สุขภาพผิว

ผิวหนัง คืออวัยวะภายนอกที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในร่างกาย ผิวหนังนั้นมีหน้าที่สำคัญต่อร่างกาย ทั้งเป็นเกราะป้องกันจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ หรือช่วยควบคุมอุณภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ เป็นต้น เรียนรู้เกี่ยวกับการมี สุขภาพผิว ที่ดี และเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย เพื่อการปกป้องดูแลผิวของคุณให้ดียิ่งขึ้น ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพผิว

รักษาสิวอย่างตรงจุด ด้วยนวัตกรรมเรตินอยเจนใหม่

“สิว” ไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่ใครหลายๆ คนคิด ยิ่งคนที่เคยเผชิญปัญหานี้ บอกเลยมีทั้งความกังวลใจ และความไม่มั่นใจ ถึงแม้สิวจะหายไป แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบตามมา ทั้งรอยแผลเป็นจากสิว หลุมสิว รอยดำ รอยแดง และสำหรับคนที่เคยมีปัญหาสิว โดยเฉพาะในวัยรุ่น สิ่งที่ตามมาไม่ใช่แค่ปัญหาทางผิวหนังเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจ หลายคนรู้สึกไม่สบายใจ กังวลทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับคนอื่น รู้สึกเหมือนถูกจับจ้อง หรือบางครั้งถึงกับหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ กัดกร่อนความมั่นใจในตัวเอง และทำให้หลายคนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น การปล่อยปละละเลยไม่รีบรักษาสิวตั้งแต่เนิ่นๆ อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นจากสิวที่เกิดจากหลุมสิว ยกตัวอย่างเช่น สิวที่หลัง ซึ่งมักถูกมองข้าม ทำให้ไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม การรักษารอยแผลเป็นจากสิวเหล่านี้เป็นไปได้ยาก และในปัจจุบันก็สามารถดูแลได้เพียงทำให้หลุมสิวดีขึ้นเท่านั้น ทางที่ดีจึงควรเริ่มรักษาสิวด้วยวิธีที่ถูกต้อง และเร็วที่สุด เพื่อลดความรุนแรงและรอยโรคที่จะเกิดขึ้นตามมา แน่นอนว่าปัญหาสิวไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ ยิ่งกว่านั้นยังเกิดขึ้นในหลายส่วนของร่างกาย 64.6-89.3% ของคนที่เป็นสิวในระดับปานกลางมักจะต้องเจอกับสิวที่ใบหน้าและสิวที่หลัง จากการสำรวจพบว่ามีคนไทยที่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 12-25 ปี มากถึง 85% ที่ต้องเผชิญกับปัญหาสิว ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 50% ที่เป็นสิวทั้งที่หน้าและสิวที่หลัง การรักษาสิวอย่างตรงจุด จึงจำเป็นที่จะต้องครอบคลุมทั้ง 2 บริเวณ และจะต้องช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิวซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความมั่นใจในระยะยาวอีกด้วย วิธีรักษาสิวมีได้หลากหลายรูปแบบ โดยวิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้ยารักษาสิว ซึ่งสามารถทำได้เองทุกวัน ยาในกลุ่มเรตินอยจัดเป็นยารักษาสิวประสิทธิภาพดี ช่วยลดการอักเสบทั้งสิวเก่า และป้องกันสิวใหม่ไม่ให้เกิดขึ้น ทำให้ยาทาในกลุ่มเรตินอยได้ถูกระบุให้เป็นทางเลือกแรกในการรักษาสิวโดยสถาบันโรคผิวหนังแห่งอเมริกา […]

หมวดหมู่ สุขภาพผิว เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพผิว

การดูแลและทำความสะอาดผิว

ร่องแก้มลึก เกิดจากอะไร ควรรักษา และดูแลตัวเองอย่างไร

ร่องแก้มลึก เป็นรอยพับของผิวหนังบริเวณด้านข้างจมูกทั้ง 2 ข้าง ไปจนถึงมุมปาก เมื่ออายุยังน้อยร่องแก้มจะปรากฏขึ้นเมื่อยิ้มหรือหัวเราะเท่านั้น แต่เมื่ออายุมากขึ้นความเสื่อมสภาพของผิวหนังตามอายุอาจทำให้เกิดริ้วรอยเพิ่มมากขึ้น และอาจทำให้สามารถมองเห็นร่องแก้มลึกได้ตลอดเวลาแม้ไม่ได้ยิ้มหรือหัวเราะ การรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพผิวตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงอาจช่วยชะลอการเกิดร่องแก้มลึกได้ ร่องแก้มลึก เกิดจากอะไร ร่องแก้มลึก สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อสภาพผิวเสื่อมลงตามอายุ โดยอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น อายุที่มากขึ้น การสูบบุหรี่ แสงแดด ซึ่งสาเหตุเหล่านี้อาจส่งผลกระทบให้คอลลาเจนและอีลาสติน (Elastin) ซึ่งเป็นโครงสร้างของชั้นผิวหนัง ช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น แข็งแรงและสุขภาพดี เสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นริ้วรอยและร่องแก้มลึกก่อนวัย นอกจากนี้ การลดหรือเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็ว อาจทำให้ผิวหย่อนคล้อยได้เช่นกัน เนื่องจากผิวหนังมีการยืดขยายอย่างรวดเร็วจนโครงสร้างผิวไม่สามารถปรับสภาพได้ทันจนเกิดเป็นรอยพับตามผิวหนัง วิธีรักษาร่องแก้มลึก การรักษาร่องแก้มลึกอาจทำได้ด้วยวิธีทางการแพทย์ ดังนี้ ฉีดโบท็อกซ์ อาจช่วยคลายกล้ามเนื้อและช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณที่เป็นริ้วรอยดูบางลง จึงอาจช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า แต่อาจจะช่วยลดเลือนรอยร่องแก้มลึกได้เพียงเล็กน้อย หากฉีดยกกระชับร่วมด้วย ฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารเติมเต็มผิว เช่น กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) กรดพอลิแลกติก (Polylactic Acid) แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์ (Calcium Hydroxyapatite) และพอลิเมทิล-เมทาคริเลตไมโครสเฟียร์ (Polymethyl-Methacrylate Microspheres หรือ PMMA) ซึ่งอาจช่วยให้บริเวณที่เป็นริ้วรอยร่องแก้มลึก ดูตื้นและอวบอิ่มขึ้น เรตินอยด์ […]


การดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ

ถอนผมหงอก ดีหรือไม่ ควรดูแลเส้นผมอย่างไรเมื่อเริ่มมีผมหงอก

หลายคนอาจมีความเข้าใจผิดในเรื่องการ ถอนผมหงอก เพื่อช่วยขจัดผมเก่าที่เสื่อมสภาพ หรือความเชื่อผิด ๆ ที่ยิ่งถอนจะยิ่งทำให้ผมหงอกเพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกันการถอนผมหงอกอาจยิ่งเร่งกระบวนการหลุดร่วงของเส้นผมและอาจทำร้ายรูขุมขน ซึ่งอาจทำให้ผมไม่งอกขึ้นใหม่และอาจส่งผลให้ผมบางลงในระยะยาวได้ ผมหงอก เกิดจากอะไร ในปัจจุบัน อาจยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้เกิดผมหงอกอย่างแน่ชัด แต่ปัญหาผมหงอกมักเกิดขึ้นในผู้ที่มีอายุมาก โดยอาจเริ่มมีผมหงอกในช่วงอายุประมาณ 30-40 ปี จึงอาจเป็นไปได้ว่าผมหงอกอาจเกิดขึ้นเมื่อเซลล์เม็ดสีเมลานินในรูขุมขนค่อย ๆ ตายลงเมื่อมีอายุมากขึ้น ทำให้เส้นผมมีเม็ดสีเมลานินน้อยลงหรือไม่มีเม็ดสีเมลานินเหลือเลย ส่งผลให้เส้นผมมีสีอ่อนลงหรือเปลี่ยนไปเป็นสีอื่น ๆ เช่น สีเทา สีขาว สีน้ำตาล ซึ่งผมหงอกจะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วอาจขึ้นอยู่กับยีนในร่างกายที่ได้รับสืบทอดมาทางพันธุกรรม หรือในบางกรณีอาจมีสาเหตุมาจากความเครียด การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรืออาจเกิดจากโรคบางชนิด เช่น โรคด่างขาว โรคเบาหวาน โรคโลหิตจาง โรคต่อมไทรอยด์ โรคทางระบบประสาท ภาวะขาดวิตามินบางชนิด ถอนผมหงอก ดีหรือไม่ อาจมีบางความเชื่อ กล่าวว่า ยิ่งถอนผมหงอกจะยิ่งทำให้ผมหงอกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไม่เป็นความจริง แต่การถอนผมหงอกนั้นจะยิ่งทำให้ผมบางลงเร็วขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาผมบางหรือหัวล้านได้ในอนาคต เพราะการถอนผมเป็นการเร่งกระบวนการให้เส้นผมเข้าสู่ระยะสุดท้าย (Telogen Phase) ของวงจรเส้นผมเร็วกว่าปกติ โดยวงจรเส้นผมอาจแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ ดังนี้ ระยะเจริญเติบโต (Anagen Phase) เป็นระยะเริ่มแรกของการเจริญเติบโตที่ร่างกายจะกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์รากผม เพื่อให้ผมงอกยาวออกมากจากรูขุมขน […]


สุขภาพผิว

ตุ่มคัน เหมือนยุงกัด เกิดจากอะไรได้บ้าง

ตุ่มคัน เหมือนยุงกัด สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยส่วนใหญ่อาจเกิดจากการความระคายเคืองหรืออาการแพ้ทางผิวหนังที่อาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ที่ทำปฏิกิริยากับสิ่งที่สัมผัสกับผิวหนังหรือสิ่งที่เข้าสู่ร่างกาย เช่น อาหาร เกสรดอกไม้ ยาบางชนิด จนส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการผื่น ตุ่มคัน เหมือนยุงกัด บวม และแสบร้อน ตุ่มคัน เหมือนยุงกัด เกิดจากอะไรได้บ้าง โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นโรคผิวหนังที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ โดยระบบภูมิคุ้มกันจะทำปฏิกิริยากับสิ่งที่มาสัมผัสกับผิวหนังหรือเข้าสู่ร่างกาย เช่น อาหาร เกสรดอกไม้ แสงแดด ฝุ่น ควัน จนก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น ตุ่นคันเหมือนยุงกัด ผื่นแดง ลมพิษ บวม การรักษา อาจทำได้ด้วยการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้หรือสิ่งที่ตนเองแพ้ทุกชนิด เพื่อป้องกันการกำเริบของอาการ หากอาการรุนแรงขึ้นให้เข้าพบคุณหมอเพื่อรับยารับประทานหรือใช้ยาทาภายนอก เช่น โลชั่นลดอาการคัน ยาต้านฮีสตามีน ยาคอร์ติโซน (Cortisone) เพื่อช่วยรักษาอาการผื่นคันและอาการบวม ผดร้อน ผดร้อนมักเกิดขึ้นในสภาพอากาศร้อนชื้น และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยผดร้อนจะเกิดขึ้นเมื่อท่อต่อมเหงื่อเกิดการอุดตันจนไม่สามารถระบายเหงื่อออกมาได้เต็มที่ จนเกิดการอักเสบและความระคายเคืองขึ้น ทำให้ผู้ป่วยมีอาการผื่นแดง ตุ่มคันเหมือนยุงกัด อาจเจ็บปวดหรือคันได้ การรักษา หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น หากมีผดร้อนขึ้นควรรีบทำผิวให้เย็นลงด้วยการอาบน้ำหรือประคบเย็น ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการผื่นและอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น ลมพิษ ลมพิษ เป็นโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการรตุ่มนูน ตุ่มคันเหมือนยุงกัดเกิดขึ้นตามผิวหนัง […]


สุขภาพผิว

เม็ดขาว เปลือกตาด้านใน เกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่

เม็ดขาว เปลือกตาด้านใน เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อต่อมไขมันที่เปลือกตา (Meibomian Gland) เกิดการอุดตัน จนน้ำมันที่ผลิตจากต่อมเปลือกตาสะสมอยู่มาก ทำให้มองเห็นเป็นเม็ดขาวบริเวณเปลือกตาด้านใน อาจทำให้มีอาการแสบตา คัน ระคายเคืองตา ตาพร่าชั่วขณะ หากปล่อยไว้โดยไม่ทำการรักษาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างโรคตาแห้งได้ [embed-health-tool-bmi] เม็ดขาว เปลือกตาด้านใน เกิดขึ้นจากอะไร เม็ดขาว เปลือกตาด้านในอาจมีสาเหตุมาจากต่อมไขมันที่เปลือกตาทำงานผิดปกติ ทำให้น้ำมันที่อยู่ภายในเปลือกตามีความข้นและเหนียว จนไม่สามารถไหลออกมาจนเกิดการอุดตัน ซึ่งต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตันอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ไขมันในเลือดสูง เยื่อบุตาอักเสบจากโรคภูมิแพ้ หรือโรคตาอื่น ๆ เช่น ตากุ้งยิง จอประสาทตาเสื่อมตามวัย เบาหวานขึ้นตา เปลือกตาหรือกระจกตาอักเสบ การติดเชื้อแบคทีเรียในตา โรคแพ้ภูมิตัวเอง เช่น โรคผิวหนังอักเสบโรซาเซีย (Rosacea) โรคลูปัส (Lupus) โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) กลุ่มอาการโจเกรน (Sjogren's Syndrome) การใช้ยาบางชนิด เช่น การรักษาด้วยยาฮอร์โมนเอสโตรเจน ยาลดฮอร์โมนแอนโดรเจน เรตินอยด์ อาการเม็ดขาว เปลือกตาด้านใน ในระยะแรก ต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตันอาจยังไม่แสดงอาการ แต่เมื่อเวลาผ่านไป น้ำมันที่ผลิตจากต่อมไขมันเปลือกตาจะไม่สามารถไหลออกมาหล่อเลี้ยงดวงตาได้มากพอ จึงอาจทำให้มีอาการแสบตา คัน ตาแห้ง หรือระคายเคืองตาได้ […]


โรคผิวหนังติดเชื้อ

เป็นฝีที่ก้น อาการ ปัจจัยเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน

เป็นฝีที่ก้น อาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อในก้น หรืออาจเกิดจากแผลบริเวณเยื่อบุขอบทวารหนักติดเชื้อจนพัฒนากลายเป็นฝี ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนเนื้อที่เกิดขึ้นบริเวณเยื่อบุทวารหนักหรือบริเวณรอบข้างก้น ส่งผลทำให้มีอาการเจ็บปวด มีหนอง เลือดออกขณะขับถ่าย หรือไม่สามารถอั้นอุจจาระได้ สำหรับการรักษาฝีที่ก้นอาจทำได้หลายวิธี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคุณหมอ เป็นฝีที่ก้น เกิดจากอะไร เป็นฝีที่ก้น อาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อในก้นที่ทำให้ฝีพัฒนาขึ้นเองในก้นหรือบริเวณรอบข้างก้น หรืออาจมีสาเหตุมาจากแผลบริเวณเยื่อบุขอบทวารหนักติดเชื้อ จนอาจทำให้มีอาการเจ็บปวดหรือมีเลือดออกขณะขับถ่าย นอกจากนี้ ยังอาจมีสาเหตุมาจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือต่อมทวารหนักอุดตัน จนทำให้เกิดการติดเชื้อและพัฒนาไปเป็นฝีที่ก้นได้ อาการเมื่อเป็นฝีที่ก้น เป็นฝีที่ก้นอาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ดังนี้ เกิดโพรงที่ผิวหนังบริเวณก้น ผิวหนังบริเวณก้นเกิดการอักเสบ แดง และระคายเคือง มีหนอง เลือด หรืออุจจาระไหลออกจากช่องทวารหนัก มีกลิ่นเหม็นออกมาจากก้น ปวดตุบ ๆ บริเวณรอบ ๆ ก้นและด้านในก้น โดยเฉพาะเวลาขยับตัว นั่ง ไอ หรือขณะถ่ายอุจจาระ มีไข้ หนาวสั่น มีปัญหาในการควบคุมการเคลื่อนไหวลำไส้ จนไม่สามารถกลั้นอุจจาระได้ ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เป็นฝีที่ก้น ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เป็นฝีที่ก้น มีดังนี้ ผู้ที่มีอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป อาจมีความเสี่ยงสูงในการเป็นฝีที่ก้น เนื่องจากความอ่อนแอของสุขภาพร่างกาย หรืออาจมีปัญหาบริเวณก้น ผู้ที่เป็นโรคโครห์น (Crohn's Disease) หรือโรคลำไส้อักเสบ เคยเป็นฝีที่ก้นมาก่อนหน้านี้ เกิดการบาดเจ็บหรือการติดเชื้อที่บริเวณก้น เคยเข้ารับการผ่าตัดหรือการฉายรังสีรักษามะเร็งทวารหนัก ภาวะแทรกซ้อนเมื่อเป็นฝีที่ก้น เป็นฝีที่ก้นอาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ […]


โรคผิวหนังอักเสบ

Eczema คือ อะไร สาเหตุ อาการ และการรักษา

Eczema คือ โรคผื่นผิวหนังอักเสบ เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่พบได้บ่อย เกิดจากการอักเสบหรือการระคายเคือง เนื่องจากเกราะป้องกันผิวหนังอ่อนแอ รวมถึงอาจเกิดจากผิวหนังสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นหรือสารก่อภูมิแพ้ เช่น สารเคมี ส่งผลให้ผิวหนังแห้ง คัน และอักเสบ แม้โรคผื่นผิวหนังอักเสบจะไม่ใช่โรคติดต่อ และสามารถบรรเทาอาการได้เอง แต่ก็ควรดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรค นอกจากนี้ หากรักษาด้วยาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือรุนแรงกว่าเดิม ควรเข้าพบคุณหมอทันที เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม Eczema คือ อะไร Eczema คือ โรคผื่นผิวหนังอักเสบ เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย ทำให้ผิวหนังแห้ง คัน และอักเสบ โดยผื่นผิวหนังอักเสบอาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของยีนในร่างกายหรือความอ่อนแอของเกราะป้องกันผิวหนัง รวมถึงอาจเกิดจากการที่ผิวหนังสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นหรือสารก่อภูมิแพ้ เช่น สารเคมี โดยผู้ที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังยังอาจมีความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้อาหาร โรคหอบหืด และไข้ละอองฟางได้ด้วย แม้โรคผื่นผิวหนังอักเสบจะไม่ใช่โรคติดต่อ แต่การดูแลผิวด้วยการให้ความชุ่มชื้นและเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจช่วยบรรเทาอาการและป้องกันการลุกลามของโรคได้ อาการของ Eczema อาการของโรคผื่นผิวหนังอักเสบอาจเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของร่างกาย ดังนี้ ผิวแห้ง แตก ลอกเป็นขุย ผิวหนาและหยาบ และอาจมีอาการคันร่วมด้วย มีตุ่มนูนเล็ก ๆ หรือผื่นที่ผิวหนัง อาจมีสีแดงหรือสีชมพู ขึ้นอยู่กับสีผิวของแต่ละคน อาจมีหนองไหล ผิวรอบดวงตาคล้ำขึ้น นอกจากนี้ ยังควรสังเกตอาการอยู่เสมอ หากพบว่ามีอาการต่อไปนี้ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อทำการรักษา อาการของโรคผื่นผิวหนังอักเสบรุนแรงขึ้นจนกระทบต่อคุณภาพการนอนและการใช้ชีวิตประจำวัน […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

ผิวแห้ง สาเหตุ อาการ และการรักษา

ผิวแห้ง คือ ปัญหาสุขภาพผิวที่อาจพบได้บ่อย โดยสังเกตได้จากอาการผิวหยาบกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ผิวแตก ผิวเป็นสะเก็ด ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น สภาพอากาศ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว โรคผิวหนัง ดังนั้น จึงควรศึกษาวิธีการดูแลผิวที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพที่ดีและช่วยป้องกันอาการผิวแห้ง ผิวแห้ง คืออะไร ผิวแห้ง คือ สภาพผิวหนังที่ขาดความชุ่มชื้น หยาบกร้าน และลอกเป็นขุย ซึ่งปัญหาสุขภาพผิวที่พบได้บ่อย แต่ไม่รุนแรง และสามารถป้องกันได้โดยการบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ลักษณะที่ผิวแห้งอาจเกิดจากโรคผิวหนังต่าง ๆ เช่น กลาก น้ำกัดเท้า โรคผื่นแพ้สัมผัส ผื่นแพ้ต่อมไขมัน (Seborrheic Dermatitis)  อาการของผิวแห้ง อาการของผิวแห้ง มีดังนี้ ผิวแห้ง หยาบกร้านและเป็นสะเก็ด อาการคัน ผิวเป็นรอยขีดขาวเมื่อใช้เล็บขูด ผิวลอกเป็นขุย สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวแตก และอาจมีเลือดออกเล็กน้อย ผิวขาดความกระชับและรู้สึกผิวตึง โดยเฉพาะหลังอาบน้ำ หรือว่ายน้ำ ปัญหาผิวแห้งอาจสามารถฟื้นฟูผิวให้กลับมาชุ่มชื้นได้ด้วยตัวเอง แต่หากมีอาการผิวแห้งที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเมื่อสัมผัส รู้สึกคันมากกว่าปกติ มีผื่นขึ้น หรือผิวแห้งรักษาไม่หาย ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคผิวหนังบางอย่าง สาเหตุของผิวแห้ง สาเหตุของผิวแห้ง มีดังนี้ สภาพอากาศ เช่น อากาศหนาวเย็น มีลมแรง เพราะอาจทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ความร้อน […]


โรคผิวหนังอักเสบ

ตุ่มใสที่มือ เกิดจากอะไร และควรรักษาอย่างไร

ตุ่มใสที่มือ เป็นสภาวะทางผิวหนังที่มักมีสาเหตุมาจากโรคผิวหนังหลายชนิด เช่น โรคอีสุกอีใส ผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำ รวมถึงอาจมีสาเหตุมาจากโรคภูมิแพ้ การติดเชื้อ หรืออาจเป็นความผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย ทำให้เกิดตุ่มใสที่มือ ร่วมกับอาการอื่น ๆ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสาเหตุหลักของโรค ซึ่งการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมเป็นประจำทุกวัน อาจช่วยป้องกันปัญหาตุ่มใสที่มือได้ [embed-health-tool-bmi] ตุ่มใสที่มือ เกิดจากอะไร ตุ่มใสที่มือ ส่วนใหญ่เป็นสภาวะของโรคผิวหนัง ซึ่งสาเหตุที่อาจทำให้เกิดตุ่มใสที่มือ มีดังนี้ โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยรับประทานอาหารหรือสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ เสื้อผ้า สารเคมี ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการผื่นแดง มีตุ่มใสที่มือ ผื่นลมพิษ คัน และไม่สบายตัว โรคเริม เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus หรือ HSV) โดยอาจทำให้ผู้ป่วยมีตุ่มแดงหรือตุ่มใสเล็ก ๆ ปวด แสบร้อน คัน เป็นแผลพุพอง หรือเป็นสะเก็ดบริเวณอวัยวะเพศ แต่ในบางกรณีอาจมีตุ่มใสที่มือหรือปากเกิดขึ้นได้เช่นกัน โรคมือเท้าปาก เป็นโรคติดต่อที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสคอกแซกกี้ (Coxsackie Virus) ซึ่งอาจพบได้มากในช่วงหน้าฝน มักทำให้เกิดตุ่มใสที่มือ หลังมือ […]


การดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ

ผมร่วงเยอะมาก มีวิธีรักษาและการป้องกันอย่างไร

ผมร่วงเยอะมาก เป็นปัญหาหนังศีรษะและเส้นผมที่เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ความเครียด โรคแพ้ภูมิตัวเอง ยาบางชนิด หากไม่ทำการรักษาอาจทำให้ศีรษะล้าน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจ ทำให้เกิดความวิตกกังวลและหมดความมั่นใจในตัวเอง สาเหตุของผมร่วงเยอะมาก  สาเหตุที่อาจทำให้ผมร่วงเยอะมาก มีดังนี้ อายุที่มากขึ้น อาจทำให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงเซลล์หนังศีรษะและเส้นผมเสื่อมสภาพลง ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมและอาจทำให้ผมร่วงเยอะมาก พันธุกรรม ที่อาจส่งผลให้บุตรหลานมีผมร่วงเยอะมากจากรุ่นสู่รุ่นโดยรูปแบบที่พบได้บ่อยที่สุดคือโรคผมบางจากพันธุกรรม (Androgenic Alopecia) ซึ่งมีลักษณะผมร่วงเยอะมากบริเวณกลางหนังศีรษะ ทำให้ผมบาง และส่งผลให้ศีรษะล้านตรงกลางเพียงจุดเดียว มักพบในช่วงวัยรุ่น ไปจนถึงผู้ใหญ่อายุ 40 ขึ้นไป ฮอร์โมนไม่สมดุล หากร่างกายผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจนหรือฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ ต่อมไทรอยด์ผิดปกติ วัยหมดประจำเดือน ตั้งครรภ์ อาจส่งผลให้มีอาการผมร่วงเยอะมาก เนื่องจากฮอร์โมนเหล่านี้มีส่วนช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของเส้นผม ร่างกายขาดสารอาหาร เช่น วิตามินบี 3 วิตามินบี 6 วิตามินบี 7 วิตามินดี สังกะสี เหล็ก โปรตีน อาจกระทบต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมที่ทำให้ผมร่วงเยอะมากได้ ปัญหาสุขภาพจิต เช่น ความเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า อาจทำให้เกิดพฤติกรรมการดึงผมโดยไม่รู้ตัว […]


โรคผิวหนังอักเสบ

เป็นฝีรักษายังไง ฝีเกิดจากอะไร

หลายคนอาจสงสัยว่าฝีเกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นฝีรักษายังไง ฝีเป็นภาวะอักเสบของเนื้อเยื่อชั้นใต้ผิวหนังเนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นก่อตัวเป็นก้อนนูน มีลักษณะกลมและมีหนอง ภายในฝีประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว เซลล์เม็ดเลือดขาว และแบคทีเรีย นอกจากนี้ ยังมีฝีที่ก่อตัวภายในร่างกาย ซึ่งอาจตรวจพบได้ยากกว่าฝีบริเวณผิวหนัง การรักษาฝีที่ผิวหนังโดยทั่วไปอาจใช้การประคบร้อน การระบายออกด้วยเข็ม และการผ่าตัดนำฝีออก หากพบว่ามีฝีควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี และไม่ควรบีบหรือเจาะฝีออกด้วยตัวเอง เพราะอาจเสี่ยงเกิดการติดเชื้อและทำให้อาการแย่ลงได้ [embed-health-tool-ovulation] ฝีเกิดจากอะไร ฝี (Abscesses) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) เป็นภาวะอักเสบของผิวหนังที่เกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียเข้าสู่ผิวหนัง ระบบภูมิคุ้มกันจึงส่งเซลล์เม็ดเลือดขาวไปต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามา จนส่งผลให้ผิวหนังบริเวณที่ติดเชื้ออักเสบหรือบวมแดง และเกิดเป็นโพรงที่ผิวหนัง เซลล์ที่ตายแล้วและแบคทีเรียจะก่อตัวเป็นตุ่มหนองบริเวณโพรงจนเกิดเป็นฝี ซึ่งอาจอักเสบและขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ สัมผัสแล้วรู้สึกเจ็บและอาจมีกลิ่นเหม็น ฝีแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้ ฝีที่ผิวหนัง (Skin abscesses) เป็นฝีที่เกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียเข้าไปในผิวหนัง ทำให้เกิดตุ่มหนองอักเสบและเกิดก้อนฝีตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย อาจพบได้ที่ใต้วงแขน แขน ขา ลำตัว อวัยวะเพศ ก้น เป็นต้น ฝีภายใน (Internal abscesses) เป็นฝีที่ก่อตัวภายในอวัยวะหรือในช่องว่างระหว่างอวัยวะต่าง ๆ โดยปกติจะพบได้ยากกว่าฝีที่อยู่บริเวณผิวหนังเนื่องจากเกิดขึ้นภายในร่างกาย และบางครั้งอาจไม่มีสัญญาณภายนอกที่แสดงว่าเป็นฝี อาการของฝี อาการของฝี มีดังนี้ ฝีที่ผิวหนัง มีตุ่มบวมใต้ผิวหนัง […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน