- รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดหนัง โยเกิร์ตไขมันต่ำ เน้นอาหารที่ไม่มีไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ และควรลดอาหารที่มีน้ำตาลเชิงเดี่ยวอย่างน้ำอัดลม น้ำหวาน แป้งขัดขาว ข้าวขาว ขนมปังขาว นอกจากนี้ยังควรลดอาหารโซเดียมสูงที่ทำให้ความดันโลหิตสูง เช่น อาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง ผงชูรส
- ใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉง (Active Lifestyle) เช่น ไม่นั่งหรือนอนอยู่ที่เดิมเป็นเวลาหลายชั่วโมง เดินขึ้นลิฟต์ไม่กี่ชั้นแทนบันได เดินอย่างน้อยวันละ 30 นาที โดยอาจปรึกษาคุณหมอว่ากิจกรรมไหนที่เหมาะกับภาวะสุขภาพของตัวเอง
- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม รับประทานอาหารแต่ละมื้อให้พออิ่ม ไม่ดื่มน้ำหวานระหว่างวัน
- เลิกสูบบุหรี่ ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- เรียนรู้วิธีจัดการความเครียดของตัวเองอย่างเหมาะสม
การรักษาด้วยการใช้ยา
หากแค่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตยังไม่เพียงพอ คุณหมออาจแนะนำให้รักษาด้วยการใช้ยาควบคู่ไปด้วย โดยอาจสั่งยาที่ช่วยให้หัวใจทำงานได้ตามปกติ เช่น ต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants) แอสไพริน (Aspirin) เอซีอี อินฮิบิเตอร์ (ACE inhibitors) หรือยาลดควบคุมความโลหิต เบต้า บล็อกเกอร์ (Beta blocker) ไนโตรกลีเซอรีน (Nitroglycerin) แคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ (Calcium channel blockers) ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressant) ยากลุ่มสแตติน (Statin) ยาลดไขมันในเลือดกลุ่ม PCSK9 inhibitor
การทำบอลลูนหัวใจ (Balloon Angioplasty)
การทำบอลลูนหัวใจเป็นวิธีขยายหลอดเลือดในผู้ป่วยเส้นเลือดหัวใจตีบโดยไม่ต้องเปิดทรวงอก คุณหมออาจสอดสายสวนที่เป็นท่อบาง ๆ ยืดหยุ่นได้ มีอุปกรณ์ขยายหลอดเลือดหรือบอลลูนติดอยู่ที่ปลายสาย เข้าไปในหลอดเลือดและดันไขมันในหลอดเลือดให้แบนราบจนติดกับผนังหลอดเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกขึ้น และอาจใส่ขดลวดเพื่อให้หลอดเลือดเปิดและช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการทำบอลลูนมักไม่ทำให้เกิดแผลใหญ่ ตามปกติจะใช้เวลาพักฟื้นเพียง 1 วัน และผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ในถัดไป
การผ่าตัดบายพาสหัวใจ (Coronary Artery Bypass Grafting หรือ CABG)
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย