เด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน

พัฒนาการของ เด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน (2-6 ปี) เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เด็กวัยนี้ต้องการการดูแลเอาใจใส่ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านโภชนาการ การฝึกฝนทักษะต่าง ๆ ทั้งทักษะการขับถ่าย ทักษะการสื่อสาร เป็นต้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

เด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน

จักรยานเด็ก เสริมสร้างพัฒนาการ และวิธีเลือกให้เหมาะกับวัย

การปั่นจักรยานสามารถปั่นได้ทุกวัย เพียงแต่ควรเลือกให้เหมาะสมกับช่วงวัยและสรีระร่างกาย สำหรับประโยชน์ของการปั่นจักรยานนอกจากช่วยให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีแล้ว ยังช่วยฝึกทักษะทางร่างกาย ซึ่งเด็กเล็ก ๆ ก็สามารถ ปั่นจักรยานเด็ก เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีได้ด้วย [embed-health-tool-vaccination-tool] จักรยานเด็ก เริ่มปั่นได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ จักรยานเด็กในช่วงวัย 2-4 ปี :   ช่วงวัย 2-4 ปี หรือวัยก่อนอนุบาล เด็กเล็กสามารถฝึกกล้ามเนื้อได้ด้วยจักรยาน 3 ล้อ ให้เด็กค่อย ๆ ฝึกทักษะการเคลื่อนไหวของร่างกาย ให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องการฝึกทรงตัว โดยจักรยาน 3 ล้อ จะมีล้อใหญ่ข้างหน้า 1 ล้อ ส่วน 2 ล้อหลังเป็นล้อขนาดเล็ก คอยพยุงตัวเด็กให้สามารถปั่นจักรยานได้ง่าย  จักรยานขาไถหรือจักรยานทรงตัว ช่วงวัย 2-5 ปี :  จักรยานขาไถ เป็นชื่อเรียกตามรูปทรงของจักรยาน เป็นจักรยานสำหรับเด็กที่เคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยการใช้ขาไถ จักรยานเด็กแบบนี้จะช่วยฝึกเรื่องการทรงตัว จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า จักรยานทรงตัว (Balance Bike) หน้าล้อของจักรยานจะกว้าง ช่วยลดแรงกระแทก  วิธีเลือกจักรยานเด็ก จักรยานเด็กควรเลือกให้เหมาะสมกับรูปร่างของเด็ก จึงควรให้เด็กมาทดลองนั่ง ลองปั่นดูว่ารู้สึกพอดีกับรูปร่างหรือไม่ ความยาวของขาเด็กควรพอดีกับขาถีบ ให้เด็กลุกขึ้นยืนบนพื้นคร่อมจักรยานไว้ จะสังเกตเห็นว่าอานอยู่พอดีกับเป้ากางเกงของเด็กหรือไม่ เมื่อใช้เท้าถีบจักรยานแล้วต้องงอเข่าพอดี […]

สำรวจ เด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน

การเติบโตและพัฒนาการ

พัฒนาการลูก ทั้ง 4 ด้าน มีอะไรบ้าง สำคัญอย่างไร

พัฒนาการลูก เป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ผู้ปกครองทุกคนควรเอาใจใส่เพราะส่งผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตที่เหมาะสมกับวัยเพื่อที่เด็ก ๆ จะสามารถช่วยเหลือตัวเองและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยเฉพาะ พัฒนาการลูก ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ พัฒนาการด้านร่างกาย พัฒนาการด้านความคิดและสติปัญญา พัฒนาการทางด้านสังคมและอารมณ์ และพัฒนาการด้านภาษาและการสื่อสาร [embed-health-tool-vaccination-tool] พัฒนาการลูก ทั้ง 4 ด้าน ที่คนในครอบครัวควรรู้ พัฒนาการลูกทั้ง 4 ด้าน อาจสามารถนำไปร่วมในการวางแผน เพื่อกระตุ้นพัฒนาการ หรือเสริมทักษะให้แก่ลูกรักได้ดียิ่งขึ้น ดังต่อไปนี้ 1. พัฒนาการด้านร่างกาย  เป็นพัฒนาการที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย การควบคุมกล้ามเนื้อ การทรงตัว รวมไปถึงระบบประสาทสัมผัส ขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เดิน วิ่ง คลาน หยิบจับสิ่งของ โดยเด็ก ๆ แต่ละคนย่อมมีร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปตามการเจริญเติบโตแต่ละช่วงวัย ควรได้รับการส่งเสริมและดูแลให้บริโภคอาหารที่ดีมีประโยชน์ รวมทั้งได้รับการสนับสนุนให้ทำกิจกรรมหรือเล่นอย่างเหมาะสมกับช่วงวัย 2. พัฒนาการทางด้านสติปัญญา ระบบความคิด สติปัญญา การเรียนรู้เพื่อประมวลผล ล้วนเป็นพัฒนาการที่มีปัจจัยเชื่อมโยงจากการเลี้ยงดู ฝึกอบรม และสภาพแวดล้อมรอบข้างเป็นหลัก เพราะเป็นแรงกระตุ้นให้เด็ก ๆ นั้นเกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มีความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้น พร้อมจดจำเอาไว้ในความทรงจำ หรืออาจนำไปประยุกต์ใช้ร่วมกับในชีวิตประจำวันจนส่งผลในเชิงบวก จวบจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีแต่หากเป็นสิ่งที่ผู้คนรอบข้างปลูกฝังในสิ่งที่นำพาเด็ก ๆ […]


เด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน

สร้างวินัยให้ เด็กวัยก่อนเข้าเรียน เพื่อพฤติกรรมที่ดีของลูกน้อย

เด็กวัยก่อนเข้าเรียน ส่วนมากมักอยู่ในช่วงอายุ 2-5 ปี โดยก่อนที่พวกเขาจะออกสู่สังคมเจอผู้คนแปลกใหม่ และห่างไกลจากคุณพ่อคุณแม่แล้ว ผู้ปกครองควรเตรียมตัวสร้างวินัยพื้นฐานให้ลูกรัก ได้เข้าใจถึงการใช้ชีวิตที่เด็ก ๆ อาจต้องไปเจอ ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน การแบ่งปันสิ่งของ อยู่ในระเบียบกฎโรงเรียน เป็นต้น วิธีง่าย ๆ ที่ผู้ปกครองสามารถเริ่มปรับวินัยของเด็ก ๆ ให้ลองนำไปฝึกพวกเขาวันละนิดมีอะไรบ้าง [embed-health-tool-child-growth-chart] พฤติกรรมส่วนใหญ่ของ เด็กวัยก่อนเข้าเรียน ส่วนใหญ่ในช่วงวัยก่อนเข้าเรียน มักมีพฤติกรรมที่จะแสดงให้ผู้ปกครองได้เห็นว่า พวกเขากำลังมีความต้องการอิสระมากขึ้น และค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นสิ่งแปลกใหม่ ถึงแม้จะมีความเชื่อกันว่าเด็ก ๆ มักจะสอนระเบียบวินัย และเชื่อฟังผู้ใหญ่ง่าย แต่ขณะเดียวกันก็อาจเป็นไปได้ค่อนข้างยากในเด็กบางคน เพราะพวกเขาชอบที่จะตัดสินใจทำตามความรู้สึกตนเองเสมอ ดังนั้นผู้ปกครองทุกคนจึงอาจจำเป็นต้องปล่อยให้เด็ก ๆ เผชิญกับปัญหาด้วยตนเอง โดยมีคุณคอยสังเกตการณ์ และตักเตือนเล็กน้อยอยู่ข้าง ๆ เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่ส่งผลให้เกิดอันตราย อีกทั้งในเด็กบางคนถึงจะมีความรักอิสระมากเพียงใด แต่ก็ยังมีความกังวลเล็กน้อยอยู่บ้าง เมื่อต้องเข้าไปเผชิญกับการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมากหน้าหลายตาที่ไม่ใช่ครอบครัวขณะอยู่โรงเรียน เช่น คุณครู และเพื่อน ๆ ช่วงวัยเดียวกัน ทางออกพื้นฐานที่ผู้ปกครองควรทำ คือการพูดคุยในสิ่งที่ลูกจะต้องไปพบเจอตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้พวกเขารู้ล่วงหน้า และอาจปรับตัวได้ไวขึ้นเมื่อถึงเวลาต้องเข้าไปชีวิตร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ วิธีสร้างวินัยให้ เด็กวัยก่อนเข้าเรียน การฝึกให้ลูกอยู่ในระเบียบวินัยเป็นการสอนให้พวกเขาได้รับรู้ว่าควรมีพฤติกรรมเช่นใดในการชีวิตแต่ละวัน เพื่อให้ถูกละเว้นจากการลงโทษ และเป็นที่รักของทุกคนมากกว่าการได้รับการกระทำเชิงลบจากบุคคลอื่น ๆ เมื่อเขาเติบโตขึ้น โดยเริ่มจากวิธีต่าง […]


เด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน

การออกกำลังกายสำหรับเด็ก ที่อาจช่วยพัฒนาความเคลื่อนไหวได้ดี

ไม่ว่าจะช่วงอายุใด การออกกำลังกาย ก็ย่อมเป็นกิจกรรมที่สำคัญเสมอที่ทุกคนควรหันมาขยับร่างกายบ้าง สัปดาห์ละ 1-2 วัน ก็ยังดี โดยเฉพาะเมื่อเริ่มฝึกตั้งแต่ในช่วงวัยเด็ก ที่นอกจากจะเป็นการส่งเสริมความแข็งแรงแล้ว ยังอาจทำให้เด็ก ๆ ค้นพบกีฬาที่ตนเองรัก และต่อยอดไปถึงอนาคตได้อีกด้วย [embed-health-tool-child-growth-chart] เด็ก ๆ ควรออกกำลังกาย มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากการเคลื่อนไหวของเด็กแต่ละช่วงวัยค่อนข้างแตกต่างกัน ทำให้บางกิจกรรมเด็กในบางคนก็ไม่สามารถทำได้เป็นระยะเวลานาน เพราะอาจเกิดความเสียหายต่อร่างกายขึ้น ตามคำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา ถึงระดับการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับเด็กนั้น จึงถูกแบ่งออกตามช่วงอายุ ดังต่อไปนี้ เด็กก่อนวัยเรียน อายุ 3-5 ปี ควรมีการเคลื่อนไหวร่างกายตลอดทั้งวัน แต่อาจอยู่ในระดับเบา เช่น เดินวิ่งไปมา ภายในสวน และหรือในบ้าน เพื่อเป็นการพัฒนาด้านการเคลื่อนไหวและการเจริญเติบโตได้ไวขึ้น เด็กวัยเรียนจนถึงวัยรุ่น อายุ 6-12 ปี ควรออกกำลังกายในระดับปานกลางอย่างน้อย 60 นาที 3 วันต่อสัปดาห์ หรืออาจเป็นการแอโรบิคเป็นประจำทุกวัน ประโยชน์ของ การออกกำลังกายสำหรับเด็ก หากลูกรักมีการขัยบร่างกาย หรือหมั่นออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ สามารถทำให้สุขภาพของลูกรักนั้นแข็งแรง ห่างไกลจากโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวานประเภทที่ 2 ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลในเลือดสูง เป็นต้น เสริมสร้างความแข้งแรงของกล้ามเนื้อ […]


การเติบโตและพัฒนาการ

พัฒนาการเด็กวัยก่อนเข้าเรียน กับเคล็ดลับการดูแล ที่พ่อแม่ควรทราบ

นอกจากอุปนิสัย และการใช้ชีวิตประจำวันของลูกรัก ที่คุณพ่อคุณแม่ทราบดีแล้ว การรู้จักสังเกตพัฒนาการของลูกก็ย่อมเป็นสิ่งสำคัญเช่นกันที่ผู้ปกครองทุกคนควรมีการจดบันทึกถึงการเจริญเติบโตเด็ก ๆ เอาไว้ร่วมด้วย โดยเฉพาะ พัฒนาการเด็กวัยก่อนเข้าเรียน เพื่อดูแลลูกน้อยให้สามารถเริ่มใช้ชีวิตอีกขั้นในสังคมแห่งการเรียนรู้ภายนอกได้อย่างเหมาะสม [embed-health-tool-vaccination-tool] การเปลี่ยนแปลง พัฒนาการเด็กวัยก่อนเข้าเรียน ในช่วงอายุของเด็กวัยก่อนเข้าเรียน (3-5 ปี) มักมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงหลายด้านตามการเจริญเติบโต ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการทางด้านสังคม พัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว ทักษะการเรียนรู้ พัฒนาการด้านภาษา และการสื่อสาร ที่คุณจะสังเกตได้ถึงพฤติกรรมของเด็ก ๆ ที่มีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น อยากรู้อยากเห็นสิ่งใหม่ ๆ มีการเคลื่อนไหวที่กระฉับกระเฉงเนื่องจากกระดูกเริ่มมีความแข็งแรง และยืดหยุ่น รวมไปถึงอยากเข้าสังคมมีปฏิสัมพันธ์ผูกมิตรกับเพื่อนใหม่เมื่อพบเจอ โดยพัฒนาการข้างต้นที่กล่าวมานั้น ยังขึ้นอยู่กับการดูแลของผู้ปกครอง และสภาวะแวดล้อมรอบข้างร่วมด้วยว่าอยากให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการไปในเชิงบวก หรือเชิงลบ เพราะบางคนอาจนำไปสู่การพัฒนาด้านพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น การคิดคำโกหก อารมณ์ฉุนเฉียว เป็นต้น เคล็ดลับการเลี้ยงดูเด็กวัยก่อนเข้าเรียน เพื่อให้ลูกรักที่อยู่ในช่วงวัยก่อนเข้าเรียนมีพัฒนาการที่ดีตามเกณฑ์อายุ คุณพ่อคุณแม่สามารถนำเคล็ดลับการดูแลเด็ก ๆ ง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ ไปใช้ร่วมกับเทคนิคการดูแลที่คุณใช้อยู่ด้วยได้ จัดตารางอาหารที่ต่อสุขภาพให้แก่ลูกรัก เพื่อให้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ให้เด็ก ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ โดยช่วงอายุเด็กวัยก่อนเข้าเรียนควรนอนหลับ 11-13 ชั่วโมงต่อวัน จำกัดเวลาให้เด็ก ๆ อยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ แท็ปเล็ต คอมพิวเตอร์ […]


โภชนาการเด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน

ลูกกินขนมมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้

ขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ ที่มักเห็นอยู่ตามท้องตลาดทั่วไป อาจเป็นสิ่งที่ดึงดูดลูก ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ลูกสามารถรับประทานได้ แต่ขนมเหล่านี้ก็อาจส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพได้เช่นกัน หากคุณพ่อคุณแม่ยังอยากให้ลูกมีสุขภาพแข็งแรง อาจต้องระวังไม่ให้ ลูกกินขนมมากเกินไป ขนมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ มีอะไรบ้าง ในปัจจุบัน ขนมหรืออาหารว่างอาจประกอบไปด้วยโซเดียม น้ำตาล คาเฟอีน และไขมันอิ่มตัวสูง ซึ่งเมื่อรับประทานเข้าไปอาจทำลายสุขภาพของลูกได้ เมื่อเกิดการสะสมเป็นอยู่ภายในร่างกายเป็นเวลานาน โดยไม่มีการเผาผลาญออก ซึ่งขนม อาหาร และเครื่องดื่มที่คุณพ่อคุณแม่ควรจำกัด หรือหลีกเลี่ยงให้ลูกรักรับประทานอาจมีดังนี้ อาหารฟาสฟู้ด เช่น พิซซ่า เฟรนช์ฟรายส์ ขนมที่อุดมไปด้วยน้ำตาล เช่น เค้ก โดนัท น้ำอัดลม น้ำผลไม้ปรุงแต่ง และโยเกิร์ตที่มีปริมาณน้ำตาลสูง โดยคุณพ่อคุณแม่อาจมีความกังวลใจ อาจอ่านได้จากฉลากข้อมูลโภชนาการบนผลิตภัณฑ์ เพื่อาจส่วนประกอบต่าง ๆ ในขนม นอกจากนี้ หากคุณพ่อคุณแม่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับขนมที่ลูกควรหลีกเลี่ยง อาจเข้าขอรับคำปรึกษาจากคุณหมอเพิ่มเติมได้ ลูกกินขนมมากเกินไป ส่งผลเสียอย่างไร หากจำกัดปริมาณขนม และอาหารว่างให้อยู่ในปริมาณที่พอดี ก็อาจทำให้ลูกมีความเสี่ยงในการสารบางอย่างที่ทำลายสุขภาพลดลง แต่กรณีที่คุณพ่อคุณแม่ยังมีการตามใจลูกและให้รับประทานขนมมากจนเกินไป อาจทำให้ลูกเกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น ท้องผูก เสพติดในอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ อารมณ์แปรปรวน ขาดความตื่นตัว พลังงานลดลง อาการซึมเศร้า การนอนหลับผิดปกติ สมาธิสั้น การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพอาจก่อให้เกิดโรคหอบหืด จมูกอักเสบ โรคเรื้อน นอกจากนี้ […]


ลูกวัยเตาะแตะและเด็กก่อนวัยเรียน

รถหัดเดิน ช่วยฝึกให้ลูกหัดเดินได้จริงหรือ

รถหัดเดิน เป็นอุปกรณ์ที่คุณพ่อคุณแม่เลือกใช้เพื่อต้องการฝึกให้ลูกน้อยสามารถเดินได้เร็วขึ้น ช่วยทุ่นแรงในการฝึกฝน ทั้งยังช่วยให้ลูกรู้สึกสนุกขณะที่ใช้รถหัดเดินอีกด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้ว การให้เด็กใช้รถหัดเดินอาจเป็นการขัดขวางพัฒนาการด้านการเดินของเด็ก เพราะกระบวนการเริ่มหัดเดินของเด็ก ควรจะเริ่มจากการคลานไปมา แล้วค่อย ๆ ดันตัวเองขึ้น การที่เด็กเริ่มรู้จักการพยุงตัวเองขึ้นยืนนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการฝึกทรงตัว [embed-health-tool-vaccination-tool] รถหัดเดิน คืออะไร รถสำหรับหัดเดิน หรือรถหัดเดิน (Baby Walkers) คือ อุปกรณ์สำหรับช่วยให้เด็กได้ ฝึกเดิน มีลักษณะเป็นโครงร่างวงกลมหรือสี่เหลี่ยมหรือแล้วแต่การออกแบบ มีช่องว่างสำหรับให้ขาของเด็กสามารถเหยียบแตะถึงพื้น และมีส่วนที่เป็นเบาะตรงหว่างขาไว้สำหรับรองรับตัวเด็ก และมีเบาะหลังสำหรับให้เด็กให้พิงหลัง โดยรถหัดเดินแต่ละรุ่นจะมีการเสริมคุณสมบัติพิเศษอย่างเสียงเพลง เกม ของเล่น หรืออุปกรณ์เสริมทักษะอื่น ๆ ที่แตกต่างกันไป ซึ่งคุณพ่อคุณแม่มักใช้อุปกรณ์นี้เพื่อหวังประโยชน์ในการช่วยฝึกการเดินของเด็กในวัยที่เริ่มเดิน รถหัดเดิน ช่วยฝึกให้ลูกน้อยหัดเดินได้จริงหรือ คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจเชื่อว่า การให้ลูกได้ใช้รถหัดเดินอาจช่วยให้เด็กได้ฝึกเดิน หรือช่วยให้เด็กเดินได้เร็วขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การให้เด็กใช้รถหัดเดินอาจเป็นการขัดขวางพัฒนาการด้านการเดินของเด็ก เพราะกระบวนการเริ่มหัดเดินของเด็ก ควรจะเริ่มจากการคลานไปมา แล้วค่อย ๆ ดันตัวเองขึ้น การที่เด็กเริ่มรู้จักการพยุงตัวเองขึ้นยืนนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการฝึกทรงตัว ซึ่งการทรงตัวถือเป็นจุดสำคัญในการฝึกเดิน แต่ถ้าเด็กใช้รถหัดเดิน เด็กอาจไม่ได้รับการฝึกให้รู้จักทรงตัวเลย เพราะโครงสร้างของรถหัดเดินจะคอยพยุงไม่ให้ล้ม ทำให้เวลาที่อยู่ในรถหัดเดิน เด็กจะไม่ได้เรียนรู้กระบวนการเดินอย่างที่ควรจะเป็น  อันตรายจากการใช้ รถหัดเดิน นอกจากการใช้รถหัดเดินจะไม่ได้ช่วยให้เด็กฝึกเดินได้เร็วขึ้นแล้ว ยังอาจเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อสุขภาพของเด็ก ดังนี้ หากบ้านมีบันได เด็กอาจไถรถหัดเดินไปใกล้กับบันได ซึ่งเสี่ยงต่อการตกบันได เนื่องจากรถหัดเดินสามารถที่จะเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ อาจเสี่ยงที่จะไปกระแทกเข้ากับของแข็งหรือของมีคม เด็กอาจเคลื่อนรถหัดเดินไปชนเข้ากับโต๊ะที่มีของร้อนอยู่ […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ฝึกให้ลูกเข้านอน คุณพ่อคุณแม่ต้องทำอย่างไรบ้าง

การ ฝึกให้ลูกเข้านอน ถือเป็นการฝึกให้ลูกนอนหลับอย่างเป็นเวลา ซึ่งการฝึกให้ลูกนอนเข้านอนนั้นอาจจะทำให้คุณพ่อคุณแม่เกิดอาการเหนื่อย เพราะกว่าจะพาพวกเขาเข้านอนได้ต้องใช้เวลาพอสมควร แม้ว่าลูกจะเป็นเด็กที่นอนหลับสบายตั้งแต่ยังเป็นทารก แต่เมื่อพวกเขาเข้าสู่วัยหัดเดิน การนอนหลับอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาจะนึกถึง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรทำอย่างไรเมื่อต้อง ฝึกให้ลูกน้อยเข้านอน [embed-health-tool-vaccination-tool] ฝึกให้ลูกเข้านอน สามารถทำได้ด้วยวิธีใดบ้าง การฝึกให้ลูกเข้านอน นั้นไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัวและสมบูรณ์แบบ เช่นเดียวกับการเลี้ยงดูในด้านอื่น ๆ ซึ่งไม่มีวิธีใดที่ใช้ได้ผลกับเด็กทุกคน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงต้องพยายามทดลองฝึกลูกน้อยเข้านอนด้วยวิธีต่าง ๆ จนกว่าจะพบวิธีที่เหมาะสมกับลูกน้อยและครอบครัว สำหรับวิธี ฝึกให้ลูกน้อยเข้านอน สามารถทำได้ดังนี้ วิธีที่ 1 : ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หากมีลูกน้อยวัยหัดเดินที่เคยชินกับการถูกจับหรือโยกตัวเพื่อเข้านอน คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องใช้วิธีการค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของพวกเขา ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการที่เหมาะที่สุดสำหรับเด็กทารก การเปลี่ยนแปลงจากการที่ลูกน้อยมักจะหลับในอ้อมแขน ไปเป็นการนอนหลับบนที่นอน อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ สำหรับวิธีค่อย ๆ เปลี่ยนพฤติกรรมนี้จะช่วยให้ลูกน้อยที่ติดกับการกอดค่อย ๆ มีการปรับตัว โดยสิ่งที่ต้องทำก็คือ การวางลูกน้อยเอาไว้ในเปลหรือเตียงในขณะที่พวกเขาตื่น แต่เริ่มมีความรู้สึกง่วง จากนั้นให้คุณเดินออกจากห้องแล้วปิดประตูทันที เมื่อลูกน้อยเริ่มร้องไห้งอแงต้องใจแข็งและอย่าเดินกลับเข้าไปในห้องทันที ให้รอประมาณ 5 นาทีหรือกลับเข้าไปในห้องเมื่อลูกน้อยร้องไห้ไม่ยอมหยุดเท่านั้น หากจำเป็นจะต้องกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง ให้ปลอบลูกน้อยด้วยการลูบหลังเบา ๆ จนกว่าพวกเขาจะสงบแล้ว แล้วจึงออกจากห้องไป หากลูกน้อยร้องไห้อีกครั้งให้ทำซ้ำแบบนี้อีกครั้ง และทำวิธีนี้ต่อไปจนกว่าเขาจะหลับไป โดยไม่อุ้มขึ้นมาปลอบให้หลับ ในกรณีหากลูกน้อยนอนอยู่บนเตียงแล้ว และจะเข้าไปในห้องเพื่อพาพวกเขาออกจากเตียง […]


การเติบโตและพัฒนาการ

เลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก อย่างไรให้ปลอดภัยกับลูกน้อย

การเลือกใช้บริการสถานรับเลี้ยงเด็กถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับคุณพ่อคุณแม่บางคนที่ไม่มีญาติ หรือเพื่อนบ้านคอยดูแลลูกของตน รวมถึงอาจจะไม่มีเวลาในการดูแลลูกด้วยตัวเองในบางช่วงเวลา การ เลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก สักแห่ง เพื่อให้รับผิดชอบในการดูแลลูกก็ควรจะต้องพิจารณาให้ดีเสียก่อน [embed-health-tool-vaccination-tool] การดูแลเด็กแบบไหน ที่เหมาะกับลูกน้อย การดูแลลูกน้อยถือเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจ เพราะการดูแลลูกน้อยในแบบที่เหมาะสมจะทำให้ลูกน้อยได้รับการดูแลอย่างดี โดยครอบครัวส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีการดูแลลูกน้อยแบบผสมผสาน เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งหมดของลูกน้อย การเตรียมการดูแลเด็กที่ดีที่สุดคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยและครอบครัว ซึ่งประเภทของการเตรียมการที่ครอบครัวส่วนใหญ่มักจะใช้ในการดูแลลูกน้อย ได้แก่ การดูแลโดยผู้ปกครองเท่านั้น การดูแลโดยญาติ การดูแลที่ไม่ใช่ญาติ โดยให้พี่เลี้ยง เพื่อน หรือเพื่อนบ้านเป็นผู้ดูแล อาจจะมาดูแลลูกน้อยที่บ้าน หรือดูแลที่สถานรับเลี้ยงเด็กก็ได้เช่นกัน การดูแลโดยสถานรับเลี้ยงเด็ก การดูแลเด็กเฉพาะทาง สำหรับเด็กที่มีความต้องการด้านสุขภาพเป็นพิเศษ วิธี เลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก ที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่มีญาติ เพื่อน รวมถึงเวลาในการดูแลลูกน้อยในบางช่วงเวลา การเลือกใช้บริการสถานรับเลี้ยงเด็กจึงถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากจะตัดสินใจเลือกสถานรับเลี้ยงเด็กสักแห่ง เพื่อให้รับผิดชอบในการดูแลลูก ก็ควรจะต้องพิจารณาให้ดีเสียก่อย โดยวิธีการเลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก สามารถพิจารณาได้จากสิ่งต่าง ๆ ดังนี้ สังเกตดูปฏิสัมพันธ์ที่เจ้าหน้าที่มีต่อเด็ก สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษในการเลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก ก็คือ ลองดูว่าเจ้าหน้าที่มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอย่างไร ตามหลักการแล้วผู้ดูแลควรอยู่บนพื้นเพื่อเล่นกับเด็ก ๆ หรืออุ้มเด็กไว้บนตัก เนื่องจากในช่วงปีแรก ๆ ทารกต้องการความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ความรัก และการโต้ตอบกับผู้ใหญ่ เพื่อที่จะเติบโต นั่นเป็นเหตุผลที่สำคัญอย่างยิ่งที่ผู้ดูแลคนแรกของลูกจะต้องเป็นคนที่อบอุ่นและมีการโต้ตอบกับเด็ก แม้จะเป็นการดูแลแบบกลุ่มทารกและเด็กโตก็ควรจะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่เท่าเทียมกัน นอกจากนี้ การดูแลแบบมีประสิทธิภาพยังส่งผลสำคัญต่อสุขภาพของลูกน้อยอีกด้วย ทำสัญญาในการดูแลเด็ก ทารกต้องการการดูแลที่สม่ำเสมอ การดูแลอย่างสม่ำเสมอนั้นจะช่วยสร้างความผูกพันกับผู้ดูแลของพวกเขา โดย Debra […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ฝึกลูกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่ ควรทำอย่างไร และควรเริ่มฝึกตอนไหน

ฝึกลูกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่ เป็นอีกหนึ่งกิจวัตรประจำวันที่ผู้ปกครองควรให้ความใส่ใจ เพื่อให้ลูกน้อยสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เมื่อเริ่มโตขึ้น นอกเหนือไปจากการกินข้าว การอาบน้ำ การแปรงฟันด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการที่ช้าเร็วแตกต่างกัน ผู้ปกครองควรค่อย ๆ ฝึกลูกน้อยเมื่อสังเกตเห็นว่าลูกพร้อม ไม่ควรเร่งรัดหรือบังคับลูกมากจนเกินไป [embed-health-tool-vaccination-tool] ควรเริ่ม ฝึกลูกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่ เมื่อไร การฝึกลูกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่ (Potty Training) ไม่มีอายุที่เหมาะสมในการเริ่มต้น แต่ควรเริ่มเมื่อเด็กแสดงสัญญาณว่าพร้อมแล้ว เพราะหากพยายามฝึกการเข้าห้องน้ำก่อนที่ลูกจะพร้อม อาจเป็นเรื่องที่ยากและก่อให้เกิดความลำบากใจทั้งต่อคุณพ่อคุณแม่และลูก เนื่องจากความสามารถในการควบคุมกล้ามเนื้อลำไส้และกระเพาะปัสสาวะมักมาพร้อมกับการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่แตกต่างกันไปในเด็กแต่ละคน ทั้งนี้ เด็กอายุน้อยกว่า 12 เดือน ยังไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของกระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ได้ ดังนั้น ผู้ปกครองส่วนใหญ่จึงมักฝึกลูกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่เมื่อลูกมีอายุช่วง 18-24 เดือน แต่ในบางรายอาจสามารถขับถ่ายแบบผู้ใหญ่เมื่ออายุ 36 เดือน ทั้งนี้ อายุเฉลี่ยของการ ฝึกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่ ของวัยเตาะแตะมักอยู่ในช่วงวัยประมาณ 27 เดือน วิธีฝึกลูกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่ การฝึกลูกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่นั้นมีด้วยกันหลายวิธี คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกทำตามคำแนะนำต่าง ๆ เหล่านี้ เช็คสัญญาณความพร้อม ก่อนฝึกลูกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่ คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมความพร้อมด้วยการตรวจสอบสัญญาณต่าง ๆ ที่บ่งบอกว่าลูกน้อยพร้อมช่วยเหลือตัวเองแล้ว ได้แก่ ลูกเริ่มแสดงความสนใจที่จะเข้าห้องน้ำ ลูกเริ่มบอกหรือส่งสัญญาณให้รู้เมื่อถึงเวลาที่ผ้าอ้อมเปื้อน ลูกกลั้นฉี่ได้หรืออาจสังเกตว่าผ้าอ้อมแห้งเป็นเวลานาน ลูกเริ่มแต่งตัวเองได้ โดยสามารถดึงกางเกงของตัวเองขึ้นลงได้ พูดคุยพร้อมยกตัวอย่าง พยายามพูดคุยกับลูกบ่อย ๆ เกี่ยวกับข้อดีของการขับถ่ายในห้องน้ำด้วยตัวเอง โดยอาจจะยกตัวอย่างเด็กคนอื่นๆ ที่ลูกน้อยรู้จัก หรืออาจหานิทานเกี่ยวกับการขับถ่ายด้วยตัวเองเพื่อเป็นตัวอย่างพร้อมดูภาพประกอบ ให้รางวัลหรือให้ลูกน้อยเลือกรางวัลด้วยตัวเอง […]


ลูกวัยเตาะแตะและเด็กก่อนวัยเรียน

วิธีการรับมือเมื่อ ลูกหกล้ม และวิธีการป้องกัน

ลูกหกล้ม เป็นอุบัติเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับเด็กวัยหัดเดินขึ้นไป ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกมีการบาดเจ็บที่ไม่ร้ายแรง ไปจนถึงการบาดเจ็บร้ายแรง เช่น กระทบกระเทือนที่ศีรษะ บาดแผลใหญ่ กระดูกหัก ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรเรียนรู้วิธีรับมือเมื่อลูกหกล้ม และคอยสังเกตสัญญาณความผิดปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกได้รับบาดเจ็บร้ายแรงจนเป็นอันตรายได้ [embed-health-tool-vaccination-tool] สาเหตที่ทำให้ลูกน้อยหกล้ม แน่นอนว่ามีสาเหตุหลายประการที่อาจทำให้ลูกน้อยหกล้ม แต่การหกล้มนั้นอาจจะแตกต่างกันออกไปโดยขึ้นอยู่กับอายุและสถานการณ์ สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ทารกแรกเกิดหกล้ม ได้แก่ ผู้ดูแลหลับขณะป้อนนม หรือโยกตัวทารกแล้วทารกหลุดออกจากอ้อมแขน ผู้ดูแลอุ้มทารกเดินสะดุดหรือหกล้ม และปล่อยให้ทารกหลุดมือ ล้มเพราะเปลี่ยนโต๊ะ ตกจากเตียง ในเด็กโตสาเหตุของการหกล้มที่พบบ่อยที่สุด คือ การตกบันไดเมื่อพวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้และอยู่ในช่วงที่กำลังชอบสำรวจสภาพแวดล้อม ล้มลงบนพื้น หรือกระแทกกับพื้นผิวที่แข็งหรือแหลม ในขณะที่พวกเรากำลังเรียนรู้ที่จะเดิน กลิ้ง และคลาน พวกเขาอาจตกจากที่สูงได้ หากพวกเขาสามารถปีนได้ สัญญาณเตือนก่อนลูกหกล้ม จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention หรือ CDC) ให้ข้อมูลว่า การหกล้มเป็นสาเหตุหลักของการบาดเจ็บที่ไม่ร้ายแรงในเด็กที่อายุต่ำกว่า 19 ปี โดยมีเด็กประมาณ 8,000 คนที่ได้รับการรักษาจากการหกล้มทุกวันในห้องฉุกเฉิน ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจังและประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ ในกรณีส่วนใหญ่หาก ลูกน้อยหกล้ม แล้วร้องไห้ทันที ไม่มีเลือดออก และอาจไม่แสดงอาการบาดเจ็บที่ชัดเจน เมื่อจับพวกเขาให้ยืนขึ้น ก็อาจจะปลอบใจลูกน้อย ซึ่งในกรณีการหกล้มที่ไม่รุนแรงดังกล่าว […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!


advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม