โภชนาการเพื่อสุขภาพ

"You are what you eat" อาหารที่คุณรับประทาน มีความสำคัญอย่างมาก ต่อสุขภาพร่างกายของคุณ แต่น่าเสียดายที่ยังคงมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ โภชนาการเพื่อสุขภาพ อยู่มากมาย ดังนั้น การแยกแยะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

เรื่องเด่นประจำหมวด

โภชนาการเพื่อสุขภาพ

สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม

สมุนไพรลดน้ำหนัก เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก เพราะสารสกัดในสมุนไพรบางชนิดอาจช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันที่สะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เพื่อความปลอดภัยควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคทุกครั้ง  [embed-health-tool-bmi] สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม ขมิ้นชัน สรรพคุณ สารเคอร์คูมิน (Curcumin) ในขมิ้นชันมีสรรพคุณช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ระบบการเผาผลาญภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สมุนไพรขมิ้นชันจึงเป็นอีกกนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก ผลข้างเคียง หากรับประทานขมิ้นชันในปริมาณสูงติดต่อกัน อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้และอาเจียน  ขิง สรรพคุณ สารซิงเจอโรน ((Zingerone) ในขิงเป็นสารประกอบที่มีรสชาติเผ็ดร้อน อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบเผาผลาญภายในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้สามารถควบคุมปริมาณในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม ผลข้างเคียง ขิงเป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป อาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารได้  แนะนำรับประทานไม่เกินวันละ 4 กรัม และในสตรีมีครรภ์ไม่เกินวันละ 1 กรัม  ส้มแขก สรรพคุณ หลายคนมักรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากส้มแขก เนื่องจากส้มแขกมีกรดมีกรดไฮดรอกซีซิตริก (Hydroxycitric Acid: HCA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการเผาผลาญไขมันภายในร่างกาย และยังมีสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ทำให้รู้สึกหิวน้อยลง  ผลข้างเคียง เวียนศีรษะ ปากแห้ง ปวดศีรษะ ปวดท้อง ท้องเสีย  เม็ดแมงลัก สรรพคุณ เม็ดแมงลักเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก […]

หมวดหมู่ โภชนาการเพื่อสุขภาพ เพิ่มเติม

สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ

สำรวจ โภชนาการเพื่อสุขภาพ

โภชนาการพิเศษ

แคลเซียม คน ท้อง มีอะไรบ้าง และปริมาณที่เหมาะในการบริโภค

ขณะตั้งครรภ์ ร่างกายจะสลายแคลเซียมในกระดูกของคุณแม่ไปเสริมสร้างกระดูกและส่งเสริมการทำงานของระบบอวัยวะต่าง ๆ ของทารกในครรภ์ จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณแม่จะต้องได้รับอาหารที่มี แคลเซียม คน ท้อง เช่น ผักและผลไม้ นมและผลิตภัณฑ์จากนมวัว ปลาที่มีไขมันดี ในปริมาณที่เหมาะสม ทั้งนี้ คนท้องควรรับประทานอาหารให้หลากหลาย เพื่อให้ได้รับสารอาหารต่าง ๆ ครบถ้วนเพียงพอต่อความต้องการของทั้งแม่และทารกในครรภ์ ซึ่งจะส่งผลให้สุขภาพของคุณแม่และทารกแข็งแรง ทั้งยังลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ภาวะครรภ์เป็นพิษ ภาวะความดันโลหิตสูง ได้ด้วย [embed-health-tool-due-date] ทำไมคนท้องถึงต้องการแคลเซียม แคลเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จะต้องได้รับจากการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมเท่านั้น สำหรับคนท้อง การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมเพียงพอจะช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อและฮอร์โมน ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง และลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกบางได้ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างกระดูกบำรุงหัวใจ เส้นประสาท และกล้ามเนื้อของทารกในครรภ์ให้แข็งแรง หากร่างกายคนท้องได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ อาจทำให้คนท้องเสี่ยงเกิดภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ (Hypocalcemia) ภาวะครรภ์เป็นพิษ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการคลอดก่อนกำหนด ทั้งยังอาจทำให้เกิดอาการชาในช่องท้อง รู้สึกเสียวแปล๊บที่มือและเท้า และกล้ามเนื้อกระตุก ในกรณีที่รุนแรงอาจทำให้หินปูนเกาะที่ไต แคลเซียมเกาะในสมอง มีอาการทางประสาท เช่น ไบโพลาร์ ซึมเศร้า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลให้ทารกเกิดปัญหาสุขภาพ เช่น โรคกระดูกอ่อน (Rickets) ปริมาณแคลเซียมที่คนท้องควรได้รับต่อวัน ปริมาณแคลเซียมที่ผู้หญิง คนท้อง และหญิงให้นมบุตร ควรบริโภค […]


โภชนาการพิเศษ

กรดยูริคสูง ต้องกินอะไร และควรหลีกเลี่ยงอาหารอะไร

กรดยูริคสูง เป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดกรดยูริคออกด้วยการขับถ่ายได้ทัน ทำให้มีกรดยูริคสะสมอยู่ในกระแสเลือด และอาจตกตะกอนกลายเป็นผลึกไปเกาะตามอวัยวะต่าง ๆ ทั้งในระบบทางเดินปัสสาวะและข้อต่อ การศึกษาว่า กรดยูริคสูง ต้องกินอะไร และควรหลีกเลี่ยงอาหารชนิดไหน ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับกรดยูริคให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนเนื่องจากมีกรดยูริคสูงเกินไปเป็นเวลานานอย่างโรคเกาต์และโรคนิ่วในไตได้ [embed-health-tool-bmi] กรดยูริค คืออะไร กรดยูริค (Uric acid) เป็นสารที่ได้จากการย่อยสลายสารพิวรีน (Purine) ในระบบย่อยอาหาร โดยทั่วไป กรดยูริคที่สะสมอยู่ในเลือดจะมาจากการกระบวนการสร้างของร่างกายประมาณร้อยละ 80 และมาจากอาหารที่กินประมาณร้อยละ 20 ปกติแล้ว ร่างกายจะขับกรดยูริคออกทางปัสสาวะและอุจจาระ แต่หากร่างกายกำจัดกรดยูริคไม่ทัน อาจทำให้มีกรดยูริคสะสมในเลือดในระดับสูงผิดปกติได้ โดยทั่วไป ระดับยูริคในเลือดของผู้ใหญ่เพศชายจะอยู่ที่ประมาณ 3.5-7.2 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ส่วนในผู้ใหญ่เพศหญิงจะอยู่ที่ประมาณ 2.6-6.0 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ภาวะกรดยูริคสูง ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร ภาวะกรดยูริคสูง (Hyperuricemia) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีกรดยูริคสะสมอยู่ในกระแสเลือดมากเกินไป ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ปัจจัยทางพันธุกรรมที่ทำให้ร่างกายผลิตพิวรีนมากเกินไป ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด การรับประทานอาหารที่มีพิวรินสูงเป็นประจำ นอกจากนี้ ภาวะกรดยูริคสูงยังอาจเกิดร่วมกับภาวะสุขภาพบางประการ เช่น โรคอ้วน โรคไตเรื้อรัง โรคความดันเลือดสูง โดยทั่วไป คนส่วนใหญ่ที่มีภาวะกรดยูริคในเลือดสูงจะไม่มีอาการและไม่ต้องการการรักษาในระยะยาว แต่หากมีระดับกรดยูริคสูงเกิน 7 มิลลิกรัม/เดซิลิตรเป็นเวลานาน อาจเสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น โรคเกาต์ […]


โภชนาการพิเศษ

โรคริดสีดวง ห้ามกิน อะไร และควรดูแลตัวเองอย่างไร

โรคริดสีดวงเกิดขึ้นเมื่อเส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักหรือภายในทวารหนักโป่งพอง และอาจมีติ่งนูนยื่นออกมาจากทวารหนัก ทำให้ระคายเคืองเวลาขับถ่าย หรืออาจทำให้มีเลือดออกเมื่อเบ่งอุจจาระ โรคนี้มักเกิดจากพฤติกรรม เช่น มักกินอาหารที่มีใยอาหารน้อย กินอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูงเป็นประจำ ดื่มน้ำน้อยเกินไป จนส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกและไม่สามารถขับถ่ายได้ตามปกติ การเรียนรู้ว่า โรคริดสีดวง ห้ามกิน อะไร ควรกินอาหารแบบไหนถึงจะดี รวมถึงวิธีดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมเมื่อเป็นโรคริดสีดวง อาจช่วยควบคุมอาการของโรคริดสีดวง เช่น อาการปวดบวมบริเวณทวารหนัก และทำให้โรคริดสีดวงดีขึ้นได้ในเวลาไม่นาน [embed-health-tool-bmi] โรคริดสีดวง ห้ามกิน อะไร อาหารที่ผู้ป่วยโรคริดสีดวงควรหลีกเลี่ยง คือ อาหารที่มีไฟเบอร์หรือใยอาหารน้อย ซึ่งทำให้เสี่ยงท้องผูกได้ง่ายและทำให้อาการริดสีดวงแย่ลงได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ อาหารแปรรูป เช่น อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง เบเกอรี่ อาหารหมักดอง อาหารจากเนื้อสัตว์อย่างไส้กรอก แฮม เบคอน ซึ่งมักจะมีโซเดียม คาร์โบไฮเดรตที่ขัดสีแล้ว น้ำตาล และไขมันอิ่มตัวสูง อาจทำให้ย่อยยากกว่าปกติ ท้องผูก ส่งผลต่อการขับถ่าย และทำให้อาการริดสีดวงแย่ลงได้ อาหารรสเผ็ด เช่น ส้มตำปลาร้า ผัดเผ็ดปลาดุก แกงไตปลา อาจทำให้แผลริดสีดวงระคายเคืองเมื่อต้องถ่ายอุจจาระ และยังทำให้เสี่ยงเกิดโรคกรดไหลย้อนได้ด้วย เนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เป็นอาหารที่มีใยอาหารน้อยและไขมันสูง […]


ข้อมูลโภชนาการ

5 ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีอะไรบ้าง

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีหลากหลายชนิดด้วยกัน เช่น บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ ซึ่งส่วนใหญ่มักมีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน สามารถรับประทานสดหรือนำมาประกอบอาหารและทำเป็นเครื่องดื่มได้ โดยผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ล้วนอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอ โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น ต้านอนุมูลอิสระและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน [embed-health-tool-bmi] 5 ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ที่ดีต่อสุขภาพ มีอะไรบ้าง 5 ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ที่เป็นที่นิยมและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีดังต่อไปนี้ บลูเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่มีขนาดเล็กและมีสีน้ำเงินอมม่วง บลูเบอร์รี่ 1 ถ้วย (148 กรัม) อาจให้พลังงาน 57 กิโลแคลอรี่ คาร์โบไฮเดรตรวม 14.5 กรัม และสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) โพแทสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม วิตามินซี วิตามินเอ ที่มีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ที่นำไปสู่การเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Molecular Sciences ปี พ.ศ. […]


ข้อมูลโภชนาการ

พุทรา ประโยชน์ และข้อควรระวังในการบริโภค

พุทรา เป็นไม้ยืนต้นชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีนและภูมิภาคเอเชียใต้ เปลือกของพุทรามีสีเขียว น้ำตาล เหลือง ส่วนเนื้อสีขาว และนิยมนำมาแปรรูปเป็นพุทราอบแห้งหรือพุทราเชื่อม พุทรามีสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น โพแทสเซียม เหล็ก วิตามินเอ ปัจจุบัน มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนว่าการบริโภคพุทราอาจช่วยให้หลับสบาย และผ่อนคลายความวิตกกังวล นอกจากนี้ พุทราอาจมีคุณสมบัติต้านมะเร็งและอาจช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ด้วย [embed-health-tool-bmi] คุณค่าทางโภชนาการของ พุทรา พุทราสด 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 79 กิโลแคลอรี่ และประกอบไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้ คาร์โบไฮเดรต 20.2 กรัม โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 0.2 กรัม โพแทสเซียม 250 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 23 มิลลิกรัม แคลเซียม 21 มิลลิกรัม แมกนีเซียม 10 มิลลิกรัม โซเดียม 3 มิลลิกรัม นอกจากนี้ พุทรายังประกอบไปด้วยธาตุอาหารอย่างเหล็ก […]


ข้อมูลโภชนาการ

5 ผลไม้สีเหลือง ประโยชน์ และข้อควรระวังการรับประทาน

ผลไม้สีเหลือง เช่น เลมอน สับปะรด กล้วย อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินบี วิตามินเอ ไฟเบอร์ ฟลาโวนอยด์ ไลโคปีน โพแทสเซียม แมงกานีส ธาตุเหล็ก และแคลเซียม ที่มีส่วนช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูก อีกทั้งยังอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง อย่างไรก็ตาม ผลไม้สีเหลืองบางชนิดอาจไม่เหมาะกับภาวะสุขภาพของแต่ละบุคคล จึงควรศึกษาประโยชน์และข้อควรระวัง หรือปรึกษาคุณหมอก่อนรับประทาน [embed-health-tool-bmi] 5 ผลไม้สีเหลือง มีอะไรบ้าง ผลไม้สีเหลือง 5 อย่าง ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีดังนี้ 1. เลม่อน เลม่อน เป็นผลไม้รสเปรี้ยวที่มีลักษณะเป็นวงรี มีเปลือกภายนอกสีเหลือง ด้านในสีเหลืองอ่อนใส นิยมนำมาปรุงรสชาติอาหารหรือทำเป็นเครื่องดื่ม เลม่อน 100 กรัม ให้พลังงาน 28 กิโลแคลอรี่ และอุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ เช่น โพแทสเซียม วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม ที่อาจช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน […]


โภชนาการพิเศษ

ชีทเดย์ คืออะไร มีข้อควรระวังอะไรบ้าง

ชีทเดย์ (Cheat Day) หมายถึง ช่วงเวลาที่สามารถรับประทานอาหารตามใจชอบเป็นเวลา 1 วัน หลังจากควบคุมอาหารมาแล้วเป็นเวลา 6 วัน โดยเฉพาะในผู้ที่กำลังลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหาร อย่างไรก็ตาม ชีทเดย์มีข้อควรระวังอยู่บ้าง เพราะอาจเลือกรับประทานอาหารที่ทำให้ระดับน้ำตาลสูงขึ้นเกินเกณฑ์เหมาะสมโดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน นอกจากนั้น ชีทเดย์ยังอาจเป็นสาเหตุของพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ เช่น โรคกินไม่หยุด และอาจส่งผลให้การลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักไม่ประสบความสำเร็จ [embed-health-tool-bmi] ชีทเดย์ คืออะไร ชีทเดย์หมายถึงการหยุดควบคุมอาหาร 1 วัน หลังจากควบคุมอาหารมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง เปรียบเสมือนการให้รางวัลตนเองหลังจากควบคุมอาหารสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ชีทเดย์ไม่มีข้อกำหนดชัดเจน ดังนั้น อาหารและปริมาณอาหารที่เลือกบริโภค รวมถึงความถี่ของชีทเดย์ จึงขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ควบคุมอาหารอาจมีชีทเดย์สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือหลังควบคุมอาหารมาแล้ว 6 วัน และอาจควบคุมปริมาณแคลอรี่ไม่ให้เกิน 150 เปอร์เซนต์ของจำนวนแคลอรี่ปกติในวันที่ควบคุมอาหาร รวมทั้งอาจเลือกออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้ ผู้ที่ควบคุมอาหารบางรายอาจไม่มีชีทเดย์แต่เลือกรับประทานตามใจชอบเพียงบางมื้อหรือมีเพียงชีทมีล (Cheat Meal) แทน ประโยชน์ของชีทเดย์ ประโยชน์ของชีทเดย์ต่อสุขภาพยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่การรับประทานอาหารเพิ่มมากขึ้นในชีทเดย์ อาจทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเลปติน (Leptin) มากขึ้น โดยเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกอิ่ม ส่งผลให้ระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้น และอาจทำให้การควบคุมน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้น นักจิตวิทยาและนักโภชนาการด้านการควบคุมอาหารเชื่อว่า ชีทเดย์อาจช่วยให้ผู้ที่ต้องการควบคุมอาหารหรือลดน้ำหนักสามารถควบคุมอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามแผนยิ่งขึ้น และมีกำลังใจที่จะควบคุมอาหารต่อไป อย่างไรก็ตาม […]


ข้อมูลโภชนาการ

น้ำฟักทอง ประโยชน์ และข้อควรระวังการบริโภค

น้ำฟักทอง อุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ เช่น แคลเซียม เหล็ก วิตามินซี โฟเลต วิตามินเอ ลูทีน (Lutein) ซีแซนทีน (Zeaxanthin) ที่อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น บำรุงกระดูก ลดน้ำหนัก และลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็ง อย่างไรก็ตาม น้ำฟักทองควรทำจากฟักทองต้มสุกเพื่อให้สะดวกต่อการมานำคั้นหรือปั่นและไม่ควรปรุงแต่งรสชาติด้วยน้ำตาล เกลือ หรือน้ำผึ้งเพิ่มเติม เพื่อป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดสูง ไตวาย เป็นต้น [embed-health-tool-bmi] คุณค่าทางโภชนาการของน้ำฟักทอง น้ำฟักทอง ที่ทำจากฟักทองต้มสุก 100 กรัม อาจให้พลังงาน 20 กิโลแคลอรี่ และอาจมีสารอาหารอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ คาร์โบไฮเดรตรวม 4.9 กรัม โพแทสเซียม 230 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม แคลเซียม 15 มิลลิกรัม แมกนีเซียม 9 มิลลิกรัม วิตามินซี 4.7 มิลลิกรัม ลูทีนและซีแซนทีน 1,010 ไมโครกรัม วิตามินเอ […]


ข้อมูลโภชนาการ

Black Currant (แบล็คเคอร์แรนท์) ประโยชน์ และข้อควรระวังการรับประทาน

Black Currant (แบล็คเคอร์แรนท์) คือผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่มีลักษณะเป็นลูกกลมขนาดเล็ก สีม่วงหรือดำเข้มคล้ายกับองุ่นดำ ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารมากมายที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอี แคลเซียม แมกนีเซียมและฟอสฟอรัส [embed-health-tool-bmi] คุณค่าทางโภชนาการของ Black Currant แบล็คเคอร์แรนท์ 100 กรัม อาจให้พลังงาน 63 กิโลแคลอรี่ และอาจมีสารอาหารอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ คาร์โบไฮเดรตรวม 15.4 กรัม โพแทสเซียม 322 มิลลิกรัม วิตามินซี 181 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 59 มิลลิกรัม แคลเซียม 55 มิลลิกรัม แมกนีเซียม 24 มิลลิกรัม วิตามินอี 1 มิลลิกรัม วิตามินเอ 12 ไมโครกรัม ประโยชน์ของ Black Currant แบล็คเคอร์แรนท์ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยมีงานศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนสรรพคุณของแบล็คเคอร์แรนท์ในการส่งเสริมสุขภาพ ดังนี้ อาจช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด แบล็คเคอร์แรนท์มีแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) […]


ข้อมูลโภชนาการ

ไอโอดีน คือ อะไร มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร

ไอโอดีน คือ แร่ธาตุที่สำคัญต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ซึ่งทำหน้าที่หลั่งฮอร์โมนควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย โดยทั่วไปไอโอดีนจะพบมากที่สุดในอาหารทะเล ปลา หอย ปู กุ้ง และอาจพบในในอาหารอื่น ๆ เช่น เนื้อสัตว์ นม ไข่ ผัก ผลไม้ ในปริมาณเล็กน้อย หากร่างกายขาดไอโอดีน ในคนทั่วไปอาจเกิดภาวะทางสุขภาพ เช่น โรคคอพอก ภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำ ส่วนในหญิงตั้งครรภ์อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อพัฒนาการด้านร่างกายและจิตใจของเด็กทั้งในช่วงที่อยู่ในครรรภ์และในอนาคต จึงควรรับประทานไอโอดีนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้ต่อมไทรอยด์สามารถทำงานได้เป็นปกติ [embed-health-tool-bmi] ไอโอดีน คือ อะไร ไอโอดีน (Iodine) คือ แร่ธาตุไม่ละลายน้ำที่เป็นส่วนประกอบของไทรอยด์ฮอร์โมนซึ่งจำเป็นต่อระบบการทำงานของต่อมไทรอยด์ โดยปกติแล้วร่างกายไม่สามารถสร้างไอโอดีนขึ้นเองได้ จึงต้องได้รับจากอาหารหรืออาหารเสริม เช่น อาหารทะเล เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว เกลือเสริมไอโอดีน คนส่วนใหญ่จะได้รับไอโอดีนจากอาหารที่รับประทานเพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวันอยู่แล้ว ไอโอดีนที่อยู่ในอาหารส่วนใหญ่มักอยู่ในรูปเกลือไอโอไดด์ (Iodide) ลักษณะเป็นสีขาวและละลายน้ำได้ดี สามารถดูดซึมเข้าสู่กระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ไอโอดีนที่เหลือในกระแสเลือดส่วนใหญ่จะถูกขับออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ มีเพียงส่วนน้อยที่ขับออกทางอุจจาระและเหงื่อ นอกจากนี้ ไอโอดีนยังถูกนำไปใช้เป็นยาฆ่าเชื้ออ่อน ๆ สำหรับแผลภายนอก เช่น ยาเหน็บ ทิงเจอร์ไอโอดีน ยาขี้ผึ้งได้ด้วย ไอโอดีน หน้าที่ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน