ในปัจจุบันนี้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมือถือ แท็บเล็ต และอื่นๆ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของเรามากขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่าการ เล่นมือถือก่อนนอน นั้น สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราได้เช่นกัน ดังนั้นวันนี้ Hello คุณหมอ จึงมีเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกัน
หาก เล่นมือถือก่อนนอน อาจทำให้คุณเกิดอาการเหล่านี้
รู้หรือไม่ว่าการเล่นมือถือก่อนนอนนั้น อาจทำให้เราเกิดอาการนอนไม่หลับได้ ทางที่ดีที่สุดคือ ก่อนเข้านอนนั้น คุณควรหยุดเล่นมือถือสัก 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอาการเหล่านี้ได้
ใช้เวลาในการนอนหลับมากขึ้น
เนื่องจากมือถือนั้นปล่อยแสงสีฟ้าออกมาจากหน้าจอ ซึ่งแสงนี้จะทำให้คุณเกิดอาการง่วงช้าลงไปอีก โดยใช้เวลาเฉลี่ยกว่า 10 นาทีกว่าจะนอนหลับได้ ดังนั้นลองหันไปอ่านหนังสือก่อนนอนแทนจะเป็นการดีกว่าการอ่านเรื่องราวหรือเล่นเกมบนโทรศัพท์มือถือ
มีผลต่อสมอง
มือถือถูกออกแบบมาเพื่อให้เราทำงานได้มากขึ้นและทำให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นแล้วยังสามารถให้ข้อมูลและความบันเทิงแก่เราได้อีกด้วย แต่เมื่อถึงเวลาเข้านอน สมองของเรานั้นต้องการการพักผ่อนมากกว่าที่จะต้องประมวลข้อมูลและความบันเทิงที่เราเสพผ่านมือถือก่อนเข้านอน เพราะเราใช้สมองมากพอแล้วในช่วงระหว่างวัน
ทำให้นาฬิกาชีวภาพ (Circadian Clock Rhythm) ของคุณชะลอและยุ่งเหยิง
นาฬิกาชีวภาพ หรือ Circadian Clock Rhythm ถือเป็นเรื่องที่สำคัญต่อสุขภาพที่ดีของเรา เนื่องจากมันส่งผลต่อระบบร่างกายเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอารมณ์ ความอยากอาหาร และเรื่องของน้ำหนัก เพราะฉะนั้นการเล่นมือถือก่อนนอนจะทำให้นาฬิกาชีวภาพของคุณยุ่งเหยิงได้ นอกจากนั้นยังส่งผลทำให้สมองของคุณสับสนอีกด้วย
ระงับเมลาโทนิน (Melatonin)
แสงสีฟ้า (Blue light) ที่ออกมาจากหน้าจอมือถือนั้น จะยับยั้งการสร้างเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ การตื่น และจังหวะการเต้นของหัวใจ เมื่อเมลาโทนินลดลงการนอนหลับก็จะยากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่ามือถือนั้นจะไม่อันตรายต่อการนอนของคุณ ควรงดใช้มือถือก่อนเข้านอนอย่างน้อย 30 นาที นอกจากนั้นการทำห้องนอนไม่ให้มีเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์อะไรเลยจะเป็นการดีต่อการนอนหลับของคุณมากที่สุด
ทำให้สมองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
มันอาจจะดูเหมือนไม่เป็นอันตราย ถ้าคุณอยากจะส่งอีเมล์ไม่มีกี่ฉบับก่อนนอน หรือหาวิธีผ่อนคลายด้วยการดูหนังผ่านมือถือ แต่การทำแบบนี้เป็นการหลอกสมองของคุณอยู่ มันจะทำให้สมองของคุณนั้นตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และยิ่งถ้าคุณได้เข้าไปในเว็บไซต์ที่มีความตื่นเต้น หรืออ่านเรื่องที่เป็นเชิงลบแล้วล่ะก็ มันจะยิ่งทำให้การพักผ่อนนอนหลับของคุณเป็นเรื่องที่ยากขึ้นมาก
ทำให้ตื่นระหว่างการนอน
แม้จะไม่ได้ใช้มือถือก่อนนอน ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เป็นอันตรายต่อการนอนหลับของคุณ การที่เอามือถือไว้ในห้องนอนนั้นจะเป็นการรบกวนการนอนหลับของคุณ เนื่องจากอาจจะมีเสียงการแจ้งเตือนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอีเมล์ ข้อความ หรือแม้แต่การเตือนอื่นๆ เกิดขึ้นในยามดึก ประมาณ 72% ของเด็กที่มีอายุ 6-17 ปี มักจะนอนหลับโดยมีโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องนอน ซึ่งนั่นจะนำไปสู่การนอนหลับที่น้อยลง และส่งผลกระทบไปถึงการเรียนในห้องเรียนได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ ในเรื่องของการใช้มือถืออย่างถูกต้องก่อนเข้านอน
มันจะลดช่วงเวลาการนอนหลับในช่วงที่นอนหลับแล้วดวงตามีการเคลื่อนไหว (Rapid Eye Movement หรือ REM)
การนอนหลับในช่วงที่นอนหลับแล้วดวงตามีการเคลื่อนไหว (Rapid Eye Movement หรือ REM) เป็นขั้นตอนของการนอนหลับที่มีความสำคัญต่อการฟื้นฟูจิตใจและร่างกายของคุณเป็นอย่างมาก ในช่วงที่นอนหลับแล้วดวงตามีการเคลื่อนไหว จะเป็นช่วงของการนอนที่ช่วยพัฒนาการจดจำของคุณ นอกจากนั้นมันยังเกี่ยวโยงไปถึงความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการแก้ปัญหาอีกด้วย ซึ่งถ้าในช่วงนี้คุณได้รับการนอนที่ไม่เพียงพอ มันจะส่งผลทำให้คุณรู้สึกมึนงงและมีปัญหาในเรื่องของการจดจำในวันถัดไป
รู้สึกเหนื่อยและตื่นตัวน้อยลงเมื่อตื่น
จากการศึกษาของฮาร์วาร์ด พบว่า การเล่นมือถือก่อนเข้านอนนั้นจะทำให้คุณรู้สึกง่วงและมึนงงมากขึ้นเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า นอกจากนั้นยังใช้เวลานานขึ้นในการที่จะตื่นนอนอีกด้วย
สิ่งที่ควรจะทำมากที่สุดเมื่อจะเข้านอน
หากคุณจำเป็นจะต้องใช้มือถือในเวลากลางคืนต้องกำหนดระยะเวลาให้ห่างจากการนอนมากขึ้น โดย ดร.วาเลีย ได้แนะนะว่าควรห่างจากหน้าจอมือถืออย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอน หรือไม่เช่นนั้นก็หยุดเล่นโทรศัพท์มือถือก่อนเข้านอนเป็นเวลา 30 นาที เนื่องจากแสงสีฟ้าจากหน้าจอนั้นส่งผลทำให้นอนหลับไม่สนิทได้
การสร้างกิจวัตรก่อนนอนที่ผ่อนคลายและงดกิจกรรมสำคัญที่อาจนำไปสู่ความวิตกกังวล หรือการตอบสนองทางอารมณ์ในระดับสูง นอกจากนั้น ดร.วาเลีย ยังได้แนะนำว่าควรเลือกกิจกรรมในช่วงกลางคืนที่ส่งเสริมในเรื่องของการนอนหลับจะเป็นการดีที่สุด
การนำมือถือไปวางไว้ที่ห้องอื่นที่ไม่ใช่ห้องนอนก็ถือเป็นเรื่องที่ดี หรือไม่เช่นนั้นก็ลองตั้งค่าเป็นโหมดกลางคืนแทน เพื่อลดสิ่งรบกวนรวมถึงการแจ้งเตือนต่างๆ ซึ่งจะได้ทำให้คุณหลับได้ดียิ่งขึ้น
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัย หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]