การคุมกำเนิด

การคุมกำเนิด มีจุดประสงค์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยเทคนิคและวิธีการต่าง ๆ รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบการคุณกำเนิดที่เป็นไปได้ โดยสิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้อยู่ ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

การคุมกำเนิด

ทำหมัน การคุมกำเนิดถาวร วิธีทำหมันหญิงและทำหมันชาย

การคุมกำเนิดเป็นการป้องกันตั้งครรภ์หรือการขัดขวางการตั้งครรภ์ คือ การวางแผนครอบครัววิธีหนึ่ง ช่วยในการกำหนดจำนวนบุตรที่ต้องการ วางแผนการเตรียมความพร้อมก่อนการมีลูก โดยการคุมกำเนิดทำได้หลายวิธี แต่หากต้องการให้การคุมกำเนิดนั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุด สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการมีบุตร การทำหมัน ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สามารถทำได้ทั้งการทำหมันหญิงและทำหมันชาย [embed-health-tool-ovulation] วิธีคุมกำเนิด การคุมกำเนิดมีอยู่หลายวิธี แต่ที่คุ้นเคยและใช้กันมาก ๆ คือ ถุงยางอนามัย มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดถึง 98% หากใช้อย่างถูกวิธี ซึ่งมีทั้งถุงยางอนามัยชายและถุงยางอนามัยหญิง การใช้ถุงยางอนามัยยังช่วยเรื่องการป้องกันโรคได้อีกด้วย ส่วนการคุมกำเนิดอื่น ๆ ได้แก่ คุมกำเนิดด้วยวิธีธรรมชาติ ใช้การตกไข่และการมีประจำเดือนมาช่วยในการกำหนดวันปลอดภัยที่จะมีเพศสัมพันธ์ โดยนับช่วงเวลา 7 วัน ก่อนประจำเดือนมาวันแรก และ 7 วัน หลังจากวันแรกที่ประจำเดือนมา แต่วิธีนี้อาจเกิดการคลาดเคลื่อนได้มากกว่าวิธีอื่น ๆ เพราะวันไข่ตกของผู้หญิงแต่ละคนจะไม่เท่ากัน  คุมกำเนิดใช้ฮอร์โมน เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ยาฉีดคุมกำเนิด ยาฝังคุมกำเนิด หรือการใช้ห่วงอนามัย คุมกำเนิดถาวร ทำหมันหญิงและทำหมันชาย ทำหมันหญิงและทำหมันชาย ทำได้อย่างไร การทำหมันเป็นวิธีคุมกำเนิดสำหรับครอบครัวที่ไม่ต้องการมีบุตรหรือมีบุตรเพียงพอแล้ว สามารถทำได้ทั้งการทำหมันหญิงและทำหมันชาย วิธีทำหมันชาย  การทำหมันชายง่ายกว่าการทำหมันหญิง สามารถทำได้ทั้งในคลินิก หน่วยรถพยาบาลเคลื่อนที่ ศูนย์บริการสาธารณสุข และโรงพยาบาล โดยมีวิธีการทำหมันชาย ดังนี้ แพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่ฉีดตรงบริเวณถุงอัณฑะเหมือนท่ออสุจิผ่าน  จากนั้นใช้มีดกรีดเป็นแผลเล็กน้อยประมาณ […]

สำรวจ การคุมกำเนิด

การคุมกำเนิด

ห่วงอนามัย ทำงานอย่างไร และเหมาะกับใครบ้าง

ห่วงอนามัย (Intrauterine Device หรือ IUD) เป็นอุปกรณ์สำหรับคุมกำเนิดที่ใส่เข้าไปในมดลูก ซึ่งระยะเวลาการใช้งานอาจมีระยะเวลายาวนานประมาณ 3-10 ปี ขึ้นอยู่กับห่วงอนามัยแต่ละชนิด แต่หากตัดสินใจที่จะตั้งครรภ์ก็สามารถเข้าพบคุณหมอเพื่อถอดห่วงอนามัยได้ทุกเมื่อ อย่างไรก็ตาม ห่วงอนามัยไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ ดังนั้น จึงไม่ควรมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน หรือควรใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ [embed-health-tool-due-date] ห่วงอนามัย ทำงานอย่างไร ห่วงอนามัยทำงานโดยกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพราะเมื่อใส่ห่วงอนามัยเข้าไปในช่องคลอด ระบบภูมิคุ้มกันจะเริ่มกระบวนการปกป้องตัวเองเปรียบเสมือนว่าห่วงอนามัยเป็นผู้รุกราน ทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบจึงซึ่งสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษต่ออสุจิ ทำให้อสุจิจึงไม่สามารถเข้าถึงท่อนำไข่เพื่อปฏิสนธิได้ จึงทำให้ไม่เกิดการตั้งครรภ์ ห่วงอนามัย มีกี่ประเภท ห่วงอนามัยอาจมีหลายชนิด ซึ่งชนิดที่พบบ่อยอาจมี ดังนี้ ห่วงอนามัยหุ้มทองแดง (Copper-Containing Intrauterine Device หรือ Intrauterine Coil) ทองแดงทำหน้าที่เป็นสารออกฤทธิ์ในการคุมกำเนิด ดังนั้น ห่วงอนามัยชนิดนี้อาจมีลักษณะเป็นเส้นลวดทองแดงพันรอบแกนห่วงอนามัย ซึ่งอาจช่วยสามารถคุมกำเนิดได้นาน 3-10 ปี ห่วงอนามัยที่มีฮอร์โมน (Hormonal Intrauterine Device หรือ Intrauterine System) มีฮอร์โมนเลโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) เป็นสารออกฤทธิ์ในการคุมกำเนิด ซึ่งเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่เลียนแบบฮอร์โมนโพรเจสเตอโรน (Progesterone) ทำหน้าที่เป็นสารออกฤทธิ์ในการคุมกำเนิด จึงอาจช่วยสามารถคุมกำเนิดได้นาน 3-6 ปี […]


การคุมกำเนิด

ใส่ถุงยาง อย่างไรให้ถูกต้อง และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง

การ ใส่ถุงยาง ให้ถูกต้องเป็นเรื่องที่ผู้ชายและผู้หญิงควรเรียนรู้เอาไว้ เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันโรคติดต่อเพศสัมพันธ์และป้องกันการตั้งครรภ์ นอกจากนี้ ยังควรทำความเข้าใจข้อควรระวังในการใช้ถุงยางและการปฏิบัติตัวเมื่อถุงยางแตกด้วย [embed-health-tool-due-date] วิธี ใส่ถุงยาง สำหรับผู้ชาย วิธีใส่ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชายที่ถูกต้องเพื่อการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ อาจทำได้ดังนี้ 1.เปิดและนำถุงยางอนามัยออกจากห่ออย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการฉีกขาด ไม่ใช้กรรไกรตัดและต้องระวังในกรณีที่เล็บยาว 2.วางถุงยางไว้บนหัวขององคชาตที่แข็งตัว 3.บีบบริเวณปลายถุงยางเพื่อไล่อากาศออกจากปลายถุงยางอนามัย 4.ค่อย ๆ เอามืออีกข้างคลี่ถุงยางอนามัยลงจนสุดอวัยวะเพศ 5.หลังมีเพศสัมพันธ์ ให้จับที่ฐานถุงยางอนามัย จากนั้นค่อย ๆ ดึงออกโดยที่มือยังจับโคนถุงยางอนามัยเอาไว้ และควรเอาอวัยวะเพศชายออกจากช่องคลอดก่อนที่จะถอดถุงยางอนามัย 6.ถอดถุงยางอนามัยออกอย่างระมัดระวัง ห่อทิชชู่และทิ้งลงถังขยะ วิธี ใส่ถุงยาง สำหรับผู้หญิง สำหรับการใส่ถุงยาอนามัยสำหรับหญิงให้ถูกต้องเพื่อการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ อาจทำได้ดังนี้ 1.เปิดและนำถุงยางอนามัยออกจากบรรจุภัณฑ์อย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการฉีกขาด ไม่ใช้กรรไกรตัดและต้องระวังในกรณีที่เล็บยาว 2.ถือถุงยางอนามัยในด้านที่ถูกต้อง โดยสังเกตได้ดังนี้ ด้านที่เป็นวงแหวนด้านในปลายปิดจะใช้สำหรับใส่ในช่องคลอดและยึดถุงยางอนามัยให้เข้าที่ ส่วนวงแหวนรอบนอกจะอยู่นอกร่างกายเพื่อปิดปากช่องคลอด 3.นั่งหรือนอนในท่าที่สบาย จากนั้นบีบวงแหวนปลายปิดให้มีขนาดเล็กลงเพื่อให้สอดเข้าช่องคลอดได้ง่ายขึ้น แล้วสอดเข้าไปในช่องคลอด คล้ายกับการใส่ผ้าอนามัยแบบสอด 4.ใช้นิ้วดันวงแหวนด้านในขึ้นจนชิดปากมดลูก ซึ่งถุงยางอนามัยจะขยายตัวตามธรรมชาติ 5.ตรวจสอบให้แน่ใจว่าถุงยางอนามัยไม่บิดงอ และวงแหวนรอบนอกควรอยู่นอกช่องคลอด 6.ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ควรตรวจสอบด้วยว่าสอดอวัยวะเพศชายเข้าไปในถุงยางถูกต้องหรือไม่ และหยุดมีเพศสัมพันธ์หากรู้สึกว่าองคชาตลื่นไถลระหว่างถุงยางอนามัยกับผนังช่องคลอด หรือหากวงแหวนรอบนอกถูกดันเข้าไปในช่องคลอด 7.ถอดถุงยางอนามัยด้วยการบิดวงแหวนรอบนอกเบา ๆ แล้วดึงออกจากช่องคลอด จากนั้นห่อด้วยทิชชู่แล้วทิ้งลงถังขยะ ข้อควรระวังในการใช้ถุงยาง เพื่อให้การป้องกันมีประสิทธิภาพ จึงอาจมีข้อควรระวังบางประการในการใช้ถุงยางอนามัย ดังนี้ ควรเปิดซองถุงยางอนามัยอย่างระมัดระวัง โดยไม่ควรฉีกซองถุงยางด้วยเล็บ ฟัน หรือของมีคม เพราะอาจทำให้ถุงยางขาดได้ และควรใส่ถุงยางให้ถูกต้องก่อนเริ่มเมื่อเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันถุงยางแตกหรือหลุด ควรใช้ถุงยางชิ้นใหม่ทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งใหม่ หากมีเพศสัมพันธ์นานกว่า 30 นาที ควรเปลี่ยนถุงยางอนามัยชิ้นใหม่ เพราะถุงยางอาจเสื่อมสภาพจากแรงเสียดสีในระหว่างใช้งาน ควรใช้ถุงยางอนามัยครั้งละ 1 ชิ้น ไม่ควรใส่ซ้อนกัน 2 […]


การคุมกำเนิด

กินยาคุมฉุกเฉินแล้วเลือดออก เกิดจากอะไร และผลข้างเคียงที่ควรรู้

ยาคุมฉุกเฉิน เป็นวิธีคุมกำเนิดในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือเกิดความผิดพลาดในการคุมกำเนิด ทั้งนี้ไม่ควรกินยาคุมฉุกเฉินติดต่อกันบ่อย ๆ เนื่องจากมีระดับฮอร์โมนสูงกว่ายาคุมกำเนิดทั่วไปจึงอาจทำให้ระดับฮอร์โมนแปรปรวน และเกิดผลข้างเคียง เช่น กินยาคุมฉุกเฉินแล้วเลือดออก ประจำเดือนมาไม่ปกติ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ ปวดท้อง เป็นตะคริว จึงควรใช้ในกรณีจำเป็นเท่านั้น และใช้วิธีคุมกำเนิดแบบอื่น เช่น สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูงกว่า ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย [embed-health-tool-ovulation] ยาคุมฉุกเฉิน คืออะไร ยาคุมฉุกเฉิน (Morning-after pill หรือ Emergency contraceptive pill) เป็นยาคุมกำเนิดแบบเม็ดที่ใช้ป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีฉุกเฉิน มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ 75-85% เมื่อกินยาคุมฉุกเฉินชนิดลีโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) ภายใน 72 ชั่วโมง ( 3 วัน) และเมื่อกินยาคุมฉุกเฉินชนิดยูริพริสทอล อะซิเตท (Ulipristal acetate) ภายใน 120 ชั่วโมง (5 วัน) หลังมีเพศสัมพันธ์ โดยวิธีการกินสามารถกินครั้งเดียวทั้ง 2 เม็ด หรือจากกินทีละเม็ดห่างกัน 12 ชั่วโมงก็ได้ […]


การคุมกำเนิด

ถุงยางอนามัย มีประโยชน์อย่างไร และควรเลือกอย่างไร

ถุงยางอนามัย สามารถป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ปัจจุบันจึงมีการรณรงค์ให้ทุกคนใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม ดังนั้น ทุกคนจึงควรทำความรู้จักถุงยางให้มากขึ้น รวมทั้งเรียนรู้ถึงวิธีเลือกและวิธีใช้ถุงยางอย่างถูกต้อง เพื่อการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ [embed-health-tool-due-date] ถุงยางอนามัยมีประโยชน์อย่างไร ถุงยางอนามัยเป็นวัสดุที่ทำจากยางพาราหรือโพลียูรีเทน (Polyurethane หรือ PU) ซึ่งมีความปลอดภัยต่อร่างกาย โดยถุงยางอนามัยจะทำหน้าที่เก็บน้ำอสุจิและป้องกันไม่ให้น้ำอสุจิเข้าไปในช่องคลอด จึงอาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ ถุงยางอนามัยยังสามารถครอบปิดอวัยวะเพศชายและป้องกันการสัมผัสโดยตรงกับช่องคลอดผู้หญิง จึงอาจป้องกันการแพร่เชื้อในขณะมีเพศสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี ประสิทธิภาพของถุงยางอนามัย การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยถุงยางอนามัยผู้ชายอาจป้องกันได้ประมาณ 98% และถุงยางอนามัยผู้หญิงอาจป้องกันประมาณ 95% รวมทั้งยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เชื้อเอชไอวี หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส เริมได้ถึง 100% หากใช้อย่างถูกต้องและถุงยางไม่แตก ถุงยางอนามัย ควรเลือกอย่างไร ควรเลือกถุงยางให้เหมาะกับสภาพผิวและขนาดของผู้ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้ถุงยางแตก และมีประสิทธิภาพในการใช้งาน ซึ่งถุงยางอนามัยมีการผลิตและจำหน่ายด้วยกัน 3 ประเภท ดังนี้ ถุงยางอนามัยจากลำไส้สัตว์ ซึ่งทำจากส่วนลำไส้ของแกะ ไม่สามารถยืดตัวได้ และไม่รัดยึดแน่นไปกับอวัยวะเพศ มีความกว้างประมาณ 62-80 มิลลิเมตร และความหนาประมาณ 0.15 มิลลิเมตร แต่ในปัจจุบันไม่ได้รับความนิยมแล้วจึงไม่มีขายโดยทั่วไป ถุงยางอนามัยจากยางธรรมชาติ มีความบางและยืดหยุ่นได้ดีกว่า แต่ขนาดความกว้างน้อยเมื่อสวมใส่จึงอาจรัดแน่นอวัยวะเพศได้มากกว่า แต่ถุงยางอนามัยประเภทนี้ห้ามใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นประเภทน้ำมันได้เพราะอาจจะทำให้ถุงยังเสื่อมใช้ได้แต่กับสารหล่อลื่นที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ถุงยางอนามัยจากพลาสติก (Polyurethane) มีความยืดหยุ่นและแข็งแรงคงทนกว่าถุงยางจากยางธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังอาจใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นที่ทำจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี […]


การคุมกำเนิด

ไซส์ถุงยาง สำหรับผู้ชายและผู้หญิง และวิธีการใส่ที่ถูกต้อง

ถุงยางอนามัยทำมาจากน้ำยางสังเคราะห์หรือโพลียูรีเทน (Polyurethane) ที่มีความยืดหยุ่น สามารถขยายได้ตามขนาดของอวัยวะเพศ อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาเกี่ยวกับวิธีการเลือก ไซส์ถุงยาง ที่เหมาะสม รวมถึงวิธีการใส่ถุงยางอย่างถูกต้อง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ [embed-health-tool-ovulation] ความสำคัญของการเลือกไซส์ถุงยางให้ถูกต้อง การเลือกไซส์ถุงยางอนามัยให้ถูกต้องเหมาะสมกับขนาดของอวัยวะเพศช่วยให้ถุงยางอนามัยมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเอดส์ โรคเริม โรคซิฟิลิส หนองในแท้ หนองในเทียม หูดหงอนไก่ อีกทั้งยังป้องกันการบีบรัดหรือหลวมเกินไป ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เจ็บอวัยวะเพศ ขัดขวางการมีเพศสัมพันธ์ อารมณ์ทางเพศลดลง ถุงยางแตกหรือถุงยางหลุดเข้าไปในช่องคลอด ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อและอาจนำไปสู่การตั้งครรภ์ได้ ไซส์ถุงยาง มีกี่ไซส์ ไซส์ถุงยางของผู้ชายและผู้หญิงอาจมีขนาดแตกต่างกัน ดังนี้ ไซส์ถุงยางผู้ชาย การเลือกไซส์ถุงยางผู้ชายให้เหมาะสมขึ้นอยู่กับขนาดของอวัยวะเพศในขณะที่แข็งตัว โดยควรวัดขนาดของอวัยวะเพศในขณะแข็งตัวด้วยการใช้สายวัดพันรอบอวัยวะเพศชายบริเวณที่มีความอวบมากที่สุด โดยพันให้พอดีไม่รัดแน่นจนเกินไป เมื่อได้ค่าเส้นรอบวงที่เป็นหน่วยมิลลิเมตรแล้ว ให้นำผลลัพธ์มาหาร 2.3 ยกตัวอย่าง ขนาดเส้นรอบวงอยู่ที่ 120 มิลลิเมตร ให้นำมาหาร 2.3 (120÷2.3) ก็จะได้ 52 เท่ากับขนาดของอวัยวะเพศชายจะอยู่ที่ 52 มิลลิเมตร หรือนำมาเทียบกับผลลัพธ์ดังต่อไปนี้ ความยาวเส้นรอบวง 111-115 มิลลิเมตร ควรเลือกถุงยางอนามัยไซส์ 49-50 มิลลิเมตร ความยาวเส้นรอบวง 116-120 มิลลิเมตร ควรเลือกถุงยางอนามัยไซส์ 50-53 มิลลิเมตร […]


การคุมกำเนิด

ฉีดยา คุมแบบ 1 เดือน ปล่อยในได้ไหม และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง

ผู้ที่ต้องการเลือกวิธีการคุมกำเนิดแบบฉีดอาจมีคำถามว่า ฉีดยา คุมแบบ 1 เดือน ปล่อยในได้ไหม และจะก่อให้เกิดการตั้งครรภ์หรือมีข้อควรระวังอะไรบ้าง ซึ่งโดยทั่วไปหากฉีดยาคุมกำเนิดเกิน 7 วัน สามารถมีเพศสัมพันธ์และปล่อยในได้โดยไม่ทำให้ตั้งครรภ์ แต่การปล่อยในก็ยังอาจมีความเสี่ยงในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเสี่ยงตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจได้ โดยเฉพาะหากเข้ารับการฉีดยาคุมรอบใหม่ไม่ตรงเวลา ดังนั้น ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งหากไม่ต้องการตั้งครรภ์ และเพื่อป้องกันการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ [embed-health-tool-vaccination-tool] ฉีดยาคุมกำเนิดอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ยาคุมกำเนิดแบบฉีดมีด้วยกัน 2 ประเภท ได้แก่ ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสตินอย่างเดียว (Progestin-only Injectable Contraceptives) ส่วนใหญ่ฉีดบริเวณชั้นกล้ามเนื้อ ทุก ๆ 12 สัปดาห์ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Injectable Contraceptives) ที่ประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินและฮอร์โมนเอสโตรเจน ระยะเวลาในการฉีดประมาณทุก ๆ 1 เดือน จนกว่าจะเลิกคุมกำเนิด การฉีดยาคุมกำเนิดอย่างถูกต้องและตรงเวลาตามที่คุณหมอกำหนด อาจมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดได้ถึง 99% โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดที่ดีมากขึ้น อาจมีดังนี้ หากยังไม่ได้ตั้งครรภ์ สามารถเริ่มฉีดยาคุมกำเนิดเมื่อไหร่ก็ได้ การคุมกำเนิดอย่างต่อเนื่องด้วยยาคุมกำเนิดแบบฉีด ควรเข้ารับการฉีดยาคุมกำเนิดภายใน 1 สัปดาห์หลังครบกำหนด เพื่อประสิทธิภาพการคุมกำเนิดที่ต่อเนื่อง การฉีดยาคุมกำเนิดหลังคลอด สามารถทำได้ทันทีโดยคุณหมออาจแนะนำให้ฉีดหลังคลอดประมาณ 6 สัปดาห์ แต่หากฉีดยาคุมกำเนิดหลังคลอดเกิน […]


การคุมกำเนิด

ทําหมันแล้วท้องได้ไหม และวิธีป้องกันการตั้งท้องหลังจากทำหมัน

การทำหมัน เป็นวิธีการคุมกำเนิดอย่างถาวรที่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการมีบุตร ซึ่งสามารถทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงด้วยการผ่าตัดอวัยวะภายในของระบบสืบพันธุ์ หากสงสัยว่า ทําหมันแล้วท้องได้ไหม อาจจำเป็นต้องศึกษาวิธีการดูแลตัวเองหลังจากทำหมันหรือขอคำแนะนำจากคุณหมอ เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์และมีบุตร  [embed-health-tool-ovulation] การทำหมัน คืออะไร การทำหมัน คือ วิธีการคุมกำนิดในแบบถาวรด้วยการผ่าตัดอวัยวะภายในระบบสืบพันธุ์ ที่สามารถทำได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย เพื่อช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ โดยไม่ให้อสุจิเดินทางเข้าไปผสมกับไข่และช่วยให้ไข่ไม่ตกมาบริเวณท่อนำไข่รอการผสมกับอสุจิที่ก่อให้เกิดการปฏิสนธิ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการมีบุตร หรือมีบุตรจนพึงพอใจแล้วไม่ต้องการมีเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม การทำหมันไม่ได้มีส่วนทำให้อารมณ์ทางเพศลดลง ยังมีการมาของประจำเดือนได้ตามปกติ จึงไม่จำเป็นต้องกังวลใจ ทําหมันแล้วท้องได้ไหม หลังจากการทำหมันสำหรับผู้หญิงที่คุณหมอจะผ่าตัดท่อนำไข่บางส่วนออกและเย็บปิดแผลหรือผูกท่อนำไข่ เพื่อไม่ให้ไข่เคลื่อนตัวออกไปผสมกับอสุจิ ที่อาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ อย่างไรก็ตาม การตั้งครรภ์หลังจากทำหมันยังอาจเกิดขึ้นได้แต่พบได้น้อยมาก ดังนั้น จึงควรดูแลตัวเองหลังการทำหมันอย่างถูกวิธีตามที่คุณหมอแนะนำ อย่างไรก็ตามการทำหมันถึงแม้จะทำอย่างถูกวิธีก็สามารถตั้งครรภ์ได้ โดยในการทำหมันหญิงโอกาสการตั้งครรภ์ 3 ราย ใน 1000 ราย เนื่องจากการมาต่อกันเองของท่อนำไข่หลังจากที่คุณหมอตัดออกไปแล้ว สำหรับการทำหมันผู้ชายจะมีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ 1. การใช้มีดผ่าตัดกรีดผิวหนังบริเวณอัณฑะไปยังท่อนำอสุจิและตัดส่วนปลายท่อออก 2.การทำหมันด้วยการใช้อุปกรณ์เจาะรูเล็ก ๆ บนผิวหนังอัณฑะไปยังท่อนำอสุจิก่อนจะใช้อุปกรณ์คีบท่อนำอสุจิเพื่อตัดออกและเย็บปิดผนึก เพื่อช่วยขวางไม่ให้อสุจิเดินทางมายังท่อนำอสุจิไปยังท่อปัสสาวะและปล่อยเข้าสู่ช่องคลอดของผู้หญิงขณะมีเพศสัมพันธ์ แต่การทำหมันของผู้ชายนั้นยังไม่สามารถคุมกำเนิดได้ในทันที เนื่องจากอสุจิอาจหลงเหลืออยู่บริเวณท่อนำอสุจิที่อาจเคลื่อนตัวออกไปร่วมกับน้ำหล่อลื่นและผสมกับไข่ของผู้หญิงขณะมีเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยงให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ ดังนั้น หลังจากการทำหมัน ควรเข้ารับการติดตามอาการหลังจากการผ่าตัด เพื่อเช็กว่าสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติหรือมีอสุจิหลงเหลืออยู่ในท่อนำอสุจิหรือไม่ เพื่อลดความกังวลและลดโอกาสกาารตั้งครรภ์ ส่วนในการทำหมันชายนั้น โอกาสตั้งครรภ์หลังทำหมันอยู่ที่1-2 รายต่อ 1000 รายซึ่งเกิดจากสาเหตุเดียวกันคือการกลับมาต่อของท่ออสุจิ (re-anastomosis) หลังจากคุณหมอตัดออกไปแล้ว วิธีป้องกันการตั้งท้องหลังจากทำหมัน วิธีป้องกันการตั้งท้องหลังจากทำหมัน มีดังนี้ […]


การคุมกำเนิด

กินยาคุมแล้วประจําเดือนไม่มา ผิดปกติหรือไม่

กินยาคุมแล้วประจําเดือนไม่มา อาจเกิดได้จากฮอร์โมนในยาคุมเข้าไปยับยั้งการตกไข่ จึงส่งผลให้ประจำเดือนไม่มาหรือมาช้ากว่ากำหนด ที่ส่งผลให้กังวลถึงความผิดปกติหรือการตั้งครรภ์ ดังนั้น จึงควรสังเกตอาการการตั้งครรภ์และการตรวจครรภ์ด้วยตัวเองร่วมด้วย หรืออาจเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยโดยตรง [embed-health-tool-ovulation] การทำงานของยาคุมกำเนิด ยาคุมกำเนิดแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. ยาคุมฉุกเฉินประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสโตเจน (Progestogen) เพียงชนิดเดียว โดยใน 1 แผง จะมี 2 เม็ด แต่ละเม็ดจะมีตัวยา 0.75 มิลลิกรัม ที่ควรรับประทานภายใน 72 ชั่วโมง หลังมีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกันและมีการหลั่งใน เหมาะสำหรับผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ถุงยางแตก ลืมรับประทานยาคุมแบบรายเดือนมากกว่า 3 เม็ด 2. ยาคุมแบบรายเดือนที่ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน โดยใน 1 แผงจะมี 21-28 เม็ด รับประทานวันที่ประจำเดือนมา วันละ 1 ครั้ง ตามลูกศรบนแผงในช่วงเวลาเดียวกันและหยุดยา 7 วัน ในแบบแผง 21 เม็ด ก่อนเริ่มแผงใหม่ เพื่อให้ประจำเดือนมา ซึ่งปกติแล้วประจำเดือนจะมาหลังจากหยุดยาประมาณ 1-3 วัน 3. […]


การคุมกำเนิด

ที่ตรวจครรภ์ ขึ้น 2 ขีด จางๆ แบบจุ่ม ตั้งครรภ์หรือไม่ และควรทำอย่างไร

หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันและมีการหลั่งใน หากพบว่าตัวเองมีอาการที่เป็นสัญญาณเตือนของการตั้งครรภ์ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัวบ่อย อารมณ์แปรปรวน ประจำเดือนขาดนานกว่า 1 เดือน เต้านมคัดตึงและขยายใหญ่ สามารถซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจได้ด้วยตัวเอง และหากผลลัพธ์ของ ที่ตรวจครรภ์ ขึ้น 2 ขีด จางๆ แบบจุ่ม อาจซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจอีกครั้งในวันถัดไป หรือพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจ ตรวจเลือดเพื่อหาค่าฮอร์โมน HGC ซึ่งจะสามารถบอกได้แม่นยำกว่า [embed-health-tool-ovulation] การตั้งครรภ์เกิดจากอะไร การตั้งครรภ์เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่โดยไม่มีการป้องกันและหลั่งใน โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ผู้หญิงตกไข่ ปกติแล้วผู้หญิงจะมีกระบวนการตกไข่ทุกรอบเดือนและปล่อยไข่ไปยังท่อนำไข่เพื่อรอการปฏิสนธิกับอสุจิ ดังนั้น เมื่อผู้ชายหลั่งอสุจิเข้าไปในช่องคลอดจึงอาจทำเข้าไปผสมกับไข่และเกิดการปฏิสนธิที่พัฒนาเป็นตัวอ่อนก่อนจะฝังตัวบนผนังมดลูกของผู้หญิงและนำไปสู่การตั้งครรภ์ ที่ตรวจครรภ์ ขึ้น 2 ขีด จางๆ แบบจุ่มตั้งครรภ์หรือไม่ เมื่อสังเกตว่าประจำเดือนขาดนานกว่า 1 เดือน หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันและมีการหลั่งใน ควรซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจด้วยตัวเอง โดยควรตรวจปัสสาวะแรกของวันหรือตรวจในช่วงเช้า เนื่องจากจะมีฮอร์โมนฮอร์โมนเอชซีจี (Human Chorionic Gonadotropin) ที่เป็นฮอร์โมนการตั้งครรภ์ อีกทั้งไม่ควรดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารก่อนตรวจเพื่อป้องกันผลลัพธ์คลาดเคลื่อน จากนั้นรอผลลัพธ์ 5 นาที หากที่ตรวจครรภ์ ขึ้น 2 ขีด จางๆ อาจมีความหมายว่าเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์หรือผลลัพธ์การตั้งครรภ์คลาดเคลื่อน ที่ควรตรวจใหม่ในวันถัดไป สิ่งที่ควรทำเมื่อที่ตรวจครรภ์ ขึ้น […]


การคุมกำเนิด

การตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้อย่างไร และวิธีป้องกันการตั้งครรภ์หากไม่พร้อมมีบุตร

หลายคนอาจสงสัยว่า การตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งที่หลั่งนอกหรือป้องกันด้วยการสวมถุงยางในระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์ ซึ่งการตั้งครรภ์นั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ หากยังไม่พร้อมมีบุตรจึงควรศึกษาการป้องกันการตั้งครรภ์ให้ถูกวิธีหรือขอคำปรึกษาจากคุณหมอเพื่อเลือกวิธีการคุมกำเนิดได้อย่างเหมาะสม [embed-health-tool-ovulation] การตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้อย่างไร การตั้งครรภ์จะเกิดขึ้นต่อเมื่อร่างกายของผู้หญิงผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เพื่อกระตุ้นการปล่อยไข่และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้นเพื่อเตรียมให้ตัวอ่อนฝังตัว ซึ่งกระบวนการตกไข่นี้จะเกิดขึ้นทุกรอบเดือน ประมาณ 28-35 วัน เดือนละ 1 ครั้ง โดยเริ่มนับวันแรกที่มีประจำเดือนมา และปล่อยไข่ไปยังท่อนำไข่เพื่อรอการปฏิสนธิกับอสุจิ  สำหรับผู้ชายภายในอัณฑะจะมีท่อเซมินิเฟอรัส (Seminiferous tubule) ที่มีหน้าที่สำคัญในการสร้างอสุจิ เมื่อผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ทำให้ไปถึงจุดสุดยอดจึงอาจเกิดการหลั่งอสุจิออกมาผ่านทางท่อนำส่งที่อยู่ภายในอวัยวะเพศหลังอัณฑะของแต่ละข้างเข้าสู่หลอดนำอสุจิไปยังท่อปัสสาวะและเข้าสู่ช่องคลอดเพื่อปฏิสนธิกับไข่ของผู้หญิง เมื่ออสุจิและไข่เกิดการปฏิสนธิขึ้นจึงเริ่มพัฒนากลายเป็นตัวอ่อนที่จะเข้าไปฝังตัวในโพรงมดลูกผู้หญิงภายใน 6-10 วันหลังจากปฏิสนธิและก่อให้เกิดการตั้งครรภ์ซึ่งอาจรู้ผลชัดเจนประมาณ 14 วัน หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันที่มีการหลั่งใน จะรู้ได้อย่างไรว่าตั้งครรภ์ หลังจากมีเพศสัมพันธ์แบบไม่สวมถุงยางอนามัยหรือมีการหลั่งใน หากสังเกตว่าประจำเดือนไม่มานานกว่า 1 เดือน เต้านมคัด เต้านมขยาย มีเลือดออกจากช่องคลอดเล็กน้อยที่เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อนในมดลูก เหนื่อยล้าง่าย อารมณ์แปรปรวนและรู้สึกแพ้ท้อง ควรตรวจครรภ์ด้วยที่ตรวจครรภ์ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปหรือเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจครรภ์โดยตรง  วิธีป้องกันการตั้งครรภ์หากไม่พร้อมมีบุตร วิธีป้องกันการตั้งครรภ์หากไม่พร้อมมีบุตร อาจทำได้ดังนี้ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ โดยใช้วิธีอื่นแทน เช่น การช่วยตัวเอง การใช้เซ็กส์ทอย หรือการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก เพื่อลดความเสี่ยงการหลั่งในช่องคลอดที่นำไปสู่การตั้งครรภ์ ถุงยางอนามัย เป็นวิธีคุมกำเนิดที่ใช้งานง่ายและสะดวก ที่มีในรูปแบบทั้งผู้ชายและผู้มีหญิงโดยควรเลือกขนาดให้เหมาะสมและศึกษาวิธีใช้ให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันถุงยางแตก ถุงยางรั่ว ถุงยางหลุดที่ทำให้อสุจิเข้าไปในช่องคลอดนำไปสู่การตั้งครรภ์ได้ ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน หรือมีเพียงฮอร์โมนโปรเจสตินอย่างเดียว ซึ่งมีทั้งรูปแบบ 21 […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน