ใครที่อยากกินอาหารเช้าที่ให้พลังงานอย่างพอเหมาะ และดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยสารอาหารและไขมันดี แถมใช้เวลาทำไม่นาน เราขอแนะนำให้คุณลองทำสมูทตี้เนยถั่วกล้วยหอมดูสักครั้ง เพราะนอกจากรสชาติจะหวานมันกินง่ายแล้ว ยังใช้ส่วนผสมและเวลาทำน้อยมากด้วย คนที่ไม่ค่อยมีเวลาในช่วงเช้าก็สามารถทำได้ หรือใครอยากได้อาหารว่างแบบเฮลตี้ เมนูนี้ก็เหมาะสุด ๆ ว่าแต่ สูตรสมูทตี้เนยถั่วกล้วยหอม ที่เรานำมาฝากจะมีส่วนผสมและวิธีทำอย่างไรบ้าง เราไปดูกันเลย
สูตรสมูทตี้เนยถั่วกล้วยหอม
ส่วนผสมสำหรับ สมูทตี้เนยถั่วกล้วยหอม (สำหรับ 2 ที่)
2 ช้อนโต๊ะ | |
| 1 ถ้วย |
| 1 ผล |
| 2 ช้อนโต๊ะ |
| ¼ ช้อนชา |
วิธีทำ สมูทตี้เนยถั่วกล้วยหอม
- เทเมล็ดเจียใส่โถบด แล้วปั่นให้เป็นผงละเอียด (แนะนำว่าโถบดควรแห้งสนิท เมล็ดเจียจะได้ไม่ติดโถ)
- ใส่โยเกิร์ต กล้วยหอม เนยถั่ว กลิ่นวานิลลา และผงเมล็ดเจียลงในโถปั่น จากนั้นปั่นให้เนื้อละเอียดเข้ากัน
- เทสมูทตี้เนยถั่วกล้วยหอมลงในแก้ว ตกแต่งด้วยใบมินท์หรือใบสะระแหน่ ก่อนจัดเสิร์ฟ
สูตรสมูทตี้เนยถั่วกล้วยหอมที่เรานำมาฝากนี้ใช้ส่วนผสมแค่ไม่กี่อย่าง แถมขั้นตอนก็ง่ายแสนง่าย ใช้เวลาแค่ไม่นานคุณก็จะได้สมูทตี้เนยถั่วกล้วยหอม รสชาติหวานมันกลมกล่อมไว้เป็นอาหารเช้า หรืออาหารว่างที่ให้พลังงานแบบดีต่อสุขภาพ สำหรับใครที่อยากได้สมูทตี้แบบเย็นฉ่ำคลายร้อน ก็สามารถนำกล้วยหอมไปแช่เย็นสัก 10-15 นาทีก่อนนำมาปั่นได้ อากาศร้อน ๆ แบบนี้รับรองกินแล้วสดชื่นสุด ๆ
ใครที่มีปัญหาลำไส้แปรปรวน อาจปรับเป็นสูตรสมูทตี้เนยถั่วกล้วยหอมแบบ Low-FODMAP ซึ่งช่วยบรรเทาอาการลำไส้แปรปรวนได้ ด้วยการเปลี่ยนมาใช้โยเกิร์ตแบบแลคโตสฟรี (Lactose-free) หรือโยเกิร์ตปราศจากน้ำตาลแลคโตสแทน เช่น โยเกิร์ตนมอัลมอนด์ โยเกิร์ตนมถั่วเหลือง ซึ่งโยเกิร์ตทางเลือกเหล่านี้ นอกจากจะเหมาะกับคนที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวนแล้ว ยังเหมาะกับผู้ที่เป็นวีแกน ไม่กินผลิตภัณฑ์จากนมวัวด้วย
อัตราส่วนของส่วนผสมในการทำสมูทตี้เนยถั่วกล้วยหอมสูตรนี้สามารถจัดเสิร์ฟได้ 2 ที่ หรือเท่ากับ 2 หน่วยบริโภค โดยหนึ่งหน่วยบริโภคให้พลังงานประมาณ 250 กิโลแคลอรี่ หากคุณกินทีเดียวหมดก็อาจจะได้รับพลังงานหรือสารอาหารบางอย่างมากเกินไปได้ ฉะนั้น ใครที่กินคนเดียวก็ควรกินแค่ครึ่งเดียวพอ แล้วนำส่วนที่เหลือแช่เย็นเก็บไว้ จะอยู่ได้ประมาณ 2 วัน หรือใครจะหยอดใส่พิมพ์ทำน้ำแข็ง แล้วนำไปแช่ช่องฟรีซก็จะช่วยให้เก็บรักษาได้นานขึ้น
หากคุณอยากได้สมูทตี้เนยถั่วกล้วยหอมที่อร่อย รสชาติดี การเลือกวัตถุดิบก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ถ้าอย่างนั้น เราไปดูกันดีกว่าว่า เราควรเลือกซื้อผลไม้สดอย่างกล้วยหอมซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญของสมูทตี้กล้วยหอมสูตรนี้อย่างไร และควรเก็บรักษากล้วยหอมวิธีไหนถึงจะทำให้กล้วยคงคุณภาพได้นานที่สุด
เคล็ดลับในการเลือกซื้อและเก็บรักษากล้วยหอม
เทคนิคในการเลือกซื้อกล้วยหอม
- คุณต้องคำนึงด้วยว่าจะกินกล้วยหอมที่ซื้อมาเมื่อไหร่ และอยากกินกล้วยหอมที่สุกมากน้อยแค่ไหน หากคุณอยากกินกล้วยหอมที่สุกงอม แต่ไม่ได้ซื้อแล้วกินหรือนำมาทำเป็นสมูทตี้เนยถั่วกล้วยหอมทันที ก็ควรซื้อกล้วยหอมที่ยังเขียวอยู่ล่วงหน้าก่อนบริโภคสัก 2-3 วัน พอถึงเวลากล้วยหอมก็จะสุกงอมพอดี หรือหากคุณอยากกินกล้วยหอมที่สุกเหลืองแต่ไม่งอม ก็ควรซื้อกล้วยหอมที่ยังเขียวล่วงหน้าแค่ 1-2 วันก็พอ
- อย่าซื้อกล้วยหอมที่เปลือกดูหมอง ๆ หรือมีคราบสีเทา ๆ เพราะนั่นอาจหมายความว่ากล้วยหอมหวีนั้นถูกแช่เย็นจัด และจะไม่สุกตามระยะเวลาโดยธรรมชาติ ทำให้คุณคาดการณ์ไม่ถูกว่าต้องเก็บกล้วยหอมไว้กี่วันจึงจะได้ความสุกในระดับที่ต้องการ
- กล้วยหอมควรเนื้อแน่น เปลือกมีสีสดใสไม่หมองคล้ำ และไม่มีจุดหรือรอยด่างใด ๆ อาจมีจุดสีน้ำตาลได้บ้างประปราย แต่จุดที่ว่าก็ไม่ควรดูดำคล้ำฉ่ำน้ำ เพราะนั่นแปลว่า กล้วยมีรอยช้ำ
- ไม่เลือกกล้วยหอมที่ผลหลุดร่วงจากหวี เพราะบริเวณขั้วของกล้วยที่หลุดออกจากหวีอาจเป็นช่องทางทำให้กล้วยผลนั้นปนเปื้อนเชื้อโรคได้
วิธีเก็บรักษากล้วยหอมที่เหมาะสม
- เก็บกล้วยหอมที่อุณหภูมิห้องโดยให้ห่างจากแสงแดด
- อย่าเก็บกล้วยหอมที่ยังเขียวอยู่เอาไว้ในตู้เย็น เพราะจะทำให้กล้วยไม่สุกตามระยะเวลาโดยธรรมชาติ
- หากคุณอยากเร่งให้กล้วยสุกเร็วขึ้น ควรบ่มกล้วยไว้ในถุงกระดาษสีน้ำตาล หรือวางกล้วยไว้ใกล้ ๆ กับผลไม้สุก เพราะผลไม้ที่สุกแล้วจะปล่อยก๊าซเอทิลีน (Ethylene) ออกมาทำให้กล้วยสุกตามไปด้วย หรือหากคุณอยากให้กล้วยสุกช้าลง ก็ควรเก็บกล้วยให้ห่างจากผลไม้สุกอื่น ๆ
- อย่าเก็บกล้วยไว้ในถุงพลาสติก เพราะจะทำให้กล้วยชื้นเกินไปจนเน่าเร็วขึ้นได้
- หากไม่อยากให้กล้วยที่สุกจนงอมแล้วเน่าเร็ว ควรเก็บกล้วยไว้ในตู้เย็นโดยใส่ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด วิธีนี้จะช่วยให้คุณเก็บกล้วยสุกงอมได้นานขึ้นอีกเป็นอาทิตย์ แม้เปลือกกล้วยจะเริ่มดำแล้วก็ยังนำมาบริโภคได้ ไม่เน่าเสีย
[embed-health-tool-bmi]