โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การป้องกันตัวเองจาก โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพทางเพศและอนามัยในการเจริญพันธุ์ของคุณ ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

Pid (Pelvic Inflammatory Disease) คือ โรคอะไร และมีวิธีการรักษาอย่างไร

Pid คือ โรค อะไร อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย ซึ่ง Pid ย่อมาจาก Pelvic Inflammatory Disease หรือโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ ที่เกิดจากระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิงส่วนบนติดเชื้อ ที่ควรเข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็วเมื่อมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องน้อย ไข้ ตกขาวผิดปกติ  เจ็บปวดช่องคลอดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะลำบาก กลิ่นเหม็นในช่องคลอด ไข้ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ฝีที่ท่อรังไข่ ปวดอุ้งเชิงกรานเรื้อรัง [embed-health-tool-ovulation] Pid คือ โรค อะไร Pid คือ โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ที่มักติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ส่วนบนของผู้หญิง เช่น มดลูก รังไข่ ท่อ นำไข่ ส่งผลให้อุ้งเชิงกรานอักเสบ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจทำให้ผู้หญิงอุ้งเชิงกรานอักเสบ ดังนี้ มีคู่นอนหลายคน ไม่สวมถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ การสวนล้างอวัยวะเพศผิดวิธี ที่ทำให้แบคทีเรียชนิดดีภายในช่องคลอดเสียสมดุลนำไปสู่การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน เคยมีประวัติเป็นโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน อาการของ Pid อาการของโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ อาจมีดังต่อไปนี้ ปวดท้องน้อยหรือรู้สึกเจ็บท้องน้อยเมื่อกด สีตกขาวผิดปกติที่อาจมีสีเหลืองหรือเขียว  ตกขาวไหลออกปริมาณมากและมีกลิ่นเหม็น มีเลือดออกจากช่องคลอด โดยเฉพาะระหว่างหรือหลังจากมีเพศสัมพันธ์ อาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ […]

สำรวจ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

มดลูกอักเสบ สาเหตุ อาการ การรักษา

มดลูกอักเสบ หรือ ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ เป็นภาวะการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์เพศหญิงส่วนบน ทำให้เกิดการอักเสบในบริเวณอุ้งเชิงกราน ได้แก่ มดลูก ท่อนำไข่ รังไข่ ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หากติดเชื้อรุนแรงจะทำให้เกิดอาการป่วยและเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก การมีบุตรยาก การเกิดฝีหนอง จึงควรไปพบคุณหมอเพื่อรักษาให้เร็วที่สุด [embed-health-tool-ovulation] ประเภทของภาวะมดลูกอับเสบ ภาวะมดลูกอักเสบ หรือภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic inflammatory disease หรือ PID) เป็นการอักเสบของอวัยวะที่อยู่ในระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง โดยอาจแบ่งประเภทออกตามตำแหน่งที่มีการอักเสบได้ดังนี้ ภาวะปีกมดลูกอักเสบ (Salpingitis) เป็นภาวะอักเสบที่เกิดขึ้นบริเวณท่อรังไข่และรังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ (Endometritis) เป็นภาวะอักเสบที่ขึ้นบริเวณเยื่อบุภายในโพรงมดลูก ปากมดลูกอักเสบ (Cervicitis) เป็นภาวะอักเสบที่เกิดขึ้นบริเวณปากมดลูก ซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมกับช่องคลอด สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะมดลูกอักเสบ ปัจจัยที่อาจทำให้เกิดภาวะ มดลูกอักเสบ มีดังนี้ ติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อคลาไมเดีย ทราโคมาติส (Chlamydia Trachomatis) เชื้อเนอิสซีเรีย โกโนเรีย (Neisseria Gonorrhoeae) จากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องมาจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน โรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ทำให้เกิดมดลูกอักเสบ เช่น โรคหนองใน โรคหนองในเทียม เริมที่อวัยวะเพศ โรคพยาธิในช่องคลอด โรคติดเชื้อไมโคพลาสมา […]


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

มดลูกอักเสบเกิดจาก อะไร มีปัจจัยเสี่ยงและวิธีป้องกันอย่างไร

มดลูกอักเสบเกิดจาก ภาวะติดเชื้อภายในมดลูกและระบบสืบพันธุ์ ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ผู้ที่มีมดลูกอักเสบอาจมีอาการปวดบริเวณอุ้งเชิงกรานหรือท้องส่วนล่าง ประจำเดือนมามาก มีตกขาวผิดปกติ เป็นต้น ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้มดลูกอักเสบ เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงยางอนามัย การมีคู่นอนหลายคน อย่างไรก็ตาม หากมดลูกอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ แต่หากติดเชื้อนานเกินไปอาจไม่สามารถรักษาแผลที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะภายในได้ จึงควรหมั่นสังเกตอาการเป็นประจำ และหากรู้สึกถึงความผิดปกติ ควรรีบพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติม การรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอักเสบเรื้อรัง และช่วยให้มดลูกกลับสู่สภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว [embed-health-tool-ovulation] มดลูกอักเสบเกิดจาก ส่วนใหญ่แล้ว มดลูกอักเสบเกิดจาก การติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อคลาไมเดียหรือเชื้อหนองในเทียม (Chlamydia) เชื้อหนองใน (Gonorrhoea) ซึ่งเป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคบริเวณอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง แบคทีเรียเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายผ่านทางช่องคลอด ก่อนจะไปถึงปากมดลูก และอาจแพร่กระจายไปยังอวัยวะใกล้เคียง เช่น มดลูก ท่อนำไข่ รังไข่ อุ้งเชิงกราน เชื้อมักถ่ายทอดผ่านการมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากมดลูกติดเชื้อจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การระคายเคืองเมื่อใช้ผ้าอนามัยแบบสอด ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศและแบคทีเรียในช่องคลอด ภาวะเหล่านี้หากไม่รักษาและปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ อาจทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง ฝีในท่อรังไข่ ภาวะมีบุตรยากในอนาคต และภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้มดลูกอักเสบ ปัจจัยต่อไปนี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะมดลูกอักเสบได้ มีเพศสัมพันธ์ก่อนอายุ 25 ปี มีคู่นอนหลายคน […]


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ฝีมะม่วง อาการ สาเหตุ การรักษา

ฝีมะม่วง (Lymphogranuloma Venereum หรือ LGV) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อบริเวณอวัยวะเพศ รวมทั้ง อาการเลือดคั่งบริเวณอวัยวะเพศ ต่อมน้ำเหลืองโตที่ขาหนีบ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดบวมและเดินลำบาก หากรู้สึกว่ามีอาการเจ็บปวดบริเวณอวัยวะเพศควรเข้ารับการตรวจโดยคุณหมอในทันที     คำจำกัดความฝีมะม่วงคืออะไร ฝีมะม่วง คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากแบคทีเรียคลามีเดีย (Chlamydia trachomatis) หรือจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อเข้าสู่ผิวหนังที่มีแผลเปิด ก่อให้เกิดการติดเชื้อในช่องคลอดหรือปากมดลูก ซึ่งอาจไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ทำให้การติดเชื้อลุกลามเเละส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้างบวม เป็นฝีขนาดใหญ่ และทำให้อวัยวะเพศมีเลือดคั่ง ฝีมะม่วงสามารถพบในทุกช่วงวัยตั้งแต่ 15-40 ปี และมีโอกาสเป็นได้ทั้งเพศชายและเพศหญิงเท่า ๆ กัน แต่อาจพบว่าเพศชายเป็นมากกว่า เนื่องจากในเพศชายมักแสดงอาการชัดเจนกว่า โดยเฉพาะกลุ่มรักร่วมเพศระหว่างชายกับชาย และมักพบในผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อเอชไอวี อาการอาการของฝีมะม่วง ผู้ป่วยฝีมะม่วงมักแสดงอาการหลังจากได้รับเชื้อไปแล้วประมาณ 3-30 วัน เบื้องต้นอาจเป็นแผล หรือฝีขนาดเล็กบริเวณอัณฑะหรือช่องคลอด ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่ทันสังเกตเห็น หรืออาจไม่มีอาการ โดยเฉพาะอาการในผู้หญิงจะแสดงชัดเจนหลังจากเชื้อพัฒนาลุกลามมากขึ้น แต่สำหรับผู้ชายจะมีอาการค่อนข้างเด่นชัดหรือรุนแรงตั้งแต่ระยะแรกหลังได้รับเชื้อ และแม้ในบางรายไม่แสดงอาการแต่ยังสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ อาการของฝีมะม่วงมีดังนี้ มีแผล หรือเป็นริดสีดวงทวารหนัก ทำให้อาจมีเลือดหรือหนองไหลออกจากทวารหนัก มีเลือดคั่งหรือมีหนองไหลออกมาจากบริเวณอวัยวะเพศ รู้สึกเจ็บปวดบริเวณทวารหนักเวลาเบ่ง ถ่ายอุจจาระ หรือมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ท้องผูก มีน้ำใสไหลจากต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบ ผิวหนังบริเวณขาหนีบข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2  ข้างบวมแดง มีลักษณะเป็นก้อนฝีขนาดใหญ่ ผู้หญิงอาจมีริมฝีปากบวม สาเหตุสาเหตุของฝีมะม่วง สาเหตุของการเกิดฝีมะม่วงเกิดจากเชื้อแบคทีเรียคลามีเดียที่เข้าสู่ผิวหนังแล้วแพร่ไปยังต่อมน้ำเหลือง จนทำลายเนื้อเยื่อและอวัยวะรอบ ๆ ต่อมน้ำเหลือง ทำให้ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบอักเสบ บวมแดงและเจ็บปวด […]


สุขภาพทางเพศ

ฝีมะม่วง โรคร้ายจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน

ฝีมะม่วง (Lymphogranuloma Venereum : LGV) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง โดยติดต่อผ่านทางผิวหนังจนเกิดเป็นแผลที่อวัยวะเพศ มักเกิดในคู่ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย เมื่อเป็นแล้วหากไม่ทำการรักษา อาจเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา เช่น โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคฝีคัณฑสูตรหรือฝีเรื้อรัง  และอาจร้ายแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ฝีมะม่วงคืออะไร ฝีมะม่วง เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียคลาไมเดีย ทราโคมาติส (Chlamydia trachomatis) แบคทีเรียนี้แพร่เชื้อ ผ่านเข้าสู่ผิวหนังทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ     บวมโตติดกันเป็นก้อนฝีขนาดใหญ่ หรืออาจทำให้เกิดแผลหรือเป็นตุ่มนูนที่อวัยวะเพศ โดยอาจมีเลือดไหลออกจากแผล หรือเป็นฝีมีหนองไหลออกมา เมื่อเป็นแล้วจะรู้สึกเจ็บปวดมาก โรคนี้ส่วนใหญ่มักเป็นในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีเชื้อ HIV รวมทั้งกลุ่มรักร่วมเพศระหว่างชายกับชาย ผู้ป่วยสามารถส่งเชื้อผ่านได้แม้ไม่แสดงอาการ ผ่านการร่วมเพศปกติ การร่วมเพศทางทวารหนัก การทำออรัลเซ็กซ์ การสัมผัสอวัยวะเพศ การใช้เซ็กส์ทอยร่วมกัน อาการของฝีมะม่วง  อาการของฝีมะม่วงแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 (ระยะแผล) หลังได้รับเชื้ออาจเป็นแผลหรือตุ่มฝีบริเวณอวัยวะ โดยไม่รู้สึกเจ็บหรือปวด แผลอาจหายไปได้เองภายใน 2-3 วัน ทำให้ผู้ป่วยมักไม่ทันสังเกตเห็น และไม่ได้เข้ารับการรักษา ระยะที่ 2 (ระยะฝี) […]


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

หูดหงอนไก่ สาเหตุ อาการ การรักษา

หูดหงอนไก่ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากไวรัสเอชพีวี (HPV) พบได้ในบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก และอาจพบได้ในบริเวณช่องปาก สามารถเป็นได้ทั้งชายและหญิง หากสังเกตว่ารอบ ๆ อวัยวะเพศมีก้อนนูน รวมถึงมีอาการคัน หรือสัมผัสโดนเเล้วเจ็บ ควรเข้ารับการวินิจฉัยจากคุณหมอในทันที เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต คำจำกัดความหูดหงอนไก่ คืออะไร หูดหงอนไก่ คือ หูดที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human papillomavirus: HPV) ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการติดเชื้อ ส่งผลให้เกิดกลุ่มก้อนเล็ก ๆ จนถึงขนาดใหญ่ที่อาจมีมากกว่า 1 ก้อนขึ้นไป กระจายในบริเวณที่ได้รับเชื้อ และสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย สำหรับผู้หญิง หูดหงอนไก่อาจปรากฏรอบ ๆ ทวารหนัก อวัยวะเพศด้านนอก ช่องคลอด หรือปากมดลูก ส่วนผู้ชายหูดหงอนไก่อาจขึ้นบริเวณองคชาต ถุงอัณฑะ และรอบทวารหนัก อาการอาการหูดหงอนไก่ อาการหูดหงอนไก่ สามารถสังเกตได้จาก อาการคัน เจ็บปวดบริเวณอวัยวะเพศ และทวารหนัก มีเลือดออกจากการมีเพศสัมพันธ์ อาการตกขาว และอวัยวะเพศมีกลิ่นเหม็น กลุ่มก้อนหูดขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งอาจมีสีเนื้อ สีชมพู หรือสีน้ำตาล ในบางกรณี หูดอาจปรากฏภายในช่องปาก ริมฝีปาก ลิ้น และลำคอได้ หากมีการร่วมเพศทางปาก สาเหตุสาเหตุหูดหงอนไก่ สาเหตุที่ทำให้หูดหงอนไก่ปรากฏรอบ ๆ อวัยวะเพศ คือการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี ผ่านการสัมผัสกับหูดโดยตรงจากการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งทางช่องคลอด […]


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

แผลริมอ่อน สาเหตุ อาการ การรักษา

แผลริมอ่อน เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในผู้ชาย โดยสังเกตได้จากแผลบริเวณอวัยวะเพศ ริมฝีปาก ขาหนีบ แผลริมอ่อนเป็นโรคที่อันตราย เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ท่อปัสสาวะอักเสบ รอยแผลเป็นบนหนังหุ้มปลายองคชาต [embed-health-tool-ovulation] คำจำกัดความ แผลริมอ่อน คืออะไร แผลริมอ่อน คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลัส ดูเครย์ (Haemophilus ducreyi) สามารถแพร่กระจายได้ผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ และการสัมผัสกับหนองจากแผลริมอ่อน แล้วนำมือนั้นไปสัมผัสบริเวณอื่น เช่น ดวงตา ปาก หรือร่างกายของผู้อื่น โดยที่ยังไม่ได้ล้างมือ อาการ อาการแผลริมอ่อน อาการของแผลริมอ่อน สังเกตจากสัญญาณ ดังต่อไปนี้ ตุ่มบนอวัยวะเพศกลายเป็นแผลพุพอง หลังจากติดเชื้อ 1-2 สัปดาห์ ตุ่มอาจมีขนาดประมาณ 1-2 นิ้ว รู้สึกเจ็บปวด มีเลือดคั่ง และมีหนอง ในแผลพุพอง แผลเปื่อย และมีแผลเปิด เจ็บบริเวณต่อมน้ำเหลือง อาจเกิดขึ้นกับขาหนีบข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้าง ผู้ชายอาจมีอาการเจ็บแผลมากในบริเวณ หนังหุ้มปลาย ถุงอัณฑะ หัวองคชาต สำหรับผู้หญิงอาจเกิดรอยแผลบริเวณอวัยวะเพศภายนอก ช่องคลอด และทวารหนัก สาเหตุ สาเหตุแผลริมอ่อน สาเหตุของแผลริมอ่อนเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลัส ดูเครย์ ผ่านทางมีเพศสัมพันธ์ หรือสัมผัสกับหนองโดยตรงทุกรูปแบบที่อาจแพร่กระจายไปสู่บุคคลอื่น […]


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาการ สาเหตุ และการรักษา

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Diseases หรือ STDs) คือ การติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อที่ทำให้เกิดโรค โดยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีมากกว่า 20 ชนิด เช่น โรคหนองใน ภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน ส่วนใหญ่อาจเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางนามัย หรือการขาดการดูแลสุขภาพอนามัยทางเพศที่ดี คำจำกัดความโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คืออะไร โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Diseases หรือ STDs) คือ การติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อที่ทำให้เกิดโรค โดยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีมากกว่า 20 ชนิด เช่น คลามัยเดีย (Chlamydia) โรคหนองใน เชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์ ไวรัสเอชพีวี (HPV) โรคซิฟิลิส ท่อปัสสาวะอักเสบ ก้านอัณฑะอักเสบ การติดเชื้อทำให้เกิดการอักเสบบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด เช่น โรคเริมที่เกิดบริเวณอวัยวะเพศ การติดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) โรคติดเชื้อแคนดิดา (Candidiasis) ภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พบบ่อยแค่ไหน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์พบได้ทั่วไป แต่บางสาเหตุอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย หากผู้หญิงเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และตั้งครรภ์อาจทำให้มีปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงถ่ายทอดไปยังทารกขณะคลอดได้ อาการอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์  อาการทั่วไปของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจมีดังนี้ แผลเปื่อยหรือตุ่มที่บริเวณอวัยวะเพศหรือปากหรือช่องทวารหนัก ความเจ็บปวด หรือ การถ่ายปัสสาวะมีอาการปวดแสบปวดร้อน สารหรือของเหลวที่ถูกปล่อยออกมาจากอวัยวะเพศชาย ตกขาวมีกลิ่นผิดปกติหรือกลิ่นแปลก ๆ เลือดออกช่องคลอดแบบผิดปกติ เจ็บปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ แผลเปื่อย ขาหนีบบวมโดยเฉพาะที่ต่อมน้ำเหลือง แต่บางครั้งขยายออก ความเจ็บปวดท้องน้อย อาการทั่วไป เช่น เป็นไข้ อ่อนแอ ผื่นคันทั่วลำตัว มือ หรือเท้า อย่างไรก็ตาม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดอาจไม่แสดงอาการในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และบางครั้งก็อาจมีอาการไม่รุนแรง ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด สำหรับเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจไปพบคุณหมอหาก มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน มีคู่นอนมากกว่า 1 คน อาจสัมผัสกับเชื้อทางเพศสัมพันธ์ มีอาการของการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เจ็บปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์  […]


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ฝีที่ก้น ปัจจัยเสี่ยง อาการ และวิธีการรักษา

ฝีที่ก้น (Anorectal Abscess) เป็นฝีบริเวณแก้มก้นหรือรอบรูทวารที่เกิดจากการติดเชื้อจนส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นเป็นหนอง รู้สึกเจ็บปวด และมีไข้ ผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกเจ็บปวดบริเวณทวารหนักรุนแรง โดยเฉพาะเวลาขับถ่ายหรือนั่ง และจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาฝีที่ก้น ดังนั้น หากสังเกตพบอาการของฝีที่ก้น ที่อาการปวดเรื้อรังบริเวณก้น อาการท้องผูก มีตุ่มนูนบริเวณทวารหนัก ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดและทำการรักษาอย่างเหมาะสม [embed-health-tool-ovulation] ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดฝีที่ก้น ฝีที่ก้นเกิดจากการติดเชื้อที่ทำให้เกิดตุ่มหนองใต้ผิวหนังบริเวณแก้มก้นหรือรอบรูทวาร โดยปัจจัยเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อและเกิดฝีที่ก้นได้ โรคลำไส้อักเสบ โรคเบาหวาน ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง การติดเชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus หรือ HIV) ผลข้างเคียงจากการใช้ยา เช่น ยาเพรดนิโซน (Prednisone) ผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยเคมีบำบัด (Chemotherapy) ภาวะท้องผูก โรคท้องร่วง การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก นอกจากนี้ เด็กในวัยหัดเดินที่กล้ามเนื้อหูรูดฉีกขาดและมีอาการท้องผูกบ่อย ๆ ก็อาจเสี่ยงเกิดฝีที่ก้นได้เช่นกัน อาการของฝีที่ก้น อาการของฝีที่ก้น อาจมีดังนี้ เจ็บหรือปวดก้น โดยเฉพาะเวลานั่งหรือขับถ่าย ท้องผูก มีเลือดปนในอุจจาระ บริเวณรอบรูทวารหนักบวมแดง รู้สึกเมื่อยล้า อ่อนเพลีย หนาวสั่น มีไข้ ปัสสาวะลำบาก วิธีรักษาฝีที่ก้น ฝีที่ก้นต้องได้รับการรักษาเท่านั้นถึงจะหาย โดยวิธีรักษาฝีที่ก้นที่นิยมใช้มี 2 รูปแบบ ได้แก่ กรีดระบายหนองออก คุณหมอจะฉีดยาชาบริเวณที่ติดเชื้อเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด ก่อนจะใช้มีดผ่าตัดกรีดฝีเพื่อระบายหนองออก […]


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคปีกมดลูกอักเสบ อาการ สาเหตุและการป้องกัน

โรคปีกมดลูกอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ส่งผลให้เกิดอาการปวดท้องน้อยแม้จะไม่ได้อยู่ในช่วงมีประจำเดือน หรือปวดประจำเดือนหนักและนานกว่าปกติ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงทีอาจทำให้ท่อนำไข่เป็นแผลและแคบลง จนไข่เคลื่อนที่ไปยังมดลูกได้ยากขึ้น อาจนำไปสู่ภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก [embed-health-tool-ovulation] โรคปีกมดลูกอักเสบ คืออะไร โรคปีกมดลูกอักเสบ (Pelvic Inflammatory Disease หรือ PID) เป็นการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ส่วนใหญ่มักเกิดจากเชื้อเนอิสซีเรีย โกโนเรีย (Neisseria Gonorrhoeae) ที่ทำให้เกิดโรคหนองในแท้ และเชื้อคลามัยเดีย ทราโคมาติส (Chlamydia Trachomatis) ซึ่งติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ โดยเข้าสู่ร่างกายผ่านช่องคลอด ไปยังมดลูก ท่อนำไข่ หรือรังไข่ ผู้ที่เป็นโรคปีกมดลูกอักเสบมักไม่มีอาการใด ๆ ในช่วงเริ่มต้น แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปอาการของโรคอาจรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน แต่ในบางครั้งหากเข้ารับการตรวจรักษาปัญหามีบุตรยาก หรือปวดท้องน้อยเรื้อรัง คุณหมออาจตรวจเจอโรคปีกมดลูกอักเสบ อาการของโรคปีกมดลูกอักเสบ อาการของโรคปีกมดลูกอักเสบที่อาจพบได้บ่อย มีดังนี้ รู้สึกปวดท้องน้อย มีไข้ บางครั้งอาจมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย มีสารคัดหลั่งหรือตกขาวมีกลิ่นรวมทั้งเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือเหลือง รู้สึกเจ็บหรือมีเลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์ รู้สึกแสบเวลาถ่ายปัสสาวะ หรือปัสสาวะยาก ประจำเดือนมามากผิดปกติ ปวดท้องประจำเดือนมากกว่าปกติ เพศหญิงบางรายที่เป็นโรคปีกมดลูกอักเสบอาจไม่มีอาการดังกล่าวข้างต้น หรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบเข้าพบคุณหมอทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณว่าโรคปีกมดลูกอักเสบกำลังเข้าสู่ภาวะรุนแรง ปวดท้องน้อยรุนแรง คลื่นไส้และอาเจียน เบื่ออาหาร มีไข้สูงกว่า 38.3 องศาเซลเซียส […]


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคข้ออักเสบไรเตอร์ จากการมีเพศสัมพันธ์

โรคข้ออักเสบไรเตอร์ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียคลาไมเดีย ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ทั้งในน้ำอสุจิและน้ำจากช่องคลอด สามารถติดต่อได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ส่งผลให้เกิดอาการข้ออักเสบ มีอาการของโรคติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะและเยื่อบุตาอักเสบ ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการบาดเจ็บที่ผิวหนัง และเยื่อเมือกบุผิว โรคข้ออักเสบไรเตอร์ คืออะไร โรคข้ออักเสบไรเตอร์ (Reiter’s Syndrome) หรือโรคข้ออักเสบรีแอคตีฟ (Reactive Arthritis) เป็นโรคในกลุ่มโรคข้อและกระดูกสันหลังอักเสบ (Spondyloarthropathy) ซึ่งถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นโรคข้ออักเสบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยมีเพียงอาการข้ออักเสบอย่างเดียว แต่อาจมีอาการของโรคติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะและเยื่อบุตาอักเสบร่วมด้วย ในผู้ป่วยบางรายยังพบว่ามีรอยโรค (Lesions) หรืออาการบาดเจ็บที่ผิวหนังและเยื่อเมือกบุผิว โรคข้ออักเสบไรเตอร์ติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์จริงไหม โรคข้ออักเสบไรเตอร์มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อคลาไมเดีย (Chlamydia trachomatis) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ทั้งในน้ำอสุจิและน้ำจากช่องคลอด สามารถติดต่อได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ฉะนั้น หากทำกิจกรรมทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน หรือใช้เซ็กส์ทอยร่วมกับผู้อื่น ก็อาจเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างการติดเชื้อคลาไมเดีย และเสี่ยงเป็นโรคข้ออักเสบไรเตอร์ นอกจากจะมีสาเหตุมาจากเชื้อคลาไมเดียที่ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์แล้ว โรคข้ออักเสบไรเตอร์ยังอาจติดต่อพร้อมกับการติดเชื้อแบคทีเรียในน้ำและอาหารที่บริโภคได้ด้วย เช่น ซาลโมเนลลา (Salmonella) แคมไพโลแบคเตอร์ (Campylobacter) ชิเจลลา (Shigella) เยอซิเนีย (Yersinia) คลอสตริเดียม ดิฟฟิไซล์ (Clostridium difficile) อาการของโรคข้ออักเสบไรเตอร์ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคข้ออักเสบไรเตอร์ ไม่ได้มีอาการแค่ที่ข้อต่อเท่านั้น แต่ยังอาจมีอาการที่อวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกายด้วย ซึ่งสามารถสังเกตอาการของโรคข้ออักเสบไรเตอร์ได้ ดังนี้ อาการโรคข้ออักเสบ ข้อต่ออักเสบ […]

โฆษณา
โฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม