โภชนาการเพื่อสุขภาพ

"You are what you eat" อาหารที่คุณรับประทาน มีความสำคัญอย่างมาก ต่อสุขภาพร่างกายของคุณ แต่น่าเสียดายที่ยังคงมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ โภชนาการเพื่อสุขภาพ อยู่มากมาย ดังนั้น การแยกแยะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

เรื่องเด่นประจำหมวด

โภชนาการเพื่อสุขภาพ

สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม

สมุนไพรลดน้ำหนัก เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก เพราะสารสกัดในสมุนไพรบางชนิดอาจช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันที่สะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เพื่อความปลอดภัยควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคทุกครั้ง  [embed-health-tool-bmi] สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม ขมิ้นชัน สรรพคุณ สารเคอร์คูมิน (Curcumin) ในขมิ้นชันมีสรรพคุณช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ระบบการเผาผลาญภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สมุนไพรขมิ้นชันจึงเป็นอีกกนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก ผลข้างเคียง หากรับประทานขมิ้นชันในปริมาณสูงติดต่อกัน อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้และอาเจียน  ขิง สรรพคุณ สารซิงเจอโรน ((Zingerone) ในขิงเป็นสารประกอบที่มีรสชาติเผ็ดร้อน อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบเผาผลาญภายในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้สามารถควบคุมปริมาณในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม ผลข้างเคียง ขิงเป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป อาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารได้  แนะนำรับประทานไม่เกินวันละ 4 กรัม และในสตรีมีครรภ์ไม่เกินวันละ 1 กรัม  ส้มแขก สรรพคุณ หลายคนมักรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากส้มแขก เนื่องจากส้มแขกมีกรดมีกรดไฮดรอกซีซิตริก (Hydroxycitric Acid: HCA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการเผาผลาญไขมันภายในร่างกาย และยังมีสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ทำให้รู้สึกหิวน้อยลง  ผลข้างเคียง เวียนศีรษะ ปากแห้ง ปวดศีรษะ ปวดท้อง ท้องเสีย  เม็ดแมงลัก สรรพคุณ เม็ดแมงลักเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก […]

หมวดหมู่ โภชนาการเพื่อสุขภาพ เพิ่มเติม

สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ

สำรวจ โภชนาการเพื่อสุขภาพ

โภชนาการเพื่อสุขภาพ

ประโยชน์ของการดื่มน้ำ

น้ำ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกายถึง 70% ทั้งยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับไต และการทำงานอื่น ๆ ของระบบในร่างกาย ซึ่งหากร่างกายขาดน้ำติดต่อกันประมาณ 3 วัน อาจส่งผลถึงขั้นเสียชีวิตได้  ดังนั้น ประโยชน์ของการดื่มน้ำมีมากมาย และควรดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อสุขภาพและความสมดุลที่ดีของร่างกาย ประโยชน์ของการดื่มน้ำ  การดื่มน้ำมีประโยชน์ดังนี้ เป็นส่วนประกอบของน้ำหล่อลื่นข้อต่อ เนื่องจากกระดูกอ่อนในข้อต่อและกระดูกสันหลัง ประกอบไปด้วยน้ำประมาณ 80% หากร่างกายขาดน้ำในระยะยาว อาจทำให้ความสามารถในการดูดซับแรงกระแทกของข้อต่อลดลง ซึ่งอาจทำให้ปวดข้อ ช่วยในการทำงานของไต เนื่องจากไตทำหน้าที่ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายในรูปแบบของปัสสาวะ หากดื่มน้ำน้อยเกินไปอาจมีความเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในไตได้  ช่วยให้ผิวสุขภาพดี เนื่องจากน้ำช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดในร่างกายดีขึ้น รวมถึงช่วยเติมเต็มเนื้อเยื่อ ทำให้ผิวดูเรียบเนียน มีน้ำมีนวล และอาจแลดูอ่อนเยาว์ ช่วยลดน้ำหนัก หากดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำผลไม้ที่มีรสหวาน หรือน้ำอัดลม รวมถึงการดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารประมาณ 30 นาที อาจช่วยทำให้รู้สึกอิ่มได้เร็วขึ้น  ช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย โดยน้ำจะระบายความร้อนที่เป็นส่วนเกินออกจากร่างกายในรูปแบบของเหงื่อ เพื่อรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย โดยขับของเสียออกมาในรูปแบบปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ รวมถึงอาจช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้  ช่วยย่อยอาหาร อาจช่วยทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างปกติ ควรดื่มน้ำวันละเท่าไร  ในทุก ๆ วัน ร่างกายต้องสูญเสียน้ำผ่านการหายใจ เหงื่อ ปัสสาวะ ดังนั้น ปริมาณน้ำที่ควรดื่มในแต่ละวัน คือ ผู้หญิงประมาณ 11.5 แก้ว หรือ 2.7 […]


โภชนาการเพื่อสุขภาพ

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ห้ามกินอะไร

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ การติดเชื้อแบคทีเรียที่ทางเดินปัสสาวะ หรืออาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่เป็นกรดสูงทำให้เกิดความระคายเคือง ผู้ป่วยควรศึกษาว่า หากมีภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ห้ามกินอะไร เพื่อหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการ หันมารับประทานอาหารที่สมดุลและมาจากธรรมชาติให้มากที่สุด [embed-health-tool-bmr] กระเพาะปัสสาวะอักเสบ คืออะไร กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่ทางเดินปัสสาวะ หรืออาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่เป็นกรดสูง ปฏิกิริยาจากยาเคมีบำบัด การฉายรังสี หรือสัมผัสกับสารระคายเคือง เช่น เจลหล่อลื่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว อาจทำให้มีอาการปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะบ่อยแต่ปริมาณน้อย รู้สึกแสบเมื่อปัสสาวะ เลือดออกเมื่อปัสสาวะ และปัสสาวะมีกลิ่นแรง หากไม่ทำการรักษาเชื้อสามารถแพร่กระจายไปยังไตและอาจทำลายไตได้ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ห้ามกินอะไร อาหารบางชนิดอาจมีส่วนกระตุ้นทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ ทั้งนี้ อาจเกิดขึ้นกับบางคนเท่านั้น ผู้ที่ประสบปัญหากระเพาะปัสสาวะอักเสบจึงควรจดบันทึกรายการอาหารที่อาจมีส่วนทำให้เกิดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาหารที่อาจส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีดังนี้ โปรตีน เช่น ถั่วเหลือง เนื้อแปรรูป ผลิตภัณฑ์นม เช่น โยเกิร์ต ผัก เช่น มะเขือเทศและผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ ผักดอง พริก มะรุม ผลไม้ เช่น สตรอว์เบอร์รี่ สับปะรดและน้ำสับปะรด ส้มและน้ำส้ม เลมอน น้ำแครนเบอร์รี่ เกรพฟรุตและน้ำเกรพฟรุต เครื่องปรุงรส เช่น น้ำสมสายชู ซีอิ๊ว […]


การควบคุมอาหารและการลดน้ำหนัก

ลดหน้าท้อง กำจัดไขมัน เพื่อสุขภาพที่ดี

ไขมันหน้าท้อง อาจเป็นตัวบ่งชี้ปัญหาสุขภาพในร่างกายได้ ไม่ว่าจะเป็น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ซึ่งมักมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ขาดการออกกำลังกาย รวมทั้งผู้ที่มีอายุมาก หรือผู้ที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน อาจประสบปัญหานี้เช่นกัน เพื่อเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงห่างไกลจากปัญหาสุขภาพ ควรกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยการ ลดหน้าท้อง และดูแลตนเองให้ดีอยู่เสมอ ควบคุมการรับประทานอาหาร วางแผนการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม [embed-health-tool-bmr] ไขมันหน้าท้อง เกิดจากอะไร โดยปกติแล้ว เมื่อร่างกายทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การออกกำลังกาย การเคลื่อนไหว จะส่งผลให้เกิดการเผาผลาญไขมันออกมาเป็นพลังงาน ผ่านทางเหงื่อ ลมหายใจ หากร่างกายไม่มีการเผาผลาญ หรือเผาผลาญได้น้อย จะเกิดการสะสมของไขมันตามร่างกาย รวมถึงไขมันหน้าท้อง ไขมันหน้าท้องมักเกิดจากการสะสมของไขมันปริมาณมากใต้ผิวหนัง รวมถึงไขมันในช่องท้องที่อยู่ในชั้นลึก ทำให้เสี่ยงต่อการเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล ความดันโลหิตสูง ปัญหาการหายใจ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน อาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เนื่องจากโรคต่าง ๆ อาจส่งผลกระทบให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในเรื่องการเผาผลาญในร่างกายนั้นลดลง  งานวิจัยชิ้นหนึ่ง เรื่องไขมันหายไปไหนหลังจากการลดน้ำหนัก เผยแพร่ในวารสาร British Medical Journal พ.ศ.2557 ระบุว่า ไขมันจากอาหารจะอยู่ในเซลล์แอดิโพไซด์ (Adipocytes) ซึ่งทำหน้าที่สะสมไขมันในรูปแบบไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides) โดยไตรกลีเซอไรด์นี้ประกอบด้วยโมเลกุลคาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจน และออกซิเจน […]


ข้อมูลโภชนาการ

ประโยชน์ของกล้วยมีอะไรบ้าง

ประโยชน์ของกล้วย ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพมีหลายประการ เพราะกล้วยอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญอย่างโพแทสเซียม แมกนีเซียม ไฟเบอร์ คาร์โบไฮเดรต วิตามินบี 6 วิตามินซี และวิตามินเอ ที่อาจมีส่วนช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจ ลดความดันโลหิต เพิ่มความจำ นอกจากนี้ อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวานและมะเร็งได้ [embed-health-tool-bmi] คุณค่าทางโภชนาการของกล้วย กล้วยขนาดกลาง 1 ลูกน้ำหนักประมาณ 100 กรัม ประกอบไปด้วยปริมาณสารอาหาร ดังนี้ พลังงาน 105 แคลอรี่ คาร์โบไฮเดรต 14.4 กรัม ไฟเบอร์ 3.1 กรัม โปรตีน 1.3 กรัม โฟเลต 23.6 ไมโครกรัม แมกนีเซียม 31.9 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 422 มิลลิกรัม วิตามินซี 10.3 มิลลิกรัม วิตามินเอ 3 ไมโครกรัม วิตามินบี 6 0.367 มิลลิกรัม ประโยชน์ของกล้วยต่อสุขภาพ เสริมสุขภาพทางเดินอาหาร กล้วยอุดมไปด้วยไฟเบอร์และน้ำที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร อาจช่วยป้องกันการติดเชื้อยีสต์และทางเดินปัสสาวะ รักษาโรคติดเชื้อทางเดินอาหารบางชนิด ลดการแพ้แลคโตส […]


ข้อมูลโภชนาการ

น้ำเต้าหู้ ประโยชน์ ต่อสุขภาพกับข้อควรระวังในการบริโภค

น้ำเต้าหู้ หรือนมถั่วเหลือง เป็นเครื่องดื่มเมนูโปรดของใครหลายคน ซึ่งนอกจากจะอร่อยแล้ว ยังมีสารอาหารในถั่วเหลืองที่ให้ประโยชน์หลายประการแก่ผู้บริโภค เป็นทั้งแหล่งโปรตีน วิตามินเอ แคลเซียม อย่างไรก็ตาม แม้ว่า น้ำเต้าหู้ ประโยชน์ จะมีมากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อควรระวังสำหรับผู้ที่ชื่นชอบบริโภคน้ำเต้าหู้เป็นพิเศษเช่นกัน [embed-health-tool-bmi] ข้อมูลโภชนาการของน้ำเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ 1 แก้ว ไม่มีรสหวาน ให้พลังงานประมาณ 80-100 แคลอรี่ มีคุณค่าทางสารอาหาร ดังนี้ คาร์โบไฮเดรต 4 กรัม ไขมัน 4 กรัม โปรตีน 7 กรัม น้ำเต้าหู้เป็นแหล่งโปรตีน วิตามินเอ วิตามินบี 12 โพแทสเซียม และไอโซฟลาโวน (Isoflavone) มากไปกว่านั้นยังอุดมไปด้วยแคลเซียมและวิตามินดี และเพราะน้ำเต้าหู้ทำมาจากธรรมชาติ จึงไม่มีคอเลสเตอรอลและมีไขมันอิ่มตัวต่ำ รวมถึงไม่มีแลคโตส ปริมาณน้ำเต้าหู้ที่ควรบริโภคในแต่ละวัน โดยปกติแล้วอาหารจากถั่วเหลืองนั้นแปรรูปไปเป็นเมนูอื่น ๆ เช่น เต้าหู้ เต้าเจี้ยว เป็นต้น ในหนึ่งวันอาจรับประทานเมนูจากถั่วเหลืองมากกว่าแค่การดื่มน้ำเต้าหู้ จากสถาบันวิจัยมะเร็งสหรัฐอเมริกา American Institute for Cancer Research (AICR) แนะนำว่า […]


ข้อมูลโภชนาการ

4 วิตามินบำรุงสายตา

วิตามินบำรุงสายตา มีทั้งวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี และวิตามินอี ซึ่งล้วนแต่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพช่วยปกป้องเนื้อเยื่อและเซลล์ในร่างกายรวมถึงดวงตาจากการอักเสบ และการทำลายของอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ วิตามินบำรุงสายตายังอาจช่วยลดความเสี่ยงเกิดต้อกระจก ต้อหิน และโรคจอประสาทตาเสื่อมตามอายุได้อีกด้วย [embed-health-tool-”bmi”] 4 วิตามินบำรุงสายตา มีอะไรบ้าง การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบำรุงสายตา อาจมีส่วนช่วยปกป้องและชะลอความเสื่อมสภาพของดวงตาตามอายุได้ ดังนี้ วิตามินเอ วิตามินเอ หรือ เรตินอล (Retinol) หรือ กรดเรติโนอิก (Retinoic acid) เป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อการมองเห็น มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องความเสียหายของเซลล์ในร่างกาย วิตามินเอเป็นส่วนประกอบของโปรตีนโรดอปซิน (Rhodopsin) ที่ช่วยในการมองเห็นในสภาพแสงน้อย นอกจากนี้ วิตามินเอยังส่งเสริมการทำงานของกระจกตา ช่วยชะลอความเสื่อมของกระจกตาตามอายุ หากร่างกายขาดวิตามินเอ อาจเสี่ยงต่อปัญหาตาบอดกลางคืน อาจทำให้เกิดปัญหาตาแห้ง และยังอาจส่งผลให้กระจกตาอ่อนตัวลงจนส่งผลให้ตาบอดอย่างถาวรได้ ควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นแหล่งของวิตามินเอ เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม ตับ แคนตาลูป แครอท ผักใบเขียว ฟักทอง พริกหยวก ปริมาณวิตามินเอที่แนะนำต่อวัน สำหรับผู้ชายควรได้รับ 900 ไมโครกรัม และสำหรับผู้หญิงควรได้รับ 700 ไมโครกรัม วิตามินบี วิตามินบีที่แนะนำให้รับประทานเพื่อช่วยบำรุงสายตา คือ วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 6 วิตามินบี […]


ข้อมูลโภชนาการ

วิตามินบี มีกี่ประเภท และมีประโยชน์อย่างไร

วิตามินบี เป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อเซลล์ในร่างกายโดยช่วยดูดซึมสารอาหารหรือเปลี่ยนสารอาหารเป็นพลังงาน ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง รักษาเซลล์ผิว เนื้อเยื่อ ระบบประสาทและสมอง นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง จึงควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบีในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำทุกวัน [embed-health-tool-bmr] ความสำคัญของวิตามินบี วิตามินบี พบได้ในแหล่งอาหารหลายชนิด เช่น ปลา สัตว์ปีก เนื้อสัตว์ ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียว ถั่ว วิตามินบีมีความสำคัญต่อร่างกายในการช่วยควบคุมการเผาผลาญ สร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ช่วยรักษาเนื้อเยื่อ การมองเห็น การทำงานของระบบประสาท บำรุงสุขภาพผิว และช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ ยังอาจช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก ประเภทวิตามินบี วิตามินบีมีด้วยกัน 8 ชนิด มีคุณสมบัติและประโยชน์ที่แตกต่างกัน ดังนี้ วิตามินบี 1 ไทอามีน (Thiamin) วิตามินบี 1 หรือ ไทอามีน เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำได้ มีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตและการทำงานของเซลล์ ช่วยเปลี่ยนกลูโคสเป็นพลังงาน และมีบทบาทในการทำงานของเส้นประสาท หากขาดวิตามินบี 1 อาจทำให้มีอาการเหน็บชา และอาจเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ประสิทธิภาพในการทำงานของกล้ามเนื้อ ระบบทางเดินอาหาร และระบบประสาทอาจลดลง อาจมีอาการสับสน ความจำเสื่อม กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปลายประสาทอักเสบ และภูมิคุ้มกันลดลง ปริมาณที่แนะนำ […]


ข้อมูลโภชนาการ

ข่า ประโยชน์ และข้อควรระวังในการบริโภค

ข่า เป็นพืชเหง้าชนิดหนึ่งที่นิยมพบบ่อยอาหารไทย มีลักษณะเป็นเหง้าสีขาว เนื้อสีเหลือง คล้ายขิง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นิยมนำมาประกอบอาหารและดับกลิ่นคาวจากเนื้อสัตว์ ข่าอาจมีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านการอักเสบ ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานข่าในปริมาณที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการรับประทานข่าหรืออาหารเสริมจากข่ามากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ [embed-health-tool-”bmr”] ข่า คืออะไร ข่า เป็นพืชที่พบมากในประเทศเขตร้อน จัดอยู่ในตระกูลเดียวกันกับขิง มีส่วนลำต้นอยู่ใต้ดิน เรียกว่า เหง้า ลักษณะภายนอกเป็นสีขาว เนื้อในสีเหลือง แตกแขนงเป็นแง่งคล้ายกับขิง มีรสเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอม นิยมนำมาใช้ประกอบอาหารต่าง ๆ เช่น ต้มข่าไก่ แจ่วฮ้อน หลายคนอาจสับสนระหว่าง ข่า กับ ขิง เนื่องจากมีลักษณะภายนอกที่คล้ายคลึงกัน แต่ข่ามักจะมีขนาดใหญ่กว่า อีกทั้งยังมีกลิ่นและรสชาติที่แตกต่างกับขิงอย่างสิ้นเชิง ประโยชน์ของข่า ข่าอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้ ต้านเชื้อแบคทีเรีย  ข่าอาจมีสรรพคุณในการต่อต้านการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Vibrio parahaemolyticus ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่อาจทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ โดยในงานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ Food Microbiology เมื่อปี พ.ศ. 2550 ได้ทำการทดลองหยดน้ำข่าคั้นสดลงในจานเพาะเชื้อ พบว่าสามารถช่วยลดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะข่าที่ผ่านความร้อนอย่างน้อย 100 องศาเซลเซียสขึ้นไป จึงแนะนำให้ใช้ข่าเป็นส่วนประกอบในอาหารเพื่อสรรพคุณในการช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียนี้ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ข่าอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะสารโพลีฟีนอล […]


ข้อมูลโภชนาการ

ลูกพีช ประโยชน์สุขภาพ และความเสี่ยงในการบริโภค

ลูกพีช เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากจีน  ผลเป็นทรงกลม เปลือกมีขนนุ่ม ผลดิบจะมีสีเขียว เมื่อสุกจะมีสีเหลืองอมส้ม หรือสีแดงอมชมพู รสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้ออาจเป็นสีขาว หรือสีเหลือง ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ลูกพีชมีคุณประโยชน์หลากหลาย เช่น ช่วยบำรุงสายตา ช่วยย่อยอาหาร สามารถรับประทานสด นำมาประกอบอาหาร หรือทำเป็นเครื่องดื่มได้ ลูกพีช คืออะไร ลูกพีช (Peach) หรืออาจเรียกอีกอย่างว่า ลูกท้อ เป็นผลไม้ประเภทเมล็ดแข็งที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน มีหลายสายพันธุ์  ลูกพีชผลสุกจะมีสีเหลืองอมส้ม หรือสีแดงอมชมพู เนื้อข้างในมีรสชาติหวาน หรือหวานอมเปรี้ยว และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว สามารถปอกเปลือกแล้วรับประทานสด หรือนำไปประกอบอาหารก็ได้ คุณค่าโภชนาการของลูกพีช ลูกพีชขนาดกลาง 1 ลูก (ประมาณ 150 กรัม) ให้พลังงาน 58 กิโลแคลอรี่ อุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ ดังต่อไปนี้ ไขมัน น้อยกว่า 1 กรัม โปรตีน 1 กรัม ไฟเบอร์ 2 กรัม คาร์โบไฮเดรต 14 กรัม วิตามินเอ 10% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน วิตามินซี 17% […]


ข้อมูลโภชนาการ

ประโยชน์อินทผาลัม ข้อควรระวังในการรับประทาน

อินทผาลัม เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลจากธรรมชาติสูง ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน และสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย ประโยชน์อินทผาลัม มีมากมายหลายประการ เช่น ช่วยปรับปรุงการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ลดความเสี่ยงการเกิดโรค อย่างไรก็ตามการรับประทานอินทผาลัมแปรรูปอาจทำให้ร่างกายได้รับสารเคมีจากกระบวนการแปรรูปที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพ จึงควรศึกษาถึงประโยชน์และข้อควรระวังในการรับประทาน [embed-health-tool-bmr] คุณค่าโภชนาการของอินทผาลัม ข้อมูลโภชนาการของอินทผาลัมแบบสด 2 ผล ประกอบด้วย แคลอรี่ 110 กิโลแคลอรี่ คาร์โบไฮเดรต 31 กรัม น้ำตาล 27 กรัม ไฟเบอร์ 3 กรัม โปรตีน 1 กรัม สารอาหารสำคัญในอินทผาลัม มีดังนี้ โพแทสเซียม  อินทผาลัม 100 กรัม มีปริมาณโพแทสเซียม 656 มิลลิกรัม โพแทสเซียมเป็นแร่ธาตุอาหารสำคัญที่ช่วยควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ ไต และอวัยวะส่วนอื่น ๆ ในร่างกายให้เป็นไปตามปกติ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดในสมอง โรคข้ออักเสบ โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง องค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกากล่าวว่า การรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมอย่างน้อย 350 มิลลิกรัม อาจช่วยลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมองได้ โดยควรรับประทานโพแทสเซียมตามเกณฑ์ที่กำหนด ดังนี้ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน