การคุมกำเนิด

การคุมกำเนิด มีจุดประสงค์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยเทคนิคและวิธีการต่าง ๆ รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบการคุณกำเนิดที่เป็นไปได้ โดยสิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้อยู่ ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

การคุมกำเนิด

กินยาคุมฉุกเฉินแล้วท้อง เกิดจากอะไร กินยาคุมฉุกเฉินยังไงให้ได้ผล

ผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดอย่างเร่งด่วนเนื่องจากมีเหตุจำเป็น เช่น ถุงยางหลุดหรือแตกขณะหลั่งน้ำอสุจิ ลืมกินยาคุมกำเนิด หลั่งในโดยไม่ตั้งใจ อาจสนใจกินยาคุมฉุกเฉิน และสงสัยว่า กินยาคุมฉุกเฉินแล้วท้อง เป็นไปได้หรือไม่ และมีสาเหตุมาจากอะไร โดยปกติแล้ว ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ 75-85% เมื่อรับประทานภายใน 72-150 ชั่วโมง (3-5 วัน) หลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หากกินยาคุมฉุกเฉินแล้วท้อง อาจเกิดจากกินยาช้าเกินไป ยาคุมฉุกเฉินมีปฏิกิริยากับยารักษาโรคอื่น ๆ มีการตกไข่เกิดขึ้นก่อนกินยา เป็นต้น ทางที่ดี ผู้ที่ไม่ประสงค์จะมีลูกควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคุมกำเนิด ทั้งยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย [embed-health-tool-bmi] กินยาคุมฉุกเฉินแล้วท้อง เกิดขึ้นได้หรือไม่ ยาคุมฉุกเฉิน เป็นยาเม็ดที่รับประทานเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน หรือคิดว่าการคุมกำเนิดที่ใช้ไม่ได้ผล โดยทั่วไป หากใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินภายในเวลาไม่ 72-150 ชั่วโมงหลังหลั่งในช่องคลอด ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เช่นเดียวกับการกินยาคุมกำเนิดตามปกติ ทั้งนี้ ยิ่งกินยาคุมฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธ์เร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งช่วยให้ยามีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์มากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีก็อาจ กินยาคุมฉุกเฉินแล้วท้อง ได้เช่นกัน เนื่องจากอาจกินยาคุมฉุกเฉินไม่ถูกวิธีหรือกินยาช้าเกินไปจนตัวยาไม่สามารถออกฤทธิ์ยับยั้งผสมกันของไข่และอสุจิได้ทันเวลา แต่การกินยาคุมฉุกเฉินแล้วท้องก็เป็นภาวะที่พบได้ไม่บ่อยนัก กินยาคุมฉุกเฉินแล้วท้อง เกิดจากอะไร การ กินยาคุมฉุกเฉินแล้วท้อง อาจเกิดได้จากสาเหตุต่อไปนี้ กินยาคุมฉุกเฉินช้าเกินไป (เกิน 72-150 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์) ทำให้ยาไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เกิดการตกไข่ก่อนกินยาคุมฉุกเฉิน ทำให้ยาไม่สามารถยับยั้งการตกไข่ได้ทัน […]

สำรวจ การคุมกำเนิด

การคุมกำเนิด

ไซส์ถุงยาง สำหรับผู้ชายและผู้หญิง และวิธีการใส่ที่ถูกต้อง

ถุงยางอนามัยทำมาจากน้ำยางสังเคราะห์หรือโพลียูรีเทน (Polyurethane) ที่มีความยืดหยุ่น สามารถขยายได้ตามขนาดของอวัยวะเพศ อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาเกี่ยวกับวิธีการเลือก ไซส์ถุงยาง ที่เหมาะสม รวมถึงวิธีการใส่ถุงยางอย่างถูกต้อง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ [embed-health-tool-ovulation] ความสำคัญของการเลือกไซส์ถุงยางให้ถูกต้อง การเลือกไซส์ถุงยางอนามัยให้ถูกต้องเหมาะสมกับขนาดของอวัยวะเพศช่วยให้ถุงยางอนามัยมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเอดส์ โรคเริม โรคซิฟิลิส หนองในแท้ หนองในเทียม หูดหงอนไก่ อีกทั้งยังป้องกันการบีบรัดหรือหลวมเกินไป ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เจ็บอวัยวะเพศ ขัดขวางการมีเพศสัมพันธ์ อารมณ์ทางเพศลดลง ถุงยางแตกหรือถุงยางหลุดเข้าไปในช่องคลอด ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อและอาจนำไปสู่การตั้งครรภ์ได้ ไซส์ถุงยาง มีกี่ไซส์ ไซส์ถุงยางของผู้ชายและผู้หญิงอาจมีขนาดแตกต่างกัน ดังนี้ ไซส์ถุงยางผู้ชาย การเลือกไซส์ถุงยางผู้ชายให้เหมาะสมขึ้นอยู่กับขนาดของอวัยวะเพศในขณะที่แข็งตัว โดยควรวัดขนาดของอวัยวะเพศในขณะแข็งตัวด้วยการใช้สายวัดพันรอบอวัยวะเพศชายบริเวณที่มีความอวบมากที่สุด โดยพันให้พอดีไม่รัดแน่นจนเกินไป เมื่อได้ค่าเส้นรอบวงที่เป็นหน่วยมิลลิเมตรแล้ว ให้นำผลลัพธ์มาหาร 2.3 ยกตัวอย่าง ขนาดเส้นรอบวงอยู่ที่ 120 มิลลิเมตร ให้นำมาหาร 2.3 (120÷2.3) ก็จะได้ 52 เท่ากับขนาดของอวัยวะเพศชายจะอยู่ที่ 52 มิลลิเมตร หรือนำมาเทียบกับผลลัพธ์ดังต่อไปนี้ ความยาวเส้นรอบวง 111-115 มิลลิเมตร ควรเลือกถุงยางอนามัยไซส์ 49-50 มิลลิเมตร ความยาวเส้นรอบวง 116-120 มิลลิเมตร ควรเลือกถุงยางอนามัยไซส์ 50-53 มิลลิเมตร […]


การคุมกำเนิด

ฉีดยา คุมแบบ 1 เดือน ปล่อยในได้ไหม และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง

ผู้ที่ต้องการเลือกวิธีการคุมกำเนิดแบบฉีดอาจมีคำถามว่า ฉีดยา คุมแบบ 1 เดือน ปล่อยในได้ไหม และจะก่อให้เกิดการตั้งครรภ์หรือมีข้อควรระวังอะไรบ้าง ซึ่งโดยทั่วไปหากฉีดยาคุมกำเนิดเกิน 7 วัน สามารถมีเพศสัมพันธ์และปล่อยในได้โดยไม่ทำให้ตั้งครรภ์ แต่การปล่อยในก็ยังอาจมีความเสี่ยงในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเสี่ยงตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจได้ โดยเฉพาะหากเข้ารับการฉีดยาคุมรอบใหม่ไม่ตรงเวลา ดังนั้น ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งหากไม่ต้องการตั้งครรภ์ และเพื่อป้องกันการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ [embed-health-tool-vaccination-tool] ฉีดยาคุมกำเนิดอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ยาคุมกำเนิดแบบฉีดมีด้วยกัน 2 ประเภท ได้แก่ ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสตินอย่างเดียว (Progestin-only Injectable Contraceptives) ส่วนใหญ่ฉีดบริเวณชั้นกล้ามเนื้อ ทุก ๆ 12 สัปดาห์ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Injectable Contraceptives) ที่ประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินและฮอร์โมนเอสโตรเจน ระยะเวลาในการฉีดประมาณทุก ๆ 1 เดือน จนกว่าจะเลิกคุมกำเนิด การฉีดยาคุมกำเนิดอย่างถูกต้องและตรงเวลาตามที่คุณหมอกำหนด อาจมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดได้ถึง 99% โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดที่ดีมากขึ้น อาจมีดังนี้ หากยังไม่ได้ตั้งครรภ์ สามารถเริ่มฉีดยาคุมกำเนิดเมื่อไหร่ก็ได้ การคุมกำเนิดอย่างต่อเนื่องด้วยยาคุมกำเนิดแบบฉีด ควรเข้ารับการฉีดยาคุมกำเนิดภายใน 1 สัปดาห์หลังครบกำหนด เพื่อประสิทธิภาพการคุมกำเนิดที่ต่อเนื่อง การฉีดยาคุมกำเนิดหลังคลอด สามารถทำได้ทันทีโดยคุณหมออาจแนะนำให้ฉีดหลังคลอดประมาณ 6 สัปดาห์ แต่หากฉีดยาคุมกำเนิดหลังคลอดเกิน […]


การคุมกำเนิด

ทําหมันแล้วท้องได้ไหม และวิธีป้องกันการตั้งท้องหลังจากทำหมัน

การทำหมัน เป็นวิธีการคุมกำเนิดอย่างถาวรที่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการมีบุตร ซึ่งสามารถทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงด้วยการผ่าตัดอวัยวะภายในของระบบสืบพันธุ์ หากสงสัยว่า ทําหมันแล้วท้องได้ไหม อาจจำเป็นต้องศึกษาวิธีการดูแลตัวเองหลังจากทำหมันหรือขอคำแนะนำจากคุณหมอ เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์และมีบุตร  [embed-health-tool-ovulation] การทำหมัน คืออะไร การทำหมัน คือ วิธีการคุมกำนิดในแบบถาวรด้วยการผ่าตัดอวัยวะภายในระบบสืบพันธุ์ ที่สามารถทำได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย เพื่อช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ โดยไม่ให้อสุจิเดินทางเข้าไปผสมกับไข่และช่วยให้ไข่ไม่ตกมาบริเวณท่อนำไข่รอการผสมกับอสุจิที่ก่อให้เกิดการปฏิสนธิ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการมีบุตร หรือมีบุตรจนพึงพอใจแล้วไม่ต้องการมีเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม การทำหมันไม่ได้มีส่วนทำให้อารมณ์ทางเพศลดลง ยังมีการมาของประจำเดือนได้ตามปกติ จึงไม่จำเป็นต้องกังวลใจ ทําหมันแล้วท้องได้ไหม หลังจากการทำหมันสำหรับผู้หญิงที่คุณหมอจะผ่าตัดท่อนำไข่บางส่วนออกและเย็บปิดแผลหรือผูกท่อนำไข่ เพื่อไม่ให้ไข่เคลื่อนตัวออกไปผสมกับอสุจิ ที่อาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ อย่างไรก็ตาม การตั้งครรภ์หลังจากทำหมันยังอาจเกิดขึ้นได้แต่พบได้น้อยมาก ดังนั้น จึงควรดูแลตัวเองหลังการทำหมันอย่างถูกวิธีตามที่คุณหมอแนะนำ อย่างไรก็ตามการทำหมันถึงแม้จะทำอย่างถูกวิธีก็สามารถตั้งครรภ์ได้ โดยในการทำหมันหญิงโอกาสการตั้งครรภ์ 3 ราย ใน 1000 ราย เนื่องจากการมาต่อกันเองของท่อนำไข่หลังจากที่คุณหมอตัดออกไปแล้ว สำหรับการทำหมันผู้ชายจะมีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ 1. การใช้มีดผ่าตัดกรีดผิวหนังบริเวณอัณฑะไปยังท่อนำอสุจิและตัดส่วนปลายท่อออก 2.การทำหมันด้วยการใช้อุปกรณ์เจาะรูเล็ก ๆ บนผิวหนังอัณฑะไปยังท่อนำอสุจิก่อนจะใช้อุปกรณ์คีบท่อนำอสุจิเพื่อตัดออกและเย็บปิดผนึก เพื่อช่วยขวางไม่ให้อสุจิเดินทางมายังท่อนำอสุจิไปยังท่อปัสสาวะและปล่อยเข้าสู่ช่องคลอดของผู้หญิงขณะมีเพศสัมพันธ์ แต่การทำหมันของผู้ชายนั้นยังไม่สามารถคุมกำเนิดได้ในทันที เนื่องจากอสุจิอาจหลงเหลืออยู่บริเวณท่อนำอสุจิที่อาจเคลื่อนตัวออกไปร่วมกับน้ำหล่อลื่นและผสมกับไข่ของผู้หญิงขณะมีเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยงให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ ดังนั้น หลังจากการทำหมัน ควรเข้ารับการติดตามอาการหลังจากการผ่าตัด เพื่อเช็กว่าสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติหรือมีอสุจิหลงเหลืออยู่ในท่อนำอสุจิหรือไม่ เพื่อลดความกังวลและลดโอกาสกาารตั้งครรภ์ ส่วนในการทำหมันชายนั้น โอกาสตั้งครรภ์หลังทำหมันอยู่ที่1-2 รายต่อ 1000 รายซึ่งเกิดจากสาเหตุเดียวกันคือการกลับมาต่อของท่ออสุจิ (re-anastomosis) หลังจากคุณหมอตัดออกไปแล้ว วิธีป้องกันการตั้งท้องหลังจากทำหมัน วิธีป้องกันการตั้งท้องหลังจากทำหมัน มีดังนี้ […]


การคุมกำเนิด

กินยาคุมแล้วประจําเดือนไม่มา ผิดปกติหรือไม่

กินยาคุมแล้วประจําเดือนไม่มา อาจเกิดได้จากฮอร์โมนในยาคุมเข้าไปยับยั้งการตกไข่ จึงส่งผลให้ประจำเดือนไม่มาหรือมาช้ากว่ากำหนด ที่ส่งผลให้กังวลถึงความผิดปกติหรือการตั้งครรภ์ ดังนั้น จึงควรสังเกตอาการการตั้งครรภ์และการตรวจครรภ์ด้วยตัวเองร่วมด้วย หรืออาจเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยโดยตรง [embed-health-tool-ovulation] การทำงานของยาคุมกำเนิด ยาคุมกำเนิดแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. ยาคุมฉุกเฉินประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสโตเจน (Progestogen) เพียงชนิดเดียว โดยใน 1 แผง จะมี 2 เม็ด แต่ละเม็ดจะมีตัวยา 0.75 มิลลิกรัม ที่ควรรับประทานภายใน 72 ชั่วโมง หลังมีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกันและมีการหลั่งใน เหมาะสำหรับผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ถุงยางแตก ลืมรับประทานยาคุมแบบรายเดือนมากกว่า 3 เม็ด 2. ยาคุมแบบรายเดือนที่ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน โดยใน 1 แผงจะมี 21-28 เม็ด รับประทานวันที่ประจำเดือนมา วันละ 1 ครั้ง ตามลูกศรบนแผงในช่วงเวลาเดียวกันและหยุดยา 7 วัน ในแบบแผง 21 เม็ด ก่อนเริ่มแผงใหม่ เพื่อให้ประจำเดือนมา ซึ่งปกติแล้วประจำเดือนจะมาหลังจากหยุดยาประมาณ 1-3 วัน 3. […]


การคุมกำเนิด

ที่ตรวจครรภ์ ขึ้น 2 ขีด จางๆ แบบจุ่ม ตั้งครรภ์หรือไม่ และควรทำอย่างไร

หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันและมีการหลั่งใน หากพบว่าตัวเองมีอาการที่เป็นสัญญาณเตือนของการตั้งครรภ์ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัวบ่อย อารมณ์แปรปรวน ประจำเดือนขาดนานกว่า 1 เดือน เต้านมคัดตึงและขยายใหญ่ สามารถซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจได้ด้วยตัวเอง และหากผลลัพธ์ของ ที่ตรวจครรภ์ ขึ้น 2 ขีด จางๆ แบบจุ่ม อาจซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจอีกครั้งในวันถัดไป หรือพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจ ตรวจเลือดเพื่อหาค่าฮอร์โมน HGC ซึ่งจะสามารถบอกได้แม่นยำกว่า [embed-health-tool-ovulation] การตั้งครรภ์เกิดจากอะไร การตั้งครรภ์เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่โดยไม่มีการป้องกันและหลั่งใน โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ผู้หญิงตกไข่ ปกติแล้วผู้หญิงจะมีกระบวนการตกไข่ทุกรอบเดือนและปล่อยไข่ไปยังท่อนำไข่เพื่อรอการปฏิสนธิกับอสุจิ ดังนั้น เมื่อผู้ชายหลั่งอสุจิเข้าไปในช่องคลอดจึงอาจทำเข้าไปผสมกับไข่และเกิดการปฏิสนธิที่พัฒนาเป็นตัวอ่อนก่อนจะฝังตัวบนผนังมดลูกของผู้หญิงและนำไปสู่การตั้งครรภ์ ที่ตรวจครรภ์ ขึ้น 2 ขีด จางๆ แบบจุ่มตั้งครรภ์หรือไม่ เมื่อสังเกตว่าประจำเดือนขาดนานกว่า 1 เดือน หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันและมีการหลั่งใน ควรซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจด้วยตัวเอง โดยควรตรวจปัสสาวะแรกของวันหรือตรวจในช่วงเช้า เนื่องจากจะมีฮอร์โมนฮอร์โมนเอชซีจี (Human Chorionic Gonadotropin) ที่เป็นฮอร์โมนการตั้งครรภ์ อีกทั้งไม่ควรดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารก่อนตรวจเพื่อป้องกันผลลัพธ์คลาดเคลื่อน จากนั้นรอผลลัพธ์ 5 นาที หากที่ตรวจครรภ์ ขึ้น 2 ขีด จางๆ อาจมีความหมายว่าเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์หรือผลลัพธ์การตั้งครรภ์คลาดเคลื่อน ที่ควรตรวจใหม่ในวันถัดไป สิ่งที่ควรทำเมื่อที่ตรวจครรภ์ ขึ้น […]


การคุมกำเนิด

การตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้อย่างไร และวิธีป้องกันการตั้งครรภ์หากไม่พร้อมมีบุตร

หลายคนอาจสงสัยว่า การตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งที่หลั่งนอกหรือป้องกันด้วยการสวมถุงยางในระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์ ซึ่งการตั้งครรภ์นั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ หากยังไม่พร้อมมีบุตรจึงควรศึกษาการป้องกันการตั้งครรภ์ให้ถูกวิธีหรือขอคำปรึกษาจากคุณหมอเพื่อเลือกวิธีการคุมกำเนิดได้อย่างเหมาะสม [embed-health-tool-ovulation] การตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้อย่างไร การตั้งครรภ์จะเกิดขึ้นต่อเมื่อร่างกายของผู้หญิงผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เพื่อกระตุ้นการปล่อยไข่และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้นเพื่อเตรียมให้ตัวอ่อนฝังตัว ซึ่งกระบวนการตกไข่นี้จะเกิดขึ้นทุกรอบเดือน ประมาณ 28-35 วัน เดือนละ 1 ครั้ง โดยเริ่มนับวันแรกที่มีประจำเดือนมา และปล่อยไข่ไปยังท่อนำไข่เพื่อรอการปฏิสนธิกับอสุจิ  สำหรับผู้ชายภายในอัณฑะจะมีท่อเซมินิเฟอรัส (Seminiferous tubule) ที่มีหน้าที่สำคัญในการสร้างอสุจิ เมื่อผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ทำให้ไปถึงจุดสุดยอดจึงอาจเกิดการหลั่งอสุจิออกมาผ่านทางท่อนำส่งที่อยู่ภายในอวัยวะเพศหลังอัณฑะของแต่ละข้างเข้าสู่หลอดนำอสุจิไปยังท่อปัสสาวะและเข้าสู่ช่องคลอดเพื่อปฏิสนธิกับไข่ของผู้หญิง เมื่ออสุจิและไข่เกิดการปฏิสนธิขึ้นจึงเริ่มพัฒนากลายเป็นตัวอ่อนที่จะเข้าไปฝังตัวในโพรงมดลูกผู้หญิงภายใน 6-10 วันหลังจากปฏิสนธิและก่อให้เกิดการตั้งครรภ์ซึ่งอาจรู้ผลชัดเจนประมาณ 14 วัน หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันที่มีการหลั่งใน จะรู้ได้อย่างไรว่าตั้งครรภ์ หลังจากมีเพศสัมพันธ์แบบไม่สวมถุงยางอนามัยหรือมีการหลั่งใน หากสังเกตว่าประจำเดือนไม่มานานกว่า 1 เดือน เต้านมคัด เต้านมขยาย มีเลือดออกจากช่องคลอดเล็กน้อยที่เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อนในมดลูก เหนื่อยล้าง่าย อารมณ์แปรปรวนและรู้สึกแพ้ท้อง ควรตรวจครรภ์ด้วยที่ตรวจครรภ์ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปหรือเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจครรภ์โดยตรง  วิธีป้องกันการตั้งครรภ์หากไม่พร้อมมีบุตร วิธีป้องกันการตั้งครรภ์หากไม่พร้อมมีบุตร อาจทำได้ดังนี้ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ โดยใช้วิธีอื่นแทน เช่น การช่วยตัวเอง การใช้เซ็กส์ทอย หรือการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก เพื่อลดความเสี่ยงการหลั่งในช่องคลอดที่นำไปสู่การตั้งครรภ์ ถุงยางอนามัย เป็นวิธีคุมกำเนิดที่ใช้งานง่ายและสะดวก ที่มีในรูปแบบทั้งผู้ชายและผู้มีหญิงโดยควรเลือกขนาดให้เหมาะสมและศึกษาวิธีใช้ให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันถุงยางแตก ถุงยางรั่ว ถุงยางหลุดที่ทำให้อสุจิเข้าไปในช่องคลอดนำไปสู่การตั้งครรภ์ได้ ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน หรือมีเพียงฮอร์โมนโปรเจสตินอย่างเดียว ซึ่งมีทั้งรูปแบบ 21 […]


การคุมกำเนิด

ไม่ใส่ถุงยางมีโอกาสท้องไหม และวิธีป้องกันตัวเองไม่ให้ท้อง

หลายคนอาจสงสัยว่า ไม่ใส่ถุงยางมีโอกาสท้องไหม อาจเป็นไปได้ว่าท้องและไม่ท้อง แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมมีบุตรหรือไม่พร้อมตั้งครรภ์ ควรคำถึงความปลอดภัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ด้วยการสวมถุงยางอนามัยและการใช้ยาคุมกำเนิดให้ถูกวิธี เพราะอาจช่วยลดความเสี่ยงการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ [embed-health-tool-ovulation] ไม่ใส่ถุงยางมีโอกาสท้องไหม การไม่ใส่ถุงยางเมื่อมีเพศสัมพันธ์อาจมีโอกาสเสี่ยงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะหลั่งในเข้าสู่ช่องคลอดเมื่อถึงจุดสุดยอด นอกจากนี้การหลั่งนอกก็ยังอาจทำให้มีโอกาสการตั้งครรภ์ เพราะอสุจิอาจเล็ดลอดออกมาพร้อมกับน้ำหล่อลื่นของผู้ชายและเข้าสู่ช่องคลอดของผู้หญิง ตั้งแต่ก่อนช่วงหลั่งจริงๆ เพราะฉะนั้นการหลั่งข้างนอกในทางปฏิบัติ ถึงมีโอกาสตั้งครรภ์สูงได้ถึง 20% และถึงแม้ว่าจะรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินหรือยาคุมรายเดือน หากรับประทานผิดวิธี เช่น ไม่รับประทานยาในช่วงเวลาที่กำหนด ลืมรับประทานยาคุม ลืมกินยาคุม 1-3 วัน ก็อาจเสี่ยงทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น การสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์จึงเป็นวิธีที่ช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์สำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมมีบุตรและไม่พร้อมตั้งครรภ์อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกที่สุด อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเริม โรคหูดหงอนไก่ โรคหนองในแท้ โรคหนองในเทียมได้อีกด้วย คำแนะนำในการคุมกำเนิด คำแนะนำในการคุมกำเนิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการตั้งครรภ์ อาจมีดังต่อไปนี้ การใช้ยาคุม เช่น ยาคุมกำเนิดแบบรับประทาน การฝังยาคุม การใส่ห่วงคุมกำเนิด การแปะแผ่นคุมกำเนิด ที่ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสตินที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเมือกบริเวณปากมดลูกให้หนาขึ้น ทำให้อสุจิเข้าไปผสมกับไข่ได้ยาก ควรรับประทานยาคุมให้ตรงเวลา สำหรับยาคุมในรูปแบบอื่น ๆ ควรถอดเปลี่ยนตามวันและเวลาที่คุณหมอกำหนด เพื่อให้การคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หลีกเลี่ยงการรับประทานยาคุมกำเนิดร่วมกับยาบางชนิด เช่น ยารักษาต้านไวรัสเอชไอวี ยารักษาโรคลมชัก ยาสมุนไพร เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดลดลง และควรแจ้งให้คุณหมอทราบหากรับประทานยารักษาโรคประจำตัว รวมถึงวิตามิน สมุนไพรต่าง ๆ เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานยาคุมอย่างถูกวิธี […]


การคุมกำเนิด

กินยาคุมผิดวัน ทำให้ตั้งท้องได้หรือไม่

กินยาคุมผิดวัน สามารถทำให้ท้องได้หรือไม่ อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย โดยทั่วไปยาคุมกำเนิดส่วนใหญ่มีปริมาณฮอร์โมนเท่ากันทุกเม็ด การกินยาคุมผิดวันจึงไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด แต่ในกรณีที่ลืมกินยาคุมควรใส่ถุงยางอนามัยร่วมด้วย เพื่อประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดที่ดี [embed-health-tool-ovulation] ยาคุมทำงานอย่างไร ยาคุม เป็นยาเม็ดที่ประกอบไปด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และฮอร์โปรเจสติน (Progestin) ที่มีคุณสมบัติยับยั้งฮอร์โมนปกติตามธรรมชาติของร่างกายเพื่อช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ โดยช่วยหยุดการตกไข่ ปรับให้มูกในปากมดลูกหนาขึ้น เพื่อให้อสุจิเข้าปากมดลูกไปผสมกับไข่ได้ยากขึ้น และยังเปลี่ยนแปลงลักษณะเยื่อบุโพรงมดลูกทำให้ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วไม่สามารถฝังตัวได้ กินยาคุมผิดวัน ทำให้ตั้งท้องได้หรือไม่ ยาเม็ดคุมกำเนิดในปัจจุบันมีทั้งแบบฮอร์โมนรวมและแบบฮอร์โมนเดี่ยว ซึ่งอยู่ในรูปแบบ 28 หรือ 21 เม็ด โดยส่วนใหญ่ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ด จะประกอบด้วยตัวยาที่ออกฤทธิ์ทั้งหมดในปริมาณที่เท่ากัน แต่ยาคุมแบบ 28 เม็ด จะประกอบด้วยตัวยาที่ออกฤทธิ์ 21 เม็ด และเม็ดแป้งอีก 7 เม็ด ซึ่งมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดได้เท่ากันหากกินยาอย่างถูกต้อง ส่วนบางคนอาจมีข้อสงสัยว่า กินยาคุมผิดวัน จะทำให้ท้องได้ไหม โดยปกติยาคุมทุกเม็ดจะมีปริมาณของฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสตินที่เท่ากัน ดังนั้น หากกินยาคุมผิดวันอาจไม่มีผลต่อการคุมกำเนิด แต่ยาคุมบางชนิดแต่ละเม็ดอาจมีปริมาณฮอร์โมนที่ไม่เท่ากัน ซึ่งจะมีสีกำกับที่แตกต่างกันอยู่ในแต่ละเม็ด หากกินยาคุมผิดวันส่วนใหญ่จะไม่มีผลต่อการคุมกำเนิด แต่อาจทำให้ประจำเดือนมากผิดปกติได้หรืออาจเสี่ยงตั้งครรภ์ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่กินยาคุมแบบ 28 เม็ด และกินยาคุมผิด โดยกินยา 7 เม็ดสุดท้ายในแผงที่เป็นเม็ดแป้งสลับกับการกินตัวยาที่ออกฤทธิ์ อาจเสี่ยงทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ กินยาคุมผิดวันควรทำอย่างไร สำหรับผู้ที่กินยาคุมผิดวันหรือลืมกินยาคุม อาจปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้ สังเกตสีของเม็ดยาคุม […]


การคุมกำเนิด

แตก นอก คุมกำเนิดได้จริงหรือไม่ เพราะอะไร

แตก นอก เป็นวิธีคุมกำเนิดตามธรรมชาติด้วยการดึงองคชาตออกจากช่องคลอดก่อนถึงจุดสุดยอด เพื่อป้องกันการหลั่งอสุจิเข้าไปในช่องคลอด โดยมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดราว 78-80 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ควรคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ร่วมกับการคุมกำเนิดวิธีอื่น เช่น รับประทานยาคุม นอกจากนี้ ควรใส่ถุงยางอนามัยเพื่อลดความเสี่ยงการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย [embed-health-tool-ovulation] แตกนอก คืออะไร แตกนอก (Pull-out Method) เป็นวิธีคุมกำเนิดแบบธรรมชาติ ด้วยการดึงองคชาตออกจากช่องคลอดก่อนถึงจุดสุดยอด เพื่อป้องกันอสุจิถูกส่งเข้าไปในช่องคลอด แล้วทำให้ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ การแตกนอก เป็นการคุมกำเนิดที่สะดวก ไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่มีผลข้างเคียงต่อสุขภาพ และไม่ต้องไปพบคุณหมอตามนัดเหมือนการใช้ห่วงคุมกำเนิด แต่ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดไม่สูงนัก แตกนอก คุมกำเนิดได้กี่เปอร์เซ็นต์ การแตกนอกป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 78-80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแม้จะเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูง แต่นับว่าต่ำกว่าการคุมกำเนิดด้วยการทำหมัน การสวมถุงยางอนามัย ใส่ห่วงคุมกำเนิด ฝังยาคุมกำเนิด หรือรับประทานยาคุมกำเนิด ที่ส่วนใหญ่แล้วมักป้องกันการคุมกำเนิดได้ประมาณ 98-99 เปอร์เซ็นต์ ปัจจัยที่ทำให้แตกนอกเสี่ยงตั้งครรภ์ การแตกนอกทำให้เสี่ยงตั้งครรภ์ได้เนื่องจากสาเหตุดังต่อไปนี้ นำองคชาตออกจากช่องคลอดช้าเกินไป ปกติแล้ว องคชาตจะปล่อยน้ำอสุจิออกมาก่อนที่จะถึงจุดสุดยอด ดังนั้น ผู้ชายบางรายซึ่งอาจไม่รู้จังหวะดีพออาจตัดสินใจนำองคชาตออกจากช่องคลอดช้าเกินไป และเป็นเหตุให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้ นอกจากนั้น ก่อนถึงจุดสุดยอดยังเป็นช่วงที่ผู้ชายมีความสุขทางเพศมาก จึงทำให้หลายคนไม่รีบที่จะนำองคชาตออกมา ทำให้เสี่ยงแตกในแทนการแตกนอก อสุจิเข้าไปในร่างกายฝ่ายหญิงก่อนนำองคชาตออก ก่อนถึงจุดสุดยอด องคชาตจะหลั่งของเหลวและน้ำอสุจิบางส่วนออกมาหรือเรียกว่าน้ำหล่อลื่น โดยน้ำหล่อลื่นมีตัวอสุจิอยู่เช่นเดียวกันและสามารถทำให้ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ได้ แม้ฝ่ายชายจะดึงองคชาตออกจากช่องคลอดก่อนถึงจุดสุดยอดก็ตาม อสุจิเข้าไปในช่องคลอดจากนอกช่องคลอด การแตก นอก […]


การคุมกำเนิด

ช่วยตัวเองบ่อย ๆ เป็นหมันไหม เพราะอะไร

ช่วยตัวเองบ่อย ๆ เป็นหมันไหม? ความจริงแล้ว การช่วยตัวเองไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง ต่างก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสามารถในการมีบุตร แต่อาจส่งผลให้อวัยวะเพศระคายเคืองหรือบาดเจ็บได้ อย่างไรก็ตาม การช่วยตัวเองมีข้อดี เช่น ช่วยลดความเครียด บรรเทาอาการปวดประจำเดือน ลดความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก [embed-health-tool-ovulation] ช่วยตัวเองบ่อย ๆ เป็นหมันไหม การช่วยตัวเองบ่อย ๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสามารถในการมีบุตรหรือทำให้เป็นหมัน ทั้งนี้ เกิดความเข้าใจผิดว่าผู้ชายที่ช่วยตัวเองบ่อย ๆ จะทำให้จำนวนอสุจิลดลง และส่งผลให้มีโอกาสต่ำที่จะมีบุตร ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะร่างกายของผู้ชายผลิตอสุจิใหม่อยู่เสมอ งานวิจัยชิ้นหนึ่ง เรื่องผลลัพธ์ของการหลั่งอสุจิบ่อย ๆ ต่อคุณภาพของน้ำอสุจิ ตีพิมพ์ในวารสาร Reproductive Biology Endocrinology ปี พ.ศ. 2558 นักวิจัยได้เก็บตัวอย่างน้ำอสุจิจากผู้ชายจำนวนหนึ่งทุก ๆ วัน เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ติดต่อกัน เพื่อตรวจดูความแตกต่างและคุณภาพของน้ำอสุจิ จากผลการทดลอง นักวิจัยพบว่า น้ำอสุจิที่เก็บในแต่ละวัน มีปริมาณที่ลดลงเรื่อย ๆ แต่มีระดับตัวชี้วัดคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นความเข้มข้นของน้ำอสุจิ การเคลื่อนไหวของตัวอสุจิ หรือลักษณะของตัวอสุจิ ที่ไม่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงอาจสรุปได้ว่า การหลั่งอสุจิทุกวัน อาจไม่ส่งผลต่อคุณภาพของตัวอสุจิ ขณะเดียวกัน ในกรณีของผู้หญิง การช่วยตัวเองไม่ส่งผลใด ๆ […]

โฆษณา
โฆษณา
โฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม