โภชนาการเพื่อสุขภาพ

"You are what you eat" อาหารที่คุณรับประทาน มีความสำคัญอย่างมาก ต่อสุขภาพร่างกายของคุณ แต่น่าเสียดายที่ยังคงมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ โภชนาการเพื่อสุขภาพ อยู่มากมาย ดังนั้น การแยกแยะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

เรื่องเด่นประจำหมวด

โภชนาการเพื่อสุขภาพ

สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม

สมุนไพรลดน้ำหนัก เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก เพราะสารสกัดในสมุนไพรบางชนิดอาจช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันที่สะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เพื่อความปลอดภัยควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคทุกครั้ง  [embed-health-tool-bmi] สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม ขมิ้นชัน สรรพคุณ สารเคอร์คูมิน (Curcumin) ในขมิ้นชันมีสรรพคุณช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ระบบการเผาผลาญภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สมุนไพรขมิ้นชันจึงเป็นอีกกนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก ผลข้างเคียง หากรับประทานขมิ้นชันในปริมาณสูงติดต่อกัน อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้และอาเจียน  ขิง สรรพคุณ สารซิงเจอโรน ((Zingerone) ในขิงเป็นสารประกอบที่มีรสชาติเผ็ดร้อน อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบเผาผลาญภายในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้สามารถควบคุมปริมาณในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม ผลข้างเคียง ขิงเป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป อาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารได้  แนะนำรับประทานไม่เกินวันละ 4 กรัม และในสตรีมีครรภ์ไม่เกินวันละ 1 กรัม  ส้มแขก สรรพคุณ หลายคนมักรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากส้มแขก เนื่องจากส้มแขกมีกรดมีกรดไฮดรอกซีซิตริก (Hydroxycitric Acid: HCA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการเผาผลาญไขมันภายในร่างกาย และยังมีสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ทำให้รู้สึกหิวน้อยลง  ผลข้างเคียง เวียนศีรษะ ปากแห้ง ปวดศีรษะ ปวดท้อง ท้องเสีย  เม็ดแมงลัก สรรพคุณ เม็ดแมงลักเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก […]

หมวดหมู่ โภชนาการเพื่อสุขภาพ เพิ่มเติม

สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ

สำรวจ โภชนาการเพื่อสุขภาพ

เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

ระวัง! กินวิตามินมากเกินไป ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี อาจทำให้เสียชีวิตได้

วิตามินนั้นเป็นสารอาหารอย่างหนึ่ง ที่มีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ร่างกายต้องการวิตามินเพื่อให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกาย สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการขาดวิตามินเหล่านี้อาจก่อให้เกิดปัญหาต่อร่างกายได้ แต่อย่างไรก็ตาม การ กินวิตามินมากเกินไป ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี เพราะวิตามินที่มากเกินไปเหล่านี้ อาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ กินวิตามินมากเกินไป อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม วิตามินเอ วิตามินเอ เป็นวิตามินที่ช่วยในเรื่องของการมองเห็น เพิ่มการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน และการทำงานของอวัยวะต่างๆ วิตามินเอนั้นเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน และจะพบได้มากในตับ ไต น้ำมันปลา นม และไข่ นอกจากนี้ยังสามารถพบวิตามินเอได้ในผัก เช่น มันฝรั่งหวาน และแครอทอีกด้วย ปริมาณของวิตามินเอที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันนั้นมีดังต่อไปนี้ ผู้ชายอายุ 18 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินเอ 900 mcg RAE ผู้หญิงอายุ 18 ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินเอ 700 mcg RAE ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่อายุ 18  ปีขึ้นไป ควรได้รับวิตามินเอ 770 mcg RAE ผู้หญิงที่ให้นมลูก ควรได้รับวิตามินเอ 1,300 mcg RAE ผู้ใหญ่ไม่ควรรับประทานวิตามินเอมากกว่าวันละ 3,000 mcg RAE เพราะหากได้รับวิตามินเอมากเกินกว่าที่กำหนด ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดภาวะวิตามินเอเป็นพิษได้ อาการของภาวะวิตามินเอเป็นพิษ คือ คลื่นไส้ อาเจียน ผดผื่น ระคายเคือง ความดันภายในกะโหลกศีรษะสูง วิงเวียน ปวดหัวไมเกรน การมองเห็นเปลี่ยนแปลง ตับเสียหาย โคมา เสียชีวิต หากเกิดภาวะวิตามินเอเป็นพิษ […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

ปลาทอดกับปลานึ่ง เมนูปลาแบบไหนให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่ากัน

ปลา วัตถุดิบในการประกอบอาหารที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ในเนื้อปลามีโปรตีนสูง ให้ไขมันต่ำ รวมถึงยังให้โอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ที่ร่างกายไม่สามารถจะสร้างเองได้ มีส่วนช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจ ลดอาการอักเสบของเนื้อเยื่อ และยังอาจช่วยลดภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย และเพราะเนื้อปลาเป็นอาหารที่มีไขมันต่ำ จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือกำลังอยู่ในช่วงที่ควบคุมน้ำหนัก การทานปลาให้ประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นเรื่องจริงที่มีผลการศึกษาและวิจัยรับรอง แต่ทานปลาแบบไหนจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกท่านมาดูความแตกต่างระหว่าง ปลาทอดกับปลานึ่ง ว่าเนื้อปลาแบบไหนที่ดีต่อร่างกายมากกว่ากัน ปลานึ่ง ดีต่อสุขภาพอย่างไร การนึ่ง เป็นกระบวนการปรุงอาหารให้สุกโดยใช้น้ำเป็นตัวกลาง โดยมักจะทำในหม้อที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับการนึ่งโดยเฉพาะ เพื่อให้ความร้อนจากไอน้ำทำให้อาหารที่อยู่ในหม้อนั้นสุก กรรมวิธีในการทำอาหารแบบนี้จะไม่มีการใช้น้ำมัน หรือมีการเพิ่มไขมันในเนื้อปลา เนื่องจากการนึ่งจะใช้อุณหภูมิต่ำกว่าการทอดหรือการย่าง จึงช่วยให้สารอาหารใน ปลา ไม่สูญสลายไป และลดการเพิ่มปริมาณของสารเคมีที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพที่อาจมาจากการปิ้งหรือย่าง เช่น สารประกอบในกลุ่มโพลีไซคลิก (Polycyclic Aromatic Hydrocarbons หรือ PAHs) ปลาทอด ต่อสุขภาพหรือเปล่า? ปลาทอด กรอบนอก นุ่มใน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดและข้าวสวยร้อนๆ รับประทานกับน้ำซุปหรือแกงต่างๆ ช่างเป็นมื้อที่อร่อยเลิศอย่าบอกใคร แต่…หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเนื้อปลาที่ผ่านการทอดนั้น เป็นการลดคุณค่าทางอาหารลง เนื่องจากการทอด ปลา นั้น ใช้ทั้งความร้อนสูงและน้ำมัน ซึ่งจะทำให้สารอาหารต่างๆ โดยเฉพาะ สารโอเมก้า […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

รู้หรือไม่ อาหารก่อมะเร็ง มีอะไรบ้าง?

ด้วยพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย อุตสาหกรรมการผลิตอาหารก็มีการเปลี่ยนไปตาม ๆ กัน ปัจจุบันจึงดูเหมือนว่า อาหารก่อมะเร็ง จะมีมากมายหลายอย่าง บางอย่างก็เป็นที่รู้จักของบางคนแล้ว แต่สำหรับอาหารบางอย่าง คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันเป็นอาการก่อมะเร็ง การรับประทานอะไรเข้าไปดูเหมือนจะต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ทาง Hello คุณหมอ จึงขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับอาหารก่อมะเร็งไว้ในบทความนี้ค่ะ อาหารก่อมะเร็ง มีอะไรบ้างนะ? ทุกวันนี้มีคำเตือนใหม่ ๆ เกี่ยวกับอาหารก่อมะเร็งออกมาบ่อยครั้ง ดังนั้นลองมาดูกันดีกว่าว่า อาหารอะไรบ้างที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งในร่างกายของเราได้บ้าง เนื้อสัตว์แปรรูป ทางด้านองค์กรอนามัยโลก(World Health Organization; WHO) ได้จัดให้เนื้อสัตว์แปรรูปเป็นอาการก่อมะเร็ง ในประเภทเดียวกับการสูบบุหรี่ หากคุณเป็นคนที่ชอบบริโภคไส้กรอก เบคอน ฮอทดอก และแฮม จะมีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งลำไส้เพิ่มขึ้น การรับประทานเนื้อสัตว์แปรรูปเพียง 50 กรัม ในแต่ละวัน สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ถึง 18% ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียว แต่มันมาจากวิธีการในการแปรรูป อย่างเช่น การบ่ม การเติมเกลือ หรือสารกันบูดเข้าไป ซึ่งเมื่อเนื้อสัตว์บางอย่างสุกแล้ว จะก่อให้เกิดโซเดียมไนไตรท์ (Sodium Nitrites) รวมกับเอมีน (Amine) ธรรมชาติในเนื้อสัตว์ ก่อให้เกิดสารประกอบ สารเอ็นไนโตรโซ (N-nitroso compounds) ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ข้าวโพดคั่วที่ใช้ไมโครเวฟ แม้ข้าวโพดคั่วที่ใช้ไมโครเวฟจะเป็นอาหารว่างที่อร่อยและทำได้อย่างรวดเร็ว แต่มันสามารถนำพามาซึ่งความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

6 อาหารสีดำ เอาใจสายสุขภาพแบบเท่ๆ สไตล์มินิมอล

เบื่อหรือยังกับเมนูอาหารเดิมๆ สีสันเดิมๆ ที่พบเจอและรับประทานกันอยู่ทุกวัน ลองเพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหารด้วยการหันมาลองรับประทานอาหารสีดำที่ดูเรียบง่ายดูสิ สำหรับบทความนี้ Hello คุณหมอ ขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ อาหารสีดำ ที่มาพร้อมกับประโยชน์ซึ่งคุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน กินดี ดูดีสามารถเซลฟี่ลงบนอินสตราแกรมเก๋ๆ จนเพื่อนๆ ในโซเชียลคุณถล่มไลค์ให้อย่างแน่นอน ประโยชน์ของ อาหารสีดำ มีอะไรบ้าง เป็นที่ทราบกันดีถึงประโยชน์ของผักสีเขียวที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน แร่ธาตุ และเส้นใยอาหารที่ดี ลดความเสี่ยงของโรคอ้วน โรคหัวใจ ลดความดันโลหิต แต่อาหารสีดำนี้ก็มีสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายไม่แพ้กัน ถึงแม้สีดำจะเป็นสีที่ดูน่ากลัวสำหรับบางคน และไม่ค่อยเหมาะกับการเป็นอาหารสักเท่าไร ในการวิจัยของนักวิจัยท่านหนึ่งกล่าวว่า อาหารสีดำสามารถล้างพิษดีท็อกซ์สิ่งไม่ดีภายในร่างกายให้ออกไปได้ รวมถึงประโยชน์ต่างๆ ที่หลากหลาย ดังต่อไปนี้ ช่วยในการปรับสมดุลของฮอร์โมน ป้องกันโรคเบาหวาน ฟอกสีฟัน ขจัดคราบเหลือง ลดระดับคอเลสเตอรอล ปรับปรุงการทำงานของระบบทางเดินอาหาร และลดก๊าซในลำไส้ ป้องกันอาการท้องอืด 6 อาหารสีดำ ที่คุณควรรับประทาน เพื่อสุขภาพที่ดี กระเทียมดำ แม้จะพบเห็นตามท้องตลาด หรือซูเปอร์มาร์เก็ตได้ค่อนข้างน้อย แต่กระเทียมดำมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่ช่วยส่งเสริมด้านการต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการเพิ่มระดับของคอเลสเตอรอล และยังมีแคลเซียม 7 เท่า ซึ่งมีคุณประโยชน์มากกว่ากระเทียมสีขาวที่เราคุ้นเคย ซึ่งยังอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคเบาหวาน รวมถึงโรคมะเร็งได้อีกด้วย มะกอกดำ มะกอกคือแหล่งรวมไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัว หรือเรียกว่า กรดโอเลอิก (Oleic acid) ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ ลดความดันโลหิต ได้เช่นเดียวกับกระเทียมดำ สาหร่าย ของว่างยอดนิยมที่ผู้คนทั่วโลกมักรับประทานเป็นขนม […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

กินช้า แต่อิ่มนานขึ้น แถมยังช่วยในการลดน้ำหนักได้ดีอีกด้วย

เคยลองถามตัวเองดูสักครั้งไหมว่า ในอาหารแต่ละมื้อ แต่ละคำที่ตักเข้าปากไปนั้น เราใช้เวลาเคี้ยวอาหารนานแค่ไหน? เพราะในปัจจุบันมีการพบว่าการ กินช้า หรือการบดเคี้ยวอาหารแต่ละคำให้นานขึ้น มีส่วนในการเสริมสร้างสุขภาพและสุขภาวะการกินที่ดีได้ แต่จะเป็นอย่างไรนั้น มาติดตามกันได้ในบทความนี้จาก Hello คุณหมอ กินช้า คืออะไร ในช่วงเวลาที่ทุกคนต่างก็ใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบไปเสียทุกอย่าง ไม่เว้นกระทั่งการรับประทานอาหาร สำหรับอาหารหนึ่งจาน บางคนใช้เวลาเพียง 3-5 นาที ในการกินอาหาร ซึ่งการกินเร็วเช่นนั้น เสี่ยงที่อาจจะทำให้อาหารติดคอ เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด ทำให้ระบบย่อยอาหารต้องทำงานหนัก หรือมีอาการอาหารไม่ย่อย แต่ การกินช้า ค่อย ๆ เคี้ยวอาหารให้ละเอียด ใช้เวลาในการเคี้ยวอาหารแต่ละคำให้มากขึ้น เคี้ยวอาหารแต่ละคำประมาณ20ครั้งหรือมากกว่านั้น มีหลากหลายงานวิจัยค้นพบว่า การกินช้า ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ประโยชน์ของ การกินช้า กินช้าช่วยลดความอยากอาหาร ใครที่กำลังควบคุมอาหารไม่ควรมองข้ามประโยชน์ในข้อนี้ เพราะโดยปกติแล้วความอยากอาหารและระดับของปริมาณแคลอรีในร่างกายจะถูกควบคุมโดยฮอร์โมน หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ลำไส้จะส่งสัญญาณไปที่สมองให้ยับยั้งฮอร์โมนที่ควบคุมความหิว ชื่อว่า ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) และปล่อยฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกอิ่มเข้ามาแทนที่ โดยกระบวนการยับยั้งและปลดปล่อยฮอร์โมนเหล่านี้ออกจากสมองจะใช้ระยะเวลาประมาณ 20 นาที ดังนั้น หากกินอาหารให้ช้าลง ก็จะทำให้สมองมีเวลาในการรับสัญญาณการยับยั้งความหิวและปล่อยความรู้สึกอิ่มได้ดีมากยิ่งขึ้น กินช้าช่วยลดแคลอรี เนื่องจาก การกินช้า จะทำให้รู้สึกอิ่มได้นานถึง 60 นาที หรืออาจมากกว่านั้นหลังจากที่ได้รับประทานอาหารเข้าไป และการกินช้ายังเป็นการเพิ่มระดับของฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกอิ่มในลำไส้ จึงทำให้ไม่ค่อยหิวบ่อย […]


ข้อมูลโภชนาการ

ประโยชน์ของไข่ ช่วยให้สุขภาพดี

ไข่อาจให้สารอาหารต่าง ๆ เช่น พลังงาน โปรตีน ธาตุเหล็ก ทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ได้แก่ ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทิน (Zeaxanthin) ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงของการเสื่อมสภาพที่จอประสาทตา นอกจากนี้ ยังมีสารโคลีน (Choline) ซึ่งอาจช่วยพัฒนาสมอง และเสริมสร้างความจำให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งถือว่า ประโยชน์ของไข่ นั้นมีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก สารอาหารในไข่ ไข่ นอกจากจะเด่นในเรื่องของโปรตีนแล้ว ประโยชน์ของไข่ 1 ฟอง อาจให้สารอาหารดังนี้ พลังงาน 75 แคลอรี่ โปรตีน 7 กรัม ไขมัน 5 กรัม ไขมันอิ่มตัว 1.6 กรัม นอกจากนี้ ไข่ยังให้แร่ธาตุและวิตามินหลายชนิด รวมถึงสารอาหารต่าง ๆ เช่น ธาตุเหล็ก โอเมก้า 3 คอเลสเตอรอล โซเดียม แคโรทีนอยด์ (Carotenoids) สารอาหารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่พบในไข่ ได้แก่ […]


การควบคุมอาหารและการลดน้ำหนัก

อาหารไฟเบอร์สูง แคลอรี่ต่ำ ตัวเลือกดีๆ สำหรับคนลดน้ำหนัก

อาหารไฟเบอร์สูง แคลอรี่ต่ำ ส่วนใหญ่มักหมายถึงพืชผักผลไม้ และธัญพืช ซึ่งเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก เนื่องจากไฟเบอร์หรือใยอาหารมีคุณสมบัติในการดูดซึมน้ำ เมื่อบริโภคเข้าร่างกายจะทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น และอิ่มนาน จึงรู้สึกอยากอาหารน้อยลง ลดโอกาสเสี่ยงในการได้รับพลังงานส่วนเกิน จึงอาจช่วยให้ควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น [embed-health-tool-bmr] ไฟเบอร์สำคัญต่อการลดน้ำหนักยังไง ไฟเบอร์ (Fiber) หรือใยอาหาร จัดเป็นคาร์โบไฮเดรตประเภทหนึ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย พบได้ในพืชผักผลไม้ และธัญพืช โดยงานวิจัยหลายชิ้นเผยว่า ไฟเบอร์อาจมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก เนื่องจากผู้ที่บริโภคอาหารไฟเบอร์สูงมีแนวโน้มจะมีน้ำหนักตัวน้อยกว่า และมีน้ำหนักขึ้นน้อยกว่า เมื่อเทียบกับผู้ที่บริโภคอาหารไฟเบอร์ต่ำ เพราะไฟเบอร์ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น บริโภคอาหารได้น้อยลง ร่างกายได้รับปริมาณแคลอรี่ลดลง หากร่างกายใช้แคลอรี่มากกว่าที่ได้รับ อาจช่วยให้น้ำหนักลดลง นอกจากนี้ อาหารไฟเบอร์สูง แคลอรี่ต่ำ มักทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย และใช้เวลาไม่นานหลังบริโภคระดับน้ำตาลในเลือดกลับสู่ภาวะปกติหรือต่ำกว่าระดับปกติ ทำให้ร่างกายไม่รู้สึกอยากอาหาร ในขณะที่การบริโภคอาหารไขมันสูงหรือน้ำตาลสูง จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างรวดเร็ว และเพิ่มความอยากอาหารมากขึ้นโดยเฉพาะของหวาน ส่งผลให้ยิ่งเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกิน อาหารไฟเบอร์สูง แคลอรี่ต่ำ มีอะไรบ้าง หากต้องการเพิ่มไฟเบอร์ให้ร่างกาย แบบแคลอรี่ไม่เพิ่มสูงขึ้น ควรบริโภคอาหารไฟเบอร์สูง แคลอรี่ต่ำ ได้แก่ ผักใบเขียว ผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ปวยเล้ง สวิสชาร์ด (Swiss Chard) ผักกาดเขียว ผักโขม ผักบุ้ง ได้ชื่อว่าเป็นอาหารลดน้ำหนัก เพราะนอกจากจะมีไฟเบอร์สูงแล้ว ยังมีแคลอรี่และคาร์โบไฮเดรตต่ำ เมื่อบริโภคจะช่วยให้อิ่มท้องนานขึ้น บริโภคอาหารมื้อต่อไปน้อยลง […]


การฝึกความแข็งแรง

วิธีสร้างกล้ามเนื้อสำหรับคนกินมัง สายวีแกน ไร้เนื้อสัตว์ก็มีกล้ามได้

ปัจจุบันมีผู้คนนิยมกินอาหารมังสวิรัติ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “กินมัง” กันมากขึ้น โดยการกินมังสวิรัตินั้นก็แตกย่อยไปอีกหลายรูปแบบ เช่น มังสวิรัตินม มังสวิรัติไข่ หรือบางประเภทก็ไม่กินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์เลย ซึ่งเรียกว่า “วีแกน” หลายคนได้ยินอย่างนี้แล้วอาจจะคิดว่า การกินรูปแบบนี้จะเป็นอุปสรรคในการออกกำลังกาย และคงไม่เหมาะกับคนอยากฟิตหุ่น หรือคนเล่นกล้ามอย่างแน่นอน แต่เราอยากจะบอกว่า ความจริงแล้ว คนกินมัง ไม่กินเนื้อสัตว์ก็มีกล้ามได้ ด้วย วิธีสร้างกล้ามเนื้อสำหรับคนกินมัง กินวีแกน ที่เรานำมาฝากเหล่านี้ คนกินมังอยากมีกล้าม ต้องเข้าใจเรื่องโปรตีน โปรตีนเป็นสารอาหารจำเป็นที่ร่างกายต้องใช้ในการสร้างกล้ามเนื้อ โดยปกติแล้ว ร่างกายต้องการโปรตีน 0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เพื่อนำไปใช้บำรุงร่างกายส่วนต่างๆ ให้แข็งแรง แต่หากคุณอยากสร้างกล้าม หรือเล่นกล้าม คุณจำเป็นต้องกินโปรตีนให้ได้มากกว่าปกติ นั่นคือ ต้องกินโปรตีนวันละประมาณ 1.6-2.2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ร่างกายถึงจะมีโปรตีนพอใช้ในกระบวนการต่างๆ เช่น เสริมสร้างการเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ รวมถึงใช้ในการสร้างกล้ามเนื้อด้วย วิธีสร้างกล้ามเนื้อสำหรับคนกินมัง ร่างกายต้องได้รับพลังงานเพียงพอ วิธีสร้างกล้ามเนื้อสำหรับคนกินมัง อย่างแรกเลยก็คือ คุณต้องได้รับพลังงานหรือแคลอรี่ในแต่ละวันอย่างเพียงพอ พยายามอย่าลดปริมาณแคลอรี่ให้น้อยกว่าปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน เพราะนอกจากจะทำให้คุณไม่มีเรี่ยวแรงในการออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้ออย่างที่ต้องการแล้ว ยังจะทำให้ร่างกายไปดึงโปรตีนมาใช้เป็นพลังงานแทนคาร์โบไฮเดรตและไขมัน จนมีโปรตีนเหลือไม่เพียงพอเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ฉะนั้น คุณจึงต้องไม่ลืมกินคาร์โบไฮเดรตและไขมันดีด้วย […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

การเคี้ยวหมากฝรั่ง กับประโยชน์ที่คุณอาจคาดไม่ถึง

หมากฝรั่ง ไอเท็มประจำตัวที่ใครหลายคนมักจะพกติดตัวไว้เสมอ หลายคนเลือกที่จะเคี้ยวหมากฝรั่งในขณะที่อ่านหนังสือ ด้วยเหตุผลในเรื่องของความจำ ขณะที่หลายคนชอบที่จะเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นกิจกรรมยามว่าง หรือเคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อทำความสะอาดเศษอาหารที่ติดตามซอกฟัน อย่างไรก็ตาม การเคี้ยวหมากฝรั่งยังคงมีอีกหลายแง่มุมที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาคุณผู้อ่านไปดูกันว่า ประโยชน์ของการเคี้ยวหมากฝรั่ง ยังมีอะไรที่น่ารู้อีกบ้าง [embed-health-tool-bmr] แคลอรี่ใน หมากฝรั่ง หมากฝรั่ง ในอดีตจะทำมาจากต้นยาง แต่หมากฝรั่งในยุคปัจจุบันนี้ ทำมาจากยางที่ผ่านสังเคราะห์ขึ้น มีกรรมวิธีในการแต่งกลิ่น และเลียนแบบรสชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรสสตรอว์เบอร์รี่ รสส้ม รสผลไม้รวม หรือแม้แต่รสชาติที่คล้ายน้ำอัดลม โดยหมากฝรั่งที่ไม่มีน้ำตาล จะให้พลังงานอยู่ที่ 2-5 แคลอรี่โดยประมาณ   ประโยชน์ของ การเคี้ยวหมากฝรั่ง หมากฝรั่ง ไม่ใช่แค่เพียงอาหารสำหรับรับประทานเล่นเท่านั้น เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่ง อาจให้ประโยชน์ทางสุขภาพได้ ดังนี้ ช่วยลดความอยากอาหาร จากผลการศึกษาของ University of Liverpool กล่าวว่า การเคี้ยวหมากฝรั่งมีส่วนช่วยลดอาการอยากอาหารลงได้ การเคี้ยวหมากฝรั่งจะได้พลังงานประมาณ 36 แคลอรี่ และเมื่อได้พลังงาน 36 แคลอรี่จากการเคี้ยวหมากฝรั่งมาแล้ว จึงช่วยลดความอยากอาหารลงได้  ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ การเคี้ยวหมากฝรั่ง มีส่วนช่วยในการเผาผลาญแคลอรี่ได้ประมาณ 11 แคลอรี่ต่อชั่วโมง และจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นสองเท่าหากมีการเคี้ยวต่อเนื่องมากกว่า 1 ชั่วโมง ช่วยให้สุขภาพฟันแข็งแรง สมาคมทันตแพทย์อเมริกัน (The American Dental […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

น้ำตาลเทียม ประโยชน์และข้อควรระวังในการบริโภค

การบริโภคน้ำตาลมากเกินไป อาจส่งผลให้เกิดต่าง ๆ ได้ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง ระดับน้ำตาลในเลือดสูง จึงมีการคิดค้นและหันมาบริโภค น้ำตาลเทียม แทน เพราะอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม การบริโภคน้ำตาลเทียมก็อาจต้องบริโภคอย่างพอเหมาะและระมัดระวังเช่นกัน น้ำตาลเทียม คืออะไร น้ำตาลเทียม (Artificial sweeteners) หรือที่เรียกว่า สารให้ความหวานแทนน้ำตาล คือ สารเคมีที่คิดค้นมาเพื่อเป็นวัตถุดิบสำหรับให้ความหวาน โดยจะมีรสชาติที่คล้ายกับน้ำตาลจากธรรมชาติทั่วไป สามารถนำมาปรุงหรือประกอบอาหารได้เหมือนกับน้ำตาลปกติ แต่น้ำตาลเทียมนั้นมีแคลอรี่ต่ำกว่าน้ำตาลปกติ หรือบางชนิดก็อาจไม่มีแคลอรี่เลย ในปัจจุบัน นิยมใช้น้ำตาลเทียมเป็นส่วนประกอบในอาหารหลายชนิดที่พบได้เป็นประจำ เช่น น้ำอัดลม ลูกอม หมากฝรั่ง ขนมอบ พุดดิ้ง อาหารกระป๋อง เยลลี่ แยม ผลิตภัณฑ์นม  ประโยชน์ของน้ำตาลเทียม น้ำตาลเทียมอาจเป็นสารที่ให้ความหวาน มีรสชาติคล้ายกับน้ำตาล แต่อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่า เช่น มีความเสี่ยงในการทำให้ฟันผุน้อยกว่าน้ำตาลปกติ และเนื่องจากน้ำตาลเทียมมีแคลอรี่น้อยกว่าหรือแทบไม่มีแคลอรี่เลย จึงอาจเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักมากกว่า นอกจากนี้ การบริโภคน้ำตาลปกติ โดยเฉพาะน้ำตาลทรายขาว ยังอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคเบาหวาน แต่การรับประทานน้ำตาลเทียมอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเบาหวานได้ เพราะไม่มีคาร์โบไฮเดรตเหมือนกับน้ำตาลจากธรรมชาติจึงอาจไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนน้ำตาลจากธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานอาจต้องปรึกษาคุณหมอก่อนตัดสินใจบริโภคน้ำตาลเทียม เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพ หรือผลกระทบที่อาจทำให้อาการของโรคเบาหวานแย่ลงได้ ข้อควรระวังในการบริโภคน้ำตาลเทียม นักวิทยาศาสตร์หลายท่านระบุว่า การรับประทานน้ำตาลเทียมอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้ แต่สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกาและสถาบันด้านโรคมะเร็งหลายแห่งได้ออกมาให้ข้อมูลในเรื่องนี้ว่า […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน