โภชนาการเพื่อสุขภาพ

"You are what you eat" อาหารที่คุณรับประทาน มีความสำคัญอย่างมาก ต่อสุขภาพร่างกายของคุณ แต่น่าเสียดายที่ยังคงมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ โภชนาการเพื่อสุขภาพ อยู่มากมาย ดังนั้น การแยกแยะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

เรื่องเด่นประจำหมวด

โภชนาการเพื่อสุขภาพ

สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม

สมุนไพรลดน้ำหนัก เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก เพราะสารสกัดในสมุนไพรบางชนิดอาจช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันที่สะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เพื่อความปลอดภัยควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคทุกครั้ง [embed-health-tool-bmi] สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม ขมิ้นชัน สรรพคุณ สารเคอร์คูมิน (Curcumin) ในขมิ้นชัน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล มีสรรพคุณช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ระบบการเผาผลาญภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สมุนไพรขมิ้นชันจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก ผลข้างเคียง หากรับประทานขมิ้นชันในปริมาณสูงติดต่อกัน อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้และอาเจียน  ขิง สรรพคุณ สารซิงเจอโรน (Zingerone) ในขิง เป็นสารประกอบที่มีรสชาติเผ็ดร้อน ดังนั้นจึงมีความสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมได้ อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบเผาผลาญภายในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้สามารถควบคุมปริมาณในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม ผลข้างเคียง ขิงเป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป อาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารได้  แนะนำรับประทานไม่เกินวันละ 4 กรัม และในสตรีมีครรภ์ไม่เกินวันละ 1 กรัม  ส้มแขก สรรพคุณ หลายคนมักรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากส้มแขก เนื่องจากส้มแขกมีกรดมีกรดไฮดรอกซีซิตริก (Hydroxycitric Acid: HCA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการเผาผลาญไขมันภายในร่างกาย และยังมีสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ทำให้รู้สึกหิวน้อยลง  ผลข้างเคียง เวียนศีรษะ ปากแห้ง ปวดศีรษะ ปวดท้อง ท้องเสีย  เม็ดแมงลัก […]

หมวดหมู่ โภชนาการเพื่อสุขภาพ เพิ่มเติม

สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ

สำรวจ โภชนาการเพื่อสุขภาพ

เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

การดื่มน้ำ ตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่ไม่ควรมองข้าม

การดื่มน้ำ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อสุขภาพโดยรวม และสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนัก การดื่มน้ำอาจช่วยได้ เพราะนอกจากน้ำจะเป็นเครื่องดื่มที่ดีที่สุดในการควบคุมน้ำหนักเนื่องด้วยน้ำไม่มีแคลอรี่ น้ำยังมีคุณสมบัติอีกหลายประการที่เป็นประโยชน์ต่อการลดน้ำหนักอีกด้วย ประโยชน์ของ การดื่มน้ำ เพื่อการลดน้ำหนัก ช่วยในการเผาผลาญพลังงาน การดื่มน้ำอาจช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน โดยจากงานวิจัยที่ศึกษาในผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกิน ซึ่งให้เพิ่มปริมาณการดื่มน้ำให้มากกว่า 1 ลิตรต่อวัน ผลการวิจัยพบว่าเมื่อเวลาผ่านไป 12 เดือน กลุ่มตัวอย่างน้ำหนักลดลง 2 กิโลกรัม (4.4 ปอนด์) โดยที่กลุ่มตัวอย่างไม่ได้เปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ใด ๆ เพียงแค่เพิ่มการดื่มน้ำมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ชี้ว่า การดื่มน้ำ 0.5 ลิตร (17 ออนซ์) อาจช่วยส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้น 23 แคลอรี่ มากไปกว่านั้นยังมีอีกหลายงานวิจัยที่ศึกษากลุ่มตัวอย่าง ที่มีน้ำหนักเกิน โดยให้ดื่มน้ำ 1-1.5 ลิตรต่อวัน เป็นเวลาไม่กี่สัปดาห์ ผลการวิจัยพบว่าการดื่มน้ำอาจช่วยลดน้ำหนัก ดัชนีมวลกาย รอบเอว และมวลไขมัน ได้อย่างมีนัยสำคัญ ลดความอยากอาหาร การดื่มน้ำก่อนกินอาหารอาจช่วยลดความอยากอาหารได้ แต่ส่วนใหญ่จะมีผลในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ เนื่องจากมีงานวิจัยที่ศึกษาในผู้สูงอายุ แสดงให้เห็นว่า การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร เป็นเวลามากกว่า 12 สัปดาห์ อาจทำให้ลดน้ำหนักได้ 2 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่มีกลุ่มตัวอย่างเป็นวัยกลางคน ที่มีน้ำหนักเกินและอ้วน โดยให้กลุ่มตัวอย่างดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารแต่ละมื้อ ผลการวิจัยพบว่าช่วยลดน้ำหนักได้มากกว่า […]


ข้อมูลโภชนาการ

โทงเทงฝรั่ง คุณค่าทางโภชนาการ และประโยชน์ต่อสุขภาพ

โทงเทงฝรั่ง (Cape Gooseberry) เป็นผลไม้ที่มีลักษณะเป็นผลเล็ก ๆ สีส้ม คล้ายกับมะเขือเทศ ที่มีกลีบหุ้มอยู่ มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานคล้ายสัปปะรด สามารถรับประทานเป็นผลสดหรืออาจนำไปประกอบอาหาร เช่น แยม ซอส การรับประทานโทงเทงฝรั่งอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทั้งอาจช่วยต้านอักเสบ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงสายตา อย่างไรก็ตาม การรับประทานผลโทงเทงฝรั่งดิบอาจทำให้ได้รับสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ [embed-health-tool-”bmr”] คุณค่าทางโภชนาการของโทงเทงฝรั่ง โทงเทงฝรั่ง เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมายที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย นอกจากนี้ ยังให้ปริมาณแคลลอรี่ในระดับปานกลาง เคพกูสเบอร์จำนวน 140 กรัมเต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรต 15.7 กรัม ไฟเบอร์ 6 กรัม นอกจานนี้ โทงเทงฝรั่ง ยังมีเบตาแคโรทีนและวิตามินเคในปริมาณสูงพร้อมกับแคลเซียมอีกเล็กน้อย ประโยชน์ต่อสุขภาพของโทงเทงฝรั่ง มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โทงเทงฝรั่ง มีสารประกอบของพืชที่เรียกว่า “สารต้านอนุมูลอิสระ” ในระดับที่สูง ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะช่วยป้องกันและซ่อมแซมความเสียหายของร่างกายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ทำให้ร่างกายแก่ลงและทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคมะเร็ง จากการศึกษาพบว่า เคพกูสเบอร์รี่มีสารประกอบถึง 34 ชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น สารประกอบฟีนอลิกที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ใหญ่ ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่บริเวณผิวของ โทงเทงฝรั่ง มีมากกว่าบริเวณเนื้อถึง 3 เท่า นอกจากนี้ ปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระจะสูงที่สุดเมื่อผลเคพกูสเบอร์รี่สุกดี มีประโยชน์ในการต้านการอักเสบ สารประกอบสำคัญที่พบใน […]


โภชนาการพิเศษ

ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยอาหารที่อาจช่วยสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

อาหาร เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีความสำคัญอย่างมากต่อระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน การเลือกกินอาหารบางชนิดอาจมีส่วนช่วยในการ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นทาง Hello คุณหมอ จึงได้รวบรวมอาหารบางประเภทที่ผู้ป่วยเบาหวานควรเพิ่มเข้าไว้ในมื้ออาหารของตนเองมาฝากกันในบทความนี้ ประเภทของอาหารที่อาจมีส่วนช่วยในการ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด  ผักใบเขียว ผักใบเขียว อุดมไปด้วยไฟเบอร์และสารอาหาร เช่น แมกนีเซียมและวิตามินเอ ซึ่งสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยผักใบเขียวที่ควรเพิ่มลงไปในมื้ออาหาร ได้แก่ ผักโขม ผักกาดหอม ผักคะน้า ผักสวิสชาร์ด งานวิจัยชี้ว่าการกินผักใบเขียว 1.35 ส่วนต่อวัน แทนการกิน 2 ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ประมาณ 14% อาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ร่างกายของเราจะย่อยอาหารที่มีไฟเบอร์สูงได้ช้า จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง นอกจากนี้ไฟเบอร์ยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือไฟเบอร์ที่ละลายในน้ำ และไม่ละลายในน้ำ โดยไฟเบอร์ที่ไม่ละลายในน้ำ เช่น ธัญพืชเต็มเมล็ด ส่วนไฟเบอร์ที่ละลายในน้ำมักจะพบในถั่วเปลือกแข็ง ข้าวโอ๊ต และผลไม้ ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ไฟเบอร์ที่ละลายในน้ำ สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยการทำให้ภาวะไวต่ออินซูลิน (Insulin sensitivity) ดีขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้คุณกินยาโรคเบาหวานน้อยลง นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ให้ข้อมูลว่า การกินอาหารไฟเบอร์สูง ยังสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจด้วย โดยสำหรับอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ได้แก่ ผักผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล บล็อคโคลี่  และกล้วย อาหารที่มีโปรตีนสูง อาหารโปรตีนสูงดีต่อผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน เนื่องจากโปรตีนจะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเป็นเวลานาน ดังนั้น […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

อาหารต้านการอักเสบ ที่ควรรับประทานและควรเลี่ยง

โรคต่างๆ ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเบาหวานประเภทที่ 2 ล้วนมีสาเหตุมาจากการอักเสบในส่วนต่างๆ ของร่างกายทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม หรือเป็น อาหารต้านการอักเสบ อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะอักเสบ หรือช่วยให้อาการอักเสบที่เป็นอยู่บรรเทาได้ [embed-health-tool-bmi] การอักเสบ คืออะไร การอักเสบคือการตอบสนองของร่างกายต่อการเจ็บป่วย รวมถึงการติดเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค เช่น แบคทีเรีย ไวรัส หรือการบาดเจ็บ ถือเป็นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อการบาดเจ็บหรือความเจ็บป่วยที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย หรือเกิดการบาดเจ็บ ระบบภูมิค้มกันจะส่งเซลล์เม็ดเลือดขาวจำนวนมากขึ้นไปยังบริเวณที่มีการติดเชื้อหรือการบาดเจ็บ เพื่อต่อสู้กับอาการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม โรคบางโรค เช่น โรคข้ออักเสบ โรคสะเก็ดเงิน โรคหอบหืด อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโจมตีเนื้อเยื่อดีได้ หรือในบางครั้ง ระบบภูมิคุ้มกันทำให้เกิดการตอบสนองต่อการอักเสบเมื่อไม่มีเชื้อโรคจากภายนอก ซึ่งภาวะนี้เรียกว่า โรคภูมิต้านตนเองหรือแพ้ภูมิตนเอง อาหารกับการอักเสบเกี่ยวข้องกันอย่างไร อาหารลดการอักเสบในร่างกาย เป็นกระบวนการต่อต้านการอักเสบที่มักเกี่ยวข้องกับอนุมูลอิสระที่สะสมมากเกินพอดีเป็นเวลานาน และค่อย ๆ ทำให้เซลล์ในร่างกายเสียหาย จนส่งผลให้เป็นโรคในที่สุด อาหารต้านการอักเสบส่วนใหญ่มักมาจากพืชและผลไม้ เพราะในพืชและผลไม้อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นโมเลกุลที่ทำปฏิกิริยาในอาหาร มีส่วนช่วยในการลดและกำจัดอนุมูลอิสระที่มีมากเกินไปและช่วยยับยั้งการทำลายเซลล์ อาหารต้านการอักเสบในแต่ละมื้อควรให้มีสมดุลของโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน และควรได้รับวิตามิน เกลือแร่ ไฟเบอร์ และน้ำ ตามที่ร่างกายต้องการด้วย ปัจจุบัน มีรูปแบบการรับประทานอาหารหลายประเภทที่อาจจัดเป็นอาหารต้านการอักเสบ เช่น การรับประทานอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งประกอบด้วย ปลา ธัญพืช และไขมันที่ดีต่อหัวใจ จากงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าอาหารเหล่านี้ สามารถลดผลกระทบของการอักเสบในระบบหัวใจและหลอดเลือดได้ อาหารเสี่ยงเพิ่มการอักเสบที่ควรงดหรือลด […]


ข้อมูลโภชนาการ

เมล็ดฟักทอง เคี้ยวเพลิน ประโยชน์แน่น กินต่อไม่รอละนะ!

นอกจากเนื้อฟักทองจะเป็นของอร่อยที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายแล้ว เมล็ดฟักทอง ก็ยังไม่ใช่ของเหลือทิ้ง เพราะเป็นอาหารที่อร่อยและมีประโยชน์สุขภาพไม่แพ้กันเลยใครชอบเคี้ยวเมล็ดฟักทอง อ่านเรื่องต่อไปนี้แล้วก็เคี้ยวกันต่อไปนะ คุณค่าทางโภชนาการของเมล็ดฟักทอง เมล็ดฟักทองจะมีเปลือกสีขาว ส่วนด้านในจะเป็นเมล็ดแบนๆ รูปไข่ และมีสีเขียว โดยเมล็ดฟักทอง 28 กรัมแบบไม่มีเปลือก จะให้พลังงานประมาณ 151 แคลอรี่ ซึ่งเป็นพลังงานที่มาจากไขมันและโปรตีนเป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีสารอาหารมากมาย โดยเฉพาะฟอสฟอรัส แมงกานีส และแมกนีเซียม ประโยชน์สุขภาพของเมล็ดฟักทอง 1.เมล็ดฟักทองมีสารต้านอนุมูลอิสระ เมล็ดฟักทองมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง เคโรทีนอยด์ และวิตามินอี ซึ่งสามารถลดการอักเสบ และปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมการกินอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงสามารถช่วยป้องกันโรคหลายโรคได้ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ชี้ว่า น้ำมันเมล็ดฟักทองสามารถลดการอักเสบในหนูที่เป็นโรคข้ออักเสบ โดยไม่มีผลข้างเคียง 2.เกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด งานวิจัยให้ข้อมูลว่าอาหารที่อุดมไปด้วยเมล็ดฟักทอง เกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่พบว่า การกินเมล็ดฟักท้องเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยง ของโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนด้วย 3.ลดความเสี่ยงของโรคต่อมลูกหมากโต เมล็ดฟักทองอาจช่วยบรรเทาอาการของโรคต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia: BPH) ซึ่งเป็นภาวะที่ต่อมลูกหมากขยายใหญ่ขึ้น ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการถ่ายปัสสาวะ งานวิจัยหลายงานวิจัยพบว่าการกินเมล็ดฟักทองสามารถบรรเทาอาการของโรคต่อมลูกหมากโตได้ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ศึกษาในผู้ชายและผู้หญิง 45 คน ที่มีภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน (Overactive bladder) โดยให้กินสารสกัดเมล็ดฟักทอง 10 กรัมต่อวัน ผลการวิจัยพบว่าช่วยทำให้การทำงานของระบบปัสสาวะดีขึ้น 4.เมล็ดฟักทองมีแมกนีเซียมสูง เมล็ดฟักทอง อุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งการได้รับแมกนีเซียมอย่างเพียงพอต่อวันสำคัญต่อสุขภาพ เนื่องจากแมกนีเซียมดีต่อสุขภาพ […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

อาหารต้านมะเร็งตับ คุณควรกินอะไรบ้าง?

ตับ..มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพที่ดีของร่างกาย ตับช่วยเปลี่ยนอาหารให้เป็นสารอาหารหล่อเลี้ยงร่างกายสำหรับการมีชีวิตและการเจริญเติบโต อย่างไรก็ดี มะเร็งตับพบได้มากในปัจจุบัน แต่หากตรวจพบได้เร็วและรักษาได้ทันเวลา การรักษาก็จะได้ผลถึงร้อยละ 80 วิธีหนึ่งที่สามารถปฏิบัติได้ที่บ้าน เพื่อป้องกันมะเร็งตับก็คือการรับประทาน อาหารต้านมะเร็งตับ ที่มีสรรพคุณในการป้องกันการเกิดมะเร็งตับ ถึงแม้ว่าอาหารจะไม่ได้ผลสำหรับรักษามะเร็งตับ แต่อาหารจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพ ทำให้สุขภาพดีขึ้น และต้านโรคได้ ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับทางโภชนาการบางประการสำหรับผู้ป่วยโรคตับ อาหารต้านมะเร็งตับ คุณควรกินอะไรบ้าง? ผักและผลไม้สด ผักและผลไม้มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายและช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง นอกจากนี้ ผักและผลไม้สดยังมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณมากซึ่งช่วยต้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และป้องกันมะเร็งได้ นอกจากนี้ ใยอาหารในผักใบเขียวและผลไม้ยังช่วยลดอาการท้องผูกได้อีกด้วย ผลไม้บางชนิดดีต่อมะเร็งตับ ได้แก่ สตรอว์เบอร์รี่ ส้ม และพริกหวานสีแดง ผักที่แนะนำ ได้แก่ ฟักทอง แครอท กะหล่ำปลี และบร็อคโคลี่ ธัญพืชเต็มเมล็ด ธัญพืช เช่น ขนมปัง ข้าว และเส้นก๋วยเตี๋ยว เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตสำคัญสำหรับร่างกาย ซึ่งช่วยสร้างน้ำตาลกลูโคส ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญสำหรับเซลล์ ธัญพืชที่แนะนำ ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด และ งา เป็นต้น อาหารไขมันต่ำ อาหารไขมันต่ำบางชนิดมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคตับ ได้แก่ ถั่ว น้ำมันมะกอก และน้ำมันพืช อาหารไขมันต่ำย่อยง่าย ซึ่งช่วยให้ตับและไตทำงานไม่หนักเกินไป เนื้อขาว การศึกษาจำนวนมากจากทั่วโลกเผยว่า การบริโภคเนื้อขาวแทนเนื้อแดง จะช่วยให้ร่างกายต้านมะเร็งตับได้ดีกว่า เนื้อขาวได้จากสัตว์ปีก […]


ข้อมูลโภชนาการ

กระเจี๊ยบเขียว ช่วยผู้ป่วยเบาหวานรับมือกับโรคได้อย่างไร

กระเจี๊ยบเขียว เป็นผักชนิดหนึ่ง จัดเป็นพืชล้มลุกวงศ์เดียวกับโกโก้ ชบา ฝ้าย มีต้นกำเนิดในแถบแอฟริกาตะวันตก เจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนและเขตอบอุ่น เช่น ซูดาน อิยิปต์ ไนจีเรีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย ขึ้นชื่อว่าเป็นผักที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ทั้งนี้ ควรระมัดระวังในการบริโภคเพื่อไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำจนเกินไปเพราะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ [embed-health-tool-bmi] ลักษณะของกระเจี๊ยบเขียว กระเจี๊ยบเขียว หรือ Okra หรือ Lady’s finger ดอกมีสีเหลืองอ่อนลักษณะคล้ายดอกชบา ผลมีลักษณะเป็นฝักคล้ายนิ้วมือของผู้หญิง สีเขียวทรงยาวเรียว ตามฝักมีขนอ่อน ๆ กระจายอยู่ทั่ว ภายในฝักมีเมล็ดมากมาย ที่นิยมนำมารับประทานได้แก่ ฝักอ่อน เพราะมีรสหวานกรอบอร่อย คุณค่าทางโภชนาการ กระเจี๊ยบเขียวปริมาณ 100 กรัมให้พลังงาน 30 กิโลแคลอรี อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น คาร์โบไฮเดรต ไฟเบอร์ โฟเลต แคลเซียม แมกนีเซียม (Magnesium) วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินเค ไม่มีกรดไขมันอิ่มตัวและช่วยลดคอเลสเตอรอล (Cholesterol) ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย กระเจี๊ยบเขียว กับโรคเบาหวาน กระเจี๊ยบเขียวให้พลังงานน้อยหรือแทบจะไม่มีไขมันเป็นส่วนประกอบเลย แต่อุดมไปด้วยวิตามินซี […]


ข้อมูลโภชนาการ

อาหารสำหรับโรคข้ออักเสบ คุณควรกินอะไรที่จะช่วยบรรเทาอาการ?

เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า โดยแท้จริงแล้วโรคข้ออักเสบ (Arthritis) ทุกประเภท ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ การใช้ยาสำหรับโรคนี้ ได้ผลสำหรับผู้ป่วยบางรายเท่านั้น อย่างไรก็ดี เมื่อไม่นานมานี้ มีงานวิจัยเผยว่าการรับประทานอาหารบางอย่าง สามารถรักษาอาการปวดข้อต่อที่เกิดจากข้ออักเสบได้ ต่อไปนี้เป็น อาหารสำหรับโรคข้ออักเสบ ชนิดต่างๆ ที่คุณควรเพิ่มในแผนการรับประทานอาหารของคุณ อาหารสำหรับโรคข้ออักเสบ คุณควรกินอะไรที่จะช่วยบรรเทาอาการ? ปลา กรดไขมันโอเมก้า 3 (omega 3-fatty) เป็นที่รู้จักมาเป็นเวลานานแล้วว่า เป็นศัตรูสำคัญของข้ออักเสบ กรดไขมันโอเมก้า 3 สามารถหยุดยั้งอาการปวด และอาการอักเสบที่เกิดจากข้ออักเสบได้ เมื่อร่างกายเราดูดซึมกรดไขมันโอเมก้า 3 ร่างกายของเราเปลี่ยนกรดไขมันโอเมก้า 3 เป็น resolvins ซึ่งเป็นสารเคมีชนิดหนึ่ง ที่สามารถลดอาการอักเสบได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น ผู้ป่วยข้ออักเสบจะรู้สึกว่า ข้อต่อมีอาการค่อนข้างดีขึ้น หลังจากรับประทานกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณหนึ่ง กรดไขมันโอเมก้า 3 ส่วนใหญ่พบในปลา โดยเฉพาะปลาจากน้ำเย็น เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ให้เพิ่มอาหารเหล่านี้ในแผนการรับประทานอาหารของคุณ ในปริมาณประมาณ 3-4 ออนซ์ต่อสัปดาห์ เชอร์รี่ เป็นเรื่องไม่มากเกินไปที่จะกล่าวว่า เชอร์รี่เป็นผลไม้ที่สวยทั้งภายนอกและภายใน รูปลักษณ์ที่ดึงดูด ดูชุ่มฉ่ำ และเปล่งปลั่งของเชอร์รี่ เกิดจากสารแอนโทไซยานิน […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

ผงชูรส ส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพของเราบ้าง

องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาชี้ว่า ผงชูรส ปลอดภัย ในขณะเดียวกันก็มีข้อมูลที่ชี้ว่าผงชูรส อาจทำให้เกิดโรคหอบหืด และมีอาการปวดหัว รวมถึงทำลายสมอง นอกจากนี้เวลาไปกินอาหารนอกบ้าน บางร้านก็ติดป้ายว่า ไม่ใส่ผงชูรส จริงๆ แล้วผงชูรสส่งผลต่อร่างกายอย่างไรกันแน่ วันนี้ Hello คุณหมอ จะชวนมาหาคำตอบกันค่ะ ผงชูรสคืออะไร ผงชูรส คือเกลือกรดชนิดหนึ่งชื่อ โมโนโซเดียมกลูทาเมต (MSG, Monosodium Glutamate) ลักษณะเป็นผลึกรูปเข็ม สีขาว ละลายน้ำได้ดี ใช้ประโยชน์ในการปรุงแต่งรสอาหาร เช่น อาหารจีน ผักกระป๋อง ซุป และเนื้อแปรรูป องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาได้จัดประเภทผงชูรส ให้เป็นส่วนผสมอาหารที่ “ยอมรับโดยทั่วไปว่าปลอดภัย” แต่การใช้ผงชูรสยังคงเป็นที่ถกเถียง ด้วยเหตุนี้เองเมื่อมีการใส่ผงชูรสลงไปในอาหาร องค์การอาหารและยาฯ จึงกำหนดให้มีการระบุไว้ในฉลาก ผงชูรส ส่งผลต่อสุขภาพของเราอย่างไร ผงชูรสกับสมอง และอาการแพ้ผงชูรส กรดกลูตามิกทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาทในสมอง บางข้อมูลจึงอ้างว่า ผงชูรสทำให้มีกลูตาเมตในสมองมากเกินไป และกระตุ้นเซลล์ประสาทมากเกินไป แต่อย่างไรก็ตาม การได้รับกลูตาเมตเพียงเล็กน้อยในแต่ละวัน อาจไม่ส่งผลต่อสมอง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา ได้รับรายงานจำนวนมากเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์ จากการกินอาหารที่มีผงชูรส ซึ่งอาการเหล่านี้เรียกว่ากลุ่มอาการ เอ็มเอสจี (MSG symptom complex) ได้แก่ ปวดหัว ผิวหนังแดง เหงื่อออก มีแรงกดดันบนใบหน้า มึนงง เป็นเหน็บชา หรือแสบบริเวณใบหน้า […]


โภชนาการพิเศษ

อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเกาต์ กินอย่างไรให้สยบเกาต์

การเลือก อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเกาต์  ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ เพราะการวางแผนเลือกอาหารเป็นอย่างดี ก็จะเป็นอีกตัวช่วยที่ทำให้โรคเกาต์ไม่กำเริบขึ้นมาได้ วันนี้ Hello คุณหมอ ขอแนะนำ อาหารสำหรับผู้ที่ป่วยโรคเกาต์ ว่ากินอะไรได้บ้าง อะไรที่ไม่ควรกิน และอะไรรับประทานแล้วดีต่ออาการของโรคเกาต์กันบ้าง โรคเกาต์คืออะไร โรคเกาต์ (Gout) คือ โรคข้ออักเสบชนิดหนึ่ง ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายมีกรดยูริกในเลือดสูง ซึ่งกรดยูริกคือของเสียที่ร่างกายผลิตขึ้นมาเพื่อทำลาย พิวรีน (พิวรีนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบได้ในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีในอาหารหลายๆ ชนิดอีกด้วย) หากมีปริมาณของกรดยูริกในเลือดสูงเป็นระยะเวลานานจะทำให้เกิดการตกผลึกทำให้สะสมบริเวณรอบๆ ข้อต่อ ซึ่งทำให้เกิดอาการปวด และบวม ซึ่งพฤติกรรมการกินจะมีส่วนอย่างมากที่จะทำให้เกิดโรคเกาต์ โรคเกาต์ อาหาร สัมพันธ์กันอย่างไร หากคุณเป็นโรคเกาต์ เรื่องของอาหารการกินถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะอาหารบางอย่างอาจไปเพิ่มระดับกรดยูริกให้กับร่างกายได้ และอาหารที่กระตุ้นโรคเกาต์มักจะเป็นอาหารที่มีพิวรีน (Purines) ในปริมาณสูง ซึ่งสารนี้ก็สามารถพบได้ในอาหารทั่วไป เมื่อร่างกายย่อยอาหารที่มีพิวรีนแล้วจะทำให้ร่างกายเหลือกรดยูริกที่เป็นของเสีย คนที่เป็นโรคเกาต์ ไม่สามารถกำจัดกรดยูริกส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีพิวรีนสูงอาจทำให้กรดยูริกสะสมตัวและทำให้เกิดโรคเกาต์ได้ แต่งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการเลือกกินอาหารที่พิวรีนต่ำและใช้ยาควบคู่กันไปอย่างเหมาะสมช่วยป้องกันการเกิดโรคเกาต์ นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจคือ เครื่องดื่มฟรุกโตสและน้ำตาล ช่วยเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเกาต์และกระตุ้นโรคเกาต์ได้ แม้ว่าจะไม่ใช่อาหารประเภทที่เต็มไปด้วยพิวรีน และยังทำให้ระดับกรดยูริกเพิ่มขึ้นด้วยการเร่งกระบวนการผลิตเซลล์ ตัวอย่างการศึกษาที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 125,000 คนพบว่า คนที่กินฟรุกโตสมากที่สุดมีความเสี่ยงสูงกว่า 62% ในการเป็นโรคเกาต์ ในทางกลับกันงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์จากนมไขมันต่ำ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองและอาหารเสริมวิตามินซีอาจช่วยป้องกันการโจมตีของโรคเกาต์โดยการลดระดับกรดยูริกในเลือดได้ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง หากอยู่ในภาวะที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเกาต์ ได้อย่างฉับพลันให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีผู้ร้ายอย่างพิวรีน ที่มากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัมนอกจากนี้คุณควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีฟรักโทส […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน