พ่อแม่เลี้ยงลูก

ในทุกช่วงชีวิตของลูกน้อย เหล่าคุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องรู้วิธีดูแลและสนับสนุนสุขภาพโดยรวมของลูกน้อย เพื่อให้ความเป็นอยู่ของลูกน้อยดีขึ้น เพราะฉะนั้นใน พ่อแม่เลี้ยงลูก คุณจะได้พบกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงเคล็ดลับในการดูแลลูกให้แข็งแรง มีความสุข และสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์

เรื่องเด่นประจำหมวด

พ่อแม่เลี้ยงลูก

“ทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF” สกิลสำคัญที่ Gen Alpha- Beta ควรมีในโลกยุค AI

โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุค AI อะไรๆ ก็ดูจะง่ายดายไปหมด ในช่วงเวลาที่เด็กๆ ที่เกิดหลังปี 2020 กำลังเติบโต เทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างเช่น AI ก็อาจกลายเป็นปัจจัยที่ 5 คอยอำนวยความสะดวกให้ในหลายๆ ด้านของชีวิต และคงจะมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม  ความสะดวกสบายที่เกิดขึ้น อาจทำให้เด็กๆ ไม่มีโอกาสได้ฝึกทักษะจำเป็นของชีวิต ซึ่งอาจทำให้พ่อแม่เป็นกังวลว่าลูกๆ จะมีทักษะอะไรติดตัวไปบ้างเพื่อให้ประสบความสำเร็จในอนาคต แน่นอนว่า IQ เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ แต่เพียงแค่นั้นอาจยังไม่พอ ต้องมี “ทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF” ด้วย EF คืออะไร ทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF หรือ Executive Function คือกระบวนการทำงานของสมองส่วนหน้าที่มีหน้าที่ช่วยควบคุมความคิด อารมณ์ และพฤติกรรม รวมถึงแก้ไขปัญหา ซึ่งถือเป็นความสามารถในการบริหารจัดการชีวิตที่จะต่อยอดไปสู่ความสำเร็จ แต่ EF คือทักษะที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน โดยทักษะ EF ของเด็กช่วงปฐมวัย มีทั้งหมด 9 ด้าน ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มทักษะใหญ่ๆ ได้แก่ กลุ่มทักษะพื้นฐาน ประกอบไปด้วย การจดจำเพื่อใช้งาน การยั้งคิดไตร่ตรอง และการยืดหยุ่นทางความคิด ในกลุ่มนี้จะเน้นให้ความสำคัญกับกระบวนการทางความคิด  […]

หมวดหมู่ พ่อแม่เลี้ยงลูก เพิ่มเติม

สำรวจ พ่อแม่เลี้ยงลูก

พ่อแม่เลี้ยงลูก

สนามเด็กเล่น มีประโยชน์ต่อพัฒนาการของลูกน้อยอย่างไร

สนามเด็กเล่น เป็นพื้นที่สำหรับวิ่งเล่นและใช้เวลาทำกิจกรรมนอกบ้านของเด็กหลากหลายช่วงวัย ทั้งยังเป็นสถานที่ที่ช่วยให้ลูกได้พัฒนาทักษะต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวร่างกาย การแก้ไขปัญหา การแบ่งปัน การมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กคนอื่นในวัยใกล้เคียงกัน คุณพ่อคุณแม่จึงควรปล่อยให้ลูกได้เล่นและสำรวจอย่างอิสระ แต่ก็ควรดูแลสอดส่องลูกน้อยอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นขณะที่ลูกอยู่ในสนามเด็กเล่น [embed-health-tool-child-growth-chart] ประโยชน์ของ สนามเด็กเล่น การออกไปเล่นนอกบ้านของลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็นในบริเวณ สนามเด็กเล่น ของชุมชน โรงเรียน สถานรับเลี้ยงเด็ก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เด็กสามารถเล่นเครื่องเล่นต่าง ๆ รวมถึงได้มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กในวัยเดียวกัน นอกจากจะให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว ยังช่วยลดความเครียด ช่วยเพิ่มช่วงความสนใจ (Attention span) หรือระยะเวลาที่ลูกสามารถมีสมาธิและจดจ่อกับกิจกรรมได้โดยไม่มีสิ่งรบกวน และอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อยได้ ดังนี้ พัฒนาการด้านร่างกาย เมื่อออกไปนอกบ้านเพื่อเล่นสนุกในสนามเด็กเล่น ลูกจะได้พัฒนาทักษะการประสานงาน การเคลื่อนไหว การทรงตัว ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทั้งยังเสริมสร้างนิสัยที่ดีทางสุขภาพ อาจช่วยให้ลูกกระตือรือร้นในการออกไปทำกิจกรรมทางกาย และอยากใช้เวลากับโลกภายนอกมากกว่าที่จะนั่งเฉย ๆ เพื่อดูโทรทัศน์หรืออยู่หน้าจอมือถือ พัฒนาการด้านสติปัญญา การออกไปเล่นที่สนามเด็กเล่นถือเป็นโอกาสดีที่ลูกจะได้เคลื่อนไหว คิดวิเคราะห์ หาวิธีแก้ปัญหา และมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ซึ่งอาจช่วยให้ปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตที่โรงเรียนได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ การปีนป่ายเครื่องเล่นต่าง ๆ ยังอาจช่วยให้ลูกได้พัฒนาทักษะการตระหนักรู้ทางร่างกาย (Body awareness) และได้เรียนรู้ว่าตัวเองต้องอยู่ในท่าทางแบบไหนเพื่อจะปีนขึ้นไปได้ […]


พ่อแม่เลี้ยงลูก

เด็กดักแด้ สาเหตุ อาการ วิธีรักษาและการดูแล

เด็กดักแด้ (Harlequin Ichthyosis) เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูก เกิดจากเซลล์ผิวหนังแบ่งตัวผิดปกติ ทำให้ผิวหนังตกสะเก็ด แสบคัน แตกแยกเป็นแผ่น ๆ ทั่วร่างกาย โดยระดับความรุนแรงโรคอาจแตกต่างไปในแต่ละคน ในกรณีรุนแรง อาจทำให้เด็กเสี่ยงเสียชีวิตในช่วงไม่กี่วันหลังคลอดได้ ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคนี้ให้หายขาด แต่การดูแลอย่างเหมาะสมก็อาจช่วยให้เด็กมีคุณภาพชีวิตใกล้เคียงผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคนี้ได้ [embed-health-tool-child-growth-chart] เด็กดักแด้ คืออะไร เด็กดักแด้เป็นโรคทางพันธุกรรมที่รุนแรงและหายากซึ่งส่งผลต่อผิวหนังของผู้ป่วย โดยปกติแล้วผิวหนังจะเป็นเหมือนเกราะป้องกันร่างกายจากสิ่งแวดล้อมโดยรอบ แต่ผู้ที่เป็นโรคเด็กดักแด้ มักคลอดก่อนกำหนดพร้อมกับมีผิวหนังแข็ง หนา ตกสะเก็ด ห่อหุ้มทั่วทั้งร่างกาย และผิวหนังอาจรัดตึงจนแยกเป็นแผ่น กระทบต่อการควบคุมการสูญเสียน้ำ การควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย และการต่อสู้กับการติดเชื้อ สาเหตุของ เด็กดักแด้ เด็กดักแด้ เป็นความผิดปกติที่เกิดจากยีนด้อย (Autosomal Recessive) เนื่องจากการกลายพันธุ์ของยีน ABCA12 ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากทั้งพ่อและแม่ ยีนชนิดนี้เป็นยีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างผิวหนัง เมื่อกลายพันธุ์จึงทำให้ชั้นผิวหนังพัฒนาไม่สมบูรณ์ อีกทั้งยีน ABCA12 ที่กลายพันธุ์ยังไปยับยั้งไม่ให้เซลล์สร้างโปรตีน และขัดขวางการขนส่งน้ำมันเคลือบผิวไปยังชั้นผิว ส่งผลให้เด็กมีสภาพผิวที่เป็นเกล็ดแข็งและหนาผิดปกติ โดยหากคน ๆ หนึ่งได้รับยีนปกติและยีนกลายพันธุ์จากพ่อและแม่ ก็จะกลายเป็นพาหะของโรค แต่จะไม่แสดงอาการผิดปกติใด ๆ โอกาสของการเกิดเด็กดักแด้ หากทั้งพ่อและแม่เป็นพาหะ (มียีน ABCA12 กลายพันธุ์) อาจมีดังนี้ โอกาสที่ลูกจะเป็นโรคเด็กดักแด้ คือ 25% […]


เด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน

ชักโครก เด็ก ควรเริ่มใช้งานเมื่อไหร่ และวิธีฝึกให้เด็กนั่งส้วม

เด็กอายุประมาณ 1 ขวบครึ่งไปจนถึง 2 ขวบ เป็นวัยที่เหมาะสมในการฝึกให้เด็กหัดใช้กระโถนเพื่อขับถ่ายแทนการใส่ผ้าอ้อม และเมื่อเด็กใช้กระโถนและนั่งทรงตัวได้เองอย่างมั่นคงแล้ว จึงค่อยเริ่มฝึกให้เด็กขับถ่ายด้วยการใช้ ชักโครก เด็ก วิธีนี้นอกจากจะช่วยกระตุ้นให้เด็กมีพัฒนาการตามวัยแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ดีในการสอนเด็กเกี่ยวกับสุขอนามัยและการทำความสะอาดร่างกายหลังขับถ่ายอีกด้วย ทั้งนี้ ควรหาที่วางเท้าสำหรับขับถ่ายหรือเก้าอี้ตัวเล็กมาให้เด็กวางเท้าได้อย่างมั่นคง และเพื่อป้องกันเด็กพลัดตกจากชักโครก รวมถึงไม่ควรปล่อยให้เด็กอยู่ตามลำพังเป็นอันขาด [embed-health-tool-baby-poop-tool] ชักโครก เด็ก ควรเริ่มใช้เมื่อไหร่ เวลาที่เหมาะสมในการเริ่มใช้ชักโครก เด็ก คือ เมื่อคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นว่าเด็กใช้กระโถนได้คล่องแล้ว โดยทั่วไปจะอยู่ที่อายุประมาณ 1 ขวบครึ่งไปจนถึง 2 ขวบ ตามปกติแล้วเด็กส่วนใหญ่จะควบคุมการขับถ่ายของตัวเองได้อย่างเต็มที่ในช่วงอายุ 3-4 ขวบ แต่เด็กบางคนก็อาจยังมีปัญหาปัสสาวะรดที่นอนอยู่ ซึ่งอาจค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป สัญญาณที่แสดงว่าเด็กพร้อมใช้ชักโครก เด็ก หลังจากเด็กเปลี่ยนจากการสวมผ้าอ้อมอย่างเดียว ไปเป็นการขับถ่ายใส่ผ้าอ้อมควบคู่กับการใช้กระโถน หรือใช้กระโถนอย่างเดียวมาระยะหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตเห็นพฤติกรรมที่เป็นสัญญาณว่าเด็กพร้อมสำหรับการฝึกเข้าห้องน้ำแล้ว ดังนี้ เด็กสามารถขับถ่ายในกระโถนในท่านั่งยอง ๆ ได้อย่างมั่นคง เด็กลุกไปใช้กระโถนในตอนกลางคืนแทนการขับถ่ายใส่ที่นอนหรือใส่ผ้าอ้อมที่สวมอยู่ เด็กแสดงความสนใจที่จะเข้าไปขับถ่ายในห้องน้ำ เทคนิคการฝึกให้เด็กใช้ ชักโครก เด็ก วิธีเหล่านี้ช่วยให้เด็กฝึกใช้ชักโครก เด็ก อย่างได้ผล เป็นแบบอย่างให้เด็กเห็น เด็ก ๆ มักมีพฤติกรรมเลียนแบบผู้ใหญ่ คุณพ่อคุณแม่อาจเปิดประตูทิ้งไว้เพื่อแสดงให้เด็กเห็นวิธีเข้าห้องน้ำของผู้ใหญ่ เช่น เดินเข้าห้องน้ำไปนั่งบนโถส้วมและกดชักโครก จากนั้นก็ล้างมือหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง […]


เด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน

กระโถน เด็ก ควรให้ใช้เมื่อไหร่ และวิธีฝึกเด็กให้ขับถ่ายด้วยกระโถน

คุณพ่อคุณแม่อาจเริ่มฝึกให้เด็กใช้กระโถนในการขับถ่ายแทนการสวมผ้าอ้อม เมื่อเด็กอายุได้ประมาณ 1 ขวบครึ่งไปจนถึง 2 ขวบ เนื่องจากเป็นวัยที่เด็กสามารถทำตามคำสั่งง่าย ๆ ได้แล้ว และอาจแสดงพฤติกรรมว่าพร้อมใช้ กระโถน เด็ก เช่น เด็กไม่ขับถ่ายใส่ผ้าอ้อมหลังนอนกลางวัน เด็กบอกได้ว่าตัวเองกำลังจะถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ ทั้งนี้โดยคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรฝึกให้นั่งกระโถนเร็วเกินไปหรือบังคับให้เด็กใช้กระโถน เพราะอาจทำให้เด็กงอแง และฝึกขับถ่ายด้วยกระโถนได้ล่าช้ากว่าเดิม [embed-health-tool-baby-poop-tool] กระโถน เด็ก ควรเริ่มใช้เมื่อไหร่ ในช่วงขวบปีแรก เด็ก ๆ จะยังไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ การขับถ่ายของเด็กในวัยนี้จึงเป็นไปโดยอัตโนมัติและมักไม่เป็นเวลา เด็กมักจะเริ่มควบคุมการขับถ่ายของตัวเองได้มากขึ้นตอนอายุ 1 ขวบครึ่ง และอาจเริ่มแสดงพฤติกรรมที่เป็นสัญญาณว่าสามารถควบคุมระบบขับถ่ายได้ดีขึ้น เช่น ขับถ่ายเป็นเวลา ไม่ขับถ่ายหลังงีบหลับ ในช่วงที่เด็กอายุได้ประมาณ 1 ขวบครึ่งถึง 2 ขวบ จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มฝึกให้เด็กนั่งกระโถนเพื่อขับถ่าย และช่วยให้เด็กได้เรียนรู้การรักษาสุขอนามัย หากเริ่มช้าหรือเร็วกว่านี้อาจทำให้เด็กมีปัญหาในการขับถ่ายอย่างเป็นที่ด้วยตัวเอง ส่งผลให้พัฒนาการไม่เป็นไปตามวัย ทั้งนี้ พัฒนาการของเด็กแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เด็กบางคนก็อาจเริ่มใช้กระโถนเด็กในการขับถ่ายได้ในช่วงอายุ 3 ขวบ ซึ่งก็ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด สัญญาณว่าเด็กพร้อมใช้กระโถน เด็ก พฤติกรรมที่อาจแสดงว่าเด็กพร้อมเปลี่ยนจากขับถ่ายในผ้าอ้อมไปใช้กระโถน อาจมีดังนี้ เด็กไม่ขับถ่ายอย่างน้อย 2 ชั่วโมงในช่วงกลางวัน เด็กไม่ขับถ่ายใส่ผ้าอ้อมหลังนอนกลางวัน เด็กขับถ่ายเป็นเวลาและสม่ำเสมอ เช่น ถ่ายอุจจาระในช่วงเช้า เด็กแสดงสีหน้า […]


การเติบโตและพัฒนาการในวัยเรียน

ของเล่น เด็ก โต ส่งเสริมพัฒนาการลูกให้เรียนรู้ไวตั้งแต่เด็กจนโต

ตั้งแต่เล็กจนโต ของเล่นมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก เด็กแต่ละวัยจะมีการเล่นหรือของเล่นที่เหมาะสมแตกต่างกันไป ของเล่นไม่เพียงทำให้เด็กรู้สึกสนุกเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้ พัฒนาทักษะตั้งแต่วัยเยาว์ พ่อแม่จึงควรเลือกของเล่นให้เหมาะกับช่วงวัย เช่น ของเล่นเด็กเล็ก ของเล่น เด็ก โต เพราะพฤติกรรมการเล่นของเด็กจะพัฒนาตามวุฒิภาวะ ความพร้อมทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา [embed-health-tool-vaccination-tool] พฤติกรรมการเล่นของเด็กแต่ละช่วงวัย การเล่นจะช่วยกระตุ้นระบบประสาทสัมผัสในร่างกายของลูก จึงควรทราบถึงพฤติกรรมการเล่นของเด็กแต่ละช่วงวัย เพื่อพิจารณาเลือกของเล่นให้เหมาะว่า ของเล่นประเภทไหนสำหรับเด็กเล็ก หรือเป็นของเล่นเด็กโต ให้ทุกการเล่นของลูกได้พัฒนาร่างกาย จิตใจ และอารมณ์  พฤติกรรมการเล่นของเด็กแรกเกิดถึง 1 ปี เด็กวัยแรกเกิดถึง 3 เดือน จะเริ่มมีพัฒนาการด้านประสาทสัมผัสการมองเห็นและการได้ยินในช่วงแรกของชีวิต จึงเหมาะกับของเล่นที่มีสีสันสดใส มีเสียง และเคลื่อนไหวได้ การแขวนของเล่นสีสดใสที่มีเสียงแกว่งไปมา จะช่วยให้เด็กกรอกตามอง สังเกตความเคลื่อนไหว และได้ยินเสียงไปด้วย ต่อมาเด็กจะสามารถใช้กล้ามเนื้อในการเคลื่อนไหวได้ เริ่มบังคับกล้ามเนื้อได้ และชอบคว้าของเล่นเข้าปาก จึงควรเลือกของเล่นที่ปลอดภัย สามารถนำเข้าปากได้ ไม่อันตราย และไม่ควรมีขนาดเล็กเพื่อป้องกันไม่ให้ติดคอหรือสำลัก พฤติกรรมการเล่นของเด็กช่วงวัย 1-2 ปี เด็กวัยนี้เริ่มเกาะเดินได้ จึงควรได้ฝึกการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ อีกทั้งเป็นช่วงวัยที่ชอบเรียนรู้ สนุกกับอะไรใหม่ ๆ ผู้ใหญ่จึงควรอยู่ใกล้ชิดขณะที่เด็กเล่นของเล่นเพื่อความปลอดภัย […]


เด็กทารก

พัฒนาการ เด็ก 5 เดือน และวิธีเสริมพัฒนาการเด็กอย่างเหมาะสม

เด็ก 5 เดือน เป็นช่วงวัยที่มีการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด น้ำหนักจะเพิ่มมากขึ้น เด็กจะตัวใหญ่ขึ้น มีพัฒนาการทางกายภาพและการเคลื่อนไหว รวมถึงพัฒนาการในด้านอื่น ๆ ที่ชัดเจนมากขึ้น การเรียนรู้ถึง พัฒนาการ เด็ก 5 เดือน และวิธีเสริมพัฒนาการเด็กในวัยนี้อย่างเหมาะสม จะช่วยให้เด็กเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์สมวัย [embed-health-tool-bmi] พัฒนาการ เด็ก 5 เดือน มีอะไรบ้าง พัฒนาการทั่วไปของเด็กอายุ 5 เดือน อาจมีดังต่อไปนี้ พัฒนาการด้านอารมณ์และสังคม สามารถแสดงอารมณ์ได้หลากหลายขึ้น เช่น ยิ้มเมื่อมีความสุข เบ้ปากเมื่อไม่สบายตัว หัวเราะชอบใจ รู้สึกตื่นตัวเมื่อมีคนเข้ามาใกล้ ยิ้มแย้มเมื่อได้อยู่กับคนหรือเมื่อมีคนสนใจ จำหน้าคุณพ่อคุณแม่หรือคนในบ้านได้ พัฒนาการด้านภาษาและการสื่อสาร สามารถพูดอ้อแอ้ตามประสาทารกและอาจมีบางคำที่เริ่มฟังเหมือนคำพูดจริง ๆ มีการนำเสียงพยัญชนะและสระมาผสมเข้าด้วยกัน เช่น “มา-มา” แต่ยังอาจไม่เข้าใจความหมายของคำ และยังไม่รู้ว่าหมายถึงบุคคลใด แต่ถึงอย่างนั้นก็อาจหันศีรษะไปตามเสียงเรียกชื่อหรือคำสั่งง่าย ๆ ได้ เช่น คำว่า “ไม่” สามารถแสดงท่าทาง เคลื่อนไหวร่างกาย ใช้เสียงต่าง ๆ ในการสื่อสารเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ เช่น ร้องไห้เมื่อถูกขัดใจ ปัดมือออกเมื่อไม่อยากกินอาหาร ส่งเสียงเรียกให้คนเข้ามาหา ชูแขนให้อุ้ม พัฒนาการด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว […]


โภชนาการสำหรับทารก

อาหารเด็ก7เดือน ที่ช่วยเสริมสุขภาพและพัฒนาการ

นมแม่เป็นแหล่งพลังงานและสารอาหารหลักที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเด็ก 7 เดือน อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ อาหารเด็ก7เดือน ที่เป็นอาหารประเภทอื่นเสริมด้วยได้ โดยอาจให้เด็ก 7 เดือนกินธัญพืช พืชหัว ผักใบเขียว ผลไม้ ผลิตภัณฑ์จากนมวัว ไข่สุก เนื้อปลา ที่บดหรือปั่นจนละเอียดและเคี้ยวง่าย ในปริมาณน้อย วันละ 2-3 ครั้ง ซึ่งอาจเสริมสร้างโภชนาการและช่วยให้ทารกมีพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัย [embed-health-tool-child-growth-chart] เด็ก7เดือน กินอาหารแข็งได้หรือยัง อาหารแข็ง (Solid Food) เป็นอาหารที่ผ่านการบดจนละเอียดเพื่อช่วยให้ย่อยได้ง่าย เหมาะกับระบบย่อยอาหารของเด็กที่ยังทำงานได้ไม่เต็มที่ โดยทั่วไปจะเป็นผักและผลไม้บด เนื้อสัตว์บด ธัญพืชบด เป็นต้น บางครั้งอาจผสมกับนมแม่เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและช่วยให้เด็กกินได้สะดวกขึ้น คุณพ่อคุณแม่สามารถให้เด็กเริ่มกินอาหารแข็งได้เมื่อเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของเด็กเริ่มต้องการพลังงานมากขึ้นและจำเป็นต้องได้รับสารอาหารอื่น ๆ นอกเหนือไปจากนมแม่ในการเจริญเติบโต ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรให้กินนมแม่ในปริมาณเท่าเดิมควบคู่ไปด้วย ไม่ควรหยุดให้นมแม่โดยทันที เนื่องจากนมแม่ยังคงเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ มีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทั้งนี้ เด็ก 7 เดือน ถือเป็นวัยที่กินอาหารแข็งได้แล้ว และหากให้เด็กเริ่มกินอาหารแข็งตั้งแต่อายุ 6 เดือน ในตอนนี้เด็กก็จะคุ้นเคยกับการกินอาหารแข็งบ้างแล้ว แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่บดหรือปั่นอาหารให้ละเอียด เด็กจะได้กินง่ายขึ้นและช่วยให้ย่อยง่ายด้วย โดยควรให้เด็ก 7 เดือนกินอาหารแข็งครั้งละครึ่งถ้วย […]


เด็กทารก

ผ้าอ้อมเด็กแรกเกิด เลือกแบบไหนดี และวิธีป้องกันผื่นผ้าอ้อม

ผ้าอ้อม เด็ก แรก เกิด สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ ผ้าอ้อมแบบผ้า และผ้าอ้อมสำเร็จรูป หลายบ้านมักเลือกใช้ผ้าอ้อมเด็กแรกเกิดทั้ง 2 ประเภทสลับกันไปตามความสะดวก เช่น ใส่ผ้าอ้อมแบบผ้าในตอนกลางวันแล้วใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปในตอนกลางคืน ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาวิธีเปลี่ยนผ้าอ้อมที่ถูกต้อง เพราะอาจช่วยป้องกันการเกิดผื่นผ้าอ้อมได้ [embed-health-tool-baby-poop-tool] ผ้าอ้อม เด็ก แรก เกิด ควรเลือกอย่างไร การเลือกใช้ผ้าอ้อมเด็กแรกเกิดอาจพิจารณาจากข้อดีและข้อเสียของผ้าอ้อมแต่ละประเภท ดังนี้ ผ้าอ้อมเด็กแรกเกิดแบบผ้า (Cloth diaper) ผ้าอ้อมเด็กแรกเกิดแบบผ้า เช่น ผ้าอ้อมผ้าสาลู ผ้าอ้อมหนังไก่ (ทำจากผ้าสำลีกับผ้าสาลู) สามารถระบายอากาศได้ดีและไม่ทำให้ผิวระคายเคือง ทั้งยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากผ้าอ้อมเด็กแรกเกิดแบบผ้าสามารถซักให้สะอาดและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ข้อดี อ่อนโยนต่อผิวเด็กที่บอบบาง ระบายอากาศได้ดี ลดการเกิดผื่นผ้าอ้อม มีชนิดของเนื้อผ้าให้เลือกเยอะ ประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าแบบใช้แล้วทิ้ง สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีก ข้อเสีย ซึมเปื้อนได้ง่าย อาจต้องใช้กางเกงหรือแผ่นรองซับ ต้องซักผ้าอ้อมเป็นประจำทุกวัน ไม่สะดวกเมื่อต้องเดินทาง ผ้าอ้อมเด็กแรกเกิดแบบสำเร็จรูป (Disposable diaper) หรือผ้าอ้อมเด็กแบบใช้แล้วทิ้ง เป็นผ้าอ้อมเด็กที่มีคุณสมบัติดูดซับของเสียได้ดี มีทั้งแบบเทปกาวและแบบกางเกง สำหรับเด็กแรกเกิด คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแบบเทปกาวที่มีราคาถูกกว่าเนื่องจากเด็กในวัยนี้จะขับถ่ายบ่อย โดยเฉพาะหลังกินนมทุกครั้ง ทำให้อาจต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมประมาณ 10 ครั้ง/วัน […]


เด็กทารก

ทารก 2 เดือน และการเสริมพัฒนาการอย่างสร้างสรรค์

ทารก 2 เดือน เป็นวัยที่เริ่มแสดงลักษณะนิสัยให้คุณพ่อคุณแม่เห็นมากขึ้น คุณแม่จะเริ่มสังเกตได้ว่าลูกชอบหรือไม่ชอบอะไร จะนอนหลับ ขับถ่าย หรือรู้สึกหิวช่วงไหน โดยทั่วไป ทารกวัยนี้จะเริ่มตื่นในตอนกลางวันมากขึ้น เปิดโอกาสให้คุณพ่อคุณแม่ได้สื่อสารกับทารกมากขึ้น อีกทั้งทารก 2 เดือนยังสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายได้ราบรื่นขึ้น เริ่มแสดงกิริยาเพื่อสื่อสารกับคนรอบข้าง คุณพ่อคุณแม่อาจช่วยเสริมพัฒนาการของทารก 2 เดือนได้ด้วยการใช้เวลาพูดคุย เปิดเพลงกล่อมเบา ๆ เล่านิทานให้ฟังก่อนนอน เป็นต้น [embed-health-tool-child-growth-chart] ทารก 2 เดือน และพัฒนาการที่ควรรู้ พัฒนาการทั่วไปของทารก 2 เดือน อาจมีดังต่อไปนี้ พัฒนาการด้านอารมณ์และสังคม มีท่าทางสงบลงเมื่อถูกอุ้มและมีคนพูดคุยด้วย ยิ้มแย้มเมื่อมีคนพูดคุยด้วยหรือยิ้มให้ แสดงอาการดีใจเมื่อมีคนเดินเข้าไปหา ชอบมองใบหน้าของคุณพ่อคุณแม่ พัฒนาการด้านภาษาและการสื่อสาร ตื่นตัวเมื่อได้ยินเสียงและหันไปหาต้นเสียง ส่งเสียงอ้อแอ้ แทนที่จะร้องไห้เพียงอย่างเดียว แสดงออกทางสีหน้าและท่าทางเพื่อพยายามบอกความต้องการของตัวเอง พัฒนาการด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว ยกศีรษะเมื่ออยู่ในท่านอนคว่ำ ขยับแขนขาทั้งสองข้างไปมาได้อย่างราบรื่น คลายมือออกได้ เอื้อมมือไปจับใบหน้าของคนที่เอาหน้ามาใกล้ ๆ แกว่งมือไปทางวัตถุ พัฒนาการด้านสติปัญญา เริ่มมองตามคนและวัตถุ เริ่มงอแงหรือหงุดหงิดเมื่อรู้สึกเบื่อหน่าย ให้ความสนใจกับใบหน้าที่เห็น สัญญาณความผิดปกติใน ทารก 2 เดือน ตามปกติแล้ว พัฒนาการของทารกแต่ละคนจะแตกต่างกันไป และอาจพัฒนาได้ช้าเร็วไม่เท่ากันแม้จะอยู่ในวัยเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หากทารก 2 เดือน มีความผิดปกติต่อไปนี้ […]


พ่อแม่เลี้ยงลูก

ครีมกันแดดเด็ก แบบไหนกันแดดได้ดี และปลอดภัยต่อลูกน้อย

การใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันเพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวี เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก ๆ ที่มีผิวบอบบาง เมื่อเด็กอายุเกิน 6 เดือน คุณพ่อคุณแม่ควรทา ครีมกันแดดเด็ก ซึ่งมีส่วนประกอบที่อ่อนโยนต่อผิวเด็ก และควรสอนให้เด็ก ๆ ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน และทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อให้ครีมกันแดดสามารถช่วยปกป้องผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ [embed-health-tool-child-growth-chart] ครีมกันแดดเด็ก ควรเลือกแบบไหน การสัมผัสแสงแดดโดยตรง อาจทำให้ผิวหนังได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต หรือรังสียูวี (Ultraviolet หรือ UV) ซึ่งประกอบไปด้วยรังสียูวีเอ (UVA) ที่มีส่วนสร้างความเสียหายให้กับผิว อาจทำให้ผิวเกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และความหมองคล้ำ และรังสียูวีบี (UVB) ที่ทำให้ผิวชั้นนอกไหม้แดด กระตุ้นการสร้างเมลานินใหม่เป็นสีน้ำตาล ทำให้ผิวดูหมองคล้ำ ทั้งยังทำลายดีเอ็นเอใต้ผิวหนัง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง สำหรับการป้องกันผิวของลูกน้อยจากแสงแดดอย่างมีประสิทธิภาพ คุณพ่อคุณแม่ควรเลือก ครีมกันแดดเด็ก ที่มีซิงค์ออกไซด์ (Zinc oxide) หรือ ไททาเนียมไดออกไซด์ (Titanium dioxide หรือ TiO2) เป็นส่วนประกอบ เนื่องจากมีความสามารถในการเป็นเกราะป้องกันแสงแดดและสะท้อนแสงแดด ทั้งยังเป็นสารที่อ่อนโยนต่อผิวและไม่ทำให้ผิวเด็กที่บอบบางระคายเคือง นอกจากนี้ ควรเลือกครีมกันแดดเด็กที่มีค่าเอสพีเอฟ (SPF) […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน