พ่อแม่เลี้ยงลูก

ในทุกช่วงชีวิตของลูกน้อย เหล่าคุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องรู้วิธีดูแลและสนับสนุนสุขภาพโดยรวมของลูกน้อย เพื่อให้ความเป็นอยู่ของลูกน้อยดีขึ้น เพราะฉะนั้นใน พ่อแม่เลี้ยงลูก คุณจะได้พบกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงเคล็ดลับในการดูแลลูกให้แข็งแรง มีความสุข และสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์

เรื่องเด่นประจำหมวด

พ่อแม่เลี้ยงลูก

โปลิโอ เป็นแล้วรักษาไม่หาย แต่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน

โปลิโอ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไข้ไขสันหลังอักเสบ เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากไวรัสโปลิโอ (Poliovirus) ซึ่งเคยส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์ในอดีต โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก แม้ว่าในปัจจุบันโรคนี้จะลดลงอย่างมากเนื่องจากการพัฒนาวัคซีน แต่ความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคและการป้องกันยังคงมีความสำคัญ [embed-health-tool-vaccination-tool] โปลิโอ คืออะไร โรคโปลิโอเกิดจากเชื้อไวรัสในตระกูล Picornavirus โดยไวรัสนี้แบ่งเป็น 3 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ PV1, PV2 และ PV3 ซึ่งไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการบริโภคน้ำหรืออาหารที่ปนเปื้อน รวมถึงการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยตรง เมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย มันจะแพร่กระจายในลำไส้และระบบประสาทส่วนกลาง ทำลายเซลล์ประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรืออัมพาต การแพร่กระจายของโรค โรคโปลิโอแพร่กระจายได้ง่ายในพื้นที่ที่มีการสุขาภิบาลไม่ดี โดยเชื้อไวรัสจะถูกขับออกจากร่างกายผู้ติดเชื้อผ่านทางอุจจาระ แล้วปนเปื้อนในน้ำหรืออาหาร นอกจากนี้ การสัมผัสใกล้ชิด เช่น การสัมผัสมือหรือของใช้ส่วนตัวที่มีเชื้อไวรัสอยู่ ก็เป็นอีกเส้นทางที่โรคสามารถแพร่กระจายได้ กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงคือเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบถ้วน อาการของโรคโปลิโอ โรคโปลิโอมีลักษณะอาการหลากหลาย ตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงอัมพาตรุนแรง ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ (70-90%) ไม่มีอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อได้ อาการเบื้องต้น รวมถึงไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ และคลื่นไส้ อาการรุนแรง ได้แก่ อัมพาตของแขนขา หรือในบางกรณีเชื้อไวรัสอาจทำลายระบบประสาทที่ควบคุมการหายใจ ส่งผลให้เสียชีวิต สำหรับบางคนที่เคยติดเชื้อ อาจเกิดภาวะ กลุ่มอาการหลังโปลิโอ (Post-Polio Syndrome) ในระยะเวลาหลายปีหลังจากการติดเชื้อ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและปวดกล้ามเนื้อ การป้องกันด้วยวัคซีน ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคโปลิโอเฉพาะเจาะจง การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรับวัคซีน […]

หมวดหมู่ พ่อแม่เลี้ยงลูก เพิ่มเติม

สำรวจ พ่อแม่เลี้ยงลูก

เด็กวัยเรียน

ท้องในวัยเรียน ความเสี่ยงต่อสุขภาพและการรับมืออย่างเหมาะสม

การ ท้องในวัยเรียน อาจทำให้วัยรุ่นเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพของตัวเองและทารกในครรภ์ เนื่องจากมักไม่ได้รับการดูแลครรภ์อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ไม่ได้รับการสนับสนุนและการดูแลจากผู้ปกครองหลังจากทราบว่าวัยรุ่นตั้งท้อง หรือหากวัยรุ่นเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและไม่แจ้งให้ที่บ้านทราบ ก็อาจทำให้ไม่ได้ไปฝากครรภ์ที่สถานพยาบาล ฝากครรภ์ช้ากว่าที่ควร หรือฝากครรภ์แล้วไม่ยอมไปพบคุณหมอตามนัดหมาย จึงไม่ได้รับการตรวจสุขภาพและดูแลครรภ์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเสี่ยงขาดสารอาหารที่ควรได้รับขณะท้อง เช่น วิตามินคนท้อง กรดโฟลิก และอาจไม่ได้รับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม [embed-health-tool-due-date] ความเสี่ยงต่อสุขภาพเมื่อ ท้องในวัยเรียน โดยทั่วไป วัยรุ่นท้องที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปีหรือท้องแล้วไม่ได้ไปฝากครรภ์จะมีอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนขณะท้องและระหว่างคลอดสูงกว่าคนที่ท้องตอนอายุมากกว่าหรือเข้าฝากครรภ์ ความเสี่ยงสุขภาพของผู้ที่ ท้องในวัยเรียน อาจมีดังนี้ ภาวะโลหิตจาง จากการขาดธาตุเหล็กที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดง ส่งผลให้ร่างกายมีปริมาณน้ำเลือดมากกว่าปริมาณเม็ดเลือดแดง ทำให้มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ติดเชื้อได้ง่าย และอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารก ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ (Hypertension in Pregnancy) อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ที่เป็นอันตราย มักเกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ 20 ของการตั้งครรภ์ ทำให้มีความดันโลหิตสูง มีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ ชัก หมดสติ และทำให้แม่และทารกในครรภ์เสี่ยงเสียชีวิต เป็นภาวะที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากสูตินรีแพทย์ ภาวะตายคลอด (Stillbirth) ที่ทารกเสียชีวิตตั้งแต่อายุครรภ์ 28 สัปดาห์จนถึงช่วงหลังคลอด ภาวะศีรษะทารกไม่ได้สัดส่วนกับกระดูกเชิงกราน (Cephalopelvic Disproportion หรือ CPD) […]


สุขภาพเด็ก

นมสำหรับเด็กท้องเสีย ควรกินอะไร

คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็กอาจมีความกังวลว่า เมื่อเด็กท้องเสียจะมี นมสำหรับเด็กท้องเสีย อะไรบ้าง ที่ช่วยบรรเทาอาการและใช้สำหรับทดแทนนมชนิดเดิมเพื่อให้เด็กได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ ซึ่งโดยทั่วไปนมแม่คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก แต่หากไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การให้นมผงสูตรอื่น ๆ เช่น นมผงสูตรไฮโปอัลเลอร์เจนิก (Hypoallergenic) สูตรปราศจากแลคโตส สูตรถั่วเหลือง สูตรย่อยง่าย ก็อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในการบรรเทาอาการท้องเสียในเด็กได้ [embed-health-tool-child-growth-chart] เด็กท้องเสียเกิดจากอะไร เด็กท้องเสียอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ติดเชื้อไวรัส ติดเชื้อแบคทีเรีย ติดเชื้อปรสิต แพ้ยาปฏิชีวนะ ภาวะอาหารเป็นพิษ ซึ่งเป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุของอาการท้องเสียที่เกิดซ้ำได้ เช่น แพ้นมวัว อาจทำให้เด็กมีอุจจาระเหลว ลื่น และอาจมีเลือดปน ซึ่งจะเกิดขึ้นในเด็กที่อายุน้อย อาจน้อยกว่า 2 เดือน หากทำได้จึงควรหลีกเลี่ยงการให้เด็กกินนมผงสูตรนมวัวและดื่มนมแม่เพียงอย่างเดียวนานอย่างน้อย 4-6 เดือน แต่โดยรวมอาการท้องเสียไม่ใช่อาการที่พบบ่อยสำหรับภาวะนี้ ภาวะย่อยน้ำตาลแลคโตสไม่ได้ แลคโตส คือ น้ำตาลในนม ซึ่งเด็กบางคนร่างกายอาจไม่สามารถย่อยน้าตาลแลคโตสได้ปกติากขาดเอนไซม์ที่จำเป็น ส่งผลให้แบคทีเรียในลำไส้เปลี่ยนแลคโตสเป็นแก๊สจนทำให้มีแก๊สมาก อุจจาระเหลว และท้องอืด โดยจะเริ่มมีอาการในช่วงวัยเรียน (School-Age)และมักเป็นความผิดปกติที่สืบทอดทางพันธุกรรม เมื่อเด็กท้องเสียอาจทำให้มีอาการต่าง ๆ เช่น อุจจาระเหลว มีเลือดปน มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน อารมณ์แปรปรวน […]


เด็กทารก

ทารกตัวเหลือง อาการ สาเหตุและการรักษา

ทารกตัวเหลือง (Jaundice) มักพบในทารกที่คลอดก่อนกำหนด ทารกแรกเกิด และทารกที่กินนมแม่ ซึ่งเป็นภาวะที่ทารกมีระดับบิลิรูบิน (Bilirubin) ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากการแตกตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดมากเกินไป เนื่องจากร่างกายไม่สามารถขับบิลิรูบินออกได้หมด จึงส่งผลให้ทารกมีอาการตัวเหลือง [embed-health-tool-baby-poop-tool] คำจำกัดความ ทารกตัวเหลือง คืออะไร ทารกตัวเหลือง คือ ภาวะที่ตับของทารกยังพัฒนาไม่สมบูรณ์จนไม่สามารถขับสารบิลิรูบินในกระแสเลือดได้ ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากการแตกตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือด ทำให้มีบิลิรูบินในกระแสเลือดมากเกินไป ส่งผลให้ทารกมีอาการตัวเหลือง ซึ่งภาวะนี้มักพบในทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกแรกเกิดประมาณ 2-3 วันหลังคลอด และทารกที่กินนมแม่ไม่เพียงพอ อาการ อาการของทารกตัวเหลือง อาการที่แสดงว่าทารกมีภาวะตัวเหลืองมักสังเกตเห็นได้ประมาณวันที่ 2-4 หลังคลอด โดยทารกจะมีผิวหนังบริเวณต่าง ๆ เริ่มจากใบหน้า หน้าอก ท้อง และขา รวมทั้งตาขาวเป็นสีเหลือง นอกจากนี้ ทารกอาจมีอาการหหงุดหงิด ร้องไห้งอแง หรืออาจมีปัญหาในการกินอาหารร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม หากสังเกตว่าทารกเริ่มมีอาการป่วย ไม่กินอาหาร ง่วงนอนกว่าปกติ และอาการตัวเหลืองรุนแรงขึ้น ควรเข้าพบคุณหมอทันที สาเหตุ สาหตุของทารกตัวเหลือง สาเหตุหลักของอาการตัวเหลืองในทารก คือ ในกระแสเลือดมีสารบิลิรูบินมากกว่าปกติ เนื่องจากตับของทารกยังพัฒนาไม่สมบูรณ์จนไม่สามารถขับสารบิลิรูบินได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้สารบิลิรูบินสะสมในกระแสเลือดมากเกินไปและมีอาการตัวเหลืองเกิดขึ้น โดยเฉพาะร่างกายของทารกแรกเกิดประมาณ 2-3 วันแรก เนื่องจากร่างกายอาจผลิตสารบิลิรูบินมากกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งการผลิตสารบิลิรูบินที่มากอาจทำให้การสลายตัวของเม็ดเลือดมากตามไปด้วย นอกจากนี้ ยังอาจมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้ทารกตัวเหลืองได้ ดังนี้ เลือดออกภายใน โดยเฉพาะใต้เยื่อหุ้มกระโหลกซึ่งเกิดจากภาวะบีบรัดขณะคลอดผ่านทางช่องคลอด […]


เด็กทารก

Tongue Tie คือ อะไร อาการและการรักษา

ภาวะลิ้นติดในทารก หรือ Tongue Tie คือ ภาวะที่เกิดขึ้นตั้งแต่กำเนิด โดยภาวะนี้จะทำให้ทารกไม่สามารถเคลื่อนไหวลิ้นได้เต็มที่ เนื่องจากการยึดตัวของพังผืดใต้ลิ้นที่มากเกินไป ส่งผลให้ทารกดูดนมแม่ได้ไม่ดีเท่าที่ควร และมีแนวโน้มที่ทารกจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ น้ำหนักตัวน้อย ตัวเหลือง และอาจมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้ [embed-health-tool-baby-poop-tool] คำจำกัดความ Tongue Tie คืออะไร Tongue Tie คือ ภาวะลิ้นติดในทารก โดยลิ้นจะมีลักษณะสั้น หนา และพังผืดใต้ลิ้นอาจยึดบริเวณพื้นปากกับปลายลิ้นมากเกินไป ส่งผลให้ทารกไม่สามารถเคลื่อนไหวลิ้นได้เต็มที่ ซึ่งภาวะนี้อาจส่งผลต่อการดูดนมของทารก การกินอาหาร การพูด และการกลืนของเด็ก อาการ อาการ Tongue Tie อาการของภาวะลิ้นติดในทารก อาจมีดังนี้ ทารกจะขยับลิ้นขึ้นด้านบน หรือขยับลิ้นไปด้านข้างลำบาก ทารกอาจมีปัญหาในการแลบลิ้น เมื่อทารกแลบลิ้น ลิ้นอาจมีลักษณะหยักหรือคล้ายรูปหัวใจ อาการที่เกี่ยวข้องกับภาวะลิ้นติดในทารก ดังนี้ ทารกอาจเคี้ยวหัวนมมากกว่าดูดนม ทารกน้ำหนักไม่เพิ่มขึ้น ทารกอาจต้องใช้เวลากินนมนาน และต้องป้อนนมหลายครั้ง ทารกหิวง่าย และร้องไห้งอแงบ่อย อาจมีเสียงจากปากทารกขณะป้อนนม หากอาการลิ้นติดในทารกส่งผลกระทบต่อการดูดนม การกินอาหารหรือการออกเสียง ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อทำการรักษา สาเหตุ สาเหตุของ Tongue Tie ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของภาวะลิ้นติดในทารก อาจเป็นไปได้ว่าภาวะลิ้นติดในทารกเกิดขึ้นจากปัจจัยทางพันธุกรรมหรือจากปัญหาในขั้นตอนการสร้างหรือพัฒนาอวัยวะ ภาวะแทรกซ้อน ภาวะลิ้นติดในทารกอาจส่งผลต่อพัฒนาการของทารกในอนาคต เช่น ปัญหาการดูดนม ลิ้นเป็นส่วนประกอบสำคัญในการดูดนม ทารกที่มีภาวะลิ้นติดจะไม่สามารถใช้ลิ้นในการดูดนมได้สะดวกและทารกอาจเคี้ยวมากกว่าดูด ทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บปวดหัวนม นอกจากนี้ […]


สุขภาพเด็ก

ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็กๆ ปัญหาผิวหนังที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก

คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจมีความกังวลเมื่อ ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็กๆ ตามร่างกาย ซึ่งอาการผื่นเม็ดเล็ก ๆ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อไวรัส เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่เป็นอันตรายหรือไม่เป็นอันตรายก็ได้ ทั้งนี้ หากลูกมีอาการผื่นร่วมกับไข้ เจ็บปวด ไม่สบายตัว อ่อนแรง ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยอาการและทำการรักษา [embed-health-tool-child-growth-chart] ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็กๆ เกิดจากอะไรได้บ้าง ลูกเป็นผื่นเม็ดเล็กๆ เป็นปัญหาสภาพผิวที่พบได้บ่อยในทารกและเด็ก ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้ ผิวหนังอักเสบ ผื่นผ้าอ้อม พบไ้ด้บ่อยในทารก ซึ่งเกิดขึ้นจากความชื้นบริเวณผ้าอ้อมทำให้เกิดการระคายเคืองหรือการเจริญเติบโตของเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรีย ทำให้มีอาการผื่นเม็ดเล็ก ๆ คล้ายผด แสบและคัน ผื่นไขมัน ไขบนหัวทารก หรือต่อมไขมันอักเสบ (Cradle Cap) อาจเกิดจากหนังศีรษะของทารกผลิตน้ำมันมากเกินไป ทำให้ผิวหนังเป็นสะเก็ดสีเหลืองล้อมรอบด้วยผื่นแดงบนหนังศีรษะ ผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema) เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ สภาพอากาศ การติดเชื้อ ผิวแห้ง ทำให้มีอาการระคายเคือง ผิวแห้ง คัน และแดง โรคผื่นผิวหนังจากการสัมผัส (Contact Dermatitis) เกิดขึ้นเมื่อเด็กมีปฏิกิริยาต่อสารก่อภูมิแพ้หรือสารระคายเคืองผ่านการสัมผัส เช่น น้ำหอม สบู่ […]


สุขภาพเด็ก

ลูกท้องเสียให้กินอะไรดี เพื่อบรรเทาอาการ

อาการท้องเสียอาจมาพร้อมกับอาการขับถ่ายมาก ปวดท้อง ไม่สบายตัว และอ่อนแรง ซึ่งอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่เกิดความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของลูก และอาจมีข้อสงสัยว่า ลูกท้องเสียให้กินอะไรดี ให้อาการดีขึ้น โดยทั่วไปอาหารอาจเป็นปัจจัยที่จะช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้ลูกกินของเหลวมากขึ้นเพื่อช่วยทดแทนน้ำที่สูญเสียไปได้ พร้อมทั้งเสริมด้วยการกินอาหารอ่อนย่อยง่ายและรสจืด เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งวิธีนี้อาจช่วยเติมพลังงานและป้องกันภาวะขาดน้ำในเด็กได้ [embed-health-tool-child-growth-chart] ลูกท้องเสียให้กินอะไรดี คุณพ่อคุณแม่ที่มีคำถามว่าลูกท้องเสียให้กินอะไรดี เพื่อช่วยให้ลูกมีอาการที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม อาจต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเมื่อลูกท้องเสียร่างกายอาจมีภาวะขาดน้ำและสูญเสียสารอาหารจากการขับถ่ายอุจจาระมากเกินไป ดังนั้น จึงควรให้ลูกกินอาหารที่ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้ระบบย่อยอาหารไม่ทำงานหนัก และช่วยทดแทนน้ำที่สูญเสียไป ดังนี้ เด็กทารก หากเลี้ยงลูกด้วยนมแม่หรือนมผง ควรให้ลูกกินนมบ่อยขึ้นตามความเหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อลูกถ่ายแต่ละครั้ง ให้ครั้งละ 5-10 นาที จะช่วยทดแทนน้ำที่สูญเสียไปได้ สำหรับนมผงควรเลือกนมผงสูตรที่ไม่มีแลคโตสหรือแลคโตสต่ำ เนื่องจากแลคโตสเป็นน้ำตาลในนมที่ย่อยยากอาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักได้ โดยใช้ระยะสั้น เมื่อถ่ายดีแล้วให้กลับมากินนมสูตรปกติได้ หากลูกมีอาการท้องเสียรุนแรง สามารถให้เกลือแร่ละลายน้ำควบคู่ระหว่างกินนมไปด้วย เด็กเล็กหรือเด็กโตที่สามารถกินอาหารแข็งได้แล้ว ของเหลวเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับอาการท้องเสีย ไม่ควรบังคับให้ลูกกินอาหารแข็งในระหว่างที่ท้องเสีย แต่ควรให้ลูกกินของเหลวมากขึ้น เช่น น้ำเปล่า น้ำเกลือแร่ นมถั่วเหลือง สำหรับเด็กเล็กที่ยังต้องกินนมผงหรือนมแม่ควบคู่ไปกับอาหารแข็ง ควรให้เด็กกินนมต่อไปและให้เด็กกินนมบ่อยขึ้นทุก ๆ 4 ชั่วโมง ประมาณครั้งละ 5-10 นาที โดยสามารถกินควบคู่ไปกับอาหารแข็ง เช่น กล้วยบด ข้าวต้มบด มันบด […]


เด็กทารก

ทารกอุจจาระ มีมูก เกิดจากอะไร เป็นเรื่องปกติหรือไม่

ในบางครั้ง คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตเห็นว่า ทารกอุจจาระ มีมูก ลักษณะเหนียวใส และกังวลว่าเป็นเรื่องปกติหรือไม่ จริง ๆ แล้ว ทารกอุจจาระมีมูกมักเป็นภาวะที่พบได้ทั่วไปและไม่เป็นอันตราย พบได้ทั้งในทารกที่กินนมแม่และในทารกที่เปลี่ยนอาหารกะทันหัน เช่น เปลี่ยนจากนมแม่ไปเป็นอาหารแข็ง อย่างไรก็ตาม ทารกอุจจาระเป็นมูกในบางกรณีก็อาจเป็นสัญญาณของภาวะผิดปกติ เช่น การติดเชื้อ อาการท้องเสีย หากพบว่าทารกอุจจาระมีมูกมากกว่าปกติ ร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น อุจจาระมีเลือดปน ร้องไห้ ไม่ยอมนอน ควรไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างเหมาะสม [embed-health-tool-child-growth-chart] ทารกอุจจาระ มีมูก เกิดจากอะไร ทารกอุจจาระมีมูก ถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากมูกในอุจจาระของทารกช่วยเคลือบอุจจาระให้สามารถเคลื่อนตัวออกมาจากระบบขับถ่ายได้สะดวก พบได้บ่อยในทารกที่กินนมแม่ซึ่งอุจจาระจะมีมูกปนและเนื้อค่อนข้างเหลว และอาจพบมูกในอุจจาระทารกได้มากขึ้นในช่วงที่ทารกเปลี่ยนจากการกินนมแม่เพียงอย่างเดียวไปกินอาหารแข็ง (Solid food) เช่น ผักบด ผลไม้นึ่งหั่นเต๋า โจ๊กปลา นอกจากนี้ ทารกอุจจาระ มีมูกยังอาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้ได้ด้วย การติดเชื้อ เช่น ไวรัส แบคทีเรีย พยาธิ อาจทำให้ทารกอุจจาระ มีมูก ร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น ถ่ายเหลว ถ่ายเป็นน้ำ ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาตามคำแนะนำของคุณหมอหรือเภสัชกร อาการท้องเสีย อาจทำให้ทารกอุจจาระมีมูกปน […]


สุขภาพเด็ก

ยาแก้ท้องเสียเด็ก มีอะไรบ้าง และวิธีดูแลเมื่อเด็กท้องเสีย

การรักษาหลักสำหรับเด็กที่มีอาการท้องเสียมักเน้นรักษาภาวะขาดน้ำที่เกิดจากการถ่ายอุจจาระ ด้วยการดื่มสารน้ำและเกลือแร่ทดแทน อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ซื้อ ยาแก้ท้องเสียเด็ก มาใช้เองโดยเฉพาะในเด็กเล็กมาก ดังนั้น จึงควรพาเด็กเข้าพบคุณหมอหากมีอาการท้องเสียเกิดขึ้น เพื่อให้คุณหมอจ่ายยา [embed-health-tool-vaccination-tool] อาการท้องเสียในเด็ก เกิดจากอะไร อาการท้องเสียในเด็ก เกิดขึ้นเมื่อร่างกายต้องการกำจัดเชื้อโรคที่เป็นอันตรายออก ซึ่งอาจทำให้มีอาการปวดท้อง ท้องอืด ปวดท้องอุจจาระ มีไข้ อุจจาระเป็นเลือด ภาวะขาดน้ำ วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด อ่อนเพลีย ผิวแห้งและเย็น โดยอาการท้องเสียในเด็กเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้ การติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสหรือปรสิต เช่น โรต้าไวรัส (Rotavirus) ซาลโมเนลลา (Salmonella) ไกอาเดีย แลมเบลีย (Giardia Lamblia) ปัญหาระบบย่อยอาหาร เช่น แพ้อาหาร อาหารเป็นพิษ ปฏิกิริยาต่อยาบางชนิด เช่น ยาระบาย ยาปฏิชีวนะ โรคที่เกี่ยวกับลำไส้และระบบย่อยอาหาร เช่น โรคลำไส้อักเสบ โรคเซลิแอค (Celiac Disease) อาการลำไส้แปรปรวน การผ่าตัดกระเพาะอาหารหรือถุงน้ำดี ยาแก้ท้องเสียเด็ก มีอะไรบ้าง เด็กที่มีอาการท้องเสียส่วนใหญ่มักรักษาตามสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ โดยการรักษาอาการท้องเสียในเด็กจะเน้นการรักษาภาวะขาดน้ำที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายสูญเสียน้ำจากการถ่ายอุจจาระ พร้อมกับอาจให้จุลินทรีย์ที่ดี (Probiotics) เพื่อบำรุงลำไส้  […]


พ่อแม่เลี้ยงลูก

ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโต ของเด็กมีอะไรบ้าง

การเจริญเติบโต คือ ส่วนสูง น้ำหนัก และการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของเด็กที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดย ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโต ของเด็กสามารถส่งผลต่อการเจริญเติบโตที่เหมาะสมตามวัย ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรส่งเสริมปัจจัยต่าง ๆ เช่น โภชนาการ การออกกำลังกาย การนอนหลับ การดูแลสุขภาพของเด็ก เพื่อให้เด็กมีสุขภาพร่างกายที่ดีและการเจริญเติบโตที่สมวัย [embed-health-tool-child-growth-chart] ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโต ของเด็ก มีอะไรบ้าง ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กมีด้วยกันหลายปัจจัย โดยปัจจัยบางประการอาจเกี่ยวข้องตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ดังนี้ การตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์ครบกำหนดตามอายุครรภ์มีความเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเด็ก โดยเด็กที่คลอดก่อนกำหนดมักมีขนาดตัวเล็กและน้ำหนักตัวน้อยกว่าเด็กที่คลอดตามกำหนด เนื่องจากร่างกายอาจยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร ซึ่งสาเหตุนี้อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กในอนาคตได้ โภชนาการของแม่ตั้งแต่ตั้งครรภ์ พัฒนาการทางสมองและการเจริญเติบโตทางร่างกายของเด็กเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับโภชนาการของคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะสารอาหารที่คุณแม่กินจะส่งต่อไปยังทารกในครรภ์ หากคุณแม่มีโภชนาการด้านอาหารที่ไม่ดีก็จะส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ด้วย โภชนาการของเด็ก อาหารเป็นปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเด็ก ในขวบปีแรกเด็กควรได้กินนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ครบถ้วน เพื่อช่วยบำรุงร่างกายและส่งเสริมการเจริญเติบโต โดยส่วนใหญ่เด็กที่กินนมแม่จะมีการเจริญเติบโตที่เร็วกว่าเด็กที่กินนมผง นอกจากนี้ เมื่อเด็กเริ่มกินอาหารแข็งได้แล้วควรให้เด็กกินอาหารที่หลากหลายทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามินและแร่ธาตุ เพื่อช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตทางร่างกาย รวมทั้งพัฒนาการทางสมองและสติปัญญาที่เหมาะสมตามวัย เพศ ส่วนใหญ่เด็กแรกเกิดเพศหญิงจะมีขนาดตัว ความยาว และน้ำหนักที่น้อยกว่าเด็กแรกเกิดเพศชายเล็กน้อย แต่เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยหัดเดินเด็กผู้หญิงจะเริ่มมีการเจริญเติบโตที่เร็วขึ้น จนเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นผู้หญิงจะมีการเจริญเติบโตที่ช้าลง ในทางกลับกันวัยรุ่นผู้ชายจะเจริญเติบโตเร็วขึ้นแทน พันธุกรรม การเจริญเติบโตทางร่างกายทั้งน้ำหนัก ส่วนสูง หรือขนาดตัว อาจขึ้นอยู่กับพันธุกรรมที่สืบทอดมาจากคุณพ่อคุณแม่ นอกจากนี้ภาวะสุขภาพทางพันธุกรรม […]


โภชนาการสำหรับทารก

เมนู ลูก รัก วัย 9 -10 เดือน ควรเป็นอย่างไร

ลูกวัย 9-10 เดือน เป็นวัยที่สามารถรับประทานอาหารแข็งและเริ่มเรียนรู้การใช้มือในการรับประทานอาหารด้วยตัวเอง ดังนั้น เมนู ลูก รัก วัย 9 -10 เดือน จึงควรอุดมไปด้วยสารอาหารที่หลากหลายและครบถ้วนทั้งเนื้อสัตว์ คาร์โบไฮเดรต ผักและผลไม้ นอกจากนี้ ควรผ่านการปรุงสุก สับเป็นชิ้นพอหยาบ และไม่ผ่านการปรุงรส เพื่อให้รับประทานง่ายและไม่ส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหาร [embed-health-tool-bmi] โภชนาการลูกรักวัย 9 -10 เดือน ที่เหมาะสม ลูกรักวัย 9 -10 เดือน สามารถรับประทานอาหารแข็งได้ ½ ถ้วย ประมาณ 3-4 ครั้ง/วัน พร้อมกับอาหารว่างด้วย โดยอาจแบ่งได้ ดังนี้ อาหารที่อุดมด้วยโปรตีน 1/4-1/2 ถ้วย ผลิตภัณฑ์ธัญพืช 1/4-1/2 ถ้วย ผัก 1/2-3/4 ถ้วย ผลไม้ 1/2-3/4 ถ้วย และควรรับประทานนมแม่หรือนมผงหลังอาหาร 7-8 ออนซ์ ประมาณ 3-4 ครั้ง/วัน เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ โดยก่อนป้อนอาหารแข็งให้ลูกควรสับอาหารให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน