โรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน คือโรคที่สามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานและสุขภาพโดยรวมของร่างกายได้อย่างมาก อีกทั้งในปัจจุบัน อัตราผู้ป่วยโรคเบาหวานในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้น การเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวานประเภทต่าง ๆ ปัจจัยเสี่ยง และรักษาโรคเบาหวาน จึงมีความสำคัญเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคเบาหวานให้ดียิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

โรคเบาหวาน

เบาหวาน อาการ และวิธีการป้องกัน

เบาหวานเป็นภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ที่เกิดจากร่างกายจัดการอินซูลินและน้ำตาลได้ไม่ดีพอ เกิดจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยอินซูลินมีหน้าที่นำพาน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดที่ได้จากการรับประทานอาหาร เข้าสู่เซลล์เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน เมื่ออินซูลินไม่เพียงพอจึงส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป และเมื่อป่วยเป็นโรค เบาหวาน อาการ ที่พบอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของโรค อย่างไรก็ตาม หากไม่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ไตเสียหาย จอประสาทตาเสื่อมได้ [embed-health-tool-bmi] เบาหวาน คืออะไร เบาหวาน คือ โรคเรื้อรังที่จะวินิจฉัยเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงตั้งแต่ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตรขึ้นไป ซึ่งเป็นผลจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หากปล่อยให้ร่างกายอยู่ในสภาวะนี้นานอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวาน เช่น โรคไต โรคหลอดเลือดสมอง ระบบประสาทเสื่อม   เบาหวานแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ เบาหวานชนิดที่ 1 พบได้บ่อยในวัยเด็ก เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง ทำให้ตับอ่อนที่ทำหน้าที่ผลิตอินซูลินไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย นำไปสู่ภาวะน้ำตาลสะสมในเลือดสูงขึ้น อาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ปัสสาวะบ่อย เบาหวานชนิดที่ 2 พบได้บ่อยในวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ที่อายุ 40 ปี ขึ้นไป เกิดจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หรือเซลล์ในร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ หากปล่อยไว้นานอาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการหิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย และน้ำหนักลดได้ ข้อมูลจากสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ระบุว่า ผู้หญิงมีแนวโน้มเป็นโรคเบาหวานร้อยละ […]

หมวดหมู่ โรคเบาหวาน เพิ่มเติม

โรคเบาหวานชนิดที่ 1

สำรวจ โรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน

การวัด น้ำตาลในเลือด หลังอาหาร ควรตรวจช่วงเวลาไหนบ้าง และทำได้อย่างไร

การตรวจน้ำตาลในเลือด หลังมื้ออาหาร มีความสำคัญและเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคเบาหวาน เนื่องจากควรมีน้ำตาลหลังมื้ออาหารไม่เกิน 180 มิลลิกรัม/เดซิลิตร เพื่อควบคุมในระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีอยู่เสมอ เพื่อเป็นการป้องกันความรุนแรงของโรคและป้องกันความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานได้อีกด้วย [embed-health-tool-bmi] น้ำตาลในเลือดควรตรวจเวลาไหนบ้าง การตรวจน้ำตาลในเลือดมีความสำคัญอย่างมากสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคเบาหวาน เนื่องจากการตรวจจะช่วยให้ทราบถึงระดับน้ำตาลในเลือดขณะนั้น ๆ ซึ่งมีส่วนทำให้ควบคุมการเลือกรับประทานอาหารได้เหมาะสมมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นตัวบอกถึงผลการรักษาเบาหวานว่ายาที่ใช้สามารถออกฤทธิ์ได้ดีเพียงพอหรือไม่ และยังเป็นใช้ติดตามความคืบหน้าของการควบคุมโรคเบาหวานได้ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ป่วยมีสุขภาพที่ดีช่วยลดความเสี่ยงในการกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน เวลาที่แนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงของโรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคเบาหวาน ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดได้แก่ ช่วงเวลาก่อนอาหารเช้าตั้งแต่ตื่นนอน ก่อนมื้ออาหารทุกมื้อ และ หลังแต่ละมื้ออาหารประมาณ 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ สามารถตรวจเพิ่มได้ในช่วงเวลาก่อนนอนหรือเมื่อมีกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากกว่าปกติเช่น ออกกำลังกาย เล่นกีฬา อาจตรวจระดับน้ำตาลในเลือดทั้งก่อนและหลัง เพื่อเช็คระดับน้ำตาลในเลือดว่าไม่ต่ำจนเกินไปซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้ด อย่างไรก็ตาม ความถี่ของการวัดระดับน้ำตาลในเลือดแตกต่างกันในแต่ละราย ขึ้นอยู่กับประเภทของโรคเบาหวาน การรักษาด้วยยารับประทานหรือยาฉีดอินซูลิน โรคร่วมและความถี่ของการเกิดภาวะในเลือดต่ำ รวมไปถึงการควบคุมโรคในผู้ป่วยแต่ละบุคคล การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด หลังอาหาร ดีอย่างไร ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรมีระดับน้ำตาลในเลือดก่อนรับประทานอาหารระหว่าง 80-130 มิลลิกรัม/เดซิลิตร และระดับน้ำตาลในเลือดหลังอาหารไม่ควรมากกว่า 180 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ทั่งนี้เพื่อควบคุมไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากเกินไปจนเพิ่มความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น สำหรับการตรวจระดับน้ำตาลหลังมื้ออาหารจะแนะนำให้ตรวจเลือดหลังเริ่มรับประทานอาหารไปแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นเวลาที่อาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตถูกย่อยเปลี่ยนเป็นน้ำตาลและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว โดยทั่วไปอาจแนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคเบาหวาน วัดน้ำตาลในเลือดหลังอาหารประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อรอให้คาร์โบไฮเดรตย่อยและเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ซึ่งอาจช่วยให้วัดระดับน้ำตาลหลังอาหารได้แม่นยำขึ้น การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด หลังอาหาร ทำอย่างไร การตรวจน้ำตาลในเลือดหลังอาหารมีวิธีทำที่เหมือนกับการตรวจในช่องเวลาอื่น ๆ ซึ่งอาจทำได้ ดังนี้ […]


โรคเบาหวาน

ค่าเบาหวานคนท้องปกติ ควรเป็นอย่างไร และวิธีการดูแลตัวเอง

ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์อาจทำให้คุณแม่หลาย ๆ คนกังวลเกี่ยวกับภาวะนี้ จึงอาจมีคำถามว่า ค่าเบาหวานคนท้องปกติ ควรอยู่ในระดับใด เพื่อควบคุมและป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น การดูแลตัวเองให้ดีและควบคุมรวมไปถึงเลือกรับประทานอาหารในระหว่างตั้งครรภ์ให้เหมาะสม จึงเป็นวิธีที่จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ได้ [embed-health-tool-bmi] ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ คืออะไร เบาหวานขณะตั้งครรภ์ คือ โรคเบาหวานชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในขณะตั้งท้อง เกิดเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ ส่งผลต่อสมดุลการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด กล่าวคือ ร่างกายมีฮอร์โมนที่มีฤทธิ์ต้านกับอินซูลินมากขึ้น จึงทำให้คุณแม่บางรายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง นำไปสู่ภาวะเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบางประการที่ส่งผลเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เช่น กรรมพันธุ์ มีภาวะก่อนเบาหวาน/ระดับน้ำตาลเกินเกณฑ์ เคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ในการตั้งท้องครั้งก่อน ๆ มีภาวะน้ำหนักเกิน/โรคอ้วน ทั้งนี้ระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ อาจส่งผลต่อการสุขภาพของคุฯแม่และสุขภาพของทารกในครรภ์ได้ ค่าเบาหวานคนท้องปกติ ควรมีค่าเท่าไหร่ สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ ระดับน้ำตาลในเลือดเป้าหมายในระหว่างตั้งครรภ์ มีดังนี้ ก่อนรับประทานอาหาร ควรมีระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ระหว่าง 60 - 95 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือน้อยกว่า 1 ชั่วโมงหลังอาหาร ควรมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงไม่เกิน 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร  2 ชั่วโมงหลังอาหาร ควรมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงไม่เกิน 120 มิลลิกรัม/เดซิลิตร  การรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเป้าหมายจำเป็นต้องวางแผนการเลือกรับประทานอาหารและออกกำลังกายอย่างเหมาะสม รวมทั้งการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจส่งผลเสียต่อทั้งสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ คุณแม่ที่เป็นเบาหวานควรดูแลตัวเองอย่างไรระหว่างตั้งครรภ์ สำหรับคุณแม่ที่เป็นเบาหวานสามารถดูแลตนเองเบื้องต้นด้วยวิธีต่อไปนี้ เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในขณะตั้งครรภ์ ควบคุมและวางแผนการรับประทานอาหารให้เหมาะสมและหลากหลาย เน้นรับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง ไขมันและแคลอรี่ต่ำ […]


โรคเบาหวาน

เบาหวานกินอะไรได้บ้าง และอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

ผู้ป่วยเบาหวานจำเป็นต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อป้องกันมิให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง หลายคนจึงอาจมีคำถามว่า เป็น เบาหวานแล้วสามารถกินอะไรได้บ้าง เพื่อให้ร่างกายได้สารอาหารอย่างเหมาะสม ผู้ป่วยเบาหวานสามารถรับประทานอาหารได้เกือบทุกชนิด แต่อาจต้องพิถีพิถันในการเลือกอาหารและกำหนดปริมาณที่รับประทานให้เหมาะสม [embed-health-tool-bmi] ผู้ป่วย เบาหวานกินอะไรได้บ้าง ผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงที่ระดับน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มสูงขึ้นได้ง่าย คุณหมอจึงมักแนะนำให้ผู้ป่วยเบาหวานดูแลเรื่องการรับประทานอาหารเป็นพิเศษ เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เหมาะสม และป้องกันภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่อาจตามมา โดยปกติผู้ป่วยเบาหวานสามารถรับประทานอาหารได้เกือบทุกชนิด เพียงแต่ต้องเลือกชนิดของอาหารและควบคุมปริมาณอาหารให้เหมาะสม ดังนี้ คาร์โบไฮเดรต คาร์โบไฮเดรตแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย มักพบในอาหารจำพวกข้าว แป้ง และ น้ำตาล ซึ่งเมื่อรับประทานเข้าไปในร่างกายแล้ว จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น คาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้ผู้ป่วยเบาหวานเลือกรับประทานจะเน้นเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ได้แก่ ข้างกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวโอ๊ต ควินัว ขนมปังโฮลวีท ธัญพืชไม่ขัดสี เมล็ดพืช เพราะคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจะมีสัดส่วนน้ำตาลน้อยกว่า แต่อุดมไปด้วยใยอาหารสูง ซึ่งมีส่วนช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลได้ สัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตที่รับประทานในแต่ละมื้อ ควรประมาณไม่เกิน1 ใน 4 ของอาหารทั้งหมด โปรตีน โปรตีนเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์มาก เป็นแหล่งพลังงาน ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ผู้ที่เป็นเบาหวานควรเลือกรับประทานโปรตีนทีมีคุณภาพดี เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน/หนัง เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่ โปรตีนจากพืชตระกูลถั่ว เช่น เต้าหู้ และควรหลีกเลี่ยงโปรตีนที่มีไขมันอิ่มตัวร่วมด้วย ได้แก่ เนื้อแดง […]


โรคเบาหวาน

น้ำตาลในเลือด140 อันตรายหรือไม่ และควรดูแลตัวเองอย่างไร

เกณฑ์ระดับน้ำตาลในเลือดที่บ่งชี้ว่าเป็นโรคเบาหวาน คือ สูงตั้งแต่ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตรขึ้นไปหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง หากมีระดับ น้ำตาลในเลือด140 มิลลิกรัม/เดซิลิตรหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง ถือว่าเข้าข่ายเป็นโรคเบาหวาน ควรได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมจากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ ควบคู่ไปกับดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี เช่น การเลือกบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ รับประทานยารักษาระดับน้ำตาลในเลือด ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา [embed-health-tool-bmi] น้ำตาลในเลือด ปกติ เท่าไหร่ ระดับน้ำตาลในเลือดหากตรวจหลังจากอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ปกติมีค่าไม่เกิน99 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ซึ่งเป็นระดับที่ปลอดภัยต่อสุขภาพและไม่เป็นอันตรายการทำงานของระบบต่าง ๆในร่างกย และอาจแปลผลได้ว่ากระบวนการของเซลล์ในการนำน้ำตาลไปใช้เปลียนเป็นพลังงานยังคงมีประสิทธิภาพดีอยู่ ทั้งนี้ หากตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมงแล้วพบว่ามีระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ระหว่าง 100-125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร แสดงว่า มีภาวะก่อนเบาหวานหรือเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน (Prediabetes) หากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสม อาจนำไปสู่โรคเบาหวานได้ในอนาคต นอกจากนี้ หากมีระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมงสูงตั้งแต่ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตรขึ้นไป หรือตรวจระดับน้ำตาลแบบสุ่ม (Random Blood Sugar Test) แล้วมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร แสดงว่าเข้าข่ายเป็นโรคเบาหวาน (Diabetes) ที่จำเป็นจะต้องเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม […]


ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน

อาการ โรค เบาหวาน ระยะสุดท้าย เป็นอย่างไร

อาการ โรค เบาหวาน ระยะสุดท้าย หรือภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังจากโรคเบาหวาน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้เป็นเวลานานหลายปี ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานจึงควรหมั่นดูแลสุขภาพตัวเองอยู่เสมอ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลิกสูบบุหรี่ ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อรักษาให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์เป้าหมายและป้องกันอันจะป้องกันมิให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ [embed-health-tool-bmi] อาการ โรค เบาหวาน ระยะสุดท้าย โดยทั่วไปแล้ว อาการโรคเบาหวานระยะสุดท้าย มักหมายถึงอาการที่เป็นผลมาจากภาวะเเทรกซ้อนเรื้อรังของโรคเบาหวาน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยเบาหวานไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมได้อย่างเรื้อรัง ซึ่งอาจเป็นเวลานานตั้งแต่ 5 -20 ปีขึ้นไป จนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเนื่องจากเส้นเลือดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเสียหายหรือเสื่อมสภาพลง ซึ่งกลายเป็นภาวะสุขภาพระยะยาวที่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาการโรคเบาหวานระยะสุดท้าย หรือภาวะเเทรกซ้อนเรื้อรังจากโรคเบาหวานที่อาจพบได้ มีดังนี้ ปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular problems) ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมเบาหวานไม่ดี มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างเรื้อรัง มักมีภาวะสุขภาพร่วมอื่น ๆด้วย เช่น ภาวะคอเลสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน ซึ่งล้วนส่งผลให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพ เนื่องจากเกิดการสะสมของไขมันทีผนังหลอดเลือด ผนังหลอดเลือดหัวใจจึงหนาตัว ส่งผลให้หลอดเลือดตีบแคบลง ส่งผลให้เลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจได้ไม่เต็มที่ นอกจากหลอดเลือดหัวใจเเล้วยังสามารถเกิดความเสื่อมกับหลอดเลือดสมอง เเละ หลอดเลือดส่วนปลายได้เช่นเดียวกัน ปัญหาเกี่ยวกับไต (Kidney problems) หรือโรคไต (Nephropathy) เมื่อไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้เป็นระยะเวลานาน ทั้งภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเเละความดันโลหิตสูง(ที่มักพบร่วมกัน) จะส่งผลให้หลอดเลือดฝอยในไตเสื่อมสภาพลง หรือที่มักเรียกว่า ภาวะเบาหวานลงไต เมื่อไตจะเสื่อมสภาพ […]


โรคเบาหวาน

สาเหตุของโรคเบาหวาน อาการ และวิธีการดูแลตัวเอง

โรคเบาหวาน คือ โรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง ซึงมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ( มากกว่า 126 มิลลิกรัม / เดซิลิตร หากตรวจเลือดเเบบอดอาหาร)  ในปัจจุบัน โรคเบาหวานนับเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมเพื่อช่วยให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ ดังนั้น จึงควรสังเกตอาการเบื้องต้นและเข้ารับการวินิจฉัยเพื่อหา สาเหตุของโรคเบาหวาน และรับการรักษาได้อย่างเหมาะสม สาเหตุของโรคเบาหวาน โรคเบาหวาน อาจแบ่งคร่าว ๆ ออกเป็น 3 ประเภท ได้ดังต่อไปนี้ โรคเบาหวานชนิดที่ 1 มีสาเหตุมาจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย สร้างภูมิขึ้นมาไปทำลายเซลล์ของตับอ่อนที่ทำหน้าที่ในการผลิตฮอร์โมนอินซูลิน จึงทำให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอ ซึ่งอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่มีหน้าที่หลักช่วยกระตุ้นให้เซลล์นำน้ำตาลที่อยู่ในกระแสเลือดเข้าไปใช้เผาผลาญให้เป็นพลังงาน ดังนั้นเมื่อมีอินซูลินไม่เพียงพอ  จึงส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และนำไปสู่โรคเบาหวานชนิดที่ 1 ในที่สุด โรคเบาหวานชนิดที่ 2 มีสาเหตุมาจากร่างกายมีภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งคือภาวะที่เซลล์ในร่างกายไม่สามารถตอบสนองต่ออินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เเม้จะมีฮอร์โมนอินซูลินเพียงพอในร่างกาย เเต่เซลล์ก็ไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เผาผลาญได้อย่างเหมาะสม จนนำไปสู่การเกิดเบาหวานชนิดที่ 2 โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ มีสาเหตุมาจากฮอร์โมนเอชพีแอล (Human Placental Lactogen หรือ HPL) จากรก ที่จะหลั่งเพิ่มมากขึ้นตามอายุครรภ์ ออกฤทธิ์ต้านกับอินซูลิน จึงทำให้ร่างกายเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินขึ้น ส่งผลให้คุณเเม่บางรายมีระดับน้ำตาลเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมักจะพบเมื่ออายุครรภ์ 24-28 […]


โรคเบาหวาน

ยาแก้เบาหวาน มีอะไรบ้าง และข้อควรระวัง

โรคเบาหวาน เป็นภาวะเรื้อรังที่ในปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อให้ผู้ป่วยยังคงมีสุขภาพที่ดี อาการไม่ให้ทรุดลงและเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนในอนาคตได้ การควบคุมโรคเบาหวานนั้น สามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ร่วมกับการรักษาด้วย ยา แก้ เบาหวาน ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาตามะภาวะสุขภาพเเละความเหมาะสมของของผู้ป่วยเเต่ละราย [embed-health-tool-bmi] โรคเบาหวานเกิดจากอะไร โรคเบาหวาน คือ ภาวะที่มีระดับน้ำตาลในร่างกายสูงกว่าปกติ เกิดจากเซลล์ของตับอ่อน ชื่อ เซลล์เบต้า (Beta Cells) ที่ทำหน้าที่ในการผลิตฮอร์โมนอินซูลิน ถูกทำลาย ทั้งอาจมาจากระบบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเอง หรือ การเจ็บป่วย/การผ่าตัดที่กระทบกระเทือนกับตับอ่อน จึงส่งผลให้อินซูลินไม่เพียงพอในการจัดการสมดุลนำ้ตาลในเลือด เกิดเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 หรือหากเซลล์ในร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินผิดปกติไป ก็จะทำให้ไม่สามารถนำนำ้ตาลในเลือดมาเผาผลาญเป็นพลังงานได้อย่างเหมาะสม จึงทำให้ระดับน้ำตาลสูง นำไปสู่โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ตามมา ยาแก้เบาหวาน มีอะไรบ้าง ยา แก้ เบาหวาน หรือยารักษาโรคเบาหวาน คือยาที่มีคุณสมบัติในการลดระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยให้อยู่ในเกณฑ์ ซึ่งเป็นหลัก ๆ เป็น 2 กลุ่ม คือ ยาฉีดอินูลิน เเละ ยาลดระดับน้ำตาลในเลือดชนิดรับประทาน  อินซูลิน เป็นยาในรูปเเบบของยาฉีด โดยผู้ป่วยสามารถได้ด้วยตนเองที่บ้าน จะเป็นการฉีดเข้าชั้นไขมันใต้ผิวหนังที่ตำเเหน่งหน้าท้อง ต้นเเขน หรือ ต้นขา ยาฉีดอินซูลินที่ใช้ในปัจจุบันจะเป็นอินซูลินสังเคราะห์ที่ออกฤทธิ์เสมือนกับอินซูลินที่ร่างกายผลิตขึ้นเอง  […]


โรคเบาหวาน

ลดน้ำตาลในเลือด กินอะไร และการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันน้ำตาลในเลือดสูง

ผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีภาวะก่อนเป็นเบาหวาน หรือเป็นโรคเบาหวาน ควรดูเเลตนเองเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้ดี เพื่อป้องกันภาวะเเทรกซ้อนที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและนำไปสู่การเสียชีวิตได้ ดังนั้น จึงควรศึกษาว่า การ ลดน้ำตาลในเลือด ควรเลือก กินอะไร และควรดูแลตัวเองอย่างไร เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสมที่ช่วยลความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้  [embed-health-tool-bmi] การลดน้ำตาลในเลือดดีต่อสุขภาพอย่างไร การลดน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติไม่เกิน 99-140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร อาจช่วยลดความเสี่ยงเป็นภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ภาวะก่อนเบาหวาน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไต โรคอัลไซเมอร์ โรคปลายประสาทเสื่อม โรคต้อกระจก โรคต้อหิน โรคหรือภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงดังกล่าวนี้ ยังอาจกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและเพิ่มความเสี่ยงของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้  อย่างไรก็ตาม การลดน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ควรระวังมิให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำจนเกินไป โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นเบาหวาน ที่ได้รับการรักษาด้วยยาลดระดับน้ำตาลหรือยาฉีดอินซูลิน (สำหรับบุคลคลทั่วไปหากมีค่าน้ำตาลในเลือดน้อยต่ำกว่า 55 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือผู้ที่เป็นโรคเบาหวานแล้วมีค่าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร จะถือว่าอยู่ในภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ) หากมีอาการน้ำตาลต่ำเกิดขึ้น ควรรีบรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเพื่อเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด เช่น ลูกอม น้ำผลไม้ น้ำอัดลม เพราะหากปล่อยให้ไว้จนนำ้ตาลในเลือดลดต่ำลงมากอาจทำให้มีอาการอ่อนแรง ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ ชักและหมดสติได้ ลดน้ำตาลในเลือด กินอะไร สำหรับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อาจเน้นเลือกรับประทานอาหารดังต่อไปนี้ ผัก ผักที่ควรรับประทานเพื่อช่วยลดน้ำตาลในเลือด เช่น ผักคะน้า กะหล่ำปลี แตงกวา […]


โรคเบาหวาน

6 ตัวอย่างเมนู อาหาร เบาหวาน ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด

ตัวอย่างเมนู อาหาร เบาหวาน ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เพื่อช่วยควบคุมหรือลดน้ำตาลในเลือดอาจมีหลายเมนูด้วยกัน โดยแต่ละเมนูนั้นควรมีไขมันดี ไฟเบอร์สูง และน้ำตาลต่ำ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี เนื้อสัตว์ไร้ไขมัน ผลิตภัณฑ์จากนมที่มีน้ำตาลต่ำ อย่างไรก็ตาม  นอกจากการเลือกเมนูอาหารที่ควรรับประทานอย่างเหมาะสมแล้วควรปฏิบัติตามแผนการรักษาอื่น ๆ ด้วย เพื่อช่วยควบคุมอาการเบาหวานไม่ให้แย่ลง [embed-health-tool-bmi] ทำไมผู้ป่วยเบาหวานจึงควรควบคุมอาหาร การควบคุมอาหารในผู้ป่วยเบาหวานให้รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ แคลอรี่ต่ำ และไขมันดี เช่น ผักใบเขียว แครอท มะเขือม่วง ส้ม บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ อัลมอนด์ อะโวคาโด น้ำมันมะกอก ปลาแซลมอน ปลาทู อกไก่ และน้ำผลไม้คั้นสดไม่ปรุงแต่งรสชาติ อาจช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานมีอาการที่ดีขึ้น ควบคุมระดับน้ำตาลหรือลดน้ำตาลในเลือด และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนส่งผลอันตรายต่อสุขภาพ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง ไตวาย โรคปลายประสาทอักเสบ จอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก ต้อหิน ตาบอด โรคอัลไซเมอร์ และภาวะเลือดเป็นกรด จากการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Diabetes Investigation เมื่อปี พ.ศ.2559 […]


โรคเบาหวาน

GDMA1 คืออะไร เกี่ยวข้องกับหญิงตั้งครรภ์อย่างไร

GDMA1 คืออะไร? GDMA1 คือภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ชนิด A1 ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด และเมื่อตรวจเจอแล้ว คุณหมอจะแนะนำให้ดูแลตัวเองด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย เพื่อรักษาให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณเเม่อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เเละ ป้องกันการเกิดภาวะเเทรกซ้อนที่อาจส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพของคุณเเม่และทารกในครรภ์ [embed-health-tool-due-date] GDMA1 คืออะไร GDMA1 ย่อมาจาก Gestational Diabetes Mellitus A1 หมายถึง ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ชนิด A1 ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด หรือราว 90 เปอร์เซ็นต์ของภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ทั้งหมด นอกจาก A1 แล้ว เบาหวานขณะตั้งครรภ์ยังมีอีกชนิด คือ A2 โดยข้อแตกต่างระหว่าง 2 ชนิดนี้คือ หากคุณเเม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้เองโดยไม่ต้องใช้ยา จะนับเป็นชนิด A1 เเต่หากปรับพฤติกรรมสุขภาพเเล้วยังไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ จำเป็นต้องใช้ยารักษาร่วมด้วย จะนับเป็นชนิด  A2  ทั้งนี้ เบาหวานขณะตั้งครรภ์มักพบได้ในอัตรา 2-10 เปอร์เซ็นต์ ของคุณเเม่ที่ตั้งครรภ์ทั้งหมด และมักเป็นเพียงชั่วคราว กล่าวคือ ภาวะเบาหวานจะหายได้เองหลังคลอดบุตร เนื่องจากสาเหตุของภาวะนี้ คือ ฮอร์โมนฮิวแมน พลาเซนต้า แลกโตรเจน (Human Placental Lactogen หรือ HPL) […]

ad iconโฆษณา
คำถามที่พบบ่อย
ad iconโฆษณา

คุณกำลังเป็นเบาหวานอยู่ใช่หรือไม่?

คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เข้าร่วมชุมชนเบาหวานและแลกเปลี่ยนเรื่องราวและประสบการณ์ของคุณ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน