นประจำหมวด

พ่อแม่เลี้ยงลูก

สาเหตุอะไรที่ทำให้ วัยรุ่นสูบบุหรี่ พิษร้ายทำลายสุขภาพในระยะยาว

วัยรุ่นสูบบุหรี่ เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองไม่ควรละเลย เพราะบุหรี่เป็นสิ่งอันตรายที่สามารถส่งผลเสียระยะยาวต่อร่างกายของวัยรุ่นได้ ในปัจจุบัน มีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่สูบบุหรี่และมีแนวโน้มว่าจำนวนของวัยรุ่นที่สูบบุหรี่จะเพิ่มสูงขึ้นด้วย สาเหตุหนึ่งเพราะเรื่องนี้ถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติ หรือบางก็คนใช้เป็นเครื่องมือระบายความเครียด เพื่อจัดการกับปัญหาวัยรุ่นสูบหรี่ บทความนี้อาจช่วยให้คุณเข้าใจสาเหตุ และอันตรายของบุหรี่มากขึ้น เราไปหาคำตอบเรื่องนี้กันเลย สาเหตุที่ทำให้ วัยรุ่นสูบบุหรี่ สาเหตุที่ทำให้วัยรุ่นสูบบุหรี่มีด้วยกันหลายสาเหตุทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก มาดูกันว่ามีอะไรกันบ้าง สภาพแวดล้อมทางสังคมและทางกายภาพ การโฆษณาจากสื่อโทรทัศน์อาจทำให้วัยรุ่นหนุ่มสาวรู้สึกอยากลองสูบบุหรี่ แนวโน้มการสูบบุหรี่จะเพิ่มขึ้น หากพวกเขาเห็นเพื่อนในวัยเดียวกันสูบบุหรี่ หากคนในครอบครัวสูบบุหรี่ ก็มีแนวโน้มว่าบุตรหลานอาจรู้สึกอยากลองสูบบุหรี่ตามไปด้วย ปัจจัยทางชีวภาพและพันธุกรรม วัยรุ่นบางคนอาจมีความรู้สึกไวต่อสารนิโคติน จึงทำให้รู้สึกอยากนิโคตินได้เร็วกว่าผู้ใหญ่ ปัจจัยทางพันธุกรรมบางอย่างอาจทำให้การเลิกบุหรี่ในวัยรุ่นยากขึ้น คุณแม่ตั้งครรภ์สูบบุหรี่อาจส่งผลต่อลูก และอาจส่งผลให้เด็กสูบบุหรี่เป็นประจำในอนาคต สุขภาพจิต ปัญหาสุขภาพจิตในวัยรุ่น เช่น ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และความเครียด อาจทำให้วัยรุ่นต้องการสูบบุหรี่ ความรู้สึกส่วนตัว วัยรุ่นบางคนเริ่มสูบบุหรี่เพราะต้องการระบายความเครียดที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่าบุหรี่เป็นเพียงทางออกเดียวในการกำจัดความเครียด อิทธิพลอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อวันรุ่น ความเครียดจากเศรษฐกิจตกต่ำ หรือรายได้ลดลง ไม่รู้ว่าจะเลิกบุหรี่อย่างไร ครอบครัวไม่สนับสนุนหรือมีส่วนร่วมในการเลิกบุหรี่ วัยรุ่นยังสามารถเข้าถึงการซื้อบุหรี่ได้ อาจมีพฤติกรรมเกเร ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง มองว่าตัวเองต่ำต้อย เห็นจากโฆษณาผลิตภัณฑ์บุหรี่ในร้านค้า โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต ภาพยนตร์ นิตยสาร หรือหนังสือพิมพ์ วัยรุ่นสูบบุหรี่ ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ในบุหรี่มีสารเคมีหลายชนิดที่เป็นสารพิษและส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น นิโคติน ไซยาไนด์ ผู้ที่เริ่มสูบบุหรี่ครั้งแรกมักมีอาการเจ็บหรือแสบร้อนในลำคอและปอด บางคนถึงกับอาเจียนได้ และเมื่อสูบบุหรี่เป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา […]

หมวดหมู่ พ่อแม่เลี้ยงลูก เพิ่มเติม

เด็กทารก

สำรวจ พ่อแม่เลี้ยงลูก

ขวบปีแรกของลูกน้อย

เด็ก 8 เดือน มีพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

เด็ก 8 เดือน มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย และมีพัฒนาการทางสติปัญญาและการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น การนั่ง การคลาน การเดิน การยืน การพูด การชี้นิ้ว การสร้างความสัมพันธ์ ซึ่งเด็กแต่ละคนอาจมีพัฒนาการที่เกิดขึ้นไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ เช่น กิจกรรม อาหาร อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะอาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติด้านพฤติกรรมของเด็ก และควรเข้าพบคุณหมอทันทีเพื่อทำการรักษา [embed-health-tool-vaccination-tool] เด็ก 8 เดือน มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างไร เด็ก 8 เดือน มีการเจริญเติบโตทางร่างกายอย่างต่อเนื่องโดยเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายอาจมีน้ำหนักและส่วนสูงที่แตกต่างกันเล็กน้อย ดังนี้ เด็กผู้ชาย น้ำหนักเฉลี่ย 8 กิโลกรัม ส่วนสูงเฉลี่ย 69 เซนติเมตร เด็กผู้หญิง น้ำหนักเฉลี่ย 7 กิโลกรัม ส่วนสูงเฉลี่ย 68 เซนติเมตร ทั้งนี้ การเจริญเติบโตของเด็กอาจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณกิจกรรมของเด็กที่ทำในแต่ละวัน อาหารที่เด็กได้รับ ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับพัฒนาการและการเจริญเติบโตทางร่างกาย นอกจากนี้ เมื่อเด็กอายุ 6-9 เดือน […]


สุขภาพเด็ก

เด็ก แปรง ฟัน ได้เมื่อไหร่ ควรสอนอย่างไร

คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนให้ เด็ก แปรง ฟัน ได้ตั้งแต่ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้น ด้วยการใช้แปรงสีฟันขนนุ่มชุบน้ำพอหมาดแปรงฟันให้เด็ก และเมื่อเด็กเริ่มโตขึ้นจนสามารถเรียนรู้ทักษะการแปรงฟันได้เอง สามารถใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เล็กน้อยเพื่อช่วยส่งเสริมให้ฟันแข็งแรง อย่างไรก็ตาม ไม่ควรบังคับหรือใช้เสียงขู่ให้เด็กแปรงฟัน เพราะอาจทำให้เด็กมีพฤติกรรมต่อต้านและไม่อยากแปรงฟันได้ [embed-health-tool-vaccination-tool] เด็ก แปรง ฟัน ได้เมื่อไหร่ ผู้ปกครองสามารถดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กได้ตั้งแต่ฟันน้ำนมยังไม่ขึ้น ด้วยการทำความสะอาดเหงือกเป็นประจำทุกวันโดยการใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดเหงือกของเด็กหลังกินนมและก่อนนอน เมื่อเด็กเริ่มมีฟันน้ำนมขึ้นซี่แรก คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถสอนให้เด็กแปรงฟันได้ทันที ด้วยการใช้แปรงสีฟันขนนุ่มสำหรับเด็กชุบน้ำพอหมาด โดยควรแปรงฟันให้เด็กอย่างน้อย 1-2 ครั้ง/วัน เพื่อขจัดเศษอาหารภายในปาก และหากเด็กสามารถโตพอที่จะสามารถบ้วนยาสีฟันเองได้โดยไม่กลืน คุณพ่อคุณแม่สามารถให้เด็กแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ในปริมาณเล็กน้อย จากนั้น จึงค่อย ๆ สอนให้เด็กแปรงฟันให้ทั่วฟันทุกซี่ รวมถึงทำความสะอาดเหงือกและลิ้น เป็นเวลาอย่างน้อย 2 นาที/ครั้ง เพื่อขจัดเศษอาหารทั้งหมดที่อาจก่อให้เกิดปัญหาฟันผุในอนาคต คุณพ่อคุณแม่อาจจำเป็นต้องช่วยเหลือเด็กในการแปรงฟันจนกว่าเด็กจะอายุ 7-8 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่เด็กสามารถแปรงฟันได้ด้วยตัวเองแล้ว และควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก ๆ 3-6 เดือนหรือเมื่อขนแปรงเก่าแล้ว นอกจากนี้ ควรสอนให้เด็กใช้ไหมขัดฟันหลังจากแปรงฟันอย่างน้อย 1 ครั้ง/วัน เพื่อช่วยขจัดเศษอาหารที่แปรงสีฟันไม่สามารถขจัดออกได้หมด วิธีสอนให้เด็กแปรงฟัน วิธีสอนให้เด็กแปรงฟัน คุณพ่อคุณแม่ควรใจเย็น ไม่ควรบังคับหรือใช้น้ำเสียงขู่ เพราะจะยิ่งทำให้เด็กรู้สึกไม่อยากแปรงฟันมากขึ้น ซึ่งการสอนให้เด็กแปรงฟันอาจทำได้ ดังนี้ ตอบสนองความต้องการของเด็ก เช่น หากเด็กต้องการเปลี่ยนรสชาติยาสีฟันหรือต้องการใช้แปรงสีฟันสีใหม่ ควรให้เด็กได้ทดลองใช้ […]


พ่อแม่เลี้ยงลูก

วิตามินเด็ก มีความสำคัญอย่างไร และเด็กควรได้รับวิตามินอะไรบ้าง

วิตามินเด็ก เป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตทางร่างกาย พัฒนาการทางสมองและสติปัญญาของเด็ก ซึ่งเด็กควรได้รับวิตามินอย่างเพียงพอจากการรับประทานอาหารที่หลากหลายในแต่ละวัน แต่สำหรับเด็กที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการดูดซึมสารอาหาร อาจจำเป็นต้องรับประทานวิตามินเสริม เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินอย่างเพียงพอต่อความต้องการ [embed-health-tool-bmr] วิตามินเด็ก มีความสำคัญอย่างไร เด็กควรได้รับวิตามินที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเป็นประจำทุกวัน จากการรับประทานอาหารที่หลากหลายอย่างเหมาะสม เนื่องจากวิตามินแต่ละชนิดมีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและสมองของเด็กที่แตกต่างกัน เช่น วิตามินบี ช่วยในการเผาผลาญสารอาหาร เพิ่มพลังงาน และส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท วิตามินซี ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยรักษาความบาดเจ็บภายในร่างกาย วิตามินดี ช่วยส่งเสริมโครงสร้างและความแข็งแรงของกระดูกและฟัน วิตามินเอ ช่วยส่งเสริมสุขภาพดวงตา ป้องกันภาวะตาบอดตอนกลางคืน หากเด็กขาดวิตามินที่สำคัญต่อร่างกาย อาจส่งผลให้เด็กมีปัญหาสุขภาพ เช่น พัฒนาการพูดล่าช้า สมาธิสั้น ขาดสารอาหาร ป่วยบ่อย ฟันผุ อาการซึมเศร้าและวิตกกังวล ผิวหนัง เส้นผมและเล็บมีสุขภาพที่ไม่ดี เด็กต้องการวิตามินเสริมหรือไม่ วิตามินมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางร่างกายและพัฒนาการทางสมองของเด็ก ซึ่งเด็กจะได้รับวิตามินอย่างเหมาะสมจากอาหารที่รับประทานในแต่ละวันอยู่แล้ว เด็กบางคนจึงอาจไม่จำเป็นที่จะต้องรับประทานวิตามินเสริมเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม วิตามินเสริมอาจมีความจำเป็นต่อเด็กบางคนที่มีภาวะสุขภาพที่อาจทำให้ร่างกายขาดวิตามินที่ควรได้รับอย่างเหมาะสม ดังนี้ เด็กที่ไม่ยอมรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม ชอบกินจุบจิบ ซึ่งอาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร เด็กที่รับประทานอาหารมังสวิรัติ เด็กที่มีความเจ็บป่วยเรื้อรังและส่งผลต่อการดูดซึมสารอาหารในร่างกาย เช่น ปัญหาทางเดินอาหาร โรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis) ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดเมือกหนาและเหนียวในระบบย่อยอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และระบบสืบพันธุ์ เด็กที่แพ้แลคโตส ซึ่งมีปัญหาในการย่อยนมและผลิตภัณฑ์จากนม เด็กที่มีน้ำหนักตัวน้อย น้ำหนักตัวเพิ่มยากแม้จะรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม […]


พ่อแม่เลี้ยงลูก

วิตามินซีเด็ก ประโยชน์และปริมาณที่ควรได้รับ

วิตามินซีเด็ก มีความสำคัญอย่างมากต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางสมอง เนื่องจากวิตามินซีมีส่วนช่วยในการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันและป้องกันการติดเชื้อ ช่วยในการสมานแผล และมีส่วนช่วยในการสร้างสารสื่อประสาทที่ใช้ส่งสัญญาณในระบบประสาท ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรให้เด็กรับประทานวิตามินซีในปริมาณที่เหมาะสมทุกวัน เพื่อพัฒนาการและสุขภาพที่ดี [embed-health-tool-bmr] วิตามินซีเด็ก มีประโยชน์อย่างไร วิตามินซีอาจมีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกายของเด็ก ดังนี้ ส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ต้านเชื้อโรคและต้านการอักเสบ จึงอาจช่วยปกป้องเด็กจากการติดเชื้อ โรคไข้หวัด และโรคอื่น ๆ ที่ทำให้เด็กเจ็บป่วย อาจมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง เลือด กระดูกอ่อน และกล้ามเนื้อ รวมทั้งยังอาจมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ช่วยรักษาบาดแผล ลดรอยช้ำจากการหกล้มและรอยถลอก อาจมีส่วนช่วยในการสร้างสารสื่อประสาท ซึ่งเป็นสารเคมีที่สำคัญต่อการส่งสัญญาณในระบบประสาท อาจมีส่วนช่วยในการสร้างสารเคมี ที่สนับสนุนการขนส่งและการสลายกรดไขมันในการสร้างพลังงาน อาจมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กที่อยู่ในวัยที่ร่างกายกำลังพัฒนา อาจช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก ที่มีความสำคัญในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดและเพิ่มปริมาณน้ำเลือด ในการลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย สัญญาณที่บ่งบอกว่าเด็กขาดวิตามินซี วิตามินซีพบได้ในอาหารหลายชนิด ทำให้เด็กเกิดภาวะขาดวิตามินซีได้ยาก แต่สำหรับเด็กบางคนที่มีภาวะขาดสารอาหารเนื่องจากปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการดูดซึมสารอาหาร เช่น แพ้อาหาร ปัญหาระบบย่อยอาหาร อาจส่งผลให้ร่างกายแสดงสัญญาณที่บ่งบอกว่าเด็กกำลังขาดวิตามินซี ดังนี้ เลือดออกตามไรฟัน ป่วยง่าย อ่อนแรง ไม่สบายตัว อารมณ์แปรปรวน การสมานแผลไม่ดีเท่าที่ควร ปวดกระดูก ตัวเหลือง เส้นประสาททำงานผิดปกติ และอาจมีอาการชัก ปริมาณวิตามินซีเด็กที่ควรได้รับ ปริมาณวิตามินซีที่เด็กควรได้รับเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย มีดังนี้ อายุ […]


ความผิดปกติทางพัฒนาการและพฤติกรรม

Cretinism คือ โรคเอ๋อหรือเครทินิซึม สาเหตุ อาการ การรักษา

Cretinism คือ โรคเอ๋อหรือเครทินิซึม เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากการขาดฮอร์โมนไทรอยด์ของเด็ก ส่งผลให้เด็กมีความผิดปกติด้านร่างกาย สมอง ระบบประสาท และสติปัญญา หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้สมองของเด็กถูกทำลายถาวรและเด็กมีพัฒนาการผิดปกติ เช่น เจริญเติบโตช้า ตาเหล่ หูหนวก เป็นใบ้ มีท่าเดินผิดปกติ สมองพิการ ทั้งนี้ การวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยการให้ฮอร์โมนชดเชยตั้งแต่แรกเกิดและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด อาจช่วยให้เด็กสามารถกลับมามีพัฒนาการตามปกติได้เช่นเดียวกับเด็กทั่วไป [embed-health-tool-vaccination-tool] Cretinism คือ อะไร เครทินิซึม หรือ Cretinism คือ กลุ่มอาการผิดปกติของพัฒนาการทางสมอง หรือที่เรียกว่าโรคเอ๋อ เกิดจากภาวะขาดไทรอยด์อย่างรุนแรงในเด็กแรกเกิด ทำให้เด็กมีภาวะปัญญาอ่อน รูปร่างเตี้ยแคระแกร็น ไอคิวต่ำ หูหนวก เป็นใบ้ เป็นต้น โดยทั่วไป ฮอร์โมนไทรอยด์มีหน้าที่สำคัญในการสร้างโปรตีนหรือเอนไซม์ที่ทำหน้าที่เผาผลาญพลังงาน ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย อัตราการเต้นของหัวใจ การเจริญเติบโต และพัฒนาการของสมอง หากฮอร์โมนไทรอยด์ผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากเด็กไม่มีต่อมไทรอยด์มาตั้งแต่กำเนิด ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ การถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือคุณแม่ขาดไอโอดีนขณะตั้งครรภ์ อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางร่างกาย โครงสร้างของกระดูกและผิวหนัง รวมไปถึงการทำงานของสมองและระบบประสาทส่วนกลางของเด็กแรกเกิด สาเหตุของ Cretinism คือ อะไร สาเหตุที่พบบ่อยของ Cretinism คือ […]


เด็กทารก

เก้าอี้กินข้าวเด็ก ประโยชน์และข้อควรระวังในการใช้งาน

เก้าอี้กินข้าวเด็ก อาจช่วยในการส่งเสริมพัฒนาการและการฝึกทักษะการกินอาหารด้วยตัวเองของเด็ก และอาจช่วยให้เด็กเรียนรู้การช่วยเหลือตัวเองได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังอาจมีประโยชน์สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงเด็กเล็กพร้อมกับทำงานไปด้วย และยังอาจช่วยให้คุณพ่อคุณแม่และเด็กสามารถกินอาหารไปพร้อมกันได้ ส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ในครอบครัว [embed-health-tool-vaccination-tool] เก้าอี้กินข้าวเด็ก มีประโยชน์อย่างไร เก้าอี้กินข้าวเด็ก อาจมีประโยชน์ต่อพัฒนาการของเด็กและต่อคุณพ่อคุณแม่ ดังนี้ ช่วยส่งเสริมพัฒนาการการกินอาหารอย่างอิสระ สำหรับเด็กเล็กที่สามารถนั่งได้ด้วยตัวเอง การได้นั่งบนเก้าอี้กินข้าวเด็กช่วยให้เด็กสามารถเคลื่อนไหว ใช้มือหยิบอาหารเข้าปากด้วยตัวเองได้อย่างอิสระ ซึ่งอาจช่วยส่งเสริมทักษะการกินอาหารของเด็กได้เป็นอย่างดี ช่วยให้เด็กเรียนรู้การช่วยเหลือตัวเองได้เร็วขึ้น การให้เด็กฝึกทักษะการกินอาหารด้วยตัวเองเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เด็กได้เรียนรู้พฤติกรรมการช่วยเหลือตัวเองเร็วขึ้นเท่านั้น ช่วยให้ป้อนอาหารง่ายขึ้น คุณพ่อคุณแม่อาจป้อนอาหารให้เด็กง่ายขึ้น เนื่องจากเก้าอี้กินข้าวเด็กจะทำให้เด็กเคลื่อนตัวได้ในบริเวณที่จำกัดขณะกินข้าว รวมถึงยังช่วยป้องกันไม่ให้เด็กเคลื่อนตัวไปในบริเวณที่อันตราย ช่วยให้การทำความสะอาดเป็นเรื่องง่าย เด็กเล็กที่เริ่มฝึกกินอาหารด้วยตัวเองอาจมีความเลอะเทอะมากในช่วงแรก ซึ่งการใช้เก้าอี้กินข้าวเด็กจะช่วยให้อาหารไม่เลอะไปยังบริเวณอื่น ๆ จึงช่วยให้สามารถทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มีเวลาร่วมกันกับเด็ก เก้าอี้กินข้าวเด็กอาจช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถกินอาหารไปพร้อมกับเด็กได้ นอกจากนี้ ยังอาจสามารถให้เด็กทำกิจกรรมอื่น ๆ บนเก้าอี้ได้ เช่น อ่านหนังสือ ในขณะที่คุณพ่อคุณแม่กำลังทำงาน วิธีการเลือกเก้าอี้กินข้าวเด็ก การเลือกเก้าอี้กินข้าวเด็กควรเลือกให้เหมาะสมกับเด็กและวิถีชีวิตประจำวัน ดังนี้ อุปกรณ์ป้องกัน ความปลอดภัย และความทนทาน เก้าอี้กินข้าวเด็กควรมีสายรัดเพื่อป้องกันเด็กดิ้น ควรตรวจสอบว่าสายรัดสามารถรัดให้แน่นพอดีกับตัวเด็กได้หรือไม่ นอกจากนี้ เก้าอี้กินข้าวเด็กไม่ควรมีมุมและวัสดุที่แหลมคมที่เป็นอันตรายกับเด็กได้ รวมถึงควรเลือกเก้าอี้กินข้าวเด็กที่มีความแข็งแรงทนทาน สามารถใช้งานได้ในระยะยาว และควรมีความมั่นคงไม่พลิกคว่ำได้ง่าย ขนาด ควรเลือกเก้าอี้กินข้าวเด็กที่มีขนาดพอดีกับตัวเด็ก และมีความสูงที่สามารถสอดตัวเด็กให้อยู่ในโต๊ะได้พอดี เพื่อป้องกันเด็กดิ้นตกเก้าอี้ ความสะดวกในการใช้งาน อาจเลือกเก้าอี้เด็กที่สามารถพับเก็บได้และมีล้อ ช่วยเพิ่มความสะดวกในการพกพาและเคลื่อนย้าย นอกจากนี้ […]


วัยรุ่น

วัยรุ่นตอนปลาย มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง

วัยรุ่นตอนปลาย จะอยู่ในช่วงอายุประมาณ 18-21 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยเปลี่ยนผ่านเพื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่ไม่มากนัก แต่ก็ยังคงมีพัฒนาการทางด้านความรู้ความเข้าใจ อารมณ์และพัฒนาการทางเพศเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงอาจต้องเลี้ยงดูและดูแลเด็กในวัยนี้ด้วยความเข้าใจและเปิดใจว่าลูกเริ่มเป็นผู้ใหญ่แล้ว เพื่อให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีและสมวัย [embed-health-tool-bmi] วัยรุ่นตอนปลาย คืออะไร วัยรุ่นตอนปลาย คือ ช่วงอายุประมาณ 18-21 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยเปลี่ยนผ่านระหว่างวัยรุ่นกับผู้ใหญ่ โดยทั่วไปวัยรุ่นตอนปลายจะมีพัฒนาการทางร่างกายที่สมบูรณ์และมีการเติบโตเต็มที่พร้อมก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ อาจสามารถควบคุมตัวเองเมื่อถูกแรงกระตุ้นได้มากขึ้น และอาจคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากการกระทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น เช่น การมีเพศสัมพันธ์ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง แม้ว่าคู่รักจะคุมกำเนิดด้วยการกินยาคุมก็ตาม เพราะการคุมกำเนิดทุกชนิดไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% นอกจากนี้ การสวมถุงยางอนามัยยังอาจช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย วัยรุ่นตอนปลาย มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร วัยรุ่นตอนปลายอาจจะไม่มีพัฒนาการทางร่างกายเกิดขึ้นมากนัก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายมักเกิดขึ้นมากในช่วงวัยเด็ก และสิ้นสุดการเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม วัยรุ่นบางคนอาจยังมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเกิดขึ้นเล็กน้อย เช่น มีขนบนใบหน้า ขนตามร่างกายเพิ่มมากขึ้น อาจมีสิวเพิ่มขึ้นเนื่องจากฮอร์โมนที่ยังคงมีการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ วัยรุ่นตอนปลายยังอาจมีการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ดังนี้ ความรู้ความเข้าใจ วัยรุ่นตอนปลายจะมีความรู้ความเข้าใจที่ก้าวเข้าสู่บทบาทและความรับผิดชอบที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น อาจเข้าใจแนวคิดเชิงนามธรรมอย่างถ่องแท้ ตระหนักถึงผลที่จะตามมาและข้อจำกัดเฉพาะบุคคลมากขึ้น นอกจากนี้ ยังอาจสามารถระบุเป้าหมายอาชีพและเตรียมพร้อมที่จะบรรลุเป้าหมายนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารถพัฒนาทักษะใหม่ ๆ งานอดิเรก และความสนใจที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น อารมณ์ เริ่มเข้าสู่ความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่กับคุณพ่อคุณแม่ และมองว่ากลุ่มเพื่อนมีความสำคัญในการกำหนดพฤติกรรมของตัวเองลดลง […]


เลี้ยงลูกด้วยนมแม่

นมแม่อยู่ได้กี่ชั่วโมง ควรเก็บรักษาอย่างไรให้ถูกวิธี

คุณแม่มือใหม่หลายคนที่กำลังเรียนรู้วิธีการเก็บรักษาน้ำนมแม่อาจมีข้อสงสัยว่า นมแม่อยู่ได้กี่ชั่วโมง เพื่อที่จะสามารถปั๊มนมให้เพียงพอสำหรับลูก รวมถึงให้ลูกได้กินนมแม่ที่สดใหม่และมีคุณภาพมากที่สุด ซึ่งโดยปกติน้ำนมแม่อาจสามารถมีอายุได้นานประมาณ 24 ชั่วโมง หากอยู่ในอุณหภูมิห้อง และอาจมีอายุอยู่ได้นานประมาณ 8 วัน ถึง 12 เดือน หากอยู่ในตู้เย็นหรือช่องแช่แข็ง ดังนั้น คุณแม่จึงควรสังเกตพฤติกรรมการกินนมของลูก เพื่อที่จะปั๊มนมให้เพียงพอต่อความต้องการของลูก และจะได้เก็บน้ำนมได้อย่างเหมาะสม [embed-health-tool-due-date] นมแม่อยู่ได้กี่ชั่วโมง นมแม่อยู่ได้กี่ชั่วโมง อาจเป็นคำถามที่คุณแม่หลายคนมีความสงสัย โดยอายุของน้ำนมแม่อาจขึ้นอยู่กับอุณหภูมิในการเก็บรักษา ดังนี้ การเก็บในอุณหภูมิห้อง เป็นการเก็บน้ำนมแม่ที่ปั๊มเสร็จทันทีเอาไว้ในอุณหภูมิห้อง นอกจากนี้ ยังเป็นการเก็บนมหลังจากนำน้ำนมออกมาจากตู้เย็นหรือช่องแช่แข็ง หรือการเก็บนมหลังจากละลายแล้วเอาไว้ในอุณหภูมิห้อง ซึ่งจะทำให้น้ำนมแม่มีอายุได้ประมาณ 24 ชั่วโมง การเก็บในตู้เย็น การเก็บน้ำนมแม่เอาไว้ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิประมาณ 4 องศาเซลเซียส อาจเก็บน้ำนมแม่ได้นานถึง 8 วัน แต่หากตู้เย็นมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าอาจเก็บน้ำนมแม่ได้ประมาณ 3 วันเท่านั้น การเก็บในช่องแช่แข็งของตู้เย็น อาจเก็บน้ำนมแม่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์เท่านั้น การเก็บในตู้แช่แข็งเฉพาะ เป็นการเก็บน้ำนมแม่เอาไว้ในช่องแช่แข็งที่มีอุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส อาจทำให้เก็บน้ำนมแม่ได้นานถึง 6-9 เดือน หรือหากเก็บในช่องแช่แข็งที่มีอุณหภูมิ -200 องศาเซลเซียส อาจทำให้เก็บน้ำนมแม่ได้นานถึง […]


เลี้ยงลูกด้วยนมแม่

ท่าให้นมลูก มีความสำคัญอย่างไร ท่าที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร

นมแม่มีประโยชน์ต่อทารกแรกเกิดไปจนถึงอายุ 1 ปี เนื่องจากนมแม่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตและระบบภูมิคุ้มกัน แต่ ท่าให้นมลูก ที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณแม่เช่นกัน เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณแม่อยู่ในท่าที่สบายมากขึ้น ยังอาจช่วยลดอาการปวดคอ ปวดหลังและลดความเครียดได้อีกด้วย [embed-health-tool-due-date] ท่าให้นมลูก มีความสำคัญอย่างไร การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดการเคลื่อนไหวร่างกายที่ไม่สมดุล ส่งผลต่อการวางตำแหน่งซี่โครงและอุ้งเชิงกราน เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก็อาจทำให้เกิดอาการปวดเมื่อย ปวดคอ ปวดหลังช่วงกลาง และปวดศีรษะ ดังนั้น ท่าให้นมลูกที่เหมาะสมจึงช่วยลดอาการปวดหลัง ปวดคอ ปวดหัว และช่วยลดการใช้พลังงานที่มากเกินไปเนื่องจากการใช้ท่าและการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นในขณะให้นมลูกได้ ท่าให้นมลูกที่เหมาะสม ควรเป็นอย่างไร ท่าให้นมลูกที่เหมาะสมอาจเริ่มจากการปฏิบัติตามขั้นตอนพื้นฐาน ดังนี้ อยู่ในท่าที่สบายด้วยการใช้หมอนพยุงหลัง แขน และตัวของลูกไว้ สำหรับเท้าของคุณแม่ควรวางราบกับพื้นหรืออยู่ในตำแหน่งที่พอดี และไม่ทำให้เกิดอาการเกร็งบริเวณกล้ามเนื้อเท้าและขา จัดตำแหน่งของทารกให้อยู่ตัวมากที่สุด โดยให้สะโพกงอพอดี ปากและจมูกของลูกควรหันเข้าหน้าอกของคุณแม่ และให้ร่างกายแนบชิดตัวคุณแม่มากที่สุด ควรใช้มือรองรับเต้านมไว้ไม่ให้กดคางหรือปิดจมูกของลูก ควรใช้ทั้งแขนและมือข้างที่ถนัดพยุงหลังของลูกไว้ โดยไม่ประคองเฉพาะส่วนคอ แต่ให้ประคองทั้งหลังของลูก หากมีความรู้สึกเจ็บปวดในขณะที่ลูกดูดนม ให้แยกลูกออกจากเต้าเบา ๆ และลองให้ลูกกลับมาดูดนมใหม่อีกครั้ง การวางตำแหน่งของลูกในท่าที่เหมาะสม อาจมีดังนี้ ท่าลูกนอนขวางบนตัก (Cradle Hold) เป็นท่าที่เหมาะกับคุณแม่ที่คลอดเองตามธรรมชาติและไม่มีภาวะแทรกซ้อนหลังคลอด มักเป็นท่าที่ใช้ในทารกที่อายุประมาณ 2-3 สัปดาห์แรก โดยการอุ้มลูกไว้บนตัก จัดท่าให้ลูกนอนตะแคง ใช้หมอนพยุงตัวลูกและข้อศอกเพื่อให้ลูกมีความสูงเท่าระดับหัวนมของคุณแม่ และศีรษะของลูกควรมีแขนและมือของคุณแม่รองรับยาวไปถึงกลางหลัง ท่าลูกนอนขวางบนตักแบบประยุกต์ (Cross-Cradle Hold) […]


โภชนาการสำหรับทารก

นมชงอยู่ได้กี่ชั่วโมง ควรชงนมและเก็บรักษาอย่างไร

คุณแม่ที่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมตัวเองได้หรือต้องการสลับให้ลูกกินนมชงร่วมด้วย อาจมีข้อสงสัยว่า นมชงอยู่ได้กี่ชั่วโมง เพื่อจะได้ยืดระยะเวลาในการเก็บรักษา โดยปกติแล้ว นมชงอาจอยู่ได้ประมาณ 2 ชั่วโมงในอุณหภูมิห้อง และอาจอยู่ได้ประมาณ 24 ชั่วโมงเมื่อแช่ไว้ในตู้เย็น ดังนั้น คุณแม่จึงควรพิจารณาความต้องการของเด็กเพื่อที่จะชงนมในปริมาณที่พอเหมาะและเก็บนมได้อย่างเหมาะสม [embed-health-tool-due-date] นมชงอยู่ได้กี่ชั่วโมง นมชงโดยทั่วไปอาจอยู่ได้ประมาณ 2 ชั่วโมงหลังจากชงเมื่ออยู่ในอุณหภูมิห้อง โดยไม่ผ่านการอุ่นให้ร้อนอีกครั้ง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสูตรของนมผงและยี่ห้อของนมผงแต่ละชนิดด้วย สำหรับนมชงที่ยังไม่ป้อนให้ลูกอาจอยู่ได้ประมาณ 24 ชั่วโมง เมื่อแช่ไว้ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิประมาณ 4 องศาเซลเซียสหรือต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้แช่แข็งนมชงเพราะอาจลดคุณภาพของนมลงได้ และหากเด็กกินนมชงเหลืออาจเก็บนมไว้ได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง หากเกินจากนั้นควรทิ้งและชงนมใหม่ วิธีชงนมผงที่เหมาะสม ควรทำอย่างไร วิธีการชงนมผงที่เหมาะสมให้แก่เด็กอาจทำได้ ดังนี้ ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดก่อนเริ่มชงนมทุกครั้ง ทำความสะอาดขวดนมและภาชนะทุกชนิดที่ใช้ในการชงนม จากนั้นนำไปต้มหรือเข้าเครื่องฆ่าเชื้อ และควรสะบัดน้ำออกจากภาชนะที่ใช้ชงนมจนหมด หรือตากให้แห้งสนิท เช็ดทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบริเวณที่ต้องวางภาชนะในการชงนม ต้มน้ำร้อนในกาต้มน้ำด้วยน้ำใหม่ทุกครั้ง ไม่ควรใช้น้ำที่ผ่านการต้มมาก่อน เพื่อป้องกันสิ่งปนเปื้อนในน้ำ เมื่อต้มน้ำจนเดือด ควรทิ้งน้ำไว้ประมาณ 30 นาที ให้น้ำมีอุณหภูมิลดลงจนเหลือประมาณ 70 องศาเซลเซียส เติมน้ำอุ่นที่ต้มไว้ ตามด้วยนมผงสูตรที่ต้องการ ควรใช้ช้อนตักนมผงที่ให้มาในกล่องเพื่อให้ได้ปริมาณที่ถูกต้องตามสูตร ประกอบจุกนมกับฝารูปวงแหวน โดยการนำจุกนมสอดเข้าไประหว่างช่องว่างฝา จากนั้นดันให้แน่นสนิท นำฝาและจุกนมที่ประกอบแล้วปิดขวดนมที่เติมนมผงและน้ำเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเขย่าขวดนมจนนมผงละลายจนหมด […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน