สุขภาพหัวใจ

หัวใจ คืออวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่ในการสูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หากหัวใจเกิดปัญหา ก็จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกาย และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ เรียนรู้เกี่ยวกับ สุขภาพหัวใจ ทั้งการดูแลรักษา และปกป้องระบบหัวใจและหลอดเลือดของคุณ ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพหัวใจ

อาการเตือนโรคหัวใจ แบบไหนควรไปพบคุณหมอ

โรคหัวใจแบ่งได้เป็นหลายประเภทตามสาเหตุและตำแหน่งที่เกิด ซึ่งโรคหัวใจแต่ละประเภทมักจะมีอาการที่คล้ายคลึงกัน โดยลักษณะ อาการเตือนโรคหัวใจ ที่พบบ่อยได้แก่ อาการแน่นหน้าอก ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หายใจไม่เต็มอิ่ม วิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย เหงื่อออกเยอะ เหนื่อยง่าย หากสังเกตอาการเตือนโรคหัวใจได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และไปพบคุณหมอโดยเร็วจะช่วยให้รักษาและหาวิธีดูแลตนเองได้อย่างทันท่วงที [embed-health-tool-bmi] อาการเตือนโรคหัวใจ เป็นแบบไหน อาการเตือนโรคหัวใจ แบ่งออกตามประเภทของโรคได้ ดังนี้ โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease) เกิดจากเส้นเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบตัน ซึ่งอาจเกิดจากไขมันเกาะตามผนังหลอดเลือดหัวใจมากเกินไปจนทำให้เลือดที่มีสารอาหารและออกซิเจนไม่สามารถไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงยังหัวใจได้ตามปกติ อาการที่พบบ่อยที่สุดของโรคหลอดเลือดหัวใจคืออาการแน่นหน้าอกหรือเจ็บหน้าอกซึ่งอาจสับสนกับอาการอาหารไม่ย่อยหรือกรดไหลย้อนได้ นอกจากนี้ อาจรู้สึกไม่สบายตัวหรือเจ็บบริเวณไหล่ แขน คอ ลำคอ กราม หรือหลัง และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น หายใจถี่รัว หัวใจสั่น หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ วิงเวียนศีรษะหรืออ่อนแรง คลื่นไส้ เหงื่อออกมาก โรคหัวใจวาย (Heart Attack) โรคหัวใจวายหรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันเกิดขึ้นเมื่เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้น้อยลง มักเกิดจากไขมัน คอเลสเตอรอล และสารอื่น ๆ เข้าไปสะสมจนเกิดการอุดตันบริเวณผนังหลอดเลือดหัวใจ อาการที่พบบ่อย คือ แน่นหน้าอกเป็นเวลานานประมาณ 30 นาที จากนั้นค่อย ๆ หายไปแล้วกลับมาเป็นซ้ำอีก ซึ่งเป็นอาการหลักที่มักพบในผู้ชาย […]

สำรวจ สุขภาพหัวใจ

โรคหลอดเลือดหัวใจ

กลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ใครเข้าข่ายนี้บ้าง

โรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับหลอดเลือด ทำให้รู้สึกเจ็บหน้าอก หายใจไม่ออก บางรายอาจรุนแรงถึงขั้นหัวใจวาย สาเหตุมาจากหลายปัจจัย ส่วนใหญ่เป็นเพราะปริมาณไขมันจำนวนมากที่จับตัวอยู่ในหลอดเลือดหัวใจ เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือด และยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อเส้นเลือดในอวัยวะต่าง ๆ ได้ เช่น สมอง หัวใจ ไต ดวงตา มักเกิดกับกลุ่มคนที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยไขมันในเลือดสูง รวมทั้งกลุ่มอื่น ๆ ที่อาจเสี่ยงเป็นโดยไม่รู้ตัว เช่น คนที่ชอบสูบบุหรี่ คนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย คนที่น้ำหนักเกิน สาเหตุโรคหลอดเลือดหัวใจ  เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของผนังหลอดเลือดชั้นในที่หนาขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีสาเหตุหลักมาจากจำนวนไขมันที่เข้าไปสะสมและจับตัวกันหนาขึ้นทำให้หลอดเลือดตีบตัน รวมทั้งระดับน้ำตาล หรือระดับความดันโลหิตสูงซึ่งอาจไปทำลายหลอดเลือด เมื่อหลอดเลือดตีบหรือเสียหาย ร่างกายจึงไม่สามารถส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจและอวัยวะต่าง ๆ  ได้อย่างเป็นปกติ ทำให้หัวใจและอวัยวะต่าง ๆ ขาดเลือด  อาการโรคหลอดเลือดหัวใจ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจมักมีอาการดังนี้  เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก ปวดเค้นในอก  หายใจติดขัด หายใจไม่สะดวก ปวดแขนขา หรือชา ไร้ความรู้สึก แขนขาไม่มีแรง  รู้สึกเจ็บบริเวณคอ กราม ลำคอ ท้องส่วนบน หรือเจ็บหลัง ภาวะหัวใจวาย หรือหัวใจล้มเหลว […]


ภาวะหลอดเลือดแข็ง

Atherosclerosis คือ ภาวะหลอดเลือดแข็ง ที่ควรรักษา

Atherosclerosis คือ ภาวะหลอดเลือดแข็ง ที่อาจเกิดขึ้นจากการสะสมของไขมัน คอเลสเตอรอล และคราบพลัคที่เกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือด ที่ส่งผลให้หลอดเลือดตีบ ขัดขวางการไหลเวียนของเลือดไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้  Atherosclerosis คือ Atherosclerosis คือ ภาวะหลอดเลือดแข็งที่มาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง ไตรกลีเซอร์ไรด์สูง ภาวะดื้ออินซูลิน โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบ โรคลูปัส โรคสะเก็ดเงิน และพฤติกรรมการสูบบุหรี่ เนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนส่งผลให้ผนังด้านในหลอดเลือดเสียหาย ทำให้เซลล์เม็ดเลือดจับตัวเป็นก้อน หากปล่อยไว้เป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดคราบพลัคบนผนังหลอดเลือดหนาขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดแดงตีบตันและทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวกจนขวางการไหลเวียนของเลือดที่มีออกซิเจนนำไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายน้อยลง ทำให้ร่างกาย หรือระบบต่าง ๆ อาจมีการทำงานผิดปกติ  อีกทั้งคราบพลัคยังอาจสามารถแตกตัวออกจนทำให้เกิดลิ่มเลือดได้ อาการของ Atherosclerosis อาการของ Atherosclerosis อาจไม่เผยสัญญาณเตือนใด ๆ จนกว่าคราบพลัคจะก่อตัวหนาในผนังหลอดเลือด หรือจนกว่าเส้นเลือดจะตีบ เมื่อเส้นเลือดเริ่มตีบตัว อาจปรากฏอาการต่าง ๆ ดังนี้ หลอดเลือดแดงหัวใจแข็ง อาจทำให้เจ็บ หรือแน่นหน้าอก  หลอดเลือดแดงที่เชื่อมโยงกับสมองแข็ง อาจทำให้พูดสื่อสารลำบาก ดวงตาข้างใดข้างหนึ่งสูญเสียการมองเห็นชั่วคราว กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง  หลอดเลือดแดงที่เชื่อมโยงกับไต อาจทำให้ระดับความดันโลหิตสูง และไตวายได้หลอดเลือดแดงบริเวณแขน และขาแข็ง […]


ภาวะหลอดเลือดแข็ง

หลอดเลือดแดง และโรคหลอดเลือดแดงแข็ง เชื่อมโยงกันอย่างไร

หลอดเลือดแดง เป็นหลอดเลือดที่อยู่ทั่วร่างกาย ทำหน้าที่ลำเลียงเลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ หากหลอดเลือดแดงมีการสะสมของคราบพลัคจากไขมัน คอเลสเตอรอล แคลเซียม และไฟบริน (Fibrin) ที่เป็นเส้นใยในเลือดมากจนเกินไป ก็อาจทำให้เสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดแข็งได้ หลอดเลือดแดง คืออะไร หลอดเลือดแดง คือ ท่อนำส่งเลือดที่อุดมไปด้วยออกซิเจนจากการทำงานของระบบสูบฉีดเลือดของหัวใจ ไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ โดยหลอดเลือดแดงที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายคือ หลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตา (Aorta) ที่เชื่อมกับหัวใจด้านซ้าย ซึ่งเป็นหลอดเลือดที่สามารถแตกแขนงเป็นกิ่งก้านออกไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หรือเรียกอีกอย่างได้ว่า เส้นเลือดฝอย หลอดเลือดแดงประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 3 ชั้น ดังนี้ ทูนิกา อินทิมา (Tunica intima) เป็นผนังหลอดเลือดชั้นในสุดที่ประกอบด้วย เอนโดธีเลียม (Endothelium) หรือเนื้อเยื่อบุโพรงของหลอดเลือด มีเดีย (Media) เป็นกล้ามเนื้อชั้นกลางในหลอดเลือด ที่ยืดหยุ่นรับความกดดันสูงจากหัวใจ แอดเวนทีเชีย (Adventitia) เป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชั้นนอกที่คอยปกคลุมหลอดเลือด โรคหลอดเลือดแดงแข็ง ส่งผลเสียต่อหลอดเลือดแดงอย่างไร เนื่องจากหลอดเลือดแดงทำหน้าที่เป็นท่อนำส่งเลือดที่ประกอบด้วยออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แต่คอเลสเตอรอลและไขมันจากอาหารที่รับประทาน ก็อาจก่อตัวสะสมและกลายเป็นคราบพลัคเกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือดแดง ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดง และผนังหลอดเลือดเสียหาย ทางเดินของเลือดแคบลง จนเลือดไหลผ่านไปหล่อเลี้ยงอวัยวะหรือเนื้อเยื่อในร่างกายไม่เพียงพอ อีกทั้งคราบพลัคเหล่านี้ยังอาจแตกตัว ทำให้สารต่าง ๆ แพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด […]


สุขภาพหัวใจ

หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน สาเหตุ อาการและการรักษา

หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน เป็นภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน เกิดจากความผิดปกติของระบบไฟฟ้าในหัวใจ ส่งผลให้หัวใจเต้นผิดปกติ อาจทำให้มีอาการวิงเวียนศีรษะ อ่อนแรง หายใจไม่ออก และหมดสติ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือด้วยการทำ CPR หรือเครื่องกระตุ้นหัวใจทันทีอาจเสี่ยงเสียชีวิตได้ คำจำกัดความหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน คืออะไร หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest หรือ SCA) เป็นภาวะที่หัวใจหยุดเต้นอย่างกะทันหันส่งผลให้หัวใจหยุดสูบฉีดเลือดไปยังสมอง และอวัยวะสำคัญภายในร่างกาย หัวใจมีระบบไฟฟ้าที่ช่วยควบคุมอัตราและจังหวะการเต้นของหัวใจ หากระบบไฟฟ้าในหัวใจทำงานผิดปกติอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจทำให้หัวใจเต้นเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือเต้นไม่เป็นจังหวะ ทำให้หัวใจหยุดสูบฉีดเลือด ส่งผลให้หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้ ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันแตกต่างกับอาการหัวใจวาย เนื่องจากสาเหตุของหัวใจวายเกิดจากเลือดไม่สามารถไหลเวียนกลับไปยังหัวใจได้เนื่องจากการอุดตันของเส้นเลือด และหัวใจมักไม่หยุดเต้นอย่างกระทันหัน แต่ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันอาจเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยที่เคยมีประวัติหัวใจวาย หรือเป็นโรคหัวใจชนิดอื่น นอกจากนี้ หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันก็อาจเกิดขึ้นในผู้ที่มีสุขภาพดีและไม่เคยมีประวัติเป็นโรคหัวใจมาก่อนได้เช่นกัน คนส่วนใหญ่อาจเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้อย่างรวดเร็ว หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีด้วยการทำ CPR หรือเครื่องกระตุ้นหัวใจ ซึ่งเป็นการช็อตไฟฟ้าไปยังหัวใจเพื่อปรับการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน พบบ่อยแค่ไหน จากสถิติของสหรัฐอเมริกา หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ส่งผลให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตประมาณ 300,000-400,000 คนต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่พบในผู้ใหญ่เพศชายมากกว่าเพศหญิง เนื่องจากผู้ชายมีแนวโน้มเสี่ยงพัฒนาโรคหัวใจมากกว่า จากพฤติกรรมสูบบุหรี่ เสี่ยงความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูงและโรคเบาหวาน นอกจากนี้ เด็กอาจมีอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้ แต่พบไม่บ่อยซึ่งเด็ก 100,000 คน อาจพบเพียง 1-2 คน/ปี เท่านั้น อาการอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน สัญญาณเริ่มต้นของหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันมักเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและมีอาการรุนแรง […]


สุขภาพหัวใจ

ระบบหัวใจคืออะไร และทำงานอย่างไร

ระบบหัวใจ ทำหน้าที่ขนส่งอาหารและออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อและเซลล์จำนวนมาก จากนั้นนำเลือดเสียจากร่างกายกลับสู่ปอดเพื่อฟอกเลือด หากระบบหัวใจทำงานผิดปกติ อาจส่งผลต่อการส่งเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หัวใจวาย ความดันสูง ความสำคัญของหัวใจ หัวใจมีความสำคัญในการสูบฉีดเลือดผ่านหลอดเลือด ไปเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกาย ภายในเลือดประกอบไปด้วยสารอาหารและออกซิเจนที่ใช้ในการหล่อเลี้ยงเซลล์จำนวนมาก หากไม่มีเลือดและหัวใจช่วยสูบฉีดเลือด จะส่งผลให้เซลล์และเนื้อเยื่อในร่างกายไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ การทำงานจะเริ่มผิดปกติ หยุดการทำงาน และอาจเสียชีวิตในที่สุด ส่วนประกอบของระบบหัวใจ ระบบการทำงานของหัวใจและระบบไหลเวียนเลือดเป็นส่วนหนึ่งของระบบหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งประกอบด้วย หัวใจ เป็นกล้ามเนื้อที่คอยสูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายในทิศทางเดียว เนื่องจากมีลิ้นหัวใจคอยป้องกันเลือดไหลย้อนกลับ หัวใจประกอบด้วย 4 ห้อง โดย 2 ห้องบนทั้งซ้ายและขวา เรียกว่า “เอเรีย (Atria)” และ 2 ห้องล่างทั้งซ้ายและขวา เรียกว่า “เวนทริเคิล (Ventricles)” หลอดเลือดแดง ทำหน้าที่ลำเลียงเลือดที่มีออกซิเจนไหลผ่านระหว่างหัวใจและปอด เพื่อส่งอาหารและออกซิเจนออกไปเลี้ยงร่างกาย หลอดเลือดดำ ทำหน้าที่ลำเลียงเลือดเสียเพื่อนำไปฟอกรับออกซิเจนที่ปอด เพื่อส่งกลับมายังหัวใจและส่งต่อไปเลี้ยงร่างกาย เส้นเลือดฝอย เป็นเส้นเลือดขนาดเล็กทำหน้าที่รับเลือดจากเส้นเลือดแดง เพื่อส่งต่อไปเลี้ยงเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย ลิ้นหัวใจ ทำหน้าที่กั้นเปิดปิดระหว่างห้องหัวใจ และป้องกันเลือดไหลย้อนกลับ […]


คอเลสเตอรอล

ยาลดไขมันในเลือด และผลข้างเคียง

ยาลดไขมันในเลือด คืออีกทางเลือกหนึ่งในการช่วยลดระดับไขมันที่สะสมอยู่ในหลอดเลือด นอกเหนือจากการควบคุมอาหาร และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต แต่การใช้ยาลดไขมันในเลือดก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้นจึงควรศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประโยชน์และโทษของยาแต่ละชนิดให้ดี ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้ยาที่เหมาะสม ยาลดไขมันในเลือดใช้เพื่ออะไร เมื่อคอเลสเตอรอลสูงขึ้นจากปัจจัยด้านพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และพันธุกรรม ก็อาจทำให้ระดับไขมันในเลือดเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป ไขมันเหล่านี้อาจเกาะสะสมตามผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบตับ ส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือด แล้วอาจทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงระบบการทำงานแก่อวัยวะต่าง ๆ ได้ยาก นำไปสู่การเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หัวใจล้มเหลว การลดระดับไขมันในเลือด ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ไลฟ์สไตล์ รวมไปถึงการใช้ยาลดไขมันในเลือด จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดระดับไขมันในเลือดสะสม และอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม ยาลดไขมันในเลือดก็มีอยู่หลายประเภท และแต่ละประเภทก็มีการทำงานและผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรปรึกษาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ เพื่อหาวิธีลดไขมันในเลือดที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละคน ยาลดไขมันในเลือด ที่แพทย์นิยมเลือกใช้ ยาลดไขมันมีอยู่หลายประเภท ซึ่งอาจมีการทำงานและผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน ดังนี้ กลุ่มยาสแตติน(Statin) เป็นกลุ่มยาที่แพทย์นิยมใช้มากที่สุด เพื่อช่วยลดไขมันไม่ดีในเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์ และอาจช่วยเพิ่มระดับของไขมันดีในร่างกายได้ ยาที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มยาสแตติน ได้แก่ อะทอร์วาสแททิน (Atorvastatin) ฟลูวาสแตติน (Fluvastatin) โลวาสแตติน (Lovastatin) ซิมวาสแตติน (Simvastatin) พราวาสแตติน (Pravastatin) โรซูวาสแตติน (Rosuvastatin) พิทาวาสแตติน (Pitavastatin) ผลข้างเคียง : กลุ่มยาสแตตินอาจส่งผลให้ตับและลำไส้ได้รับความเสียหาย กล้ามเนื้ออักเสบ ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการสูญเสียความจำและสับสนเล็กน้อย แต่อาการเหล่านี้มักจะไม่เป็นอันตราย และจะหายไปได้เองภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ยาในกลุ่มสแตตินอาจทำปฏิกิริยากับยาอื่น […]


คอเลสเตอรอล

วิธีลดไขมันในเลือด แบบธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งยา

เมื่อร่างกายมีไขมันในเลือดอย่างคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์มากเกินไป จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหัวใจ ภาวะหัวใจวาย เป็นต้น ซึ่งภาวะสุขภาพเหล่านี้อาจรุนแรงจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพจากภาวะไขมันในเลือดสูงอาจลดลงได้ด้วยการควบคุมระดับไขมันในเลือดโดยใช้ วิธีลดไขมันในเลือด ที่เหมาะสม เช่น การเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันดี การออกกำลังกายบ่อย ๆ การงดสูบบุหรี่ ไปจนถึงการใช้ยา ไขมันในเลือดกับสุขภาพหัวใจ ไขมันในเลือด เรียกว่า ลิพิด (Lipid) มีด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ คอเลสเตอรอล (Cholesterol) ที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้คอเลสเตอรอลในการสร้างผนังหลอดเลือด การหลั่งฮอร์โมนและการหลั่งวิตามินดี ส่วนไขมันในเลือดอีกหนึ่งชนิด คือ ไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides) ที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ในการสร้างกล้ามเนื้อและช่วยให้ระบบต่าง ๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ ทั้งคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์สามารถสร้างได้จากตับและได้รับจากอาหาร หากได้รับในปริมาณที่พอดีจะช่วยส่งผลดีต่อร่างกาย แต่หากร่างกายมีไขมันในเลือดมากเกินไปมักส่งผลเสียต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะระบบหัวใจและหลอดเลือด จนอาจทำให้มีอาการข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอ้วน โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นต้น สาเหตุของภาวะไขมันในเลือดสูง ภาวะคอเลลเตอรอลสูง และภาวะไตรกลีเซอไรด์สูง มักเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้ […]


สุขภาพหัวใจ

สมุนไพรบำรุงหัวใจ สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ

โรคหัวใจ คือ โรคต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อย่างผลไม้ เนื้อปลา รวมถึง สมุนไพรบำรุงหัวใจ ที่อาจช่วยกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้สมุนไพรอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ผู้ป่วยโรคหัวใจควรปรึกษาคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางก่อนตัดสินใจบริโภค สมุนไพรบำรุงหัวใจ สำหรับผู้ป่วยหัวใจ มีอะไรบ้าง สมุนไพรที่อาจมีสรรพคุณช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ มีดังต่อไปนี้ สะระแหน่ น้ำมันหอมระเหยจากสะระแหน่มีสารเมนทอลที่อาจช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียและปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ ผลงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ในการรักษาโรคของสะระแหน่ ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Journal of pharmaceutical sciences and research ระบุว่า การสูดดมกลิ่นสะระแหน่อาจช่วยขยายหลอดลม ส่งผลให้ออกซิเจนไหลเวียนเข้าปอดได้มากขึ้น จึงอาจช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงสุขภาพปอด กระเทียม กระเทียมเป็นอีกหนึ่งพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ เนื่องจากกระเทียมมีสารอัลลิซิน ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และช่วยลดความดันโลหิตสูง แปะก๊วย สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIH) ระบุว่า แปะก๊วยอุดมด้วยไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตภายในร่างกาย และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด ใบเตย ใบเตย เป็นพืชสมุนไพรที่นิยมนำมาใช้บำรุงสุขภาพตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากมีสรรพคุณทางยาสูง อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน […]


คอเลสเตอรอล

คอเลสเตอรอลสูง ทำให้คุณเสี่ยงเป็น โรคหลอดเลือดสมอง ได้จริงหรือ?

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายคุณมี คอเลสเตอรอลสูง คือการเลือกรับประทานอาหารที่ประกอบด้วยไขมันอิ่มตัวปริมาณเกินไป เช่น อาหารทอด เนื้อสัตว์ติดมัน จนในที่สุดไขมันเหล่านี้ก็อาจส่งผลกระทบทำให้คุณเสี่ยงเป็น โรคหลอดเลือดสมอง ได้ แต่สาเหตุดังกล่าวจะเป็นเพียงจริงเท็จแค่ไหนนั้น Hello คุณหมอ มีคำตอบมาฝากค่ะ ความเชื่อมโยงของ คอเลสเตอรอลสูง และ โรคหลอดเลือดสมอง ส่วนใหญ่โรคหลอดเลือดสมองมักพัฒนามาจากปัญหาด้านสุขภาพอย่างคอเลสเตอรอลสูง เนื่องจากระดับคอเลสเตอรอลที่เพิ่มขึ้นจากไขมันชนิดไม่ดีสะสมจนก่อตัวหนาตามผนังหลอดเลือด อาจทำให้กระทบต่อหลอดเลือดที่เชื่อมโยงกับสมอง ทำให้เกิดมีลิ่มเลือดจนปิดกั้นไม่ให้เลือดที่อุดมไปด้วยออกซิเจนผ่านเข้าไป โดยในระยะแรกคุณจะรู้สึกได้ถึงอาการปวดศีรษะอย่างไม่ทราบสาเหตุขึ้นมากะทันหัน จากนั้นจะลุกลามไปยังด้านการสื่อสาร การจดจำ การเรียนรู้การเข้าใจ หรือพูดรวม ๆ ได้ว่า สมองของคุณหยุดการทำงานนั่นเอง ที่สำคัญหากยังปล่อยไว้เป็นเช่นนี้เวลานาน ไม่เร่งเข้ารับการตรวจสอบทันที่รู้ว่าตนเองกำลังมีอาการผิดปกติ ก็อาจส่งผลสมองขาดเลือด หลอดเลือดในสมองตีบ และความจำเสื่อมร่วมด้วยได้ในที่สุด เราจะป้องกันการเกิด โรคหลอดเลือดสมอง ได้อย่างไร คุณสามารถป้องกันโรคหลอดเลือดสมองจาก คอเลสเตอรอล ที่เพิ่มขึ้นได้ด้วยการปรับพฤติกรรมบางอย่างด้วยการออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเน้นไฟเบอร์ โปรตีน เป็นหลัก เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด เนื้อสัตว์ไร้ไขมัน แต่หากกรณีที่คุณเป็นโรคหลอดเลือดสมองอย่างเต็มรูปแบบแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดอาการรุนแรงในโรคหลอดเลือดสมอง และป้องกันการเพิ่มระดับ คอเลสเตอรอล คุณควรงดสูบบุหรี่อย่างถาวร เพราะสารพิษในบุหรี่สามารถส่งผลไปทำลายหลอดเลือดให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมได้นั่นเอง ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เมื่อ คอเลสเตอรอลสูง ที่ควรระวัง การที่ร่างกายคุณมีระดับคอเลสเตอรอลสูง อาจไม่ได้เพียงแค่ก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองเท่านั้น แต่ยังทำให้คุณเสี่ยงเผชิญกับปัญหาอื่น ๆ […]


โรคความดันโลหิตสูง

ความดันโลหิตสูง สร้างความเสียหายต่อ สมอง ของคุณอย่างไรบ้าง

หากใครที่กำลังคิดว่าแค่ระดับ ความดันโลหิตสูง ไม่สามารถส่งผลอันตรายใด ๆ ต่อ สมอง อาจต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ วันนี้ Hello คุณหมอ จึงขอนำความเชื่อมโยงของความดันโลหิตสูงที่อาจสร้างความเสียหายให้แก่การทำงานของสมอง พร้อมเคล็ดลับการควบคุมความดันก่อนสมองจะถูกทำลาย มาฝากทุกคนกันค่ะ [embed-health-tool-heart-rate] ความดันโลหิตสูง ส่งผลอย่างไรต่อ สมอง ยิ่งคุณมีระดับความดันโลหิตเพิ่มขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งอาจทำให้สมองของคุณได้รับความเสียหายมากขึ้น เนื่องจากความดันโลหิตส่งผลให้ผนังหลอดเลือดที่เชื่อมโยงกับสมองได้รับความเสียหาย และอุดตันจนเลือดที่ประกอบด้วยออกซิเจนไม่สามารถเข้าไปหล่อเลี้ยงภายในให้สมองทำงานได้เต็มที่ อีกทั้งยังก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เพิ่มเติม ดังนี้ สมองขาดเลือดชั่วคราว (TIA) เป็นภาวะที่เลือดไม่สามารถไหลเวียนเข้าผ่านหลอดเลือดเข้าไปสู่สมองได้ บางกรณีอาจก่อให้เกิดลิ่มเลือดขึ้นเพิ่มเติม ที่เสี่ยงต่อนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองได้อย่างสมบูรณ์ ภาวะสมองเสื่อม (Dementia) หลอดเลือดแดงที่ตีบตันจากความดันโลหิตสูง อาจจำกัดการไหลเวียนของเลือด จนทำให้สมองไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะด้านการจดจำ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณนั้นเสี่ยงสมองเสื่อมได้ สมองขาดออกซิเจน การที่สมองของคุณได้รับเลือด หรือออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยงไม่เพียงพออาจทำให้เซลล์สมองของคุณตายได้ มากไปกว่านั้นยังอาจส่งผลให้หลอดเลือดแตก หรือตีบตัน จนก่อให้เกิดอันตรายเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มเติมอีกด้วย เคล็ดลับควบคุม ความดันโลหิต ก่อน สมอง เสียหาย หากคุณเช็กสุขภาพตนเองแล้วพบว่ามีระดับความดันโลหิตสูงตั้งแต่ระยะที่ 1 จนถึงระยะที่ 3 หรือตั้งแต่ 130/85 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป โปรดเร่งรักษา หรือควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับมาตรฐาน 120/80 มิลลิเมตรปรอท ด้วยวิธีง่าย […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม