สุขภาพทางเพศ

สุขภาพทางเพศ คืออีกหนึ่งส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข Hello คุณหมอ จึงอยากนำเสนอเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ ทั้งการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไปจนถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ผู้อ่านได้มีสุขภาพทางเพศที่ดีมากยิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพทางเพศ

HPV ในผู้หญิงตั้งครรภ์ ส่งผลกระทบต่อคุณแม่และลูกน้อยอย่างไร

HPV หรือ Human Papillomavirus เป็นไวรัสที่มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ โดยบางสายพันธุ์สามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกและภาวะผิดปกติอื่น ๆ ในระบบสืบพันธุ์ สตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ HPV มักกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของตัวเองและทารกในครรภ์ โดยเฉพาะการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การคลอดก่อนกำหนด และการถ่ายทอดไวรัสสู่ทารกในระหว่างคลอด ผลกระทบของ HPV ต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ ผลกระทบต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ การเกิดหูดบริเวณอวัยวะเพศ (Genital Warts) การติดเชื้อ HPV อาจกระตุ้นการเกิดหูดในบริเวณอวัยวะเพศ หูดเหล่านี้อาจโตขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและระบบไหลเวียนเลือด หากหูดมีขนาดใหญ่ อาจก่อให้เกิดความเจ็บปวดหรือขัดขวางการคลอดทางช่องคลอด การเปลี่ยนแปลงในปากมดลูก การติดเชื้อ HPV โดยเฉพาะสายพันธุ์ความเสี่ยงสูง อาจทำให้เกิดความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูก ซึ่งอาจพัฒนาไปเป็นมะเร็งปากมดลูกได้หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ ความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร ในบางกรณี การติดเชื้อ HPV อาจเกี่ยวข้องกับการเพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งบุตรในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะหากมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด การติดเชื้อ HPV อาจกระตุ้นการอักเสบในระบบสืบพันธุ์ ซึ่งส่งผลต่อการคลอดก่อนกำหนด การคลอดก่อนกำหนดอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพในระยะยาวสำหรับทารก เช่น การเจริญเติบโตที่ช้ากว่าปกติ ผลกระทบต่อทารกในครรภ์และหลังคลอด การติดเชื้อในทารก แม้โอกาสที่ HPV จะส่งต่อถึงทารกในครรภ์มีน้อย แต่มีรายงานว่าการคลอดทางช่องคลอดในกรณีที่แม่มีหูดหรือการติดเชื้อ HPV […]

หมวดหมู่ สุขภาพทางเพศ เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพทางเพศ

การคุมกำเนิด

การตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้อย่างไร และวิธีป้องกันการตั้งครรภ์หากไม่พร้อมมีบุตร

หลายคนอาจสงสัยว่า การตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งที่หลั่งนอกหรือป้องกันด้วยการสวมถุงยางในระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์ ซึ่งการตั้งครรภ์นั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ หากยังไม่พร้อมมีบุตรจึงควรศึกษาการป้องกันการตั้งครรภ์ให้ถูกวิธีหรือขอคำปรึกษาจากคุณหมอเพื่อเลือกวิธีการคุมกำเนิดได้อย่างเหมาะสม [embed-health-tool-ovulation] การตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้อย่างไร การตั้งครรภ์จะเกิดขึ้นต่อเมื่อร่างกายของผู้หญิงผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เพื่อกระตุ้นการปล่อยไข่และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้นเพื่อเตรียมให้ตัวอ่อนฝังตัว ซึ่งกระบวนการตกไข่นี้จะเกิดขึ้นทุกรอบเดือน ประมาณ 28-35 วัน เดือนละ 1 ครั้ง โดยเริ่มนับวันแรกที่มีประจำเดือนมา และปล่อยไข่ไปยังท่อนำไข่เพื่อรอการปฏิสนธิกับอสุจิ  สำหรับผู้ชายภายในอัณฑะจะมีท่อเซมินิเฟอรัส (Seminiferous tubule) ที่มีหน้าที่สำคัญในการสร้างอสุจิ เมื่อผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ทำให้ไปถึงจุดสุดยอดจึงอาจเกิดการหลั่งอสุจิออกมาผ่านทางท่อนำส่งที่อยู่ภายในอวัยวะเพศหลังอัณฑะของแต่ละข้างเข้าสู่หลอดนำอสุจิไปยังท่อปัสสาวะและเข้าสู่ช่องคลอดเพื่อปฏิสนธิกับไข่ของผู้หญิง เมื่ออสุจิและไข่เกิดการปฏิสนธิขึ้นจึงเริ่มพัฒนากลายเป็นตัวอ่อนที่จะเข้าไปฝังตัวในโพรงมดลูกผู้หญิงภายใน 6-10 วันหลังจากปฏิสนธิและก่อให้เกิดการตั้งครรภ์ซึ่งอาจรู้ผลชัดเจนประมาณ 14 วัน หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันที่มีการหลั่งใน จะรู้ได้อย่างไรว่าตั้งครรภ์ หลังจากมีเพศสัมพันธ์แบบไม่สวมถุงยางอนามัยหรือมีการหลั่งใน หากสังเกตว่าประจำเดือนไม่มานานกว่า 1 เดือน เต้านมคัด เต้านมขยาย มีเลือดออกจากช่องคลอดเล็กน้อยที่เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อนในมดลูก เหนื่อยล้าง่าย อารมณ์แปรปรวนและรู้สึกแพ้ท้อง ควรตรวจครรภ์ด้วยที่ตรวจครรภ์ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปหรือเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจครรภ์โดยตรง  วิธีป้องกันการตั้งครรภ์หากไม่พร้อมมีบุตร วิธีป้องกันการตั้งครรภ์หากไม่พร้อมมีบุตร อาจทำได้ดังนี้ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ โดยใช้วิธีอื่นแทน เช่น การช่วยตัวเอง การใช้เซ็กส์ทอย หรือการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก เพื่อลดความเสี่ยงการหลั่งในช่องคลอดที่นำไปสู่การตั้งครรภ์ ถุงยางอนามัย เป็นวิธีคุมกำเนิดที่ใช้งานง่ายและสะดวก ที่มีในรูปแบบทั้งผู้ชายและผู้มีหญิงโดยควรเลือกขนาดให้เหมาะสมและศึกษาวิธีใช้ให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันถุงยางแตก ถุงยางรั่ว ถุงยางหลุดที่ทำให้อสุจิเข้าไปในช่องคลอดนำไปสู่การตั้งครรภ์ได้ ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน หรือมีเพียงฮอร์โมนโปรเจสตินอย่างเดียว ซึ่งมีทั้งรูปแบบ 21 […]


การคุมกำเนิด

ไม่ใส่ถุงยางมีโอกาสท้องไหม และวิธีป้องกันตัวเองไม่ให้ท้อง

หลายคนอาจสงสัยว่า ไม่ใส่ถุงยางมีโอกาสท้องไหม อาจเป็นไปได้ว่าท้องและไม่ท้อง แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมมีบุตรหรือไม่พร้อมตั้งครรภ์ ควรคำถึงความปลอดภัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ด้วยการสวมถุงยางอนามัยและการใช้ยาคุมกำเนิดให้ถูกวิธี เพราะอาจช่วยลดความเสี่ยงการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ [embed-health-tool-ovulation] ไม่ใส่ถุงยางมีโอกาสท้องไหม การไม่ใส่ถุงยางเมื่อมีเพศสัมพันธ์อาจมีโอกาสเสี่ยงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะหลั่งในเข้าสู่ช่องคลอดเมื่อถึงจุดสุดยอด นอกจากนี้การหลั่งนอกก็ยังอาจทำให้มีโอกาสการตั้งครรภ์ เพราะอสุจิอาจเล็ดลอดออกมาพร้อมกับน้ำหล่อลื่นของผู้ชายและเข้าสู่ช่องคลอดของผู้หญิง ตั้งแต่ก่อนช่วงหลั่งจริงๆ เพราะฉะนั้นการหลั่งข้างนอกในทางปฏิบัติ ถึงมีโอกาสตั้งครรภ์สูงได้ถึง 20% และถึงแม้ว่าจะรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินหรือยาคุมรายเดือน หากรับประทานผิดวิธี เช่น ไม่รับประทานยาในช่วงเวลาที่กำหนด ลืมรับประทานยาคุม ลืมกินยาคุม 1-3 วัน ก็อาจเสี่ยงทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น การสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์จึงเป็นวิธีที่ช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์สำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมมีบุตรและไม่พร้อมตั้งครรภ์อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกที่สุด อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเริม โรคหูดหงอนไก่ โรคหนองในแท้ โรคหนองในเทียมได้อีกด้วย คำแนะนำในการคุมกำเนิด คำแนะนำในการคุมกำเนิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการตั้งครรภ์ อาจมีดังต่อไปนี้ การใช้ยาคุม เช่น ยาคุมกำเนิดแบบรับประทาน การฝังยาคุม การใส่ห่วงคุมกำเนิด การแปะแผ่นคุมกำเนิด ที่ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสตินที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเมือกบริเวณปากมดลูกให้หนาขึ้น ทำให้อสุจิเข้าไปผสมกับไข่ได้ยาก ควรรับประทานยาคุมให้ตรงเวลา สำหรับยาคุมในรูปแบบอื่น ๆ ควรถอดเปลี่ยนตามวันและเวลาที่คุณหมอกำหนด เพื่อให้การคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หลีกเลี่ยงการรับประทานยาคุมกำเนิดร่วมกับยาบางชนิด เช่น ยารักษาต้านไวรัสเอชไอวี ยารักษาโรคลมชัก ยาสมุนไพร เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดลดลง และควรแจ้งให้คุณหมอทราบหากรับประทานยารักษาโรคประจำตัว รวมถึงวิตามิน สมุนไพรต่าง ๆ เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานยาคุมอย่างถูกวิธี […]


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

Pid (Pelvic Inflammatory Disease) คือ โรคอะไร และมีวิธีการรักษาอย่างไร

Pid คือ โรค อะไร อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย ซึ่ง Pid ย่อมาจาก Pelvic Inflammatory Disease หรือโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ ที่เกิดจากระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิงส่วนบนติดเชื้อ ที่ควรเข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็วเมื่อมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องน้อย ไข้ ตกขาวผิดปกติ  เจ็บปวดช่องคลอดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะลำบาก กลิ่นเหม็นในช่องคลอด ไข้ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ฝีที่ท่อรังไข่ ปวดอุ้งเชิงกรานเรื้อรัง [embed-health-tool-ovulation] Pid คือ โรค อะไร Pid คือ โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ที่มักติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ส่วนบนของผู้หญิง เช่น มดลูก รังไข่ ท่อ นำไข่ ส่งผลให้อุ้งเชิงกรานอักเสบ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจทำให้ผู้หญิงอุ้งเชิงกรานอักเสบ ดังนี้ มีคู่นอนหลายคน ไม่สวมถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ การสวนล้างอวัยวะเพศผิดวิธี ที่ทำให้แบคทีเรียชนิดดีภายในช่องคลอดเสียสมดุลนำไปสู่การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน เคยมีประวัติเป็นโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน อาการของ Pid อาการของโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ อาจมีดังต่อไปนี้ ปวดท้องน้อยหรือรู้สึกเจ็บท้องน้อยเมื่อกด สีตกขาวผิดปกติที่อาจมีสีเหลืองหรือเขียว  ตกขาวไหลออกปริมาณมากและมีกลิ่นเหม็น มีเลือดออกจากช่องคลอด โดยเฉพาะระหว่างหรือหลังจากมีเพศสัมพันธ์ อาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ […]


เคล็ดลับเรื่องบนเตียง

5 วิธีช่วยตัวเองของผู้หญิง ให้ไปถึงจุดสุดยอด

วิธีช่วยตัวเองของผู้หญิง อาจทำได้หลายวิธีโดยสามารถเลือกตามความชอบ เช่น การใช้นิ้ว การใช้เซ็กส์ทอย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพื่อช่วยให้ตนเองไปถึงจุดสุดยอดหรือสำเร็จความใคร่ โดยไม่จำเป็นต้องมีคู่นอนอีกทั้งยังลดความเสี่ยงจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์สำหรับผู้หญิงที่ไม่พร้อมมีบุตร อย่างไรก็ตาม การช่วยตัวเองยังคงมีความเสี่ยงการติดเชื้อในช่องคลอดได้ ดังนั้น จึงควรช่วยตัวเองอย่างถูกวิธีและมีสุขอนามัย [embed-health-tool-ovulation] วิธีช่วยตัวเองของผู้หญิงมีประโยชน์อย่างไร วิธีช่วยตัวเองของผู้หญิงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การใช้เซ็กส์ทอย การใช้นิ้วสอดเข้าไปในช่องคลอด การเสพสื่อลามก จนไปถึงจุดสุดยอดหรือสำเร็จความใคร่ อาจให้ประโยชน์ต่อสุขภาพกายและจิตใจที่ช่วยให้เลือดสูบฉีดดีขึ้น เพิ่มความแข็งแรงให้อุ้งเชิงกราน ลดความเครียด เพิ่มความนับถือในตัวเองและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากคู่นอน เช่น โรคเริม โรคซิฟิลิส โรคหนองในแท้ โรคหนองในเทียม โรคเอดส์ โรคหูดหงอนไก่ และการตั้งครรภ์สำหรับผู้หญิงที่ยังไม่พร้อมมีบุตร 5 วิธีช่วยตัวเองของผู้หญิง 5 วิธีช่วยตัวเองของผู้หญิง ไปให้ถึงจุดสุดยอด อาจทำได้ดังนี้ 1.สร้างบรรยากาศภายในห้อง การสร้างบรรยากาศภายในห้องก่อนช่วยตัวเอง ด้วยการจุดเทียน เปิดไฟสลัว ฉีดสเปรย์ปรับอากาศ เปิดเพลงตามชอบ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมช่วยตัวเองให้สำเร็จความใคร่และไปถึงจุดสุดยอด 2.สวมชุดวาบหวิว  การสวมชุดวาบหวิวหรือสวมชุดตามบทบาทที่ตนเองชอบ เช่น ชุดนอนลูกไม้ บรา บิกินี่ ชุดคอสเพลย์ หรือชุดตำรวจ ชุดพยาบาล ชุดแม่บ้าน อาจกระตุ้นอารมณ์ทางเพศให้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เพื่อช่วยไปให้ถึงจุดสุดยอดและเพิ่มอรรถรสอาจค่อย ๆ ปลดเสื้อผ้าตัวเองในขณะที่ช่วยตัวเองร่วมด้วยได้ 3.เล้าโลมตัวเอง  การเล้าโลมตัวเองด้วยการลูบไล้ นวด […]


สุขภาพทางเพศ

ผู้หญิง เป็น เมนส์ และการดูแลตัวเองให้ประจำเดือนมาปกติ

ผู้หญิง เป็น เมนส์ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นทุก ๆ 28 วัน หรืออาจมาช้าหรือเร็วกว่านั้นเมื่อไม่มีการตั้งครรภ์ แต่สำหรับบางคนอาจเป็นเมนส์ผิดปกติ เช่น เมนส์มามากจนเกินไป เมนส์ไม่มา 1-2 เดือน สีเมนส์ที่ไหลออกจากช่องคลอดมีสีผิดปกติ ดังนั้น จึงควรศึกษาวิธีการดูแลตัวเองหรือขอคำแนะนำจากคุณหมอ เพื่อช่วยให้เมนส์มาปกติ [embed-health-tool-ovulation] ผู้หญิงเป็นเมนส์ เพราะอะไร ผู้หญิงเป็นเมนส์ เพราะไม่มีการฝังตัวของตัวอ่อนหรือไม่มีการตั้งครรภ์ ปกติแล้วร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เพิ่มขึ้นเพื่อช่วยกระตุ้นการปล่อยไข่จากรังไข่ ช่วยทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้นเพื่อรองรับการฝังตัวของตัวอ่อนและเกิดเป็นการตั้งครรภ์ ดังนั้น เมื่อไม่มีการฝังตัวและไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ระดับฮอร์โมนเพศจะลดลงและส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกหลุดลอกออกและไหลออกมาทางช่องคลอดที่เรียกว่า “ประจำเดือน” หรือ “เมนส์”  ลักษณะของผู้หญิงเป็นเมน์ปกติมักจะมาทุก ๆ 28 วัน บางคนอาจมาช้าหรือเร็วกว่านั้น และเป็นนานประมาณ 3-7 วัน ที่จะมีสีเลือดสีชมพู น้ำตาล ดำ ในช่วงวันแรกหรือใกล้เมนส์หมด และจะมีสีแดงในช่วงวันที่ 2-4 นอกจากนี้แต่ละรอบเดือนจะของการเป็นเมนส์จะระยะห่างกันประมาณ 21-35 วัน และมักมาในช่วงเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกันทุกรอบเดือน โดยสังเกตได้จากอาการท้องเสีย ท้องอืด เจ็บเต้านม อารมณ์แปรปรวน สิวขึ้น ปวดท้องน้อย […]


สุขภาพทางเพศ

Dermoid Cyst คืออะไร มีสาเหตุและการรักษาอย่างไร

Dermoid Cyst คือ หนึ่งในประเภทของโรคซีสต์ถุงน้ำในรังไข่ที่เรียกว่า ซีสต์เดอร์มอยด์ ที่สามารถเกิดขึ้นภายในรังไข่ข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง และอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของรังไข่ โดยสังเกตได้จากอาการปวดอุ้งเชิงกราน ขับถ่ายลำบาก ประจำเดือนมาไม่ปกติ เป็นต้น หากไม่ทำการรักษาก็อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ เช่น เลือดออกในอุ้งเชิงกรานและซีสต์ในรังไข่แตก [embed-health-tool-ovulation] Dermoid Cyst คือ Dermoid Cyst คือ ก้อนซีสต์ที่ภายในประกอบด้วยไขมัน เนื้อเยื่อ ฟัน กระดูก เส้นประสาทและเส้นขน มักพบได้บ่อยในรังไข่ข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง อย่างไรก็ตามซีสต์เดอร์มอยด์พบได้บริเวณศีรษะ ต้นคอ ขอบตา กระดูกสันหลัง สมองและจมูก ซึ่งมีสาเหตุมากจาการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อผิดปกติ โดยอาจมีปัจจัยเสี่ยงบางอย่างเป็นตัวกระตุ้น ดังนี้ การใช้ยาช่วยให้เกิดการตกไข่ เช่น โคลมีฟีน (Clomiphene) เลโทรโซล (Letrozole) ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดซีสต์เดอร์มอยด์ในรังไข่ การตั้งครรภ์ หากภายในรังไข่มีไข่ตกค้างอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ ก็อาจพัฒนาไปสู่ซีสต์เดอร์มอยด์ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เพราะเยื่อบุโพรงมดลูกบางส่วนอาจเกาะติดกับรังไข่และพัฒนากลายเป็นซีสต์เดอร์มอยด์ การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน เพราะอาจทำให้แพร่กระจายไปยังรังไข่จนนำไปสู่การเกิดซีสต์เดอร์มอยด์ อาการของ Dermoid Cyst คืออะไร อาการของซีสต์เดอร์มอยด์ อาจสังเกตได้ดังนี้ รู้สึกมีแรงกดทับภายในท้อง ปวดอุ้งเชิงกรานแบบเป็น ๆ หาย ๆ ปวดท้องน้อยเฉียบพลัน […]


สุขภาพทางเพศ

ตกขาวเกิดจากอะไร วิธีแก้ และการดูแลสุขภาพช่องคลอด

ตกขาวเกิดจากอะไร อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย ตกขาว เป็นสารคัดหลั่งที่ไหลออกจากช่องคลอดซึ่งเป็นระบวนการทำความสะอาดของระบบสืบพันธุ์ เพื่อช่วยขจัดสิ่งสกปรกภายในช่องคลอด แต่หากสังเกตว่าตกขาวออกมาในปริมาณมากเกินไป มีลักษณะข้นเป็นก้อน มีสีผิดปกติที่ไม่ใช่สีขาวใส และมีกลิ่นเหม็น ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจและ วิธีแก้ อย่างรวดเร็วเพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของการติดเชื้อที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของช่องคลอดได้ [embed-health-tool-ovulation] ตกขาวเกิดจากอะไร และมี วิธีแก้ อย่างไร ตกขาวเกิดจากอะไร  ตกขาวเกิดจากอวัยวะภายในช่องคลอด เช่น ต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ ต่อมบาร์โธลิน ต่อมสกีน (Skene's gland) ผนังช่องคลอด ปากมดลูก โพรงมดลูกและท่อนำไข่ ที่ขับสารคัดหลั่งออกมาจากช่องคลอดมีลักษณะเป็นมูก สีใส ข้นเหนียวหรือเป็นน้ำ เพื่อช่วยดักจับและขจัดสิ่งสกปรก แบคทีเรีย เซลล์ที่ตายแล้ว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในช่องคลอดและป้องกันภาวะช่องคลอดแห้ง  วิธีแก้ ตกขาว  โดยปกติแล้วไม่จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติของกระบวนการทำความสะอาดในระบบสืบพันธุ์ แต่หากสังเกตว่ามีปริมาณตกขาวมากเกินไป มีอาการคัน ตกขาวเปลี่ยนเป็นสีอื่น ๆ และมีอาการเจ็บแสบขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ ควรเข้ารับการวินิจฉัยโดยคุณหมอเพื่อหาสาเหตุให้ชัดเจนและรับการรักษาอย่างเหมาะสม ก่อนนำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น อุ้งเชิงกรานอักเสบ ท่อนำไข่ตัน ปีกมดลูกอักเสบและเสี่ยงตั้งครรภ์นอกมดลูก วิธีแก้ตกขาว ผิดปกติอาจทำได้ดังนี้ ยาทินิดาโซล (Tinidazole) เป็นยาปฏิชีวนะ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นตกขาวผิดปกติที่เกิดจากแบคทีเรียธรรมชาติในข่องคลอดหรือจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อปรสิต โดยควรรับประทานพร้อมอาหารวันละ 1 ครั้ง นอกจากนี้ควรเข้าพบคุณหมออย่างรวดเร็วหากมีอาการผิดปกติในระหว่างรับประทานยา เช่น […]


สุขภาพทางเพศ

วิธีการเพิ่มสมรรถภาพเพศชาย โดยธรรมชาติ ทำได้อย่างไรบ้าง

สมรรถภาพทางเพศชาย คือ ความสามารถด้านการมีเพศสัมพันธ์ที่หมายถึงการมีอารมณ์ทางเพศ อวัยวะเพศแข็งตัวและตอบสนองได้ดีเมื่อถูกกระตุ้น จนนำไปสู่การสำเร็จความใคร่ แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศอาจทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัวส่งผลให้ตนเองและคนรักหมดอารมณ์ทางเพศหรือเสร็จเร็วจนเกินไป ดังนั้น จึงควรศึกษาวิธีการ เพิ่มสมรรถภาพเพศชาย ธรรมชาติ หรือขอคำปรึกษาจากคุณหมอเพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างเหมาะสม  [embed-health-tool-heart-rate] เหตุผลที่ควรเพิ่มสมรรถภาพเพศชาย การเพิ่มสมรรถภาพทางเพศชาย อาจมีความสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนให้มีเพศสัมพันธ์ได้อย่างราบรื่นจนไปถึงสำเร็จความใคร่ เพราะการมีเพศสัมพันธ์อาจช่วยผ่อนคลายความเครียด กระชับความสัมพันธ์กับคนรัก เผาผลาญแคลอรี่ ลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก หัวใจสูบฉีดเลือดให้ไหลเวียนได้ดีที่ลดความเสี่ยงความดันโลหิตสูงและบำรุงสุขภาพหัวใจ เพราะหากปล่อยให้สมรรถภาพทางเพศหย่อนหรือเสื่อมลงเป็นเวลานานอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจ ความนับถือตัวเองต่ำ และความสัมพันธ์ระหว่างคนรักแย่ลงได้  วิธี เพิ่มสมรรถภาพเพศชาย ธรรมชาติ วิธี เพิ่มสมรรถภาพเพศชาย ธรรมชาติ อาจทำได้ดังนี้ รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยแต่ละมื้อควรประกอบด้วยผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี เนื้อสัตว์ไม่ติดไขมัน เช่น ปลาแซลมอน อกไก่ ปลาทู อัลมอนด์ อะโวคาโด ผักใบเขียว แครอท ฟักทอง ส้ม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ องุ่น แตงโม และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแปรรูปและอาหารประเภทแป้ง เช่น ข้าวขาว เส้นก๋วยเตี๋ยว ขนมปังขาว เพราะอาจทำให้ร่างกายสะสมคอเลสเตอรอลและได้รับแคลอรี่สูงที่อุดตันในหลอดเลือดส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดไปยังองคชาต ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที เป็นเวลา 5 […]


สุขภาพทางเพศ

ผู้หญิงช่วยตัวเองยังไง ให้สำเร็จความใคร่และปลอดภัย

การช่วยตัวเอง เพื่อไปให้ถึงจุดสุดยอดหรือสำเร็จความใคร่ เป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้เมื่อรู้สึกมีอารมณ์ทางเพศ ซึ่งอาจมีวิธีที่แตกต่างกันออกไปตามเพศและรสนิยม ยกตัวอย่างเช่น สำหรับผู้หญิงอาจมีการใช้อุปกรณ์หรือนิ้วสอดใส่ในช่องคลอด ซึ่งหากทำไม่ถูกต้องหรือไม่รักษาความสะอาดอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อภายในช่องคลอดได้ ดังนั้น จึงควรศึกษาวิธีว่า ผู้หญิงช่วยตัวเอง เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพทางเพศ [embed-health-tool-ovulation] ผู้หญิงช่วยตัวเองยังไง ผู้หญิงอาจช่วยตัวเองได้ ดังนี้ สร้างบรรยากาศภายในห้อง เช่น จุดเทียน ฉีดสเปรย์ปรับอากาศ เปิดเพลงเบา ๆ หรือเร้าใจตามชอบ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเปิดสื่อลามก เพื่อช่วยผ่อนคลายและช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ สวมชุดวาบหวิว เช่น ชุดนอนลูกไม้ ชุดคอสเพลย์ หรือชุดบทบาทสมมุติที่ชื่นชอบ และค่อย ๆ ปลดเสื้อผ้าตัวเอง เพื่อเพิ่มอรรถรสขณะช่วยตัวเอง เล้าโลมตัวเองด้วยการลูบไล้ นวด คลำ หรือบีบอวัยวะส่วนต่าง ๆ หรือจุดเสียว เช่น ต้นคอ ริมฝีปาก หน้าอก หน้าท้อง อวัยวะเพศ คลิตอริส ต้นขา โดยขณะที่ลูบไล้ร่างกายอาจส่งเสียงเพื่อช่วยเพิ่มความเสียวซ่านและกระตุ้นอารมณ์ทางเพศให้ตัวเอง ใช้เซ็กส์ทอยหรือนิ้วมือสอดเข้าในช่องคลอดหรือทวารหนัก โดยเพิ่มความถี่ในการสอดเข้าและออกตามอารมณ์ทางเพศขณะนั้น จนไปถึงจุดสุดยอดและสำเร็จความใคร่ สำหรับบางคนที่ช่องคลอดแห้งอาจใช้สารหล่อลื่นก่อนเริ่มใช้เซ็กส์ทอยหรือนิ้วสอดในช่องคลอดได้ ข้อดีของการช่วยตัวเอง ข้อดีของการช่วยตัวเอง มีดังนี้ อาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด เพราะการช่วยตัวเองอาจทำให้เลือดสูบฉีดดีขึ้น อีกทั้งยังกระตุ้นการทำงานของไฮไปทาลามัสที่เป็นฮอร์โมนสำคัญในการควบคุมการตกไข่อย่างสม่ำเสมออาจส่งผลให้ประจำเดือนมาตามปกติ อาจช่วยลดความเครียดเนื่องจากการช่วยตัวเองอาจทำให้ร่างกายปล่อยฮอร์โมนโดพามีน (Dopamine) ที่ส่งผลให้มีความสุข […]


สุขภาพทางเพศ

คันช่องคลอด ฉี่บ่อย เกิดจากอะไร ป้องกันได้อย่างไร

ผู้หญิงหลายคนอาจประสบกับปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น คันช่องคลอด ฉี่บ่อย ช่องคลอดมีกลิ่น ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การดูแลสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศได้ไม่ดี การตั้งครรภ์ ความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อีกทั้งอาการคันช่องคลอด ฉี่บ่อย ยังอาจเป็นสัญญาณเกี่ยวกับภาวะสุขภาพ เช่น การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ การติดเชื้อแบคทีเรีย หากสังเกตพบว่าตัวเองมีอาการผิดปกติบริเวณช่องคลอด ควรไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุตั้งแต่เนิ่น ๆ และรับการรักษาอย่างเหมาะสม [embed-health-tool-bmi] คันช่องคลอด ฉี่บ่อย เกิดจากอะไร ภาวะสุขภาพที่อาจทำให้มีอาการคันช่องคลอด ฉี่บ่อย มีดังนี้ โรคพยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis) โรคพยาธิในช่องคลอดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted disease หรือ STD) ที่พบบ่อย เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว ซึ่งเป็นปรสิตขนาดเล็กที่มักทำให้เกิดการติดเชื้อบริเวณระบบสืบพันธุ์ส่วนล่าง เช่น ปากช่องคลอด ช่องคลอด ปากมดลูก ท่อปัสสาวะ โดยเชื้อนี้จะแพร่กระจายได้เมื่อองคชาตสัมผัสกับช่องคลอด ทั้งนี้ ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงก็เสี่ยงติดเชื้อทางช่องคลอดได้เช่นกัน หากเป็นโรคพยาธิในช่องคลอดแล้วไม่รับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจทำให้อวัยวะภายในระคายเคือง และเสี่ยงเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น เช่น โรคหนองใน โรคหนองในเทียม การติดเชื้อเอชไอวี โรคซิฟิลิส ทั้งยังอาจแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่นได้ด้วย การติดเชื้อพยาธิในช่องคลอดระยะแรกมักไม่ทำให้เกิดอาการผิดปกติ แต่อาการจะเริ่มปรากฏให้เห็นหลังจากติดเชื้อแล้วหลายวันหรือหลายสัปดาห์ โดยอาการที่พบ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน