พาเลโอไดเอท (Paleo diet) เป็นรูปแบบการรับประทานอาหารที่เน้นผักผลไม้ เนื้อปลา เนื้อสัตว์ ธัญพืช หรือที่อาจเรียกอีกอย่างว่า การรับประทานอาหารแบบยุคหิน ซึ่งอาจส่งผลดีต่อสุขภาพ เช่น ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ช่วยลดระดับความดันโลหิต อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานอาหารแบบพาเลโอไดเอทอย่างเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพจากการรับประทานอาหารไม่ถูกวิธี
[embed-health-tool-bmi]
พาเลโอไดเอท (Paleo diet) คืออะไร
พาเลโอไดเอท (Paleo diet) คือ การรับประทานอาหารแบบยุคหินเก่า (Paleolithic) หรือเมื่อประมาณ 2.5 ล้านปีก่อน ซึ่งเป็นการรับประทานอาหารแบบเท่าที่มนุษย์ยุคนั้นจะสามารถหามาได้ในแต่ละวัน เช่น ปลา เนื้อสัตว์ ผลไม้ ผัก ธัญพืช โดยสาเหตุที่ทำให้วิธีรับประทานอาหารรูปแบบนี้ได้รับความสนใจ อาจเป็นเพราะอาหารสมัยใหม่ที่นิยมรับประทานกันในปัจจุบันร่างกายของมนุษย์ค่อนข้างก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ หรือโรคต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจ และการกลับไปรับประทานอาหารแบบมนุษย์ยุคก่อน หรือพาเลโอไดเอทนี้ อาจให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่า
ประโยชน์ของการรับประทานอาหารแบบพาเลโอไดเอท
แม้ยังมีหลักฐานงานวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของการรับประทานอาหารแบบพาเลโอไดเอทไม่มากพอ แต่การวางแผนรับประทานอาหารในรูปแบบนี้ อาจส่งผลดีต่อสุขภาพ ดังนี้
-
อาจช่วยในการลดน้ำหนัก
หลังรับประทานอาหารแบบพาเลโอไดเอทเป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ อาจช่วยลดน้ำหนักได้ นอกจากนั้น การรับประทานอาหารแบบพาเลโอไดเอทยังอาจช่วยลดรอบเอวได้ด้วย
-
ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน
ภาวะดื้ออินซูลิน อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน การรับประทานอาหารแบบพาเลโอไดเอทและการรับประทานอาหารตามคำแนะนำของสมาคมโรคเบาหวาน ทั้งสองวิธีเป็นวิธีที่ดีและช่วยปรับปรุงสุขภาพได้จริง แต่การรับประทานอาหารแบบพาเลโอไดเอทอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะดื้ออินซูลิน และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่าด้วย
-
ลดระดับความดันโลหิต
ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงอาจยิ่งเสี่ยงเกิดโรคหัวใจ การรับประทานอาหารแบบพาเลโอไดเอทอาจช่วยลดความดันและระดับไขมันในเลือดได้ดีกว่า
ตัวอย่างแผนการรับประทานอาหารแบบพาเลโอไดเอทสำหรับ 7 วัน
การรับประทานอาหารแบบพาเลโอไดเอทควรเน้นอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา ไข่ ผัก ผลไม้ ธัญพืช น้ำมันพืช โดยเลือกอาหารแต่ละจำพวกให้หลากหลายชนิดและหลากสี เพื่อให้ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน สำหรับผู้ที่ไม่รู้จะจัดตารางอาหารแบบพาเลโอไดเอทอย่างไร อาจทดลองรับประทานอาหารตามตัวอย่างแผนการรับระทานอาหารแบบพาเลโอไดเอทสำหรับ 7 วันที่แนะนำได้ ดังต่อไปนี้
-
วันที่ 1
1. อาหารเช้า อะโวคาโด ผักคะน้า กล้วยปั่นกับนมอัลมอนด์
2. อาหารกลางวัน สลัด และปลาทอด
3. อาหารเย็น ไก่ย่าง เคียงด้วยหัวหอมย่างและแครอท
-
วันที่ 2
1. อาหารเช้า เบคอน ไข่ และผลไม้สด
2. อาหารกลางวัน สลัดผักและเนื้อสัตว์ปรุงสุก เช่น สเต็กหมู
3. อาหารเย็น ปลาแซลมอนกับผักผัดในน้ำมันมะกอก หรือน้ำมันมะพร้าว
-
วันที่ 3
1. อาหารเช้า กล้วยสับผสมบลูเบอร์รี่ และอัลมอนด์
2. อาหารกลางวัน สลัดผักรวม ที่อาจประกอบด้วยเนื้อปลา และใช้น้ำมันมะกอกแทนครีมสลัด
3. อาหารเย็น สามารถรับประทานเนื้อสัตว์ไร้มันได้ แต่ในการประกอบอาหารยังคงจำเป็นต้องใช้น้ำมันจากพืชเท่านั้น
-
วันที่ 4
1. อาหารเช้า รับประทานอาหารที่ประกอบด้วยไข่ และผักผลไม้
2. อาหารกลางวัน สลัดผักที่มีส่วนประกอบของทูน่า ไข่ต้ม และเมล็ดพืช
3. อาหารเย็น เนื้อสัตว์คลีน (ไร้ไขมันหรือไขมันน้อย) และไม่ใช้น้ำมันในการปรุงมากนัก เช่น ไก่ย่าง ไก่อบ
-
วันที่ 5
1. อาหารเช้า เน้นรับประทานผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และผักใบเขียว
2. อาหารกลางวัน รับประทานสลัดที่ประกอบด้วยธัญพืช ไข่ และผักรวมตามชอบ
3. อาหารเย็น รับประทานเนื้อสัตว์ไร้ไขมันได้ เช่น สเต็ก แต่ควรรับประทานคู่กับผักอื่น ๆ ด้วย
-
วันที่ 6
1. อาหารเช้า รับประทานอาหารที่ประกอบด้วยไข่ เบคอน และผักเป็นหลัก
2. อาหารกลางวัน ซุปผักใส่เนื้อสัตว์
3. อาหารเย็น เนื้อสัตว์คลีน (ไร้ไขมันหรือไขมันน้อย) และผักที่คุณชื่นชอบ
-
วันที่ 7
1. อาหารเช้า รับประทานอาหารที่ประกอบไปด้วยไข่
2. อาหารกลางวัน สลัดผักใส่เนื้อสัตว์เหยาะน้ำมันมะกอก
3. อาหารเย็น อาจเป็นอาหารจำพวกแกงหรือต้ม แต่ควรประกอบด้วยเนื้อสัตว์ และผักรวม
แผนการรับประทานอาหารข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น แต่ละคนสามารถไปปรับให้เข้ากับโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับตัวเองได้ แนะนำว่าควรปรึกษานักโภชนาการ หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการรับประทานอาหารแบบพาเลโอไดเอท เพื่อให้ได้แผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและดีต่อสุขภาพที่สุด
ข้อควรปฏิบัติในการรับประทานอาหารแบบพาเลโอไดเอท
ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทที่มีการแปรรูปสูง ลดการปรุงด้วยเกลือ น้ำตาล ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ พืชตระกูลถั่วลิสง และสารให้ความหวานแทนน้ำตาล เพราะอาจทำให้ย่อยยาก ที่สำคัญ ควรหมั่นออกกำลังกายด้วย เพราะจะยิ่งส่งผลดีต่อการควบคุมน้ำหนัก และช่วยบำรุงสุขภาพให้ดีขึ้นได้