
รู้จักข้อมูลพื้นฐาน
ฝีมะม่วงคืออะไร
ฝีมะม่วง (Lymphogranuloma venereum) เป็นอาการติดเชื้อติดต่อทางเพศชนิดหนึ่ง โรคนี้มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียคลามีเดีย (Chlamydia trachomatis bacterium) แบคทีเรียนี้จะผ่านเข้าผิวหนังและเนื้อเยื่อเมือกไปสู่ต่อมน้ำเหลือง ก่อให้เกิดการคั่งของแบคทีเรียรอบๆ ต่อม โรคนี้จะส่งผลกระทบต่อต่อมน้ำเหลือง อวัยวะเพศส่วนนอก แม้กระทั่งไส้ตรงและปาก
ฝีมะม่วงพบได้บ่อยแค่ไหน
โรคนี้เป็นที่แพร่หลายในพื้นที่เขตร้อนและเขตกึ่งร้อน มักจะเกิดขึ้นในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยมักอยู่ในช่วงวัย 20 ถึง 40 คุณสามารถจำกัดโอกาสในการเกิดโรคได้ด้วยการลดปัจจัยเสี่ยง โปรดปรึกษากับหมอของคุณ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
รู้จักกับอาการ
ฝีมะม่วงมีสัญญาณและอาการอะไรบ้าง
อาการของฝีมะม่วง จะเริ่มเกิดอาการเมื่อเข้าสู่สัปดาห์แรกจนถึงสัปดาห์ที่ 4 หลังจากสัมผัสกับโรคนี้ จากนั้น บริเวณอวัยวะเพศภายนอกจะเกิดตุ่มและเป็นแผล แต่ตุ่มเหล่านั้นสามารถรักษาให้หายได้รวดเร็ว จากนั้น ต่อมน้ำเหลืองตรงหน้าขาจะเกิดการบวม เป็นผื่นและอาการกดเจ็บ ฝี หนอง เลือดขุ่น มีไข้ เจ็บกล้ามเนื้อ ปวดหัว เบื่ออาหาร อาเจียนและเจ็บกระดูกข้อต่อ อาจเกิดขึ้น
อาจมีอาการบางประเภทที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ข้างบน ถ้าคุณมีความกังวลเกี่ยวกับอาการ โปรดปรึกษาหมอของคุณ
เมื่อไหร่ที่ควรพบหมอ
คุณควรปรึกษาหมอ หากคุณมีอาการใดๆ ก็ตามที่เหมือนด้านบน หรือหากคุณมีความกังวลใดๆ ก็ตาม ในกรณีที่คุณกำลังรับการรักษาโรคฝีมะม่วง ควรโทรแจ้งหมอของคุณทันที เมื่อเกิดอาการเหล่านี้ ได้แก่
- อุณหภูมิในร่างกายของคุณสูงขึ้นผิดปกติ
- มีอาการปวดอย่างรุนแรงที่ไม่สามารถบรรเทาได้
- มีอาการท้องร่วงในขณะที่รับประทานยาปฏิชีวนะ
- ไม่สามารถใช้ยาต่างๆ ได้
ระบบในร่างกายของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน จึงควรปรึกษาหมอของคุณสำหรับการวินิจฉัยและการรักษาโรคอย่างเหมาะสม
รู้สาเหตุ
ฝีมะม่วงมีสาเหตุมาจากอะไร
โรคนี้มีสาเหตุเกิดจากเชื้อคลามีเดีย แบคทีเรียนี้จะผ่านเข้าผิวหนังและเนื้อเยื่อเมือกไปสู่ต่อมน้ำเหลือง ก่อให้เกิดการคั่งของแบคทีเรียรอบๆ ต่อม โรคนี้จะส่งผลกระทบต่อต่อมน้ำเหลือง อวัยวะเพศส่วนนอก แม้กระทั่งไส้ตรงและปาก
ยังมีสาเหตุอื่นๆ ของการเกิดโรคนี้ อย่างเช่น การสัมผัสกับแบคทีเรียคลามีเดีย หรือสัมผัสกับผู้ป่วยโรคนี้
รู้จักปัจจัยเสี่ยง
อะไรที่เพิ่มความเสี่ยงของคุณในการเป็นฝีมะม่วง
ปัจจัยเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดฝีมะม่วง ได้แก่
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- การติดเชื้อ HIV
- มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
- มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
เข้าใจการวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ใดๆ ควรปรึกษาหมอของคุณทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพื่อเติม
ทางเลือกในการรักษาฝีมะม่วงของคุณมีอะไรบ้าง
วิธีที่พบได้ทั่วไปที่ใช้ในการรักษาฝีมะม่วง ได้แก่
ยาปฏิชีวนะใช้เพื่อสู้กับอาการติดเชื้อ และจำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะภายใน 3 สัปดาห์
ยาแก้ปวด อย่างเช่น ยาอะเซตามีโนเฟน (acetaminophen) ยาอิบูโพรเฟน (ibuprofen) และการประคบร้อนตามจุด สามารถนำมาใช้ในการรักษาอาการที่รบกวนได้
ผู้ป่วยควรรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการเพื่อเพิ่มความเร็วในการสมานแผล
ในบางกรณี จะทำการผ่าตัดเพื่อระบายการอักเสบของต่อมน้ำเหลือง ผลข้างเคียง อย่างเช่น อาการอักเสบเรื้อรัง อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ปัสสาวะผิดปกติ และการขับถ่ายอาจเกิดขึ้นได้
การตรวจแบบใดที่ใช้มากที่สุดในการตรวจหาฝีมะม่วง
หมอจะทำการวินิจฉัย โดยอ้างอิงจากประวัติทางการแพทย์ของการสัมผัสโรค การตรวจร่างกาย การตรวจเลือดและการตรวจการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ หมอจะนำตัวอย่างจากการตรวจของคุณเพื่อเพาะเชื้อแบคทีเรียจากแผล หากเชื้อคลามีเดียหรือแอนติบอดี้ที่ต่อต้านแบคทีเรีย ปรากฏขึ้นมาให้เห็นว่าคุณเป็นโรคนี้
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเอง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองที่ช่วยในการรับมือกับฝีมะม่วง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองต่อไปนี้ จะช่วยให้คุณรับมือกับ ภาวะบวมน้ำเหลือง (Lymphedema) ได้แก่
- มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
- รับประทานยาตามที่หมอสั่ง
- ภาวะนี้สามารถเกิดซ้ำได้ คุณควรนัดตรวจร่างกายเป็นประจำ
- คุยกับแฟนหรือคนรักของคุณเกี่ยวกับภาวะนี้ เพื่อเข้าพบหมอและเข้ารับการรักษาหากจำเป็น
- พักผ่อนให้เพียงพอหากคุณกำลังมีภาวะนี้ คุณจะสามารถกลับมาทำกิจกรรมทั่วไปได้อย่างช้าๆ ในภายหลัง
หากมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษากับหมอของคุณ เพื่อเข้าใจวิธีแก้ปัญหาที่ชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับตัวคุณเอง
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด