รอยลึกใต้ตาสามารถทำให้ดวงตาของคุณดูเหนื่อยล้า รวมถึงอาจทำให้ดูแก่ขึ้นได้ รอยลึกใต้ตามักจะเด่นขึ้นตามอายุที่มากขึ้น ทำให้หลาย ๆ คนอยากกำจัดรอยลึกใต้ตาออกไป ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดและเห็นผลค่อนข้างชัดเจน ก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่ก่อนจะเข้ารับ การฉีดฟิลเลอร์ คุณควรจะต้องศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ซึ่งทาง Hello คุณหมอ มีข้อมูลเรื่องนี้มาฝากคุณแล้ว
ทำความรู้จักกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มวอลลุ่มใต้เปลือกตา ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้บ่อยที่สุดในการกำจัดรอยใต้ตาก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกรดไฮยาลูโรนิก แม้ว่าอาจจะใช้ส่วนผสมอื่น ๆ ด้วยก็ตาม กรดไฮยาลูโรนิกเป็นสารคล้ายเจลที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายของคุณ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนัง กรดไฮยาลูโรนิกจะเพิ่มความแน่นและลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นได้
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาปลอดภัยหรือไม่
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างปลอดภัย ทั้งยังมีร่องรอยน้อยกว่าการผ่าตัดเอาถุงใต้ตาออกอีกด้วย ซึ่งรวมไปถึงการปลูกถ่ายไขมันและการเปลี่ยนตำแหน่งไขมัน ผลลัพธ์ของ การฉีดฟิลเลอร์ นั้นจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ซึ่งส่วนมากจะมีอายุประมาณ 1 ปีเท่านั้น ดังนั้น คุณจะต้องเข้ารับ การฉีดฟิลเลอร์ ซ้ำหลายครั้ง เพื่อรักษาผลลัพธ์ในระยะยาว บางครั้ง การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ก็สามารถทำไปพร้อมกับขั้นตอนอื่น ๆ ได้ เช่น
- ฉีดโบท็อกซ์
- การผลัดผิวด้วยเลเซอร์
- การปลูกถ่ายไขมัน
- การเปลี่ยนตำแหน่งไขมัน
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับใครบ้าง
ผู้ที่เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ได้แก่
- ผู้ที่ใต้ตาหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
- ผู้ที่มีผิวที่แข็งแรงและหนา
- ผู้ที่เข้าใจว่า การรฉีดฟิลเลอร์ มีผลเพียงชั่วคราว
- ผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
แต่ถ้าคุณมีคุณสมบัติเหล่านี้ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจจะไม่เหมาะสมสำหรับคุณก็ได้
- ผู้ที่มีผิวบอบบาง
- ผู้ที่มีผิวหนังส่วนเกินใต้ดวงตา
- ผู้ที่มีร่องใต้ตาลึกมาก
- ผู้ที่มีไขมันปูดใต้ตา
- ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังในบริเวณใต้ตา
- ผู้ที่มีอาการป่วยที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน
ขั้นตอน การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คุณหมอผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมจะประเมินเปลือกตาล่างของคุณ และตรวจสอบพื้นผิวและความหนาของผิวของคุณด้วย คุณหมอจะกำหนดชนิดของฟิลเลอร์ผิวหนังที่ดีที่สุดสำหรับความต้องการของคุณ จากนั้นจึงเริ่มฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้คุณ โดยขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีดังนี้
- คุณหมอจะฆ่าเชื้อที่ผิวหนัง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และอาจมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ หรือวางก้อนน้ำแข็งไว้ที่เปลือกตาล่างของคุณ เพื่อทำให้บริเวณนั้นชาจนคุณรู้สึกเจ็บน้อยลง และลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำ
- คุณหมอจะเตรียมเข็มฉีดยาที่มีฟิลเลอร์ ซึ่งเข็มฉีดยาจะทื่อหรือแหลมนั้นขึ้นอยู่กับการเลือกของคุณหมอ จากนั้นคุณหมอจะทำ การฉีดฟิลเลอร์ เข้าไปในผิวหนังใต้เปลือกตาล่างของคุณ
- ขณะที่ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเรียบร้อยแล้ว คุณหมอจะค่อย ๆ ถอนเข็มออก นวดเบา ๆ บริเวณที่ฉีด เพื่อกระจายฟิลเลอร์ และจะทำขั้นตอนทั้งหมดซ้ำอีกครั้งกับใต้เปลือกตาอีกข้าง
การดูแลตัวเองหลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หลังรับ การฉีดฟิลเลอร์ เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถกลับบ้านได้ทันที แต่อาจจะมีอาการบวม ช้ำ และแดง เกิดขึ้น ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะดีขึ้นหลังจาก 48-72 ชั่วโมง บริเวณใต้ตาของคุณจะดูเต็มขึ้นทันที อย่างไรก็ตาม อาจต้องใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ เพื่อดูผลลัพธ์ทั้งหมดตามรายงานประวัติทางการแพทย์ นอกจากนี้ อย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอหลัง การฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งโดยทั่วไป มีดังนี้
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมรุนแรงเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
- ประคบน้ำแข็งในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้า
- ใช้นิ้วนวดเบา ๆ บริเวณที่เป็นก้อน
ภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่อาจเกิดขึ้นได้
สำหรับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ได้แก่
- ปวดหัว
- ผิวเปลี่ยนสี
- อาการแพ้
- อาการปวดอย่างต่อเนื่อง
- อาการบวมรอบดวงตา
- ฟิลเลอร์ก่อตัวเป็นก้อน
- ก้อนเนื้อเยื่ออักเสบ (Granuloma)
- การติดเชื้อ
- หลอดเลือดมีปัญหา
- ไม่ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ
- ตาบอดถาวร เนื่องจากหลอดเลือดแดงบริเวณจอประสาทตาอุดตัน แต่ก็เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ยากมาก
ภาวะแทรกซ้อนบางอย่างอาจเกิดขึ้นได้หลังจาก ฉีดฟิลเลอร์ ไปแล้ว 2 สัปดาห์ คุณจึงควรไปพบคุณหมอทันที หากมีอาการเหล่านี้
- อาการฟกช้ำแย่ลง
- อาการแดงหรือบวมแย่ลง
- อาการชาอย่างต่อเนื่อง
- ปวดอย่างรุนแรง
- สัญญาณของการติดเชื้อ
- การเปลี่ยนแปลงวิสัยทัศน์
- มีก้อนสีแดงเกิดขึ้น หรือเจ็บปวด
- ปฏิกิริยาการแพ้ที่ล่าช้าต่อผลิตภัณฑ์
หากคุณมีรอยใต้ตาที่ลึก การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจเป็นทางเลือกหนึ่ง ซึ่งขั้นตอนนี้มักจะมีความเกี่ยวข้องกับการฉีดกรดไฮยาลูโรนิกใต้ตา เพื่อทำให้พื้นที่บริเวณใต้ตาดูเต็มขึ้น เนื่องจากผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์นั้นจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้น คุณจึงต้องทำการฉีดฟิลเลอร์ซ้ำทุก 1-2 ปี ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์นั้นถือว่าเป็นเรื่องของการใช้เครื่องสำอาง เพราะฉะนั้นจะไม่อยู่ในประกัน
โดยทั่วไป การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาถือว่าปลอดภัย แต่คุณอาจจะไม่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ หากคุณมีผิวหนังที่บางมากหรือมีโรคประจำตัว คุณหมอผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมมาจะสามารถพิจารณาได้ว่า การฉีดฟิลเลอร์นั้นเหมาะกับคุณหรือไม่
[embed-health-tool-bmi]