พ่อแม่เลี้ยงลูก

ในทุกช่วงชีวิตของลูกน้อย เหล่าคุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องรู้วิธีดูแลและสนับสนุนสุขภาพโดยรวมของลูกน้อย เพื่อให้ความเป็นอยู่ของลูกน้อยดีขึ้น เพราะฉะนั้นใน พ่อแม่เลี้ยงลูก คุณจะได้พบกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงเคล็ดลับในการดูแลลูกให้แข็งแรง มีความสุข และสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์

เรื่องเด่นประจำหมวด

พ่อแม่เลี้ยงลูก

สาเหตุอะไรที่ทำให้ วัยรุ่นสูบบุหรี่ พิษร้ายทำลายสุขภาพในระยะยาว

วัยรุ่นสูบบุหรี่ เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองไม่ควรละเลย เพราะบุหรี่เป็นสิ่งอันตรายที่สามารถส่งผลเสียระยะยาวต่อร่างกายของวัยรุ่นได้ ในปัจจุบัน มีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่สูบบุหรี่และมีแนวโน้มว่าจำนวนของวัยรุ่นที่สูบบุหรี่จะเพิ่มสูงขึ้นด้วย สาเหตุหนึ่งเพราะเรื่องนี้ถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติ หรือบางก็คนใช้เป็นเครื่องมือระบายความเครียด เพื่อจัดการกับปัญหาวัยรุ่นสูบหรี่ บทความนี้อาจช่วยให้คุณเข้าใจสาเหตุ และอันตรายของบุหรี่มากขึ้น เราไปหาคำตอบเรื่องนี้กันเลย สาเหตุที่ทำให้ วัยรุ่นสูบบุหรี่ สาเหตุที่ทำให้วัยรุ่นสูบบุหรี่มีด้วยกันหลายสาเหตุทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก มาดูกันว่ามีอะไรกันบ้าง สภาพแวดล้อมทางสังคมและทางกายภาพ การโฆษณาจากสื่อโทรทัศน์อาจทำให้วัยรุ่นหนุ่มสาวรู้สึกอยากลองสูบบุหรี่ แนวโน้มการสูบบุหรี่จะเพิ่มขึ้น หากพวกเขาเห็นเพื่อนในวัยเดียวกันสูบบุหรี่ หากคนในครอบครัวสูบบุหรี่ ก็มีแนวโน้มว่าบุตรหลานอาจรู้สึกอยากลองสูบบุหรี่ตามไปด้วย ปัจจัยทางชีวภาพและพันธุกรรม วัยรุ่นบางคนอาจมีความรู้สึกไวต่อสารนิโคติน จึงทำให้รู้สึกอยากนิโคตินได้เร็วกว่าผู้ใหญ่ ปัจจัยทางพันธุกรรมบางอย่างอาจทำให้การเลิกบุหรี่ในวัยรุ่นยากขึ้น คุณแม่ตั้งครรภ์สูบบุหรี่อาจส่งผลต่อลูก และอาจส่งผลให้เด็กสูบบุหรี่เป็นประจำในอนาคต สุขภาพจิต ปัญหาสุขภาพจิตในวัยรุ่น เช่น ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และความเครียด อาจทำให้วัยรุ่นต้องการสูบบุหรี่ ความรู้สึกส่วนตัว วัยรุ่นบางคนเริ่มสูบบุหรี่เพราะต้องการระบายความเครียดที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่าบุหรี่เป็นเพียงทางออกเดียวในการกำจัดความเครียด อิทธิพลอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อวันรุ่น ความเครียดจากเศรษฐกิจตกต่ำ หรือรายได้ลดลง ไม่รู้ว่าจะเลิกบุหรี่อย่างไร ครอบครัวไม่สนับสนุนหรือมีส่วนร่วมในการเลิกบุหรี่ วัยรุ่นยังสามารถเข้าถึงการซื้อบุหรี่ได้ อาจมีพฤติกรรมเกเร ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง มองว่าตัวเองต่ำต้อย เห็นจากโฆษณาผลิตภัณฑ์บุหรี่ในร้านค้า โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต ภาพยนตร์ นิตยสาร หรือหนังสือพิมพ์ วัยรุ่นสูบบุหรี่ ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ในบุหรี่มีสารเคมีหลายชนิดที่เป็นสารพิษและส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น นิโคติน ไซยาไนด์ ผู้ที่เริ่มสูบบุหรี่ครั้งแรกมักมีอาการเจ็บหรือแสบร้อนในลำคอและปอด บางคนถึงกับอาเจียนได้ และเมื่อสูบบุหรี่เป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา […]

หมวดหมู่ พ่อแม่เลี้ยงลูก เพิ่มเติม

สำรวจ พ่อแม่เลี้ยงลูก

เลี้ยงลูกด้วยนมแม่

ดื่มแอลกอฮอล์ขณะให้นมลูก อาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างไรบ้าง

ดื่มแอลกอฮอล์ขณะให้นมลูก แม้จะมีปริมาณแอลกอฮอล์ปริมาณต่ำที่ส่งผ่านลูกน้อย แต่คุณแม่ควรต้องระมัดระวังหรือพยายามหลีกเลี่ยง เพราะการรับประทานอาหารมีมีประโยชน์ต่อร่างกายจะทำให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน การดื่มแอลกอฮอล์ขณะให้นมลูก อาจส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพของคุณแม่และหากเกิดอาการมึนเมาจนควบคุมสติไม่อยู่ย่อมส่งผลอันตรายต่อลูกน้อยได้ อันตรายจากการดื่มแอลกอฮอล์ขณะให้นมลูก โดยปกติแล้วระดับของแอลกอฮอล์จะอยู่ในร่างกายในปริมาณสูงสุดเพียง 30-60 นาทีหลังจากที่ ดื่มแอลกอฮอล์ เท่านั้น หากคุณแม่ต้องการดื่มและกังวลว่าปริมาณแอลกอฮอล์จะส่งไปยังลูกน้อยผ่านน้ำนม คุณแม่อาจรอ 2 ชั่วโมงหลังดื่มแอลกอฮอล์ก่อนที่จะให้นมลูก เพื่อให้ตับทำหน้าที่กรองแอลกอฮอล์ก่อน แต่หากดื่มแอลกอฮอล์ขณะให้นมลูก ปริมาณแอลกอฮอล์ร้อยละ 5-6 ในกระแสเลือดของแม่จะเข้าสู่กระแสเลือดของลูกผ่านทางน้ำนม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณค่อนข้างต่ำ แต่อย่างไรก็ตาม การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณสูงไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพของคุณแม่โดยเฉพาะสุขภาพของตับ นอกจากนั้น การดื่มแอลกอฮอล์อาจส่งผลทำให้ขาดสติ จนไม่สามารถดูแลลูกขณะให้นมได้ โดยเฉพาะหากคุณแม่นอนเตียงเดียวกับลูก อาจทำให้มึนเมาและนอนทับลูกจนเกิดอันตรายได้ ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ขณะให้นมลูก ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า คุณแม่ทีเพิ่งคลอดลูกควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์จนกว่าลูกจะอายุครบ 3 เดือน การปั๊มนม ช่วยลดปริมาณแอลกอฮอล์ได้หรือไม่ มีความเชื่อว่า การปั๊มนมออกหลังจากที่ดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป จะช่วยลดปริมาณแอลกอฮอล์ที่อยู่ในน้ำนมแม่ได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นความเชื่อที่ผิด การปั๊มนมไม่มีส่วนช่วยให้แอลกอฮอล์ในน้ำนมแม่ลดลงเร็วขึ้น การปั๊มนมช่วยลดอาการคัดตึงเต้านมเท่านั้น หากคุณแม่ต้องการดื่ม หรือไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และจำเป็นต้องให้ลูกดื่มนม คุณแม่ควรปั๊มนมล่วงหน้าใส่ขวดไว้เสียก่อน หรือควรรอหลังดื่มแอลกอฮอล์ไปแล้ว 2 ชั่วโมงจึงให้ลูกดูดนมจากเต้าได้ เพราะยังถือว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย เพราะปริมาณแอลกอฮอล์ที่ส่งผ่านทางน้ำนมค่อนข้างต่ำ ไม่ส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพทารก ต้องรอนานเท่าไรหลังจากดื่มแอลกอฮอล์จึงให้นมลูกได้ โดยปกติแล้ว หากดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณต่ำหรือปานกลางอาจรอประมาณ 2 ชั่วโมง ปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายจะลดลง และสามารถให้ลูกดื่มนมได้ […]


เลี้ยงลูกด้วยนมแม่

วิธีให้นมลูก ที่ถูกต้อง มีอะไรบ้าง

คุณแม่หลังคลอดมีเรื่องมากมายที่ต้องกังวลเกี่ยวกับลูก โดยเฉพาะหากเป็นครั้งแรกที่มีลูก ก็อาจยิ่งเพิ่มความกังวลให้กับคุณแม่มือใหม่เข้าไปอีก ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ การเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือการให้นมลูก โดยเฉพาะการให้นมลูก ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย บางครั้งคุณแม่อาจเจอปัญหาในการให้นมลูกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำนมน้อย ลูกไม่ยอมดูด หรือท่าทางในการให้นมไม่ถูกต้อง ดังนั้น วิธีให้นมลูก ที่ถูกต้อง จึงอาจเป็นเรื่องที่คุณแม่มือใหม่ต้องเรียนรู้ วิธีให้นมลูก ที่ถูกต้อง วิธีให้นมลูกที่ถูกต้อง อาจมีดังนี้ การเตรียมนมแม่ก่อนคลอด หากคุณแม่เตรียมตัวให้ดี ก็จะช่วยให้คุณแม่มีความพร้อมมากขึ้นก่อนเจอลูก การเตรียมนมแม่ก่อนคลอดก็เป็นอีกเรื่องที่ช่วยเตรียมความพร้อมเพื่อเจอลูกน้อยได้ คุณแม่สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ถึงเทคนิคให้นมลูกต่าง ๆ เช่น ทำอย่างไรถึงจะมีน้ำนมในปริมาณที่มากพอสำหรับลูกน้อย ท่าให้นมที่ถูกต้องควรทำอย่างไร ให้ความใกล้ชิดเขาหลังคลอด หลังจากที่คุณแม่คลอดเจ้าตัวเล็กออกมาแล้ว ควรให้ความใกล้ชิดกับเขา ไม่ว่าจะเป็นการกอด อุ้ม ลูบผม หรือสัมผัสผิวหนังอย่างเบามือ และนุมนวล เพราะการสัมผัสเหล่านี้อาจมีส่วนช่วยในการตอบสนองของฮอร์โมนอย่างมาก ซึ่งจะเชื่อมโยงกับความง่ายในการให้นมลูก และอาจช่วยให้คุณแม่ให้นมลูกได้สำเร็จ อยู่ในท่าทางการให้นมที่ถูกต้อง เทคนิคให้นมลูก ที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง คือ ท่าให้นมที่ถูกต้อง หลังจากที่คุณแม่คลอดลูกแล้วที่ เต้านมอาจจะยังนุ่มอยู่ แต่เมื่อผ่านไป 2-3 วัน เต้านมก็จะคัดตึงขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณว่าพร้อมที่จะให้นมลูกแล้ว ดังนั้น ลองหาโอกาสในการให้นมลูกโดยลองจัดท่าทางในการให้นมลูกอย่างถูกต้อง เพื่อที่ลูกจะได้อยู่ในท่าทางที่สบาย และจะช่วยให้ลูกดูดนมได้มากขึ้น ซึ่งในช่วง 2-3 วันแรก เป็นช่วงที่เหมาะแก่การให้นมลูก เพราะเป็นช่วงที่นมแม่จะมีสีเหลือง เรียกว่า […]


สุขภาพเด็ก

เด็กเป็นโรคเบาหวาน บุคลากรในโรงเรียนควรดูแลอย่างไร

เด็กเป็นโรคเบาหวาน นอกจากจะต้องได้รับการดูแลจากครอบครัวเมื่ออยู่ที่บ้านแล้ว เมื่ออยู่ที่โรงเรียนก็ต้องได้รับการดูแลจากคุณครูหรือพยาบาลประจำโรงเรียนด้วย การทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการดูแลเด็กที่เป็นโรคเบาหวานเมื่ออยู่ที่โรงเรียน จึงถือเป็นเรื่องที่บุคลากรในโรงเรียนควรให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง เด็กเป็นโรคเบาหวาน คุณครูควรทำอย่างไร หากเด็กเป็นโรคเบาหวาน ผู้ปกครองควรแจ้งให้ครูหรือบุคลากรในโรงเรียนทราบโดยเร็วที่สุด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าหากเกิดเหตุฉุกเฉิน เด็กจะได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและทันท่วงที ขณะเดียวกัน คุณครูหรือบุคลากรในโรงเรียนควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้ เพื่อให้สามารถดูแลเด็กนักเรียนที่เป็นโรคเบาหวานได้ดีขึ้น หาข้อมูลเกี่ยวกับ โรคเบาหวาน โดยเฉพาะโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ที่พบมากในเด็ก เรียนรู้เกี่ยวกับสัญญาณสำคัญต่าง ๆ เช่น อาการของภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ อาการภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง หากเกิดเหตุฉุกเฉิน จะได้รับมือ หรือพาเด็กไปพบคุณหมอได้ทันเวลา พูดคุยกับผู้ปกครองถึงข้อมูลเกี่ยวกับเด็กที่ครูควรจะต้องทราบ คำแนะนำ ข้อเสนอแนะ หรือแนวทางและวิธีการต่าง ๆ ต้องทำอย่างไรเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น ใส่ใจเรื่องอาหารการกินของเด็ก คุณอาจต้องแจ้งกับทางโรงอาหารให้ดูแลเป็นพิเศษ หรือสอบถามเด็กเกี่ยวกับการรับประทานอาหารอยู่เสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กจะไม่ได้รับประทานอาหารที่เพิ่มความเสี่ยงของโรค สร้างความเข้าใจอันดีระหว่าง เด็กที่เป็นโรคเบาหวาน กับเพื่อนคนอื่น ๆ เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อน ๆ จะได้รับรู้สัญญาณต่าง ๆ และแจ้งให้ครูทราบได้ ข้อที่สำคัญที่สุด คือ ครูต้องเข้าใจ และเต็มใจที่จะดูแลเด็กนักเรียน หากโรงเรียนมีพยาบาลประจำโรงเรียน ความรับผิดชอบหลักของพยาบาลประจำโรงเรียน เช่น การคอยดูแลเด็กที่เป็นมีอาการป่วย ฉะนั้นเราก็ต้องมั่นใจได้ว่า เจ้าหน้าที่คนนั้นมีความชำนาญในวิชาชีพ และเคยได้รับการฝึกอบรมวิธีดูแลเด็กมาก่อน ซึ่งทางโรงเรียนควรมีข้อปฎิบัติ […]


ขวบปีแรกของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 37 เป็นอย่างไร

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 37 หรือพัฒนาการของทารกช่วงอายุประมาณ 9 เดือน เป็นช่วงวัยที่สามารถเห็นพัฒนาการและการเติบโตอย่างชัดเจน ลูกน้อยจะเริ่มเล่น เรียนรู้ พูด และเคลื่อนไหว นั่ง คลานอย่างคล่องแคล่ว ยืน และเริ่มก้าวเดิน นอกจากนั้น ยังเริ่มรับประทานอาหารที่ไม่ใช่แค่อาหารเหลวได้แล้วเพราะฟันเริ่มขึ้นแล้ว รวมทั้งแสดงอารมณ์ต่าง ๆ และแยกแยะสมาชิกในครอบครัวและคนแปลกหน้าได้แล้ว [embed-health-tool-vaccination-tool] การเจริญเติบโต พฤติกรรม และ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 37  ทารกในวัยนี้ มีพัฒนาการที่เห็นได้ค่อนข้างชัดเจน ดังนี้ เริ่มแสดงสีหน้าได้หลายอย่าง เช่น สุข เศร้า โกรธ ร้องไห้ ยิ้มหรือหัวเราะเมื่อเล่น หาทางหยิบของเล่นที่อยู่เกินเอื้อม มองหาสิ่งของที่ทำตกไป แยกแยะคนแปลกหน้าได้ และเริ่มกลัวหากไม่ใช่คนในครอบครัว ทำเสียงดังและเสียงแปลก ๆ เริ่มพูดคุยแต่ยังไม่เป็นคำพูดที่เข้าใจได้ ทำมือให้อุ้ม แสดงความต้องการบางอย่างได้ นั่งเองได้ เริ่มยืนได้อย่างมั่นคง และเริ่มก้าวเดิน ควรดูแลลูกน้อยอย่างไร ในช่วงวัยนี้ ลูกน้อยจะติดการได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณพ่อคุณแม่ หากต้องการออกไปทำงานหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ควรหาอุปกรณ์หรือกิจกรรมมาช่วยหันเหความสนใจ เช่น สมุดภาพ ของเล่นที่มีเสียง ตัวต่อ หุ่นที่ใช้มือเชิด […]


ขวบปีแรกของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 44 ของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 44 หรือทารกอายุประมาณ 10-12 เดือน เป็นช่วงวัยที่มีพัฒนาการด้านภาษาและคำพูดเด่นชัดมากที่สุด มักเปล่งเสียงหรือพูดเป็นคำ ๆ มากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรอ่านหนังสือและชวนลูกน้อยคุยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเป็นช่วงที่เด็กวัยนี้กำลังเริ่มออกสำรวจสิ่งรอบตัว ควรจัดบ้านและสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยมากที่สุด [embed-health-tool-vaccination-tool] การเจริญเติบโต พฤติกรรมและ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 44  พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 44 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงด้านคำพูด การเดิน และความอยากรู้อยากเห็นชัดเจนมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมและดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น ชวนลูกคุยหรือเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ลูกฟัง พาลูกออกไปเดินเล่น ปล่อยให้เขาเดินเองแม้จะล้มบ้างก็เป็นการฝึกให้เขาได้เรียนรู้ที่จะล้มแล้วลุกขึ้นด้วยตนเอง สิ่งสำคัญ ควรดูแลเรื่องความสะอาดและการจัดบ้านให้เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย เก็บสิ่งของอันตรายให้พ้นมือลูกน้อย ลูกน้อยจะเติบโตอย่างไร แสดงความต้องการในวิธีการแบบอื่นๆ ที่มากกว่าการร้องไห้ เล่นลูกบอล (สามารถกลิ้งลูกบอลกลับมาให้) ดื่มจากแก้วด้วยตนเอง สามารถหยิบของเล่น หรือหยิบสิ่งของเล็ก ๆ ด้วยปลายนิ้วโป้งและนิ้วชี้ได้ (ในระยะนี้ควรเก็บสิ่งของอันตรายทุกอย่างให้พ้นมือเด็ก) ยืนด้วยตัวเองได้ดีขึ้น ใช้ภาษาพูดของเด็กที่ยังไม่โต (เป็นการพูดเจื้อยแจ้วที่มีเสียงเหมือนกำลังพูดภาษาต่างประเทศอยู่) พูดเป็นคำ ๆ นอกเหนือจากคำว่า “มาม๊า” หรือ "ปะป๊า" ตอบสนองต่อคำสั่งง่าย ๆ หรือคำสั่งที่มีท่าทางประกอบ (เช่น […]


โภชนาการเด็กวัยเรียน

วิตามินเด็ก จากอาหารใกล้ตัว เพื่อพัฒนาการที่ดีของลูก

วิตามินเด็ก เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ลูกน้อยเจริญเติบโตสมวัยและมีพัฒนาการที่ดีตามเกณฑ์ ซึ่งแหล่งวิตามินสำหรับเด็กชั้นดีไม่ใช่จากอาหารเสริม แต่อยู่ในพืชผักและผลไม้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรส่งเสริมให้ลูกน้อยได้รับประทานผักและผลไม้อย่างเพียงพอและหลากหลายในแต่ละวัน [embed-health-tool-vaccination-tool] วิตามินเด็ก หาได้จากอาหารใดบ้าง เนื่องด้วยวิตามินมีหลายประเภท และมักอยู่ในอาหารที่บริโภคกันทุกวัน คุณพ่อคุรแม่จึงควรให้ลูกกินอาหารให้หลากหลาย เพื่อจะได้รับวิตามินอย่างครบถ้วนและช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ซึ่งวิตามินสำหรับเด็กชนิดต่าง ๆ อาจมีดังนี้ 1. วิตามินเอ ประโยชน์ของวิตามินเอ คือ ช่วยดูแลได้ทั้งผิวและสายตา ที่สำคัญยังช่วยในเรื่องของระบบภูมิคุ้มกัน โดยวิตามินเอ พบได้จากอาหารเหล่านี้ นม ชีส ไข่ ผัก 2. วิตามินบี วิตามินบี ส่วนใหญ่จะช่วยในเรื่องของการเสริมสร้างพลังงานให้กับร่างกาย ซึ่งแหล่งอาหารที่มีวิตามินบีมากที่สุด นั่นก็คือ เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว ถั่วเหลือง ปลา 3. วิตามินซี (Vitamin C) วิตามินซี ช่วยบำรุงผิวและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ปัจจุบัน วิตามินซีมักมาในรูปแบบอาหารเสริมทั้งแบบเม็ดอม และแบบเยลลี่ กินง่ายและมีรูปทรงน่ารัก มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานจากการแต่งกลิ่นผลไม้สังเคราะห์ เช่น กลิ่นองุ่น  สับปะรด ทำให้เด็ก ๆ ชอบกินวิตามินซีที่เป็นอาหารเสริมเพราะคิดว่าเป็นลูกอมหรือขนม ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมให้ลูกน้อยกินอาหารที่มีวิตามินสำหรับเด็กจากอาหารมากกว่า สำหรับอาหารที่มีวิตามินซี ได้แก่ ผัก เช่น ผักคะน้า บร็อคโคลี่ […]


โภชนาการสำหรับทารก

โอเมก้า 3 ประโยชน์ ต่อสุขภาพและข้อควรระวัง

โอเมก้า 3 (Omega 3) เป็นสารอาหารที่มี ประโยชน์ ต่อสุขภาพของเด็ก โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมัน ซึ่งจะมีอยู่ 2 ประเภท คือ DHA (Docosahexaenoic Acid) และ EPA (Eicosapentaenoic Acid) ซึ่งกรดไขมันทั้ง 2 ประเภทนี้ เป็นสารอาหารสำคัญ ที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้กับร่างกายของเด็ก และยังเป็นสารอาหารที่จะทำให้ร่างกาย สามารถลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคต่างๆ ได้อีกด้วย [embed-health-tool-bmi] ประโยชน์จากโอเมก้า 3 สำหรับประโยชน์ของโอเมก้า 3 ที่มีต่อร่างกายของลูกน้อยนั้น มีดังนี้ พัฒนาการทำงานของสมอง โอเมก้า 3 เป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการของสมอง และช่วยให้สมองสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ตามีสุขภาพที่ดี ช่วยพัฒนาความคิดและการจดจำ อาจช่วยแก้ปัญหาความผิดปกติ จากการเป็นสมาธิสั้น และการนอนหลับที่ผิดปกติ สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำให้รับประทานน้ำมันปลาที่มีโอเมก้า 3 อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรืออาจรับประทานปลาทะเลที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 เช่น แซลมอน ทูน่า ซาดีน อย่างไรก็ตาม สำหรับการรับประทานน้ำมันปลาแบบอาหารเสริม […]


เด็กทารก

วิธีดูแลผิวลูก เพื่อความสะอาดและปลอดภัย

วิธีดูแลผิวลูก ถือเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง และให้ความใส่ใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่ยังไม่รู้จักวิธีการดูแลผิวของทารกที่ถูกต้องว่าควรจะต้องทำอย่างไรบ้าง หรือมีเรื่องใดที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ มีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจช่วยปกป้องผิวลูกน้อยจากเชื้อโรคและช่วยถนอมผิวอันบอบบางไม่ให้เกิดอาการระคายเคือง [embed-health-tool-vaccination-tool] วิธีดูแลผิวลูก ที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญ วิธีดูแลผิวลูกจำเป็นต้องทำให้ถูกวิธี เพราะผิวเด็กนั้นบอบบาง หากทำผิดวิธีอาจไม่สะอาดพอจนก่อให้เกิดปัญหาผิวหนังได้ ซึ่งเคล็ดลับการดูแลผิวลูกอาจมี ดังนี้ อาบน้ำในแต่ละวันไม่บ่อยเกินไป ผิวหนังของเด็กทารกค่อนข้างบอบบาง ถ้าหากเนื้อตัวไม่สกปรก ไม่เลอะนม อากาศไม่ได้ร้อนจนทำให้เหงื่อของทารกออกมากเกินไป ไม่จำเป็นที่จะต้องอาบน้ำให้ทารกทุกวัน เพราะการอาบน้ำบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวหนังของเด็กแห้ง ระคายเคือง และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง เช่น การติดเชื้อที่ผิวหนัง ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวชนิดอ่อนโยน ผลิตภัณฑ์อาบน้ำสำหรับเด็กโดยเฉพาะเด็กทารก ทั้งสบู่ แชมพู รวมไปถึงครีมบำรุงผิว ควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวและอายุของทารก เพราะผลิตภัณฑ์บางชนิดจำเป็นต้องใช้กับเด็กแรกเกิด 3 เดือนขึ้นไป สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้จะต้องไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และต้องไม่ผสมแอลกอฮอล์ รวมถึงสารเคมีต่าง ๆ เพราะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และสารเคมีอาจเป็นอันตรายต่อผิวของทารกได้ อีกทั้งก่อให้เกิดการระคายเคืองบริเวณดวงตาได้อีกด้วย ดังนั้น ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มาใช้กับลูกน้อย แนะนำว่าควรอ่านฉลากที่อยู่บนผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดเพื่อดูส่วนผสม ข้อบ่งใช้ และข้อควรระวังก่อนทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการโรยแป้งเด็ก สาเหตุที่คุณพ่อคุณแม่ควรเลิกโรยแป้งเด็ก เนื่องจากเวลาที่เทผงแป้งออกมานั้น ลูกน้อยอาจสูดดมเข้าไปในปอด และหากมีผงแป้งสะสมอยู่ในปอดในปริมาณมากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อปอดได้ จึงควรหลีกเลี่ยงจะดีที่สุด หรือหากจำเป็นจริง ๆ ควรเทแป้งลงบนฝ่ามือก่อน แล้วค่อย […]


โรคผิวหนังในเด็ก

ผื่นผ้าอ้อม เกิดขึ้นได้อย่างไร รักษาอย่างไรจึงจะหาย

ผื่นผ้าอ้อม อาจพบได้บ่อยในทารกที่ยังสวมใส่ผ้าอ้อม ซึ่งอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว และมีอาการงอแงเกิดขึ้น ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ทารกบ่อย ๆ นอกจากนั้นแล้ว ยังจำเป็นที่จะต้องสังเกตตามบริเวณผิวหนัง รวมถึงอาการผิดปกติของทารกที่อาจปรากฏให้เห็นอีกด้วย ผื่นผ้าอ้อม เกิดขึ้นได้อย่างไร ผื่นผ้าอ้อม เป็นรูปแบบทั่วไปของโรคผิวหนังอักเสบ โดยผื่นผ้าอ้อมนี้เกิดจาก ผ้าอ้อมที่เปียก หรืออับชื้น ทำให้ผิวหนังของลูกน้อยเกิดความระคายเคือง จนทำให้มีผื่นสีแดงเกิดขึ้นที่ผิวหนัง ซึ่งผื่นผ้าอ้อมนี้จะทำการรบกวนตัวเด็กทารก ให้รู้สึกไม่สบายตัว และระคายเคืองผิวหนัง นั่นเอง สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นผ้าอ้อมอาจมีดังนี้ ปล่อยให้ผ้าอ้อมเปียก หรือสกปรก เป็นเวลานานเกินไป ผิวหนังมีรอยถลอกที่เกิดขึ้นจากการถูกับผ้าอ้อม การติดเชื้อยีสต์ การติดเชื้อแบคทีเรีย ปฏิกิริยาต่อการแพ้ผ้าอ้อม โดยทารกอาจมีผื่นผ้าอ้อมบ่อยขึ้น เมื่อทำสิ่งต่าง ๆ ดังนี้ มีอายุอยู่ในระหว่างช่วง 9-12 เดือน นอนในผ้าอ้อมสำเร็จรูป มีอาการท้องร่วง รับประทานอาหารแข็ง ใช้ยาปฏิชีวนะ อาการของผื่นผ้าอ้อม สำหรับอาการของผื่นผ้าอ้อมที่คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตได้ ดังนี้ สัญญาณที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง ผื่นผ้าอ้อมจะมีลักษณะเป็นผื่นสีแดงเกิดขึ้นบนผิวหนังที่อ่อนโยน นอกจากนั้น ยังอาจเกิดบริเวณก้น ต้นขา และอวัยวะเพศ การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ คุณพ่อคุณแม่อาจจะสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยทากอาจจะมีอาการอึดอัดกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงที่เปลี่ยนผ้าอ้อม นอกจากนี้ทารกที่เป็นผื่นผ้าอ้อมมักจะร้องไห้ เมื่อบริเวณที่เป็นผื่นถูกล้าง หรือถูกสัมผัส วิธีการรักษาผื่นผ้าอ้อม เมื่อทารกเป็นผื่นผ้าอ้อม คุณพ่อคุณแม่ควรพยายามตรวจสอบผ้าอ้อมบ่อย ๆ […]


โรคผิวหนังในเด็ก

ลูกเป็นผื่น ผิวสาก ๆ อาการและวิธีดูแลที่ควรรู้

ผิวหนังของลูกนั้นมีความบอบบางและจำเป็นต้องมีการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เมื่อ ลูกเป็นผื่น คุณพ่อคุณแม่จึงควรศึกษาลักษณะอาการที่เกิดร่วมด้วย เช่น มีไข้ แผลพุพอง แผลจุดเล็ก ๆ เพื่อประเมินอาการเบื้องต้น และจะได้สามารถทำการรักษาอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ยังอาจช่วยให้สามารถสังเกตพบอาการที่ผิดปกติ และพาลูกไปพบคุณหมอเพื่อทำการรักษาได้ทันท่วงที อาการที่อาจพบเมื่อ ลูกเป็นผื่น สำหรับอาการที่เกิดขึ้นเมื่อลูกเป็นผื่น อาจมีดังนี้ ผื่นขณะมีไข้ มีไข้และมีจุดสีแดงที่แก้ม ลักษณะอาการเช่นนี้ลูกอาจเป็นหวัดและ เป็นผื่น ลุกลามไปทั่วร่างกาย โดยปกติจะหายไปภายในหนึ่งสัปดาห์ แผลพุพองที่มือ เท้า และปาก โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคที่อาจพบได้บ่อยในวัยเด็ก ทำให้เกิดแผลพุพองที่มือและเท้า รวมไปถึงทำให้เกิดแผลที่ลิ้นด้วย นอกจากนี้ยังทำให้เด็กมีไข้ และในบางรายอาจเป็นหวัด  ผื่นจากไข้อีดำอีแดง ไข้อีดำอีแดง ทำให้เกิด เป็นผื่น แดงสีชมพูทั่วร่างกาย ลักษณะคล้ายผิวไหม้ โดยจะเริ่มต้นอาการจากลิ้นบวม เจ็บคอ ปวดศีรษะ และมีไข้ ไข้อีดำอีแดงจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ จุดแดงเล็ก ๆ และแผลพุพอง อาการจุดแดงเล็ก ๆ และแผลพุพองที่เกิดขึ้นตามตัว อาจเกิดขึ้นจากโรคอีสุกอีใส ทำให้เกิดรอยแดง จุดสีแดงบนใบหน้า แขน และลำตัว ซึ่งมีอาการคัน เด็กบางคนอาจเผลอเกาจนทำให้เป็นแผล ผื่นจากอากาศร้อน ความร้อนและเหงื่ออาจทำให้เกิดรอยแดงเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ผด หรือผดผื่น ในบางรายนอกจาก […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน