สุขภาพผิว

ผิวหนัง คืออวัยวะภายนอกที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในร่างกาย ผิวหนังนั้นมีหน้าที่สำคัญต่อร่างกาย ทั้งเป็นเกราะป้องกันจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ หรือช่วยควบคุมอุณภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ เป็นต้น เรียนรู้เกี่ยวกับการมี สุขภาพผิว ที่ดี และเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย เพื่อการปกป้องดูแลผิวของคุณให้ดียิ่งขึ้น ได้ที่นี่

สนับสนุนโดย:

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพผิว

ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า ดีต่อผิวหน้าจริงหรือไม่?

หลายคนเชื่อว่าการ ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า เป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับผิวหน้าที่สุด เพราะน้ำเปล่าเป็นสารธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีเจือปน มีความอ่อนโยน เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย และผิวผู้ที่เป็นสิว หลายคนจึงเชื่อว่าการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวเหมาะสมที่สุดสำหรับผิวหน้า แต่ความเชื่อนี้จะจริงหรือเท็จประการใด บทความนี้ Hello คุณหมอ มีคำตอบให้คุณค่ะ ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า ดีต่อผิวหน้าจริงหรือไม่? การล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า อาจไม่ได้เหมาะสมสำหรับผิวหน้าเสมอไป เพราะตลอดทั้งวันเราเจอทั้งมลภาวะต่าง ๆ และฝุ่นละออง ยิ่งคุณผู้หญิงที่แต่งหน้าด้วยล่ะก็ การใช้น้ำเปล่าทำความสะอาดผิวหน้าเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถดูดสิ่งสกปรกหรือเครื่องสำอางค์บนผิวหน้าออกได้อย่างสะอาดหมดจรด และอาจเสี่ยงต่อการเกิดการอุดตันบริเวณรูขุมขนอีกด้วย ดังนั้นอาจต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าควบคู่ด้วย แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีมาตรฐาน ปลอดภัยต่อผิวหน้า และเหมาะสมกับลักษณะของผิวหน้าคุณ อย่างไรก็ตาม ผิวหน้าของแต่ละคนมีปัญหาแตกต่างกัน การทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวอาจเหมาะสำหรับบางคน ทั้งนี้ทั้งนั้นให้คุณลองสังเกตใบหน้าของตนเองว่าหากทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว เหมาะกับผิวหน้าของคุณหรือไม่ หากไม่เหมาะสมให้ปรับเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อความสมดุลของผิว 5 คุณประโยชน์จากการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า น้ำเปล่า มีประโยชน์ที่ดีต่อผิวหน้ามากกว่าที่คุณคิด โดย 5 คุณประโยชน์จากการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า มีดังต่อไปนี้ สะดวกและง่ายต่อการทำความสะอาดผิวหน้า  ลดการเสียดสีกับผิวหน้า ช่วยลดการระคายเคืองกับบริเวณผิวหนัง ปลอดภัยต่อผิวหน้า เพราะมีน้ำมีความอ่อนโยนปราศจากสารเคมี เกิดการระคายเคืองน้อยกว่าเมื่อเทียบกับใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า  ลดความเสี่ยงในการลอกคราบน้ำมันตามธรรมชาติของผิว ช่วยปกป้องเกราะป้องกันผิว ไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ลดต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขั้นตอนง่าย ๆ ในการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว ในตอนเช้าให้ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าสะอาด และซับหน้าด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ซับเบา ๆ ให้แห้งที่ผิวหน้า จะช่วยลดการเสียดสีและลดการระคายเคืองต่อผิวหนัง  ในช่วงตอนกลางคืน […]

สำรวจ สุขภาพผิว

การดูแลและทำความสะอาดผิว

ครีมกันแดดทาหน้า ประโยชน์และปริมาณที่ควรใช้

การใช้ ครีมกันแดดทาหน้า ถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนในลงสกินแคร์ที่มีความสำคัญ เนื่องจากครีมกันแดดทาหน้าจะช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายของรังสียูวี ครีมกันแดดบางสูตรยังช่วยลดความมันบนในหน้าและป้องกันการเกิดสิวได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ควรใช้ครีมกันแดดทาหน้าในปริมาณที่เหมาะสมและควรทาซ้ำตลอดทั้งวัน เพื่อให้ครีมกันแดดสามารถปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด [embed-health-tool-vaccination-tool] ครีมกันแดดทาหน้า มีประโยชน์อย่างไร ครีมกันแดดทาหน้ามีประโยชน์ต่อสุขภาพผิวอย่างมาก เพราะช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายของรังสียูวี ซึ่งช่วยป้องกันผิวแก่ก่อนวัย ริ้วรอย ความเหี่ยวย่น จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำไม่สม่ำเสมอ ผิวอักเสบ ผิวไหม้ ลอก แสบแดง และยังอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังที่เกิดจากการทำร้ายของรังสียูวีเอได้อีกด้วย ครีมกันแดดทาหน้า ควรทาบ่อยแค่ไหน แม้ว่าจะไม่ได้ออกนอกบ้าน หรือในวันนั้นไม่มีแสงแดดก็ควรใช้ครีมกันแดดทาหน้าเป็นประจำทุกวัน เพราะรังสียูวีไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแต่สามารถทะลุผ่านก้อนเมฆ กระจก หรือผ้าม่านมาทำร้ายผิวได้ นอกจากนี้ ควรทาครีมกันแดดประมาณ 15 นาที ก่อนออกจากบ้านเพื่อให้ครีมกันแดดซึมเข้าผิวอย่างเต็มที่ และควรใช้ครีมกันแดดทาหน้าซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่อยู่กลางแจ้ง เหงื่อออก หรือหลังจากว่ายน้ำ ปริมาณครีมกันแดดทาหน้าที่เหมาะสม หลายคนอาจยังสงสัยว่า ควรใช้ครีมกันแดดทาหน้าในปริมาณเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม และเพื่อการปกป้องที่ดีที่สุด ซึ่งในทางทฤษฎีควรใช้ครีมกันแดดทาหน้าในปริมาณ 2 มิลลิกรัม/ตารางเซนติเมตร ซึ่งหมายความว่าควรใช้ครีมกันแดดทาหน้าประมาณ 1 กรัม/การใช้ 1 ครั้ง โดยควรทาให้ทั่วทั้งใบหน้า ลำคอ และหู เพื่อการปกป้องอย่างครอบคลุม นอกจากนี้ บางคนอาจเข้าใจผิดว่าการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารกันแดดอาจช่วยป้องกันรังสียูวีได้ แต่ความจริงแล้วสารกันแดดในเครื่องสำอางมีปริมาณไม่เพียงพอที่จะช่วยปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงยังจำเป็นที่จะต้องใช้ครีมกันแดดทาหน้าเพื่อการปกป้องที่ดีที่สุด ครีมกันแดดทาหน้าควรทาก่อนหรือหลังสกินแคร์ตัวอื่น โดยทั่วไปครีมกันแดดทาหน้าสามารถทาในขั้นตอนไหนก็ได้ แล้วแต่ความพึงพอใจของบุคคล […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

ครีมกันแดดทาตัว ช่วยป้องกันผิวได้อย่างไร และวิธีเลือกอย่างเหมาะสม

รู้หรือไม่ว่า ครีมกันแดดทาตัว มีความสำคัญต่อสุขภาพผิวอย่างมาก เพราะครีมกันแดดสามารถช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายของรังสียูวีที่เป็นสาเหตุของริ้วรอย ความเหี่ยวย่น จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ และมะเร็งผิวหนัง ดังนั้น จึงควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อการปกป้องผิวอย่างมีประสิทธิภาพ [embed-health-tool-bmr] ทำไมต้องใช้ ครีมกันแดดทาตัว ครีมกันแดดประกอบด้วยสารกันแดดที่อาจช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีเอและยูวีบีที่อาจทำให้เกิดปัญหาผิวและเป็นอันตรายต่อผิวหนัง เช่น ผิวไหม้แดด ริ้วร้อย ความเหี่ยวย่น ผิวหนังอักเสบ ผิวแดง แสบร้อนจากแดดเผา ความหมองคล้ำ ผิวไม่สม่ำเสมอ ซึ่งปัญหาผิวเหล่านี้อาจเกิดจากคอลลาเจนและอิลาสติน (Elastin) ใต้ผิวหนังถูกทำลายจากแสงแดด และลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง การใช้ครีมกันแดดทาตัวอยู่เสมอจึงอาจช่วยปกป้องคอลลาเจนและอิลาสตินที่ให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นกับผิวหนัง ซึ่งอาจช่วยให้ผิวหนังมีสุขภาพดีและชะลอปัญหาผิวก่อนวัยได้นอกจากนี้ ยังอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังที่เกิดจากการสัมผัสกับแสงแดดที่มีรังสียูวีเอเป็นเวลานาน จนเซลล์ผิวหนังอักเสบและพัฒนาไปเป็นเซลล์มะเร็ง ครีมกันแดดทาตัว ควรเลือกอย่างไร การเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวและกิจกรรมของแต่ละคนอาจช่วยให้ครีมกันแดดสามารถปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการเลือกครีมกันแดดทาตัวอาจทำได้ ดังนี้ เลือกครีมกันแดดที่ระบุว่าป้องกันรังสียูวีเอและยูวีบี เนื่องจากรังสียูวีบีเป็นสาเหตุของผิวไหม้แดด ความหมองคล้ำ และจุดด่างดำ ส่วนยูวีเอเป็นสาเหตุของฝ้าแดด ผิวแก่ก่อนวัย และมะเร็งผิวหนัง ซึ่งการเลือกครีมกันแดดที่มีสารป้องกันรังสียูวีอย่างครอบคลุมจึงอาจช่วยปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลือกครีมกันแดดที่มี SPF สูง โดยเฉพาะในปัจจุบันที่แดดแรงมาก จึงควรเลือกครีมกันแดดทาตัวที่มี SPF 50 ขึ้นไป เพื่อการปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพ เลือกครีมกันแดดกันน้ำและกันเหงื่อ โดยมีอายุการใช้งานในการทา 1 ครั้ง ประมาณ 40-80 นาที […]


สุขภาพผิว

แชมพู รักษา เชื้อรา ใช้เมื่อไร มีผลข้างเคียงอย่างไร

แชมพู รักษา เชื้อรา เป็นผลิตภัณฑ์รักษาการติดเชื้อราที่หนังศีรษะ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังอย่างกลาก เกลื้อน และผื่นแพ้ต่อมไขมัน ทั้งนี้ การสระผมด้วยแชมพูรักษาเชื้อรา อาจส่งผลให้หนังศีรษะมีอาการระคายเคืองหรือเป็นตุ่มคล้ายสิวได้ ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง [embed-health-tool-bmi] แชมพู รักษา เชื้อรา ใช้เมื่อไร แชมพูรักษาเชื้อรา เป็นผลิตภัณฑ์ที่มียาต้านเชื้อราอย่างคีโตโคนาโซลเป็นส่วนผสม ในอัตรา 1-2 เปอร์เซ็นต์ ผลิตภัณฑ์นี้มักใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อแคนดิดา (Candida) บริเวณศีรษะ รวมถึงการเป็นโรคกลาก เกลื้อน หรือผื่นแพ้ต่อมไขมันในบริเวณเดียวกัน ซึ่งมีสาเหตุมาจากเชื้อรากลุ่มมาลาสซีเซีย (Malassezia) ทั้งนี้ อาการที่เป็นสัญญาณของการติดเชื้อรารูปแบบต่าง ๆ มีดังต่อไปนี้ การติดเชื้อแคนดิดา ตุ่มแดง คัน หนังศีรษะเป็นสีขาว ลอก หนังศีรษะบางส่วนนุ่มและชื้น ผมร่วง โรคกลาก ผื่นวงแหวนบนศีรษะ ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ จนเห็นหนังศีรษะ ก้อนกลัดหนองบนหนังศีรษะ โรคเกลื้อน ผื่นวงกลมสีออกขาวหรือสีเข้มกว่าหนังศีรษะส่วนอื่น ๆ หนังศีรษะคัน ลอก โรคผื่นแพ้ต่อมไขมัน หนังศีรษะลอก อักเสบ รังแค แชมพู รักษา เชื้อรา ใช้อย่างไร การใช้แชมพูรักษาเชื้อรา มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ ใช้น้ำสะอาดล้างเส้นผมและหนังศีรษะให้ทั่ว ชโลมแชมพูลงบนศีรษะ ตามที่คุณหมอแนะนำหรือตามที่ฉลากผลิตภัณฑ์ระบุไว้ นวดผมและหนังศีรษะเบา […]


สิว

กดสิวอุดตัน ควรทำอย่างไร

กดสิวอุดตัน เป็นวิธีหนึ่งในการรักษาสิวหัวดำหรือสิวหัวขาว ทั้งนี้ ควรปรึกษาคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพราะการกดสิวอาจทำให้สิวอักเสบหรือเพิ่มความเสี่ยงให้หน้าเป็นหลุมสิวหลังสิวหายได้ [embed-health-tool-ovulation] สิวอุดตัน ควรกดหรือไม่ สิวอุดตัน เป็นปัญหาผิวหน้าแบบหนึ่ง มีสาเหตุมาจากเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วรวมถึงน้ำมันบนใบหน้าเข้าไปอุดตันตามรูขุมขน โดยทั่วไป เมื่อเป็นสิว บางคนจะเลือกกดด้วยมือหรือไม้กดสิว เพื่อให้สิ่งสกปรกข้างในสิวไหลออกมาและสิวค่อย ๆ ยุบตัวลง อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่สิวทุกชนิดสามารถรักษาได้ด้วยการกดสิว เพราะอาจทำให้สิวอักเสบหรือบวมยิ่งกว่าเดิม และยังเพิ่มความเสี่ยงเกิดหลุมสิวหลังสิวหายได้ด้วย สำหรับสิวที่กดได้ คือ สิวอุดตันที่มีรูเปิด หรือสิวหัวขาวและสิวหัวดำ ส่วนสิวที่ไม่ควรกด คือ สิวตุ่มนูน สิวอักเสบ สิวหัวหนอง สิวตุ่มใหญ่ และสิวซีสต์ นอกจากนี้ สิวที่ยังไม่มีหัว ก็ยังไม่ควรกดเช่นกัน เพราะจะยิ่งทำให้สิวหายช้าลง และเสี่ยงต่อการเป็นสิวเพิ่มขึ้นและเกิดหลุมสิว กดสิวอุดตัน ที่ถูกวิธี ทำอย่างไร การกดสิวหัวขาวและสิวหัวดำที่ถูกวิธี มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ สิวหัวขาว ล้างมือและใบหน้าให้สะอาด ประคบสิวด้วยผ้าอุ่นเป็นเวลา 5 นาที เพื่อช่วยให้ผิวหน้านุ่มลง และสิ่งสกปรกในเม็ดสิวไหลออกมาได้ง่ายขึ้น ฆ่าเชื้อเข็มเย็บผ้าหรือเข็มขนาดเล็กด้วยแอลกอฮอล์ ใช้เข็มดังกล่าวจิ้มเข้าไปที่สิว เพื่อให้สิ่งสกปรกในสิวไหลออกมา หากสิ่งสกปรกยังไม่ไหลออกมา ให้กดสิวด้วยไม้พันสำลีหรือผ้าก็อซ ทำความสะอาดบริเวณที่เป็นสิวด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือปิดสิวด้วยสติ๊กเกอร์สิว (Zit Sticker) เพื่อลดการอักเสบและกระตุ้นการฟื้นฟูผิวหน้า สิวหัวดำ ล้างมือและใบหน้าให้สะอาด ทากรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือเบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ […]


สุขภาพผิว

เท้าเป็นรู อันตรายหรือไม่ รักษาได้อย่างไร

เท้าเป็นรู เป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณเท้า รวมทั้งเท้าอาจมีกลิ่นและมีอาการคันร่วมด้วย ซึ่งรักษาให้หายขาดได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ ส่วนวิธีป้องกันเท้าเป็นรู ควรหลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าเป็นเวลานาน หรือเลือกสวมรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดีอย่างรองเท้าแตะ แทนการใส่รองเท้าบู๊ทหรือรองเท้าหนัง [embed-health-tool-bmr] เท้าเป็นรู เกิดจากอะไร รูเล็ก ๆ บนฝ่าเท้าหรือส้นเท้า ขนาดประมาณ 1-3 มิลลิเมตร มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น แอคติโนมัยซีส (Actinomyces) โครีนีแบคทีเรีย (Corynebacteria) หรือไคโตคอคคัส ซีเด็นทาเรียส (Kytococcus Sedentarius) ซึ่งเติบโตได้ดีในบริเวณที่ร้อนหรือชื้น เมื่อติดเชื้อ แบคทีเรียจะทำลายชั้นผิวหนังจนทำให้เท้าเป็นรู ร่วมกับมีอาการเท้ามีกลิ่นและอาการคันหรือเจ็บขณะเดิน ใครบ้างที่เสี่ยงเท้าเป็นรู ทุกคนมีโอกาสเป็นโรคเท้าเหม็นเป็นรูได้ แต่โดยมากมักพบในผู้ชาย โดยเฉพาะนักกีฬา ผู้ใช้แรงงาน เกษตรกร หรือทหาร สำหรับปัจจัยเสี่ยงของโรคเท้าเหม็นเป็นรูนั้น ได้แก่ การสวมถุงเท้าหรือรองเท้าที่แน่นเกินไป หรือมีอากาศผ่านได้น้อย การมีเหงื่อออกมากบริเวณเท้า การอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศอบอุ่นหรือร้อนชื้น เช่น ประเทศไทย ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การทำงานกลางแจ้งที่ต้องยืนตลอดทั้งวัน โรคเบาหวาน การมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ หรือเป็นโรคอ้วน การไม่ดูแลรักษาความสะอาดเท้า หรือปล่อยให้เท้าเปียกหลังจากอาบน้ำ เท้าเป็นรู เป็นโรคติดต่อหรือไม่ โรคเท้าเหม็นเป็นรูไม่ใช่โรคติดต่อ โดยโรคนี้ไม่แพร่กระจายจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกคน นอกจากนั้น แม้โรคนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ หรือเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต แต่โรคนี้ไม่สามารถหายเองหรือหายได้ด้วยการดูแลตัวเองเพียงอย่างเดียว   เมื่อมีอาการ ควรไปพบคุณหมอ […]


สุขภาพผิว

หน้าลอกใช้อะไรดี และดูแลตัวเองอย่างไร

หน้าลอก เป็นอาการหนึ่งที่พบได้เมื่อผิวหน้าแห้ง และหากสงสัยว่า หน้าลอกใช้อะไรดี เพื่อบรรเทาอาการหน้าลอกหรือช่วยให้ผิวหน้าแห้งน้อยลง ควรเลือกใช้ครีมทาผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่ผสมสารอย่างโพลีเอธิลีน ไกลคอล (Polyethylene Glycol) หรืออัลคิล โพลีไกลโคไซด์ (Alkyl Polyglycoside) ซึ่งมีฤทธิ์เพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า [embed-health-tool-ovulation] หน้าลอก เกิดจากอะไร หน้าลอก หมายถึง หนังกำพร้าบริเวณใบหน้ามีอาการแห้งและลอกเป็นขุย มักพบเมื่อผิวหน้าแห้งหรือขาดความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นภาวะสุขภาพที่เกิดได้จากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ ภาวะขาดน้ำ อากาศเย็นและแห้ง การเปิดเครื่องปรับอากาศ ซึ่งทำให้อากาศในห้องแห้งลง การอาบน้ำร้อน น้ำอุ่นจัด หรืออาบน้ำเป็นเวลานาน น้ำมันจากต่อมใต้ผิวหนังผลิตน้อยลงเพราะอายุมากขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้าซึ่งมีฤทธิ์ระคายเคือง การแพ้อาหารหรือสารบางอย่าง โรคผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน ผื่นผิวหนังอักเสบ ยาบางชนิด เช่น สแตติน (Statin) ไอโสเตรติโนอิน (Isotretinoin) ยาคุมกำเนิด การขาดสารอาหารบางอย่าง เช่น วิตามินเอ วิตามินดี ธาตุเหล็ก ธาตุสังกะสี หน้าลอกใช้อะไรดี หากหน้าลอก ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการหรือทำให้หน้าลอกน้อยลง ดังต่อไปนี้ มอยส์เจอไรเซอร์ มอยส์เจอไรเซอร์เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเพิ่มหรือรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า มักอยู่ในรูปแบบของครีม เจล หรือโลชั่น […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

วิธีทําให้แผลแห้ง ตกสะเก็ดเร็ว เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียน

วิธีทําให้แผลแห้ง ตกสะเก็ดเร็ว สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองที่บ้าน เพียงแค่กำจัดสิ่งสกปรกที่ติดมากับแผล ทำความสะอาดแผล ใส่ยาฆ่าเชื้อ และปิดแผลให้สนิทด้วยผ้าพันแผลสะอาด รวมทั้งควรเปลี่ยนผ้าพันแผลอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพื่อให้แผลสะอาดและแห้งเร็วขึ้น นอกจากนี้ ควรสังเกตอาการติดเชื้อ เช่น บวม แดง เจ็บ คัน มีหนอง มีไข้ หากพบอาการดังกล่าวควรเข้าพบคุณหมอเพื่อทำการรักษา ซึ่งจะช่วยให้แผลแห้งและตกสะเก็ดเร็วขึ้น [embed-health-tool-vaccination-tool] กระบวนการรักษาแผลตามธรรมชาติ เมื่อผิวหนังเกิดบาดแผล ร่างกายจะเริ่มกระบวนการรักษาบาดแผลตามธรรมชาติด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การแข็งตัวของเลือด เป็นกระบวนการห้ามเลือดและสมานแผลเพื่อปิดบาดแผลชั่วคราว โดยหลอดเลือดบริเวณนั้นจะบีบรัดตัวเพื่อป้องกันการสูญเสียเลือด และเกล็ดเลือดจะรวมตัวกันเพื่อสร้างลิ่มเลือดทำให้เลือดแข็งตัว ขั้นตอนที่ 2 เกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นกระบวนการต่อสู้กับเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล รวมทั้งอาจสังเกตเห็นของเหลวสีเหลือง ซึ่งเป็นการกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกจากแผล จากนั้นหลอดเลือดจะขยายตัวและเซลล์เม็ดเลือดจะเคลื่อนตัวเข้าสู่เนื้อเยื่อแผลเพื่อทำการรักษาบาดแผล จนอาจสังเกตได้ว่าบาดแผลในช่วงแรกจะมีความอุ่นและบวมแดงกว่าปกติ ขั้นตอนที่ 3 เซลล์เนื้อเยื่อใหม่จะถูกสร้างขึ้น โดยคอลลาเจนที่เป็นเส้นใยโปรตีนจะเจริญเติบโตขึ้นเพื่อแทนที่เนื้อเยื่อที่เสียหาย จากนั้นคอลลาเจนจะกระตุ้นให้ขอบแผลหดตัวเข้าหากันและปิดลง ขั้นตอนที่ 4 การสร้างเยื่อบุผิวขึ้นใหม่ โดยร่างกายจะเพิ่มคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องและปรับแต่งบริเวณที่เป็นแผล หลอดเลือดที่สร้างขึ้นใหม่บริเวณบาดแผลจะลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงบริเวณบาดแผลอย่างเพียงพอ ส่งผลให้เนื้อเยื่อแผลสามารถจัดระเบียบใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ หรือเกิดแผลเป็นในบางราย วิธีทําให้แผลแห้ง ตกสะเก็ดเร็ว วิธีทําให้แผลแห้งและตกสะเก็ดเร็วอาจทำได้ด้วยการดูแลรักษาบาดแผลอยู่เสมอและดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนหรือการติดเชื้อ ดังนี้ ห้ามเลือด หากแผลมีขนาดเล็ก ไม่มีเลือด หรือเป็นเพียงแผลถลอกให้เปิดแผลไว้ แต่หากแผลมีขนาดใหญ่ มีเลือดออกมาก ควรใช้ผ้าพันแผลหรือผ้าสะอาดปิดแผลไว้และกดเบา […]


การดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ

หนังหัวลอก เป็นแผ่น ทําไงดี และควรป้องกันอย่างไร

ปัญหาหนังศีรษะอาจเป็นปัญหาที่กวนใจหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในช่วงที่มีอากาศแห้งและหนาวเย็น อาจทำให้บางคนมีปัญหาหนังหัวแห้งและลอก จนเกิดคำถามว่า หนังหัวลอก เป็นแผ่น ทำไงดี ซึ่งโดยทั่วไปแล้วปัญหานี้สามารถจัดการเองได้ ด้วยการเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง รักษาความสะอาด จัดการกับความเครียด งดสูบบุหรี่ หรือพฤติกรรมอื่น ๆ ที่อาจทำให้ผิวหนังเสื่อมสภาพได้ง่าย [embed-health-tool-vaccination-tool] หนังหัวลอกเป็นแผ่น เกิดจากอะไร หนังหัวลอก เป็นแผ่น ส่วนใหญ่อาจมีสาเหตุมาจากผิวหนังบริเวณหนังหัวขาดน้ำและสูญเสียความชุ่มชื้นมากจนหนังหัวแห้งและลอกเป็นแผ่น อาจทำให้บางคนมีอาการระคายเคือง แสบ เจ็บปวดและคันได้ นอกจากนี้ ปัญหาหนังหัวลอก เป็นแผ่นยังอาจเกิดจากปัญหาอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้หนังหัวมีสภาพแห้ง ขาดความชุ่มชื้นและเสื่อมสภาพ ดังนี้ สภาพอากาศเย็นและแห้ง อาจส่งผลให้หนังหัวขาดความชุ่มชื้นแห้งและลอกเป็นแผ่นได้ การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ บางคนอาจมีอาการแพ้หรือระคายเคืองเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลหนังศีรษะหรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมบางชนิด ซึ่งอาจส่งผลให้มีอาการอักเสบ แสบ คัน หนังหัวแห้งและลอกเป็นแผ่นได้ อายุที่มากขึ้น สภาพผิวหนังจะเสื่อมโทรมลง อาจส่งผลให้หนังหัวแห้งกร้านและลอกเป็นแผ่นได้ง่าย รังแค อาจเป็นสาเหตุหนังหัวลอก เป็นแผ่นที่พบได้บ่อย แต่รังแคอาจมีลักษณะของหนังหัวลอกออกเป็นแผ่นขนาดเล็ก สีขาวหรือสีเหลือง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคผิวหนัง ติดเชื้อรา ผิวแห้ง ใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ไม่สระผม อย่างไรก็ตาม รังแคอาจรักษาหายได้และไม่เป็นปัญหาร้ายแรงต่อสุขภาพ โรคผิวหนังบางชนิด […]


การดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ

รังแค เปียก เกิดจากอะไร ควรรักษาอย่างไร

รังแค เปียก เป็นปัญหาหนังศีรษะที่มีการผลิตน้ำมันมากเกินไป ส่งผลให้หนังศีรษะมีลักษณะมันเยิ้ม เมื่อผสมกับสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วบนหนังศีรษะ ส่งผลให้เกิดเป็นรังแคเปียกที่มีลักษณะเป็นสะเก็ดขนาดใหญ่สีเหลือง เปียก เหนียวเหนอะหนะ จับตัวกันเป็นก้อนและเกาะอยู่บนเส้นผม [embed-health-tool-vaccination-tool] รังแค เปียก เกิดจากอะไร รังแคเปียกสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากน้ำมันส่วนเกินบนหนังศีรษะ โดยเฉพาะผู้ที่มีสภาวะผิวมันมาก รวมทั้งการสระผมไม่ถูกวิธีหรือไม่สระผมจนนำไปสู่การสะสมความมัน สิ่งสกปรกและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว จนทำให้เกิดเป็นรังแคเปียกขึ้น นอกจากนี้ รังแคเปียกยังอาจเกิดจากปัญหาอื่น ๆ เช่น โรคผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคเชื้อราบนหนังศีรษะ โรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) ซึ่งอาจทำให้หนังศีรษะเป็นสะเก็ด หย่อม ๆ ผิวหนังแดงโดยเฉพาะบริเวณที่มีผิวมันมาก ความเครียด การพักผ่อนน้อย อาจทำให้เกิดรังแคเปียกจากโรคเซ็บเดิร์มได้ง่ายขึ้น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ฮอร์โมนในร่างกายอาจส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของโครงสร้างผิวและคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังเสื่อมสภาพได้ง่ายขึ้น สภาพอากาศที่เย็นหรือแห้ง อาจทำให้หนังศีรษะแห้งและลอกเป็นสะเก็ด การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาลิเธียม การฉายรังสี การทำเคมีบำบัด หนังศีรษะระคายเคือง จากสารเคมีหรือการแพ้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม อาการของรังแค เปียก รังแคเปียกอาจทำให้มีอาการ ดังนี้ หนังศีรษะและเส้นผมมันเยิ้ม อาจมีอาการคันหนังศีรษะและระคายเคือง หนังศีรษะเป็นสะเก็ดขนาดใหญ่สีเหลือง รังแคเหนียวเหนอะหนะ จับตัวกันเป็นก้อนและเกาะอยู่บนเส้นผม โดยส่วนใหญ่รังแคเปียกไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่อาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และอาจทำให้สูญเสียความมั่นใจได้ หากอาการรังแคเปียกรุนแรงขึ้นจนกระทบกับการใช้ชีวิตควรเข้าพบคุณหมอเพื่อทำการรักษา วิธีการรักษารังแค เปียก รังแคเปียกอาจรักษาและบรรเทาอาการได้ […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

มอยเจอร์ไรเซอร์ ผิวมัน ควรเลือกใช้แบบไหนให้เหมาะกับผิว

การเลือก มอยเจอร์ไรเซอร์ ผิวมัน เพื่อช่วยดูแลผิวสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวมัน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวที่ขาดน้ำ เช่น กรดไฮยาลูรอนิค ไนอะซินาไมด์ และควรหลีกเลี่ยงสารบางชนิดที่อาจระคายเคืองผิวที่แพ้และระคายเคืองได้ง่าย เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน นอกจากนี้ ผู้ที่มีผิวมันอาจเกิดสิวได้ง่าย จึงควรดูแลผิวอย่างถูกวิธี เช่น ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า หลบแดด ทาครีมกันแดด ล้างหน้าทุกครั้งก่อนเข้านอน เพื่อป้องกันปัญหาผิวและช่วยให้ผิวหน้าดูสุขภาพดี [embed-health-tool-bmi] ผิวมัน สังเกตได้อย่างไร ผิวมัน (Oily skin) เป็นสภาพผิวที่เกิดจากต่อมน้ำมันใต้ชั้นผิวหนังผลิตซีบัม (Sebum) หรือน้ำมันเคลือบผิวออกมามากเกินไป ทำให้ผิวหนังเป็นมันวาวหรือมันเร็วในระหว่างวัน มีรูขุมขนกว้างและเห็นรูขุมขนได้อย่างชัดเจน จนทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนหรือหยาบกว่าปกติ นอกจากนี้ ผู้ที่มีผิวมันยังเสี่ยงเกิดสิวได้ง่ายกว่าผู้ที่มีสภาพผิวแบบอื่น เนื่องจากอาจมีสิ่งต่าง ๆ เช่น เซลล์ผิวที่ตายแล้ว แบคทีเรีย สิ่งสกปรก ไปอุดตันรูขุมขนจนเกิดการอักเสบ มอยเจอร์ไรเซอร์ ผิวมัน แบบไหนถึงเหมาะ มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีสภาพผิวมัน ควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำมัน (Oil-free) และควรมีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำ (Water base) มีเนื้อบางเบา ซึบซาบเข้าสู่ผิวได้รวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการอุดตันรูขุมขนที่อาจทำให้ผิวมันมากกว่าเดิมและเกิดสิวได้ และอาจเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ ผิวมัน […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม